คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 206 กล้าแตะต้องของของบอสเหรอ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ที่พูดแบบนี้ได้เป็นเพราะคุณนายจงสืบเรื่องของอิ๋งจื่อจินมาหมดแล้ว

เด็กบ้านนอกที่มาจากอำเภอชิงสุ่ย ไร้ที่พึ่งพาในฮู่เฉิง

เดิมทียังมีตระกูลอิ๋งเป็นที่พึ่ง ตอนนี้ออกจากตระกูลอิ๋งแล้วยังจะทำอะไรได้

ใช่ ยังมีสมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนอีก

แต่สมาคมศิลปะอักษรพู่กันแห่งประเทศจีนยังจะช่วยปกป้องพ่อกับน้องชายของอิ๋งจื่อจินที่มาจากบ้านนอกให้ด้วยเหรอ

เธอจะทำอะไรอิ๋งจื่อจินยังต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน แต่กับสองบ้านนอกนั่นเธอยังจะแตะต้องไม่ได้อีกเหรอ

คุณนายจงเชื่อว่าอิ๋งจื่อจินจะต้องรู้จักแยกแยะสถานการณ์

“ได้”

ทว่าน้ำเสียงของอิ๋งจื่อจินยังคงราบเรียบ ถึงขนาดที่ว่าเจือไปด้วยโทนเสียงหัวเราะเล็กน้อย น้ำเสียงไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย มีความเย็นชา “ก็ลองดู”

คุณนายจงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ “อิ๋งจื่อจิน ฉันให้โอกาสเธอแล้วนะ ทางที่ดีเธออย่า…”

มีเสียงดัง “ตู๊ดๆๆ” ออกมาจากโทรศัพท์ สายถูกตัดไปแล้ว

คุณนายจงสูดลมหายใจเข้าลึก แสยะยิ้ม “ดีมาก ดี เด็กวัยรุ่นสมัยนี้มันยโสอวดดีจริงๆ แถมยังใจกล้า มาอยู่เมืองใหญ่ก็ลืมกำพืดตัวเองแล้วว่าเป็นใครมาจากไหน”

“แม่คะ อย่า…” จงจือหว่านยังคงงงอยู่ “อันที่จริงอิ๋งจื่อจิน…”

“อย่าเหย่ออะไรล่ะ” คุณนายจงวางหูโทรศัพท์ “เด็กนั่นจงใจเหยียบย่ำลูก ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้เปิดเผยเรื่องเทศกาลศิลปะในตอนนี้”

ริมฝีปากของจงจือหว่านขยับ อยากบอกว่าเธอแน่ใจว่าคนที่โพสต์กระทู้คืออิ๋งเย่ว์เซวียนแน่นอน

แต่เธอรู้ว่าพูดออกไปก็ไม่มีใครเชื่อ

“ในเมื่อเด็กนั่นไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงได้ขนาดนี้ ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน” คุณนายจงกดโทรศัพท์อีกครั้ง ไม่รู้ว่าโทรหาใคร “ฮัลโหล สืบหาที่อยู่ของสองพ่อลูกเวินเฟิงเหมียนกับเวินทิงหลาน”

“สืบได้แล้วก็บอกฉัน ฉันจะให้คนไปคุมตัวพวกเขาไว้”

จงจือหว่านทำหน้าอึ้ง แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านคุณนายจง

“เอาล่ะ งั้นตอนนี้พวกเราไปชูกวงมีเดีย” คุณนายจงยืนขึ้นแล้วพูดเตือนอีกครั้ง “ลูกห้ามทำตัวก้าวร้าวกับนักออกแบบของพวกเขา ไปก้มหน้าขอโทษเข้าใจไหม”

จงจือหว่านพยักหน้าด้วยท่าทางแข็งทื่อ

แต่ยังไม่ทันที่คุณนายจงจะได้ทันเก็บของเดินออก ประตูคฤหาสน์ก็ถูกเปิดออก

คนที่กลับมาคือผู้เฒ่าจง รวมถึงพ่อบ้านจงที่ตามมาอยู่ด้านหลัง

ทั้งสองคนเพิ่งกลับมาจากบริษัท

เรื่องที่จงจือหว่านคัดลอกผลงานก็ส่งผลกระทบต่อจงซื่อกรุ๊ปเช่นกัน โดยเฉพาะการที่จงซื่อกรุ๊ปก็มีความเกี่ยวข้องกับวงการออกแบบอยู่ไม่น้อย

อย่างไรเสียไม่ว่าอย่างไรจงจือหว่านก็เป็นคุณหนูใหญ่ของจงซื่อกรุ๊ป

แต่โชคดีที่จงซื่อกรุ๊ปทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมาตลอด ชาวเน็ตส่วนใหญ่เลยไม่ได้เอาสองเรื่องนี้มารวมกัน

แต่ชาวเน็ตส่วนน้อยก็เพียงพอทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นของบริษัทกลุ้มใจอยู่พอสมควร

เพราะบรรดาผู้ถือหุ้นไม่พอใจในตัวจงจือหว่านมากทีเดียว

ผู้เฒ่าจงไม่มองจงจือหว่าน เขาเบือนหน้าหนี

“คุณหนูใหญ่ นี่พาสปอร์ตของคุณหนูครับ” พ่อบ้านจงเดินขึ้นหน้าแล้วหยิบสมุดเล่มหนึ่งให้ “ตั๋วเครื่องบินกำหนดเดินทางสุดสัปดาห์นี้ เวลาระหว่างนี้เพียงพอให้คุณหนูขอโทษสาธารณชนแล้วครับ”

จงจือหว่านตัวสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกเหลือเชื่อ “คุณปู่?”

เธอรับตั๋วเครื่องบินมา ตอนที่เห็นปลายทางเป็นประเทศเล็กๆ ที่อยู่ทางตอนเหนือของยุโรป มือก็เริ่มสั่น

“ท่านผู้เฒ่า!” สีหน้าของคุณนายจงก็เปลี่ยนไป “ทำไมต้องส่งไปเมืองนอกด้วยคะ”

ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องดี แต่สำหรับลูกหลานตระกูลเศรษฐีแล้ว นี่คือการเนรเทศ

เหตุการณ์เลวร้ายถึงขีดสุดแล้วถึงได้เลือกทำแบบนี้

“คุณหนูใหญ่ทำเกินไป คุณท่านยุติธรรมมาตลอด ช่วยปกป้องคุณหนูไม่ได้แล้วครับ” พ่อบ้านจงไม่สนใจคุณนายจง “นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณท่านให้คุณหนูได้ ไปเมืองนอกแล้วเริ่มต้นใหม่ครับ”

“จะมีคนคอยจับตาดูคุณหนูอยู่ที่นั่นจนกว่าจะอายุครบสิบแปดปี รับรองได้ว่าคุณหนูจะปลอดภัย อาหารการกินที่อยู่อาศัยมีพร้อม หลังจากโตเป็นผู้ใหญ่จะต้องพึ่งพาตัวเองทั้งหมดครับ”

“ตอนคุณท่านอายุเท่าคุณหนูก็ได้เริ่มสร้างกิจการของตัวเองแล้วครับ”

มือของจงจือหว่านสั่นเทา น้ำตาก็ไหลออกมา

เธอเป็นเจ้าหญิงของบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่เคยต้องลำบากแม้แต่น้อย

ให้เธอไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในสถานที่ต่างบ้านต่างเมือง มันคือการลงโทษอย่างโหดร้ายชัดๆ

“ไม่ได้!” คุณนายจงรับไม่ได้ “ฉันไม่มีทางส่งหว่านหว่านไปเมืองนอก!”

“คุณนายใจเย็นๆ ครับ” พ่อบ้านจงหยิบเอกสารออกมาอีกฉบับหนึ่ง “อันนี้ของคุณนายครับ”

“อะไร” คุณนายจงรับมาดู จากนั้นดวงตาก็เบิกโพลง

นี่เป็นหนังสือหย่า

เธอเปิดไปดูหน้าสุดท้ายก็เห็นมีลายเซ็นอยู่ในนั้นแล้ว

จงไห่เหยียน

พ่อบ้านจงชี้ไปที่กระดาษอีกแผ่นอย่างใส่ใจ “นี่เป็นคำพูดที่คุณไห่เหยียนฝากถึงคุณครับ”

พอเห็นกระดาษแผ่นนั้น คุณนายจงก็เบิกตาโพลงอีกครั้ง

ความหมายประมาณว่า เธอสอนจงจือหว่านจนเสียคน จงไห่เหยียนผิดหวังเกินจะอดทน ต้องการหย่ากับเธอ

แบบนี้คือต้องการขับไล่เธอออกจากตระกูลจง

จงจือหว่านเป็นหลานสาวของผู้เฒ่าจง แต่เธอไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับตระกูลจงแม้แต่น้อย

คุณนายจงนึกไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ แม้แต่จะยืนยังยืนไม่อยู่

ทว่ามือของเธอกลับถูกบังคับให้จับปากกา

“เซ็นชื่อเถอะครับคุณนาย”

คุณนายจงรู้ว่าไม่ว่าเธอจะขัดขืนอย่างไรก็หมดหนทาง จำต้องเซ็นชื่อตัวเองลงไป

พ่อบ้านจงเก็บหนังสือหย่าไป “อีกไม่กี่วันคุณไห่เหยียนจะกลับมา พอถึงตอนนั้นจะแจ้งให้คุณไปที่สำนักงานเขตนะครับ”

ในที่สุดผู้เฒ่าจงก็พูดขึ้นในเวลานี้ “พ่อบ้าน พาออกไป”

เมื่อเทียบกับพูดว่าพาออกไป ไม่สู้พูดว่าไล่ออกไป

ข้าวของเครื่องใช้ของคุณนายจงในช่วงหลายปีมานี้ก็ได้ถูกโยนออกไปทั้งหมด

ผู้เฒ่าจงขึ้นชั้นบน

พ่อบ้านจงหยุดยืน พูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “คุณหนูใหญ่ไปคิดเอาเองนะครับ”

เวลานี้บนเกาะแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากประเทศจีนไปห้าโซนเวลา

เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่บนมหาสมุทรแปซิฟิก โอบล้อมด้วยทะเล พื้นที่กว้างใหญ่ ความงามเพียงพอให้เทียบได้กับเมืองที่มีประชากรห้าล้านคน

ทว่ากลับหาตำแหน่งของเกาะนี้บนแผนที่โลกไม่เจอ

นี่คือหนึ่งในจุดรวมตัวของสมาพันธ์ลับ

บนเกาะมีสนามบินโดยเฉพาะ และยังมีท่าเรือ

อิ๋งจื่อจินยังอยู่บนเครื่องบิน เธอนั่งยองเล็กน้อย กำลังมองคอมพิวเตอร์

บนหน้าจอคอมพิวเตอร์มีรูปภาพสองรูป ด้านข้างยังได้เชื่อมต่อกับเครื่องที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ไม่ทราบชื่อ

คล้ายเครื่องพิมพ์เอกสาร

เธอมองฟู่อวิ๋นเซินกดปุ่มไม่กี่ที เครื่องนั้นก็เริ่มทำงาน

ไม่กี่นาทีต่อมาหน้ากากสองอันที่เบาเหมือนขนนกก็ปรากฏขึ้น

รูปเหมือนในหน้าจอ

ฟู่อวิ๋นเซินยื่นหน้ากากอันหนึ่งให้เธอ

อิ๋งจื่อจินรับมาพลางพยักหน้า “สรุปว่านักแปลงโฉมที่ติดชาร์ตพวกนั้นแท้จริงแล้วใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่างนั้นเหรอ”

“ก็ไม่แน่” ฟู่อวิ๋นเซินแสยะยิ้ม “ก็มีอย่างอื่นเหมือนกัน แต่นั่นเป็นความสามารถเฉพาะตัว เวลากระชั้น ใช้นี่แล้วกัน”

อิ๋งจื่อจินสวมหน้ากาก

เธอพบว่าไม่เพียงแต่มันจะไม่ทำร้ายผิว กลับกระชับใบหน้าด้วยซ้ำ

ในกระจกก็ปรากฏอีกใบหน้าหนึ่ง มองไม่ออกว่าใบหน้าเดิมเป็นอย่างไร

เธอครุ่นคิด

ดูท่าวิชาของเธอจะตกยุคไปแล้ว การแปลงโฉมของเธอยังใช้การแต่งหน้าอยู่

พอทั้งสองคนลงจากเครื่องบินก็มีคนเข้ามาหาทันที

“ในที่สุดคุณชายก็มาถึงแล้ว” เด็กหนุ่มคนหนึ่งรีบสาวเท้าเดินเข้ามา “เกิดเรื่องนิดหน่อยครับ คุณชายต้องไปจัดการสักครู่”

สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก เขาหันหน้าไป

“คุณไปเถอะ” อิ๋งจื่อจินสวมหมวกกันแดด “ฉันไม่เป็นไร”

“อยู่แค่ตรงศูนย์กลาง ที่อื่นวุ่นวาย อย่าเพิ่งไป” ฟู่อวิ๋นเซินพูดจบก็หันหน้ากลับไป “ตอนฉันไม่อยู่ คำสั่งของเธอก็เหมือนคำสั่งของฉัน”

เด็กหนุ่มมีสีหน้าตกใจ รีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว “ครับ!”

แต่ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้ออกไปทันที เขาพาอิ๋งจื่อจินไปส่งที่ศูนย์กลางก่อน

ศูนย์กลางของสมาพันธ์ลับไม่ต่างอะไรจากใจกลางเมืองของเมืองใหญ่มากนัก มีศูนย์การค้ามีห้างสรรพสินค้า และยังมีสิ่งต่างๆ เพื่อความบันเทิง

“คุณอิ๋ง สวัสดีครับ ผมชื่ออวิ๋นซาน” เด็กหนุ่มพูดด้วยความนอบน้อม “ระหว่างนี้ผมจะรับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของคุณครับ”

ในขณะเดียวกันอวิ๋นซานก็แอบลอบสังเกตเด็กสาวอย่างเงียบๆ

เกิดความสงสัยภายในใจ

เขาย่อมรู้ว่าฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจินแปลงโฉมแล้ว

แต่เขาก็มองไม่ออกจริงๆ ว่าเธอมีความพิเศษตรงไหน

คนที่ทำให้ฟู่อวิ๋นเซินพูดแบบนั้นได้จะต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดากว่าคนอื่นแน่นอน

“เกรงใจเกินไปแล้ว” อิ๋งจื่อจินเชิดคางขึ้นเล็กน้อย “ฉันจะไปซื้ออะไรกินหน่อย”

อวิ๋นซานยังงงอยู่

จากนั้นสิบกว่านาทีต่อมาเขาก็เห็นเด็กสาวซื้อชานมกับขนมหวาน เดินเตร็ดเตร่ราวกับเดินเที่ยว

อวิ๋นซานคิดในใจ เด็กสาวคนนี้สบายใจเกินไปหรือเปล่า

ถึงแม้ศูนย์กลางจะมีความสงบเรียบร้อยมากที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดเรื่อง

เกิด…

ความคิดนี้ของเขาเพิ่งปรากฏ ทันใดนั้นหูก็ได้ยินเสียงเอะอะที่ดังมาก

ตรงด้านหน้ามีคนสิบกว่าคนกำลังเดินมาทางนี้

และก็ไม่สนว่าตรงหน้ามีใครบ้าง ถีบออกหมด

“เป็นคนของดาร์กโกลด์” อวิ๋นซานมองไป สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “พวกเขากล้าสร้างความวุ่นวายที่ศูนย์กลางเลยเหรอ”

เขารีบพูดขึ้น “คุณอิ๋งครับ พวกเราไปทางนี้ครับ”

อิ๋งจื่อจินก็ไม่ได้อยากมีปัญหากับคนที่นี่ เธอพยักหน้าแล้วหันตัวไป

แต่ช้าไปหนึ่งก้าว

คนกลุ่มนี้เดินเข้ามาแล้ว

เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่หนึ่งในนั้นไม่แม้แต่จะมอง เหวี่ยงมือออกไป ปัดขนมกับชานมที่อยู่ในมืออิ๋งจื่อจินตกพื้นไปทั้งหมด

อิ๋งจื่อจินหยุดเดิน

เธอเหลือบมองของที่เละเทะอยู่บนพื้น

สองวินาทีถัดมาก็เงยหน้าขึ้น

พร้อมถกแขนเสื้อ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท