ประตูของโบกี้ที่อยู่ตรงกลางขบวนเปิดออก
เจ้าหน้าที่ขบวนที่ก่อนหน้านี้ขวางเฮ่อสวินลงมาด้วยตัวเอง ต้อนรับเด็กสาวอย่างนอบน้อมขึ้นไป
เธอหันข้างให้ทางนี้ถึงแม้จะอยู่ค่อนข้างห่าง แต่ก็เห็นโครงหน้าอย่างชัดเจน
เฮ่อสวินมองตามเสียงของนักเรียนชายทันแค่เห็นด้านข้างของเธอ เด็กสาวขึ้นรถไฟใต้ดินไปแล้ว
พอประตูปิด ขบวนรถก็เคลื่อนออก
สถานีรถไฟใต้ดินว่างเปล่าอีกครั้งและก็ไม่มีคนอื่น
“เป็นไปได้ยังไง” นักเรียนคลาสนานาชาติที่อยู่ข้างๆ หัวเราะ “อาจารย์เฮ่อพาพวกเรามาที่นี่ยังต้องใช้บัตรผ่าน ต่อให้เธอได้ที่หนึ่งของชั้นมอห้าก็ไม่ใช่คนของมหาวิทยาลัยนอร์ตันสักหน่อย”
ถ้าไม่มีบัตรผ่าน ต่อให้เข้ามาถึงตู้โทรศัพท์นั่นได้ก็ไม่มีทางลงมาถึงสถานีรถไฟใต้ดินนี้ได้
นักเรียนคลาสนานาชาติอีกคนก็พูดด้วย
“นั่นสิ ต่อให้เธออยากกู้ศักดิ์ศรีตามพวกเรามาก็ต้องเข้าไม่ได้สิ”
เพื่อนคลาสนานาชาติพูดแบบนี้ นักเรียนชายก็เริ่มลังเล “ฉันน่าจะมองผิดไป แต่ว่า…”
ใบหน้าอย่างอิ๋งจื่อจินพลังทำลายล้างสูง เรียกได้ว่าไม่มีใครในชิงจื้อไม่รู้จัก
ขอเพียงแต่ได้เจอสักครั้ง ต่อให้เป็นใบหน้าด้านข้างก็ไม่มีทางลืม
เขาคงไม่ถึงกับจำผิดคนเพราะตื่นเต้นเกินไปที่จะได้เข้าไปในมหาวิทยาลัยนอร์ตันหรอกนะ
เฮ่อสวินก็ไม่คิดว่าเขาจะเจออิ๋งจื่อจินที่นี่จริงๆ รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี
คนที่ทำให้รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนอร์ตันมารับด้วยตัวเองได้ ขนาดอธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตูก็ยังไม่มีสิทธิ์
มหาวิทยาลัยนอร์ตันมีศักยภาพอันดับหนึ่งของโลก นำโด่งไปไกล ไม่มีใครโค่นได้
น่าจะเป็นบุคคลชั้นแนวหน้าของแวดวงวิชาการสักแขนงล่ะไม่ว่า
เฮ่อสวินก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
อย่าว่าแต่รองอธิการบดี สี่ปีที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนอร์ตัน เขายังไม่เคยเจอฝ่ายบริหารสักคน
นักศึกษาของคณะระดับ ดี ไม่มีทางได้สัมผัสกับบุคคลสำคัญของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน
…
บนรถไฟใต้ดิน
ภายในรถไฟใต้ดินขบวนนี้แตกต่างจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง
ตกแต่งด้วยสไตล์โรมันของยุคกลาง ข้างหน้าต่างยังมีเชิงเทียนกับภาพสีน้ำมัน
ไม่มีเบาะนั่ง แต่เป็นโต๊ะรับแขก โซฟา ชั้นหนังสือ เป็นต้น
ไม่เหมือนขบวนรถไฟ เหมือนห้องที่หรูหรามากกว่า
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น สังเกตเห็นภาพวาดภาพหนึ่ง มีความเป็นสไตล์บาโรกมากทีเดียว เห็นได้ชัดว่าเป็นผลงานของชิโน ฟอน เป็นของจริงเสียด้วย
ภาพสีน้ำมันที่แพงที่สุดของชิโน ฟอน เคยถูกประมูลที่ราคาเกินสามร้อยล้านดอลลาร์
ถึงแม้จะเป็นตอนนั้นในยุโรปโบราณ ภาพวาดของเขาก็มีค่ามากเหมือนกัน
เพราะเป็นหนึ่งในจิตรกรที่ตระกูลลอเรนท์ให้ทุนสนับสนุน ผลงานภาพวาดส่วนใหญ่ของชิโน ฟอนถูกเก็บไว้ในตระกูลลอเรนท์
ตอนนี้ยังมีจำนวนไม่น้อยที่ถูกวางไว้ในคลังสมบัติห้องใต้ดินของซีซาร์
ภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพที่ตอนนั้นอธิการบดีมหาวิทยาลัยนอร์ตันได้รับตอบแทนหลังจากที่ใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุเปลี่ยนแปลงร่างกายของเขา
เจ้าหน้าที่ขบวนถอยออกไป โบกี้นี้จึงเหลือเพียงรองอธิการบดีที่นั่งตัวเกร็งตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอด
หลังจากที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าก็เงยหน้าขึ้นชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว
ตอนที่เขาเห็นเด็กสาว รองอธิการบดีเอามือจับตรงหัวใจตัวเอง สายตาจับจ้อง เกือบหยุดหายใจ
เขาขยี้ตาแล้วมองอีกครั้ง ขยี้ตาอีกรอบ หยิกต้นขาตัวเองจนร้องซี้ด
“เลิกมองได้แล้ว” อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไปนั่งที่โซฟา ยกถ้วยโกโก้ร้อนบนโต๊ะรับแขกขึ้นมา “หน้าจริง”
รองอธิการบดีที่กำลังเตรียมจะหยิบแว่นขยายออกมา “…”
เขาชักมือกลับด้วยความกระอักกระอ่วน “เพราะไม่เคยเห็นคุณในสภาพนี้มาก่อน”
เวลาผ่านมาตั้งสองร้อยกว่าปี ยุคสมัยก็เปลี่ยนไปเร็วมาก
เมื่อวานยังเป็น สี่จี วันนี้ก็ออก ห้าจี แล้ว
เล่นเอาเขาที่เดิมทีควรนอนฝังเป็นวัตถุโบราณไปแล้วจำต้องเรียนรู้ตามไปด้วย
แต่ต่อให้วิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าไปเร็วแค่ไหนก็สู้แรงสะเทือนที่อิ๋งจื่อจินมีให้เขาวันนี้ไม่ได้
เมื่อก่อนเคยร่วมงานกันสามปี เขาไม่เคยเห็นเธอใส่ชุดสีอื่นนอกจากสีดำเลยจริงๆ
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา
รองอธิการบดีรีบนั่งตัวตรงทันที กระแอมเล็กน้อยแล้วพูดอย่างจริงจัง
“วางใจได้ครับ มีแค่ผมที่รู้ว่าคุณมา”
“เพื่อป้องกันคนอื่นจำได้ นับตั้งแต่วันนั้นที่คุณโพสต์กระทู้ ทุกวันผมจะให้ทางมหาวิทยาลัยปล่อยขบวนรถไฟใต้ดินมาเช้ากลางวันเย็นรอบละสามขบวน และก็จัดให้คนสารพัดจากหลายที่มายังเมืองนอร์ตัน”
“ทุกอย่างปกติดียกเว้นวันนี้ที่เกิดเหตุการณ์นิดหน่อย”
อิ๋งจื่อจินหยิบมัฟฟินช็อกโกแลตขึ้นมาหนึ่งชิ้น พอได้ฟังก็เหลือบมอง พูดตอบคำเดียว “อืม”
รองอธิการบดี “…”
เจอกันอีกครั้งหลังสองร้อยปี เขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้รับคำชม
หลังจากกินมัฟฟินช็อกโกแลตเสร็จอิ๋งจื่อจินก็ถาม “ร่างกายเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ค่อยดีครับ” รองอธิการบดีอึ้งก่อน จากนั้นก็ส่ายหน้า “ถึงแม้ท่านอธิการจะช่วยใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุเปลี่ยนแปลงร่างกายให้ผม แต่ช่วงหลายปีมานี้ผมก็รู้สึกได้ว่าตัวเองมาถึงสุดขีดจำกัดแล้วครับ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า
นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมาย
ต่อให้วิชาเล่นแร่แปรธาตุจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ต้องดำเนินตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ เพียงแต่การขุดขีดจำกัดของที่ซ่อนอยู่ในตัวมนุษย์ออกมาจนสุด ไม่มีทางที่จะทำให้มนุษย์เป็นอมตะไม่แก่ชรา
“ทำไมอยู่ๆ คุณถึงอยากได้บัตรเชิญล่ะครับ” รองอธิการบดีสงสัย “ตอนนั้นท่านอธิการก็บอกแล้วว่าให้คุณเป็นอธิการ แต่คุณไม่ยอม”
“เดิมทีไม่ได้อยากรับ” อิ๋งจื่อจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “จะใช้เส้นให้น้องชายตัวเอง”
รองอธิการบดีที่เดิมทีคิดว่าเธอมาเยี่ยมเขากับอธิการบดี “…”
“ฉันไม่ได้จะมาอยู่มาตลอด” อิ๋งจื่อจินมองไปนอกหน้าต่าง “มาตรฐานการรับนักศึกษาของพวกคุณในช่วงหลายปีมานี้คืออะไร”
“คุณเองก็ทราบ หลังจากเข้ายุคเทคโนโลยี ปริมาณข้อมูลก็มีมากเหลือเกิน ถ้าทางมหาวิทยาลัยเปิดแค่วิชาพวกนั้น ความลับได้ถูกเปิดเผยเข้าสักวันในไม่ช้าก็เร็ว” รองอธิการบดีปาดเหงื่อ “แต่จะให้ปรับปรุงก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ผมกับท่านอธิการเลยหารือกันว่าให้แบ่งระดับ”
“ระดับ เอส ขึ้นไปก็เช่น สาขาเล่นแร่แปรธาตุ สาขาเหนือธรรมชาติ สาขาเครื่องกล เป็นต้น มีผมกับแผนกรับนักศึกษาคอยหานักศึกษาด้วยตัวเองครับ”
“คณะระดับ เอ ถึงระดับ ดี ไม่ได้ต่างจากวิชาของมหาวิทยาลัยอื่น นักศึกษาชุดนี้จะรับมาโดยพวกอาจารย์ที่อยู่ข้างล่าง ค่อนข้างวุ่นวาย เก่งกับไม่เก่งปนกันไปหมด”
“กว่าผมจะได้ไปตรวจสอบก็พบว่าหลายคนที่ไม่ได้มาตรฐานถูกรับเข้ามาแล้ว ครั้นแล้วเมื่อไม่กี่ปีก่อนผมถึงได้กำหนดการสอบวัดผล หากสอบวัดผลไม่ผ่านก็จะถูกยึดใบจบการศึกษา”
รองอธิการบดีชูสองมือ “ผมสาบานเลยว่าไม่ใช่เป็นเพราะมหาวิทยาลัยเรามาตรฐานต่ำลง ยังไงซะนักศึกษาชุดนี้ก็ไม่มีทางได้สัมผัสกับหัวใจสำคัญของมหาวิทยาลัย”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “งั้นอันดับหนึ่งของโลกล่ะ”
“คือ…” รองอธิการบดีเกาหัว ผายมือออก “น่าจะเป็นเพราะท่านอธิการเกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา คุณก็รู้ว่าสมองของคนที่เล่นแร่แปรธาตุมันไม่ปกติอยู่แล้ว”
อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ
ก็จริงนะ
สิบกว่านาทีต่อมาขบวนรถไฟใต้ดินก็หยุดลง
ประตูเปิดออก อิ๋งจื่อจินลงไป เธอเงยหน้าขึ้น
ภาพที่เข้ามาในดวงตาเป็นเกาะขนาดมหึมา โอบล้อมด้วยน้ำ โออ่ายิ่งใหญ่ กว้างสุดลูกหูลูกตา
ตึกสูงเรียงรายภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี แสงไฟสว่างไสว
หอนาฬิกาที่อยู่ตรงกลางสุดเกิดเสียง ดังไกลและยาวนาน
นี่คือมหาวิทยาลัยนอร์ตัน
รถไฟใต้ดินวิ่งจากใต้เมืองนอร์ตันข้ามมหาสมุทรมาจนถึงภายในมหาวิทยาลัย
อีกทั้งบริเวณโดยรอบของเกาะแห่งนี้มีระบบคุ้มกันที่หนาแน่นเป็นพิเศษ
หลังจากเข้ามาสัญญาณต่างๆ ของโลกภายนอกจะถูกตัดโดยอัตโนมัติ ปลอดภัยขั้นสุด
“พื้นที่ของมหาวิทยาลัยใหญ่กว่าตอนที่เพิ่งก่อตั้งมากทีเดียวครับ” รองอธิการบดีกระโดดลงจากรถไฟใต้ดิน ดูเวลา “วันนี้ก็ดึกมากแล้ว เชิญไปพักผ่อนก่อนดีกว่าครับ พรุ่งนี้ผมจะพาชมรอบๆ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “ไปเถอะ”
…
รองอธิการบดีพาอิ๋งจื่อจินไปยังใจกลางสำคัญของมหาวิทยาลัย จำเป็นต้องใช้รอยนิ้วมือ สแกนใบหน้า รูดบัตร รวมถึงคำสั่งลับเดินสามก้าว
ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันคนอย่างนักแปลงโฉมเข้ามาภายในมหาวิทยาลัย
นอกจากตระกูลลอเรนท์แล้ว มหาวิทยาลัยนอร์ตันเป็นสถานที่ที่นักล่าติดชาร์ตเอ็นโอเคต่างหมายปองที่สุด มีงานล่ารางวัลจำนวนไม่น้อยที่ตั้งโจทย์ขอภาพถ่ายใจกลางสำคัญของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน เพียงแต่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จสักครั้งเดียว
“ทางนั้นเป็นหอพักของนักศึกษาคณะที่ต่ำกว่าระดับ เอส ลงมา” รองอธิการบดีชี้ “ช่วงนี้กำลังสอบวัดผลพวกเขา ยังไงซะทางมหาวิทยาลัยก็ให้โอกาสแล้ว ผ่านไม่ได้ก็ต้องออกไป”
ช่วงไม่กี่ปีมานี้โดยเฉพาะคณะระดับ ดี มีคนผ่านการสอบวัดผลอยู่ไม่กี่คน
แต่ใครก็ตามที่ผ่านได้ล้วนเป็นหัวกะทิของวงการต่างๆ
ทั้งสองคนเดินผ่านเขตหอพักไปยังเกาะใน
ตลอดทางไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ
นอกจากพวกศาสตราจารย์ที่รับนักศึกษา คนอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยไม่มีใครเคยเห็นรองอธิการบดี
อาจารย์ของเฮ่อสวินก็เช่นกัน
ตอนที่เขาเห็นเฮ่อสวินเอาแต่มองฝั่งตรงข้ามอย่างอึ้งๆ จึงเตือนเขาทันที “เฮ่อ นายพักที่นี่ไปก่อนนะ ด้านนั้นเป็นของคณะระดับ เอส”
เฮ่อสวินหันกลับมาทันที เหงื่อออกเต็มแผ่นหลัง “ผมทราบครับอาจารย์”
ชะงักเล็กน้อยแล้วถามต่อ “อาจารย์ครับ มีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่ไปเรียนมัธยมปลายข้างนอกไหมครับ”
“จะเป็นไปได้ยังไง” อาจารย์ตกใจ ยิ้มออกมา “เข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันได้ไม่มีทางไปเรียนมอปลายแน่นอน”
เฮ่อสวินเองก็รู้สึกว่าความคิดของเขาเหลวไหลเกินไป
เขาต้องมองผิดไปแน่นอน
อิ๋งจื่อจินไม่มีทางมาอยู่ที่นี่
“จริงสิเฮ่อ” อาจารย์พูดไปเดินไป “เมื่อกี้ผมเพิ่งได้รับแจ้งจากเบื้องบนมาว่า การสอบวัดผลของพวกคุณจะมีกรรมการสัมภาษณ์คนใหม่มา”
สีหน้าของเขาเคร่งขรึม “กรรมการสัมภาษณ์คนนี้เป็นประธานมหาวิทยาลัยนอร์ตัน ผมเองก็ไม่เคยเจอ แต่เข้มงวดกว่าเมื่อก่อนแน่นอน นาย…เฮ้อ”
เอาเป็นว่าในสายตาของเขาเฮ่อสวินไม่มีทางผ่าน
เฮ่อสวินเม้มริมฝีปาก “ทราบแล้วครับอาจารย์”
…
สองวันต่อมา
เฮ่อสวินพานักเรียนสามคนไปที่สนามสอบสัมภาษณ์แต่เช้า
คนที่มาสอบสัมภาษณ์วันนี้ยังมีมาจากที่อื่นอีก แบ่งเป็นหลายสนามสอบ
เฮ่อสวินดูเวลา หันไปพูดกับนักเรียนชาย “เข้าไปเถอะ”
นักเรียนชายพยักหน้า เปิดประตูเข้าไปด้วยความมั่นใจ