คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 184 เสียใจมาก ช็อกมาก

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

หลังจากที่เขาเข้าไป ประตูก็ปิดลงอีกครั้ง

แต่ในเวลาไม่ถึงสามนาที ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง

นักเรียนชายหน้าซีดเดินออกมา เหงื่อแตกเต็มตัว คล้ายกับไปเจอเรื่องที่น่ากลัวอย่างรุนแรง

นี่ไม่อยู่ในความคาดหมายของเฮ่อสวิน

ถึงแม้การอยากเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันจะเป็นเรื่องยากมาก แต่ก็ไม่ถึงกับสัมภาษณ์ครั้งแรกจะกลัวขนาดนี้

เฮ่อสวินขมวดคิ้ว ไม่ได้เอ่ยปากดุ แต่หันมองนักเรียนคลาสนานาชาติสองคนที่อยู่ข้างๆ “ตาพวกเธอแล้ว”

ทั้งสองคนพยักหน้าแล้วเดินเรียงเข้าไป

พวกเขาเข้าไปค่อนข้างนาน แต่พอออกมาสีหน้าก็ไม่สู้ดีเท่าไร

“อาจารย์เฮ่อ ขอโทษครับ” หนึ่งในสองคนรู้สึกผิด “ผมน่าจะไม่ผ่าน ทางมหา’ลัยทดสอบภาษาละตินผม แต่ผมไม่เคยเรียน”

นักเรียนทั้งสามคนเป็นแบบนี้หมด ทำให้หัวใจของเฮ่อสวินจมดิ่งสู่ก้นเหว

การทดสอบวัดผลของเขาก็คือต้องส่งนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันสำเร็จสองคน และยังต้องเป็นคณะระดับเอ (A)

แต่ตอนนี้ไม่สำเร็จแม้แต่คนเดียว

นี่ก็แสดงว่าเขาไม่ผ่านการวัดผลแล้ว

แสงแดดร้อนแรง ทว่าหัวใจของเฮ่อสวินกลับเย็นลงทีละนิด

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจเหลือเกิน

เขาอุตส่าห์มั่นใจว่าจะผ่านการวัดผล เพราะตอนที่เขายังไม่รู้ว่าเวินทิงหลานเป็นน้องสาวของอิ๋งจื่อจิน เขาคิดว่าเวินทิงหลานจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันได้แน่นอน

หลังจากที่สิทธิ์สอบสัมภาษณ์ถูกส่งมา เขาตั้งใจตามทางชิงจื้อพาพวกเวินทิงหลานไปทดสอบไอคิว

นักเรียนสองคนคลาสนานาชาติไอคิวธรรมดา มีแค่เวินทิงหลานที่ไอคิวสูงถึง 228!

ถึงแม้จะไม่ได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ก็เป็นตัวเลขที่น่ากลัวมากแล้ว

หากไม่มีเรื่องถามตอบอย่างเปิดเผยนั่น เฮ่อสวินไม่มีทางยกเลิกสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ของเวินทิงหลานแน่นอน

เขาเก่งกว่าคนรุ่นเดียวกันมาตลอด รับไม่ได้จริงๆ ที่อิ๋งจื่อจินสร้างความอับอายให้เขา เขาก็เลยยึดสิทธิ์สอบสัมภาษณ์คืนมา

ถึงแม้กว่าผลสอบสัมภาษณ์จะออกก็อีกสองสามวัน แต่เฮ่อสวินรู้ว่าหมดหวังอย่างสิ้นเชิงแล้ว

สีหน้าของเขาแย่มาก เม้มริมฝีปากแน่น ส่ายหน้า “ไม่เป็นไร รอผลออกก่อน”

ในเวลาเดียวกัน

ณ ที่แห่งหนึ่งบนโลก

ภายในห้อง

เด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ พื้นหลังของหน้าจอเป็นสีดำ บนนั้นมีตัวเลขและตัวอักษรเรียงกันเป็นแถวยาว รวมกันเป็นโค้ดจำนวนมาก

นิ้วของเขาเคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว เร็วจนถึงขั้นที่มองไม่ทันว่าเขากดปุ่มไหน

อักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ที่อยู่บนหน้าจอก็เปลี่ยนไปอยู่ตลอด ชวนให้ตาลาย

“เป็นไงบ้าง” ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้นชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว “ค้นเจอไหม”

แฮกเกอร์เด็กหนุ่มส่ายหน้า รู้สึกเหนือความคาดหมายเช่นกัน “ไม่เจอครับ ผมเจาะไฟร์วอลล์ของพวกเขาไม่ได้”

ชายวัยกลางคนตะลึง “ขนาดนายยังไม่ไหวเลยเหรอ”

พวกเขารู้ว่าเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยนอร์ตันนำโลกภายนอกไปไกลมาก เขาถึงได้เชิญแฮกเกอร์จากทางนั้นมา

ฝีมือของแฮกเกอร์เด็กหนุ่มไม่ได้ด้อยไปกว่าบอสใหญ่ของสมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนาม แต่นี่ยังเจาะไม่เข้าแม้แต่ไฟร์วอลล์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตันเลยเหรอ

เมื่อวันก่อนแฮกเข้าโทรศัพท์มือถือของรองอธิการบดีล้มเหลว ทำให้จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าเทพพยากรณ์ไปที่มหาวิทยาลัยนอร์ตันหรือเปล่า

หากเจาะเข้าไฟร์วอลล์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตันไม่ได้ก็แสดงว่าพวกเขาไม่มีทางรู้ตัวตนของเทพพยากรณ์ได้!

ชายวัยกลางคนกำหมัดทุบโต๊ะ พูดด้วยความแค้น “ให้ตายเหอะ”

ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

สมัยศตวรรษที่สิบหกถึงสิบเจ็ดไม่มีเรื่องอินเตอร์เน็ตให้เอ่ยถึง ไม่มีเทคโนโลยีขั้นสูงอะไรทั้งนั้น จะหาใครสักคนก็ยากมาก

เพราะแบบนี้ถึงไม่มีร่องรอยกับข้อมูลของเทพพยากรณ์มาตลอด

ถึงขั้นที่พวกเขาเดากันว่า การที่เทพพยากรณ์หายตัวไปสองร้อยปีอาจเป็นเพราะทำนายได้ว่าต่อไปเทคโนโลยีจะพัฒนาถึงขั้นนี้ จึงกลัวตัวตนจะเปิดเผย

ในที่สุดครั้งนี้เทพพยากรณ์ก็เป็นฝ่ายแสดงตัวก่อน เป็นโอกาสที่หาได้ยาก

แต่โอกาสอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว พวกเขากลับทำได้แค่มองมันหลุดลอยไป

“น่าแปลก” แฮกเกอร์เด็กหนุ่มส่ายหน้า “ต่อให้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตันจะล้ำขนาดไหนก็ไม่น่าจะขวางผมได้ มีคนช่วยพวกเขาเสริมความแข็งแกร่งของไฟร์วอลล์”

“ใคร” ชายวัยกลางคนอดตกใจไม่ได้ “เป็นคนของพวกนายเหรอ”

“เป็นไปได้” เด็กหนุ่มแฮกเกอร์ลุกขึ้น พูดขอโทษ “ขอโทษด้วยครับที่ทำงานไม่สำเร็จ อีกเดี๋ยวผมจะโอนค่าตอบแทนคืนทางตระกูลของคุณ”

ผลสอบสัมภาษณ์ออกเร็วกว่าที่เฮ่อสวินคิดไว้

วันที่สามก็ประกาศในเว็บภายในของมหาวิทยาลัยแล้ว

นักเรียนสามคนที่เขาพามาไม่เพียงแต่จะไม่ผ่าน อันดับยังรั้งท้ายมากอีกด้วย

โดยเฉพาะนักเรียนชายคนที่มาแทนเวินทิงหลาน นับจากข้างท้ายได้เลยทีเดียว

นักเรียนสามคนสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่านก็ต้องไปจากมหาวิทยาลัยนอร์ตัน

ไม่เพียงเท่านี้ มหาวิทยาลัยนอร์ตันยังได้เชิญนักสะกดจิตมา เพื่อลบล้างความทรงจำของพวกเขาในช่วงที่อยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน

เฮ่อสวินส่งนักเรียนสามคนออกไป เขาอดทนไว้ สุดท้ายก็ไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา

อาจารย์เองก็ทราบผลแล้ว รู้สึกเสียดาย “เฮ่อ ดูท่านักเรียนสามคนนี้ที่นายเลือกจะไม่สอดคล้องกับมาตรฐานในการรับนักศึกษาของพวกเรา”

“อาจารย์ครับ ผมยังรู้จักนักเรียนอีกคน พรสวรรค์ของเขาโดดเด่นเกินใคร ไอคิวสูงถึง 228” เฮ่อสวินพูดเสียงเบา “ขอสิทธิ์สอบสัมภาษณ์เพิ่มจากทางมหาวิทยาลัยอีกหนึ่งสิทธิ์ได้ไหมครับ ผมจะพาเด็กคนนี้มา”

พอได้ยินแบบนี้อาจารย์ก็สงสัย “งั้นทำไมนายไม่เลือกเขามาตั้งแต่แรกล่ะ สิทธิ์สอบสัมภาษณ์มีค่ามากขนาดนี้ แค่เลือกคนนายยังไม่เป็นเลยเหรอ”

ราวกับพูดแทงใจดำ เฮ่อสวินหน้าเสีย “เพราะ เพราะ…”

“เฮ่อ นายก็เคยเป็นนักศึกษาที่อาจารย์เห็นแวว แต่นิสัยของนายไม่เหมาะเป็นอาจารย์เลยจริงๆ” อาจารย์ถอนหายใจ “เอาแบบนี้ งั้นจะให้โอกาสนายอีกครั้ง ไปเรียกนักเรียนคนนี้มา”

อาจารย์ที่ปรึกษาเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้เขา เพื่อให้โทรออก

เฮ่อสวินไม่ได้พักอยู่ในมหาวิทยาลัย ดังนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาจึงติดต่อโลกภายนอกไม่ได้

เฮ่อสวินย่อมไม่มีทางจำเบอร์โทรศัพท์ของเวินทิงหลาน เขาโทรหาชิงจื้อแล้วค่อยให้ผู้อำนวยการโอนสายไปหาเวินทิงหลาน

“เวินทิงหลาน โอกาสมาถึงนายแล้ว” สีหน้าของเขาเย็นชา “นายรีบนั่งเครื่องบินมาที่เมืองนอร์ตันเดี๋ยวนี้ ฉันจะพานายเข้ามาสอบสัมภาษณ์”

น้ำเสียงยังคงอวดดี

แต่เรื่องที่ทำให้เฮ่อสวินนึกไม่ถึงคือ เวินทิงหลานปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด

“ไม่ไป”

เฮ่อสวินขมวดคิ้ว น้ำเสียงเย็นชา “โอกาสนี้หาได้ยากมาก ฉันอุตส่าห์ขอทางมหา’ลัยมาให้นาย นายจะทิ้งมันจริงเหรอ”

“นายต้องคิดให้ดีนะ พลาดโอกาสนี้นายก็ไม่มีทางเข้ามหาวิทยาลัยนอร์ตันได้แล้ว หรือนายคิดว่าพี่สาวนายจะหาสิทธิ์สอบสัมภาษณ์มาให้นายได้จริงเหรอ หรือนายคิดว่าบัตรเชิญวันนั้นเป็นของจริง”

“ไปไกลๆ”

น้ำเสียงแข็งกระด้างของเด็กหนุ่มดังลอดมาตามสาย หลังจากพูดออกมาสั้นๆ สายก็ถูกตัดไป

ได้ยินเสียง ‘ตู๊ดๆๆ’ มีสายตาสงสัยมาจากอาจารย์ที่ปรึกษาที่อยู่ข้างๆ เฮ่อสวินยืนตัวแข็ง รู้สึกเสียหน้าแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

“เฮ่อ นายไปเตรียมตัวสอบวัดผลอีกอันเถอะ” อาจารย์ส่ายหน้า เอามือไพล่หลังเดินออกไป

วันที่ 18 มิถุนายน เป็นวันสอบวัดผลของนักศึกษาคณะระดับดี (D)

เมื่อหลายวันก่อนคณะระดับเอ (A) ถึงระดับซี (C) ได้สอบเสร็จไปแล้ว

นักศึกษาของคณะระดับเอ (A) กับระดับบี (B) มีความสามารถเป็นรองแค่คณะระดับเอส (S) เพียงแต่สาเหตุเป็นเพราะสาขาที่เรียน ทำให้ถูกจัดอยู่ในคณะระดับนั้น โดยรวมจึงไม่มีใครไม่ผ่าน

ระดับซี (C) คัดคนทิ้งไปถึงสองในสาม

ระดับดี (D) ของวันนี้คาดว่าพวกศาสตราจารย์เก็บไว้สิบคนก็ดีมากแล้ว

คณะระดับดี (D) มีนักศึกษาทั้งหมดห้าร้อยคน

เลขที่เฮ่อสวินจับได้คือลำดับที่ห้าสิบสาม ถือว่าค่อนไปทางแรกๆ

มองเพื่อนนักศึกษาคิวก่อนหน้าเข้าๆ ออกๆ หัวใจของเขาก็หวาดหวั่นอยู่ตลอด

ในที่สุดก็ถึงตาเขา เฮ่อสวินรู้สึกเครียดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

ภายในห้องสอบวัดผลมีแค่โต๊ะยาวหนึ่งตัว ฝั่งตรงข้ามมีศาสตราจารย์นั่งอยู่สี่คน

พอเฮ่อสวินนั่งลงประตูหลังก็เปิดออก มีเจ้าหน้าที่ยกเก้าอี้โซฟามาเพิ่มอีกหนึ่งตัว วางไว้ตรงกลางระหว่างศาสตราจารย์ทั้งสี่

“นักศึกษาเฮ่อ พอประธานมหาวิทยาลัยได้ยินชื่อของคุณก็ตั้งใจมาโดยเฉพาะเลยนะ” สีหน้าของศาสตราจารย์ยังคงใจดี “คุณรอสักสองนาที เดี๋ยวประธานมหาวิทยาลัยก็มาแล้ว”

เฮ่อสวินตะลึง

ประธานมหาวิทยาลัยมาเพราะเขาเหรอ

เขาทำเรื่องอะไรที่รู้ไปถึงหูของประธานมหาวิทยาลัยงั้นเหรอ

“วางใจได้นักศึกษาเฮ่อ” ศาสตราจารย์อีกคนพูด “ประธานมหาวิทยาลัยน่าจะคิดว่าความสามารถของคุณไม่เลว ก็เลยอยากสัมภาษณ์คุณด้วยตัวเอง”

เฮ่อสวินถึงได้โล่งอก

คิดๆ ดูก็คงใช่

ประธานมหาวิทยาลัยนอร์ตันเป็นบุคคลที่มีสถานะเทียบเท่าอธิการบดี ไม่มีทางสนใจว่านักศึกษาจะไปทำอะไรบ้าง

สองนาทีนี้เฮ่อสวินรอด้วยความร้อนใจ แต่เขาก็ได้แค่รอ

ในที่สุดประตูหลังก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง

ศาสตราจารย์ทั้งสี่คนรีบลุกขึ้นไปต้อนรับ

เฮ่อสวินเป็นแค่นักศึกษายิ่งต้องยืนขึ้น แต่ไม่มีสิทธิ์เดินเข้าไปต้อนรับ ได้แค่เงยหน้ามอง

พอมองไปสมองของเขาก็หยุดทำงานทันที เหลือเพียงความว่างเปล่า

ข้างหูเหมือนมีผึ้งจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนมาบินหึ่งๆ ทำให้หัวของเขาแทบระเบิด ความอวดดีที่มีมาตลอดพังทลายลงทั้งหมด

เฮ่อสวินมองเด็กสาวที่เข้ามาโดยมีพวกศาสตราจารย์รุมล้อมด้วยความตะลึง เธอนั่งตรงกลาง

พอเห็นใบหน้าที่งดงามจนถึงขั้นพลังทำลายล้างสูง เขาไม่สามารถพูดกล่อมตัวเองได้อีกต่อไปว่ามองผิด

“ในที่สุดก็มาแล้ว” ศาสตราจารย์ที่เดินนำไปเป็นคนแรกพูดอย่างนอบน้อม “ทุกอย่างรอท่านเริ่มครับ”

“ไม่จำเป็นค่ะ” อิ๋งจื่อจินนั่งพิงพนัก สายตาค่อยๆ เบนไปหาเฮ่อสวินที่มีสีหน้าเหลือเชื่อ “พวกคุณถาม ฉันขอฟังค่ะ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท