คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 192 คุณนายอิ๋ง คุณมีความผิดฐานหมิ่นประมาทครับ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ไม่ต้องพูดถึงชื่อของสีเหวยหวน เอาแค่ชื่อสำนักงานทนายความซีเฟิงก็เพียงพอให้ตะลึงแล้ว

ตำรวจหญิงรู้ว่าอิ๋งจื่อจินให้ทนายมา แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นสำนักงานทนายความซีเฟิง

สำนักงานทนายความซีเฟิงใช่ว่ามีเงินก็จะเชิญมาได้ โดยเฉพาะฮู่เฉิงอยู่ห่างจากตี้ตูขนาดนี้ ระยะทางเกือบพันกิโลเมตร

ตำรวจหญิงรับนามบัตรมา พูดอย่างสุภาพ “เชิญนั่งค่ะ”

“เกรงใจเกินไปแล้วครับ เรื่องมันไม่มีอะไรมาก พูดไม่กี่ประโยค ไม่ต้องนั่งหรอกครับ” สีเหวยหวนยิ้ม “เดิมทีควรเป็นคุณอิ๋งมาด้วยตัวเอง แต่เธอไม่อยากเจอคนบางคนก็เลยวานให้ผมมาครับ”

“เหมือนกันแหละค่ะ” ตำรวจหญิงพยักหน้า “คุณเป็นทนายที่ถูกวานมา เข้ามายุ่งเรื่องนี้ได้ค่ะ”

“ทนายเหรอ” ในที่สุดจงมั่นหวาก็ได้สติ เธอรู้สึกเหลือเชื่อ “คุณว่าคุณเป็นทนายของใครนะ”

เรื่องเล็กแค่นี้ยังต้องเชิญทนายด้วยเหรอ

เธอก็แค่อยากให้ตำรวจช่วยเรียกอิ๋งจื่อจินกลับมา ทำไมต้องให้ถึงมือทนายด้วย

หัวใจของจงมั่นหวาเต้นแรง ทันใดนั้นก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี

“คุณนายอิ๋งใช่ไหมครับ ผมเป็นทนายความของคุณอิ๋งจื่อจินครับ” สีเหวยหวนทำเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นจงมั่นหวา เขาหุบยิ้ม สีหน้าเย็นชาลง “ผมมาเพื่อจัดการเรื่องที่คุณใส่ร้ายคุณอิ๋งจื่อจินครับ”

“ฉันใส่ร้ายเหรอ” จงมั่นหวาแทบจะหัวเราะออกมา “เอาสิ งั้นคุณพูดมาหน่อยว่าฉันใส่ร้ายยังไง ถ้าฉันใส่ร้าย เธอจะไม่มาเองได้เหรอ”

สีเหวยหวนไม่ตอบ แต่หยิบเอกสารหลายฉบับออกมาวางเรียงบนโต๊ะ

เอกสารฉบับแรกก็คือเพชรสีชมพูที่หายไปเม็ดนั้น

“เพชรสีชมพูเม็ดนี้เป็นของประมูลจากงานประมูลแห่งหนึ่งในยุโรป สุดท้ายคุณอิ๋งเทียนลี่ว์ได้เคาะประมูลไปในราคาที่สูงถึงแปดล้าน และได้มอบให้คุณอิ๋งเย่ว์เซวียนครับ” สีเหวยหวนพูด “หากความผิดโทษฐานลักทรัพย์เป็นคดีความขึ้นมา ผู้ขโมยจะต้องถูกตัดสินจำคุกห้าถึงสิบปี”

จงมั่นหวาพูดขัดจังหวะอย่างไม่พอใจ “ฉันพูดเมื่อไรว่าจะขึ้นโรงขึ้นศาล”

เธอก็แค่ต้องการเรียกอิ๋งจื่อจินกลับบ้าน ไม่ได้จะเอาอิ๋งจื่อจินเข้าคุกจริงๆ เสียหน่อย

พออิ๋งจื่อจินมา เธอพากลับบ้านตระกูลอิ๋ง เรื่องที่เหลือก็จัดการกันภายใน

เอกสารฉบับที่สอง เขียนถึงความผิดฐานลักทรัพย์ มูลค่าต่างกัน บทลงโทษก็ต่างกัน

ยิ่งมูลค่าสูง โทษก็จะยิ่งหนัก

“คุณนายอิ๋งไม่มีหลักฐานก็บอกว่าคุณอิ๋งเป็นคนทำ เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท” สีเหวยหวนชี้เอกสารฉบับที่สาม น้ำเสียงเย็นชาจนแทบไม่เหลือความอบอุ่น “ตามกฎหมายมีบทลงโทษดังนี้ครับ สั่งขังไม่เกินห้าวัน”

“หากค่อนข้างรุนแรง จะสั่งขังห้าถึงสิบวัน พร้อมปรับเงินห้าร้อยหยวน”

เขาชี้ที่หนึ่งข้อในนั้น เขียนเอาไว้ว่า…

สร้างความเท็จใส่ร้ายผู้อื่นเพื่อต้องการให้ผู้อื่นถูกดำเนินคดีหรือถูกลงโทษตามกฎหมาย

จงมั่นหวาทั้งตกใจทั้งโกรธ โมโหจนแสยะยิ้ม “สรุปว่า คุณมีหลักฐานว่าเธอไม่ได้เป็นคนทำงั้นเหรอ”

“คุณนายอิ๋งครับ ผมจำเป็นต้องเตือนคุณ คุณเป็นโจทก์ คนที่ต้องหาหลักฐานมายืนยันคือคุณนะครับ” สีเหวยหวนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ถ้าคุณไม่มีหลักฐานก็จะมีความผิดฐานหมิ่นประมาท”

เขาหันไปชี้คำให้การที่วางอยู่บนโต๊ะ “นี่คือหลักฐานยืนยันความผิดของคุณครับ”

ตำรวจหญิงก็พยักหน้า “คุณนายอิ๋ง ฉันถามย้ำกับคุณหลายรอบ คุณบอกคุณแน่ใจ”

“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น!” จงมั่นหวาจะรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร สีหน้าของเธอหงุดหงิด หน้าเริ่มแดง “ฉันก็แค่อยากให้เธอกลับบ้าน!”

สีหน้าของตำรวจหญิงก็เย็นชาลง “งั้นก็หมายความว่า คุณไม่มีหลักฐาน”

“ฉัน…” จงมั่นหวาอ้าปากจะพูด แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

สถานการณ์ที่กำลังย่ำแย่ถึงได้ผ่อนคลายลงไปบ้าง เธอรับสาย

“แม่อยู่ไหนคะ” ปลายสายก็คืออิ๋งเย่ว์เซวียน “เจอเพชรสีชมพูแล้วนะคะ คนใช้กลัวทำเสียหายตอนทำความสะอาดก็เลยวางไว้ข้างนอก ปรากฏว่ามันตกลงไปติดตรงซอกหนังสือค่ะ”

“หนูบอกแม่แล้วว่าน้องไม่ได้ทำ แม่คงไม่ได้ไปที่สถานีตำรวจจริงๆ ใช่ไหมคะ”

จงมั่นหวาตัวเย็นเฉียบ ใบหน้าซีดเผือด

“แม่คะ แม่?”

อิ๋งเย่ว์เซวียนที่อยู่ในสายยังคงเรียกเธอ แต่จงมั่นหวาไม่ได้ยินอะไรแล้ว หูอื้อไปหมด

“ท่าทางจะหาเจอแล้วนะครับ” สีเหวยหวนพยักหน้า “งั้นก็แน่ใจได้แล้วว่าคุณนายอิ๋งมีความผิดฐานหมิ่นประมาท”

เขาหันไปพูดกับตำรวจหญิง “เกี่ยวพันถึงมูลค่าค่อนข้างมาก ขังสิบวันเกรงว่าจะไม่พอนะครับ”

คราวนี้ตำรวจหญิงรู้สึกติดลบกับจงมั่นหวาไปมากทีเดียว

เธอได้ยินชัดเจนว่าจงมั่นหวาบอกว่าคนขโมยเป็นลูกสาวคนรอง

นี่ถ้าเป็นคดีลักทรัพย์ขึ้นมาจริงๆ ไม่เท่ากับส่งลูกสาวตัวเองเข้าคุกเหรอ

“คุณโทรหาจื่อจิน” ในที่สุดจงมั่นหวาก็เริ่มลนลาน “ฉันก็แค่อยากให้เธอกลับบ้านจริงๆ ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้”

ถ้าเธอถูกขังขึ้นมาจริงๆ ทั้งยังถูกปรับเงิน เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

สตรีไฮโซคนอื่นจะมองเธออย่างไร

“ขอโทษด้วยครับ คุณอิ๋งไม่อยากพบคุณถึงได้ให้ผมมา” สีเหวยหวนยิ้มอย่างสุภาพ “อีกอย่างผมขอเตือนคุณนายอิ๋งนะครับ คุณอิ๋งย้ายออกจากทะเบียนบ้านตระกูลอิ๋งแล้ว ความสัมพันธ์ที่ถูกรับมาเลี้ยงก็จบลงแล้วด้วยครับ”

“พูดในทางกฎหมาย คุณไม่ใช่คุณแม่ของเธอ”

“พูดในทางศีลธรรม คุณไม่คู่ควรเป็นคุณแม่ของเธอครับ”

คำพูดทั้งหมดนี้ราวกับเป็นการตบหน้าจงมั่นหวาอย่างไร้ความปรานี

เธอยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม ความอับอายแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนทะลักเข้ามาจนแทบจะฝังเธอไว้

“แน่นอนว่าต้องเป็นไปตามกระบวนการ” สีเหวยหวนยิ้ม “คุณนายอิ๋งช่วยเตรียมทนายด้วยนะครับ เราไปเจอกันในศาล แต่คุณเตรียมไปก็ไม่มีประโยชน์ คืนนี้…”

น้ำเสียงของเขาเหมือนเสียดาย “ดูท่าคุณจะต้องค้างคืนที่นี่แล้วล่ะครับ”

หลังจากที่สีเหวยหวนออกจากโรงพักก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทร “สวัสดีครับคุณอิ๋ง เสร็จเรื่องแล้วนะครับ”

“ลำบากคุณแล้วค่ะ” เสียงของอิ๋งจื่อจินเย็นชา “เดี๋ยวฉันโอนค่าใช้จ่ายให้นะคะ”

“คุณอิ๋งเกรงใจเกินไปแล้วครับ” สีเหวยหวนส่ายหน้า “คุณเป็นผู้มีพระคุณของผม เรื่องแค่นี้ผมต้องจัดการให้อยู่แล้วครับ”

คดีความชาวเน็ตครั้งก่อนที่เขารับเป็นเพราะสำนักงานทนายความมอบหมาย

แต่เรื่องหลังจากนั้นเขายินดีทำเอง

แม่ของเขาเป็นไมเกรนอย่างรุนแรง ไปรักษามาหลายโรงพยาบาลก็ยังไม่ดีขึ้น

แต่อิ๋งจื่อจินให้ใบสั่งยามา อาการของแม่เขาถึงหายดี

“มันคนละเรื่องกัน” อิ๋งจื่อจินหาวออกมา สีหน้าอ่อนล้า “เอาเป็นว่าขอบคุณนะคะ”

เธอวางสาย สายตากลับไปอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง

ตอนนี้สองทุ่ม ได้เวลาละครน้ำเน่าฉายพอดี

เวินทิงหลานทำข้อสอบวัดตรรกะอยู่ข้างๆ เงยหน้ามองโทรทัศน์บ้างเป็นครั้งคราว

ถ้าไม่ดูละครตบตีในวังหลวงก็ดูละครที่นางเอกขู่จะกระโดดน้ำหรือแขวนคอตาย

แต่พี่สาวของเขาดูท่าทางสนุกมาก

“…”

เวินทิงหลานมองโจทย์ที่ตัวเองต้องทำด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

เขารู้สึกเหมือนถูกกดดัน

หลังจากที่ทำไปอีกหนึ่งข้อเวินทิงหลานก็เงยหน้าขึ้น “พี่”

“อืม”

“สนุกจริงเหรอ”

“ก็ดี” อิ๋งจื่อจินเท้าคาง พูดขึ้น “บทธรรมดาไปหน่อย ดูต้นเรื่องก็เดาตอนจบได้แล้ว ฆ่าเวลาน่ะ”

เวินทิงหลานกลืนคำพูดที่ว่า ‘ผมว่ามันน้ำเน่าสุดๆ เลยนะ’ กลับลงไปอย่างเงียบๆ ทำโจทย์ต่ออย่างยอมรับชะตากรรม

อิ๋งจื่อจินมองนางเอกในละครพลางครุ่นคิด นึกขึ้นมาได้ว่าเธอยังมีบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์

นึกได้ถึงตรงนี้เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดส่งข้อความวีแชทหาเลขา

[เอาบทหนังบทละครของบริษัทช่วงนี้ส่งมาให้ฉันหนึ่งชุด]

เมื่อได้ทราบว่าจงมั่นหวาอยู่สถานีตำรวจ ทั้งยังถูกจับขัง อิ๋งเย่ว์เซวียนยังไม่ทันได้บอกอิ๋งเจิ้นถิงกับอิ๋งเทียนลี่ว์ก็รีบมาทันที

พอมาเจอ อิ๋งเย่ว์เซวียนก็งง “ทำไมแม่ถึงถูกจับขังล่ะคะ”

จงมั่นหวาเม้มริมฝีปาก ใบหน้ายังคงร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร

เธอไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเรื่องจะมาถึงขั้นนี้

จงมั่นหวาฝืนยิ้ม “น้องสาวของลูกไม่ได้มา แต่ส่งทนายของตัวเองมา บอกว่าแม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท แม่ก็เลยถูกขัง ลูกออกไปโทรหาพ่อกับพี่ชายของลูกนะ”

“หมิ่นประมาทเหรอคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนคิด เข้าใจแล้ว “แม่หมิ่นประมาทน้องได้ยังไงคะ”

จงมั่นหวาสีหน้าไม่สู้ดี “แม่ไม่ได้คิด แม่ก็แค่อยากให้น้องสาวของลูกกลับบ้าน วันๆ เอาแต่อยู่ข้างนอกมันใช้ได้ที่ไหนกัน”

เธอไม่เห็น ไม่รู้ว่าวันๆ อิ๋งจื่อจินคลุกคลีอยู่กับคนพวกไหน

เกิดไปก่อเรื่องขึ้นมาจะทำอย่างไร

ใครตามเช็ดตามล้าง

คิดว่าตัดขาดความสัมพันธ์แล้วจะลอยตัวงั้นเหรอ

พอถึงเวลามีคนเอาเรื่องก็มาหาตระกูลอิ๋งอยู่ดี

“แม่คะ แม่ทำเกินไปแล้วนะคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนถอนหายใจแล้วถึงพูดขึ้น “เดิมทีหนูก็ไม่เห็นด้วยกับเวยปั๋วโพสต์นั้น แต่เพราะแม่กับพ่อบอกว่าถ้าไม่โพสต์กิจการของตระกูลอิ๋งก็จะถูกโจมตี หนูถึงได้โพสต์”

“แต่แม่เคยคิดไหมว่า คนที่โดนอาเอาไปทิ้งที่แท้จริงคือน้องนะคะ”

“ไม่ต่างกัน” พอพูดถึงอิ๋งจื่อจินสีหน้าของจงมั่นหวาก็ยิ่งเย็นชา “ลูกเคยเห็นลูกสาวที่จับแม่ขังคุกไหมล่ะ”

เธอจับศีรษะ “พ่อของลูกงานยุ่ง โทรหาพี่ชายของลูกก่อนแล้วกัน”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท