คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 181 เอาคืน เบาะแสชาติกำเนิดของบอสอิ๋ง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

มาจากแอปฯ ที่เธอเขียนขึ้นมาเอง เว็บบอร์ดเอ็นโอเคเวอร์ชันโทรศัพท์มือถือ

ยังคงเป็นไอดีนั้นที่ไม่มีภาพโปรไฟล์ มีแต่ตัวเลข

แอทสิบ : [ไปที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันมาแล้วหรือยัง ทำไมฉันได้ยินคนทางนั้นบอกว่าช่วงนี้ไม่มีใครไปเลยล่ะ]

แอทสิบ : [อย่าหาว่าฉันบ่นเลยนะ เธออย่าคิดหายไปสองร้อยปีแล้วคนที่อยากฆ่าเธอจะลดลง มีคนอยู่ตระกูลหนึ่งที่ตามหาตัวเธอมาตลอด แทบอยากฉีกร่างเธอเป็นชิ้นๆ]

แอทสิบ : [เธอไปมหาวิทยาลัยนอร์ตันทางที่ดีระวังตัวไว้หน่อย พวกเขายอมฆ่าคนนับหมื่น ดีกว่าปล่อยไปทั้งหมด โดยไม่สนว่าจะมีเธออยู่ในนั้นไหม]

แอทเทพพยากรณ์ : [ถ้ายังพล่ามไม่เลิกเดี๋ยวชื่อแฝงจะกลายเป็นชื่อจริงนะ]

แอท10 : […]

แอท10 : [ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะลบตัวเองจากการเป็นเพื่อนทิ้ง]

อิ๋งจื่อจินล็อกเอาท์ไอดีเทพพยากรณ์แล้วล็อกอินไอดีโค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ จากนั้นถึงเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า

เธอย่อมเห็นข้อความที่ซีซาร์ส่งมาเป็นการส่วนตัว

แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเจอหน้ากัน

ตระกูลลอเรนท์ถดถอยมาหลายปีขนาดนั้น แต่ไม่ใช่เพียงเพราะซีซาร์ตาย

แม้แต่ครั้งนี้ที่เธอไปมหาวิทยาลัยนอร์ตัน ความเสี่ยงก็มากทีเดียว

ยังดีกว่าตอนที่เพิ่งกลับมาบนโลกมนุษย์ ความสามารถในการพยากรณ์ของเธอฟื้นคืนกลับมามากแล้ว

ถึงแม้จะอยู่ห่างจากช่วงรุ่งเรืองเป็นระยะทางที่ไม่อาจประมาณได้ แต่ก็ช่วยลดความเสี่ยงในการไปยุโรปครั้งนี้ได้มากทีเดียว

อิ๋งจื่อจินเปิดประตู

ก็หวังว่าจะไม่เจอคนคุ้นเคยคนอื่นอีก

ในเวลาเดียวกัน ณ ห้องสอบสวน

“คุณตำรวจคะ พวกคุณจับคนส่งเดชได้ยังไงกันคะ” ไป๋เสาซือหน้าบึ้ง “ฉันทำอะไรผิดเหรอ”

หลังจากที่เธอถูกชิงจื้อไล่ออกก็กลายเป็นคนเร่ร่อนไม่มีงานทำ

ถึงแม้เธอจะเกี่ยวข้องกับคนทางตี้ตูอยู่บ้าง แต่เธอไม่ได้สำคัญถึงขั้นที่ทางนั้นจะงัดข้อกับชิงจื้อเพื่อเธอได้ ตอนที่เธอกำลังหางานอยู่ในบ้านก็มีตำรวจสองคนมาเคาะประตูแล้วพาเธอมาที่นี่

“บงการเด็กให้ทำผิด ยังจะเรียกไม่ได้ทำอีกเหรอ” ตำรวจที่รับหน้าที่บันทึกการให้ปากคำมองด้วยสายตารังเกียจ “คุณเกือบทำลายชีวิตนักเรียนที่เข้าสอบสองคนแล้ว”

ฟังถึงตรงนี้ไป๋เสาซือก็ตกใจ ข่มความตื่นเต้นภายในใจ ลองถามหยั่งเชิง

“คุณตำรวจหมายความว่าไงคะ”

หลังจากที่เธอรู้ว่าเวินทิงหลานเป็นน้องชายของอิ๋งจื่อจินก็จงใจบอกเฮ่อสวิน

เป็นไปตามคาด เฮ่อสวินยึดสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ของเวินทิงหลานคืน

เรียกได้ว่าถูกปิดตายเส้นทางสู่มหาวิทยาลัยนอร์ตันแล้ว

ครอบครัวเวินทิงหลานยากจนขนาดนั้น นอกจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วยังจะทำอะไรได้

ดังนั้นไป๋เสาซือถึงให้เงินนักเรียนหญิงคลาสทดลองวิทยาศาสตร์ไปห้าแสน เพื่อช่วยขโมยบัตรประจำตัวสอบของเวินทิงหลาน

ถ้าไม่มีบัตรประจำตัวสอบ เวินทิงหลานก็จนปัญญาที่จะเข้าสอบ

เธอยังได้ยินมาอีกว่าเขาป่วยทางจิต ทางที่ดีเอาให้สะเทือนใจถึงขั้นต่อไปมาเข้าร่วมการสอบไม่ได้อีก

เธอจัดการอิ๋งจื่อจินไม่ได้ ยังจะจัดการเวินทิงหลานไม่ได้อีกเหรอ

ส่วนอนาคตของเวินทิงหลานจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเธอ

ถ้าจะโทษ ก็โทษได้เพียงเพราะเขาเป็นน้องชายของอิ๋งจื่อจิน

“เป็นคุณจริงๆ ด้วยสินะ” ตำรวจเคยเรียนการสังเกตสีหน้า เขาพอมองออกจากสีหน้าว่าเธอคิดอะไรอยู่ ขยะแขยงยิ่งกว่าเดิม “วางใจได้ เด็กคนนั้นไม่เป็นอะไร คนที่ซวยคือนักเรียนหญิงที่คุณบงการ”

ไป๋เสาซือหน้าเสีย ตะโกนขึ้นทันที “ไม่เป็นไรเหรอ จะเป็นไปได้ยังไง!”

แบบนั้นไม่เท่ากับเธอเสียเงินห้าแสนไปฟรีๆ เหรอ

ตำรวจก็ขี้เกียจพูดกับเธอให้มากความ รับโทรศัพท์ “ฮัลโหล ครับ พวกเราจะจัดการเดี๋ยวนี้ครับ”

“ขอโทษด้วยคุณไป๋ เบื้องบนสั่งลงมาแล้วครับ” เขายืนขึ้น ใส่กุญแจมือให้ไป๋เสาซือ “เนื่องจากคุณมีพฤติกรรมเลวร้าย อีกฝ่ายไม่ยอมรับการประนีประนอม คุณเข้าไปอยู่ข้างในก่อนแล้วกันครับ”

“อย่าคิดว่าจะได้ออกมาในระยะเวลาอันสั้น ผมจะให้เวลาคุณโทรหาทนาย”

สมองของไป๋เสาซือตื้อไปหมด ฟังไม่ชัดแล้วว่าตำรวจพูดอะไรต่อ

ใบหน้าของเธอซีดเผือด ตัวสั่นไปหมด

ตำรวจสองนายคุมตัวเธอออกไปจากห้องสอบสวน สองคนคุยกัน

“เธอก็เก่งจริงๆ นะ ทำให้หน่วยอีจื้อออกหน้าได้”

“แต่ยังไงเรื่องนี้ก็เลวร้ายเกินไป ต้องรายงานอยู่แล้ว”

“ฉันจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นอาจารย์”

“ใช่ เบื้องบนเลยบอกว่าให้ยึดใบประกอบวิชาชีพของเธอ ตอนนี้ใครๆ ก็เป็นครูได้แล้วเหรอ…”

หลังจากบินมาแปดชั่วโมงอิ๋งจื่อจินก็ถึงยุโรป

คนนอกไม่รู้พิกัดแน่ชัดของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน

มีคนบอกว่าอยู่ในหุบเขาลึก บางคนก็บอกว่าอยู่ใต้ทะเล

แต่ไม่ว่าอย่างไร ถ้าอยากเข้าไปในมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็ต้องนั่งรถใต้ดินที่ทางมหาวิทยาลัยนอร์ตันสร้างขึ้นมาเองคล้ายฐานลับของพวกสปายในหนัง

ด้วยเหตุนี้ระบบป้องกันของมหาวิทยาลัยนอร์ตันถึงได้แน่นหนายิ่งกว่าคุกอู้ตู หากไม่มีขบวนรถใต้ดินแบบพิเศษนี้ ต่อให้วาร์ปได้ก็เข้าไปไม่ได้

หลังจากที่อิ๋งจื่อจินนั่งเครื่องบินมาลงเมืองใหญ่ของชายแดนยุโรปก็รอเปลี่ยนเครื่องไปที่เมืองนอร์ตัน

ภายในสนามบินมีผู้คนขวักไขว่หลากหลายสัญชาติ

อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเบาะเก้าอี้ หาวตาปรือ

ทันใดนั้นขาก็ถูกชน

เธอลืมตา ก้มหน้า เห็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณหกขวบ ล้มนอนแผ่อยู่ที่พื้น

ยังไม่ทันที่เธอจะยื่นมือช่วยดึงขึ้นมา เด็กน้อยก็กระโดดขึ้นมาเอง ปัดฝุ่นบนตัว จากนั้นก็หันหน้ามาหาเธอ

ใบหน้าแบบคนตะวันออก แต่ดวงตาเป็นสีน้ำเงินแบบที่หาได้ยาก

สายตาของอิ๋งจื่อจินชะงักเล็กน้อย

เธอมองเห็นแค่ชื่อของเด็กคนนี้ แต่ไม่เห็นอายุ

เรื่องอื่นๆ ก็ไม่เห็น

ถ้างั้นเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา

“ขอบคุณ” เด็กน้อยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เด็กน้อย เธอหน้าตาน่ารักจัง คล้ายฉันตอนเด็กเลยนะ”

อิ๋งจื่อจินค่อยๆ ก้มหน้า ยื่นมือไปจับมือขวาของหนูน้อย ดวงตาวูบไหว

อายุกระดูกก็หกขวบ

“แต่วันนี้ฉันมีเรื่องด่วน ขอตัวก่อนนะ” เด็กน้อยก็จับมือของเธอ แต่กลับไม่เงอะงะ คล้ายคนหนุ่มสาวที่คล่องแคล่ว “ฉันจะไปหาหลานสาวของฉัน”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วถามขึ้น “หลานสาวอายุเท่าไรเหรอ”

“อาจจะสิบหกแล้ว หรือไม่ก็ยี่สิบแล้ว ไอ๊หยา เวลาผ่านมานานเกินไป ฉันจำไม่ได้แล้วแก่แล้วไม่มีดีเลย”

“…”

เด็กน้อยจ้องอิ๋งจื่อจินอยู่นาน ยิ่งมองสายตาก็ยิ่งแน่วแน่ เจือไปด้วยความสงสัย

เธอเกาหัว ลังเลนิดหน่อย “เด็กน้อย ฉันว่าเธอหน้าคล้ายฉันนะ…”

ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกคนอุ้มขึ้น

เป็นผู้หญิง พูดอย่างจนปัญญา “คุณหนู อย่าวิ่งมั่วสิคะ ตอนนี้คุณหนูอายุแค่หกขวบ วิ่งเล่นไปเรื่อยที่นี่เดี๋ยวถ้าถูกลักพาตัวจะทำไงคะ”

“พอแล้วๆ รู้แล้ว” เด็กน้อยรำคาญ พอโมโหก็ลืมว่าตัวเองอยากพูดอะไร

หันไปโบกมือให้อิ๋งจื่อจินทั้งที่ถูกอุ้มให้ออกจากตรงนั้น

อิ๋งจื่อจินก็ไม่พูดอะไร เธอหลับตาลงอีกครั้ง รอเครื่องบินต่อ

เวลาเย็น ณ คฤหาสน์ตระกูลจง

จงจือหว่านพามู่เฉินโจวกลับมาจากโซนท่องเที่ยวริมหาด

จากคำชี้แนะของคุณนายจง จงจือหว่านพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับมู่เฉินโจวมาตลอด

แน่นอนว่าไม่ได้เป็นความรู้สึกแบบชายหญิง

จงจือหว่านก็รู้ว่าด้วยสถานะของมู่เฉินโจว ไม่มีทางเกี่ยวดองกับคุณหนูในฮู่เฉิง

ดังนั้นเธอรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ได้มีความคิดอื่น

แต่มู่เฉินโจวก็ไม่ได้วางมาดแบบคุณชายตี้ตู กลับเข้าถึงง่ายเสียด้วยซ้ำ ทั้งยังชวนเธอคุยเรื่องอื่น

“แม่ฉันบอกว่าจะส่งฉันไปที่บ้านตระกูลอิ๋ง” มู่เฉินโจวถามในสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอด “ทำไมมาโผล่บ้านเธอได้ล่ะ”

เนื่องจากช่วงนี้สถานการณ์ในตี้ตูไม่สู้ดีนัก คุณนายมู่จึงอยากให้เขามาหลบที่ฮู่เฉิงก่อน

สาเหตุสำคัญที่สุดเป็นเพราะมีข่าวลือในตระกูลมู่ว่า มู่เฮ่อชิงมาที่ฮู่เฉิงบ่อย

เมื่อก่อนมู่เฉินโจวไม่เคยมาฮู่เฉิง เขาก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นในสถานที่แห่งนี้เหมือนกัน

จงจือหว่านบีบนิ้ว ยิ้มพลางพูด “คุณอากลัวลูกพี่ลูกน้องของฉันจะทำให้นายหงุดหงิดใจ ก็เลยให้นายมาอยู่บ้านฉัน ตระกูลจงกับตระกูลอิ๋งเกี่ยวดองกัน อันที่จริงก็ไม่ได้ต่างกัน”

“ลูกพี่ลูกน้องของเธอเหรอ” มู่เฉินโจวอึ้ง “ยังไงเหรอ”

“ลูกพี่ลูกน้องฉันคนนี้ เธอทำให้คนรู้สึกพูดไม่ออกเลยทีเดียว อันที่จริงเธอไม่ใช่คนตระกูลอิ๋ง เป็นเด็กที่ถูกเอามาเลี้ยง แต่วางมาดยิ่งกว่าคนอื่นอีก” จงจือหว่านเม้มริมฝีปาก “ตอนอยู่โรงเรียนก็ไปคลุกคลีอยู่กับพวกขาใหญ่ประจำโรงเรียน ทั้งยังรังแกนักเรียนคนอื่น คราวก่อนก็จับนักเรียนหญิงคนนึงโยนทิ้งถังขยะ”

“เธอไม่เห็นแม้กระทั่งอาจารย์อยู่ในสายตา สอบกลางภาคก็ทุจริตจนได้ที่หนึ่ง จากนั้นครั้งนี้เธอทุจริตไม่ได้แล้วก็เลยลาหยุดยาว ไม่คิดจะเข้าร่วมการสอบปลายภาคแล้ว”

“อย่างนั้นเหรอ” มู่เฉินโจวผิดหวัง แต่ก็ไม่พูดอะไร

“อีกทั้ง…” จงจือหว่านบีบนิ้วแน่น “เธอยังทำให้อาของตัวเองต้องเข้าคุกด้วยนะ”

มู่เฉินโจวอึ้งไปเล็กน้อย “เธอเป็นคนแบบนั้นเหรอ”

“อืม” จงจือหว่านก้มหน้า “อาของฉันก็เลยกลัวเธอจะพานายไปเสียคน เลยไม่ให้อยู่ที่นั่น”

“เข้าใจแล้ว ฝากขอบคุณอาของเธอด้วยนะ” มู่เฉินโจวพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่พอได้ยินเธอเล่าแบบนี้ ลูกพี่ลูกน้องเธอคนนี้ไม่ไหวเลยจริงๆ ต่อไปเธอก็อยู่ห่างๆ ไว้นะ”

จงจือหว่านยิ้มมุมปาก “ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นญาติฉัน ฉันจะพยายามทำให้เธอปรับปรุงตัว”

หลังจากที่ได้คลุกคลีกับมู่เฉินโจวมาหลายวัน เธอรู้ว่ามู่เฉินโจวจะคบแต่กับคนจิตใจดีเท่านั้น

มู่เฉินโจวพยักหน้า “จือหว่าน ฉันจะไปวิดีโอคอลกับคุณแม่ เธอไปพักผ่อนเถอะ”

เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องที่คุณนายจงเตรียมไว้ให้เขา

จงจือหว่านเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก จะไปทบทวนบทเรียน

อีกยี่สิบวันก็จะสอบปลายภาคแล้ว ครั้งนี้อิ๋งจื่อจินไม่ร่วมสอบ ที่หนึ่งก็จะเป็นของเธอเท่านั้น

จงจือหว่านโล่งอก

เธอหันไป รอยยิ้มบนใบหน้ายังไม่ทันหุบลงก็เห็นผู้เฒ่าจงยืนอยู่ตรงหัวบันได

มองเธอเงียบๆ ราวกับยืนตรงนั้นมานานแล้ว

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท