คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 235 สายจากมู่เฮ่อชิง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

รู้สึกเหลือเชื่อในชั่วขณะ ผู้ชายคนนั้นลุกพรวดตามมาด้วยเสียงเก้าอี้ล้ม

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเสียบุคลิกมู่เฉินโจวตะลึง คิดว่าเขาโกรธแล้ว

“คุณจิ่งอวี้!”

เมิ่งจิ่งอวี้ไม่สนใจมู่เฉินโจว เขาแค่มองฟู่อวิ๋นเซินราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้สายตาเปลี่ยนไปอีกครั้ง

แต่ท่าทางของเขาเมื่ออยู่ในสายตาคนอื่นก็คือกำลังโมโหมาก พอเห็นเหตุการณ์นี้ซูหร่วนก็แสยะยิ้ม แอบรู้สึกสะใจ เธอหันไปพูดกับฟู่อี้หัน

“คุณดูสิ ปล้นเงินฉันไปห้าแสนต่อมาก็ซื้อดอกไม้เน่าๆ เอาใจสาวในราคาห้าล้าน เขาหมายความว่าไง”

“แล้วนี่ไปล่วงเกินตระกูลทางตี้ตู พวกคุณไม่ไปจัดการหน่อยเหรอ”

ฟู่อี้หันขมวดคิ้ว พูดเสียงขรึม “เสี่ยวหร่วนอย่าทำแบบนี้”

“ฉันเป็นแบบนี้จะทำไม” ซูหร่วนยิ่งพูดก็ยิ่งน้อยใจขอบตาเริ่มแดง

“คุณไม่รู้หรอกว่าเมื่อครู่เขาดูถูกฉันยังไง ให้ฉันซื้อแก้วเส็งเคร็งในราคาห้าแสน แถมยังเป็นเพราะผู้หญิงอื่นด้วย”

หลังจากที่เธอกับฟู่อี้หันกลับมาอยู่ฮู่เฉิง ความน้อยเนื้อต่ำใจทั้งหมดที่ได้รับล้วนมาจากฟู่อวิ๋นเซิน จนถึงตอนนี้เธอก็ยังเข้าห้างเซ็นจูรี่ไม่ได้ลับหลังมีพวกคุณหนูมากมายที่หัวเราะเยาะเธอ ทั้งยังบอกว่าเธอน่าขยะแขยงชั้นต่ำ หมั้นหมายกับคนนึงแต่กลับไปขึ้นเตียงกับอีกคน

ซูหร่วนโมโหมาก

แต่อย่างไรเสียตระกูลซูก็อยู่ไกลถึงตี้ตู ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ไม่ยุ่งเรื่องทางฮู่เฉิง จึงหนุนหลังให้เธอไม่ได้ และก็เพราะเรื่องที่เธอผิดสัญญาแต่งงาน ผ่านมาสองปีกว่าแล้วผู้เฒ่าซูก็ยังคงโกรธเธออยู่

บอกว่าในเมื่อเธอแต่งเข้าตระกูลฟู่ไปแล้วก็ต้องเชื่อฟังฟู่หมิงเฉิงกับคุณนายฟู่ทุกเรื่อง

ลูกสาวที่ออกเรือนไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดรดออกไปต่อไปเธอจะเป็นอย่างไร ตระกูลซูก็ไม่มีทางเข้าไปยุ่งแล้ว ด้วยเหตุนี้ซูหร่วนถึงนึกโทษฟู่อวิ๋นเซินมากเป็นพิเศษ

ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นคนที่เธอหมั้นด้วยคือฟู่อวิ๋นเซิน เธอคงไม่ถึงกับต้องโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งแบบนี้

“คุณใช้แก้วของคนอื่น ชดใช้ก็ถูกแล้ว” ฟู่อี้หันนวดหว่างคิ้ว “เสี่ยวหร่วน เชื่อผม อวิ๋นเซินก็มีชีวิตของตัวเองคุณไม่มีธุระอะไรก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา ขนาดพวกผมยังไม่ยุ่งเลย”

“ก็เพราะพวกคุณไม่ยุ่งนี่แหละฉันถึงต้องยุ่ง” ซูหร่วนไม่ฟังเธอยืนกราน

“ชีวิตนี้ฉันต้องข่มเขาให้ได้ ทำให้เขายอมเรียกฉันว่าพี่สะใภ้ใหญ่”

เธอทำสีหน้าดูถูก รู้สึกสะใจ

“แต่ก็ไม่จำเป็นแล้ว ล่วงเกินตระกูลทางตี้ตูคุณปู่ก็ช่วยไม่ได้หรอก”

ครั้งก่อนตระกูลฟู่ส่งฟู่อวิ๋นเซินไปหลบภัยที่ยุโรปได้ คิดว่าจะสำเร็จทุกครั้งเหรอ เห็นได้ชัดว่าฟู่อี้หันก็ตระหนักถึงปัญหานี้ เขาขมวดคิ้วรู้สึกกังวลมาก

ซูหร่วนยิ้มกว้าง รอดูอีกเดี๋ยวเมิ่งจิ่งอวี้เอาเรื่องฟู่อวิ๋นเซิน

ทว่า…เมิ่งจิ่งอวี้ค่อยๆ ถอนหายใจ พูดเสียงเบา

“ผมไม่มีคุณสมบัติที่จะเอาของชิ้นนี้แล้ว ก่อนหน้านี้ผมผิดเองที่บังคับคนอื่น”

“ก็แค่ดอกไม้ดอกเดียว เดี๋ยวไปหาเอาใหม่ก็ได้”

รอยยิ้มของซูหร่วนค้างเติ่ง

มู่เฉินโจวก็อึ้ง “คุณจิ่งอวี้”

สายตาที่เมิ่งจิ่งอวี้มองมู่เฉินโจวเย็นชาลงเล็กน้อย เขาพูดเพียงว่า “ประมูลต่อ”

“งั้นก็หมื่นเดียวแล้วกัน” ฟู่อวิ๋นเซินละสายตา นิ้วเคาะเบาๆ

“ผมเปลี่ยนใจแล้ว ถ้าใครอยากแข่งประมูลก็เชิญ” เมิ่งจิ่งอวี้ไม่พูด

เขาขมวดคิ้วแน่นหน้าผากที่สะอาดเริ่มมีเหงื่อผุด

มู่เฉินโจวไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมท่าทีของเมิ่งจิ่งอวี้ถึงได้เปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้ แต่ตอนนี้คนที่กระอักกระอ่วนกลับเป็นเขาแล้ว สีหน้าของมู่เฉินโจวเริ่มจนตรอกไม่กล้ามองอิ๋งจื่อจินนั่งตัวแข็งอยู่ตรงนั้นมือเกร็งเล็กน้อย

คนที่ให้ดอกทิวลิปนี้มาประมูลเดิมทีก็ตั้งราคาขั้นต่ำไว้สูงมากอยู่แล้ว ดังนั้นต่อให้เป็นราคาหนึ่งหมื่นก็ถือว่าสูง แต่ประเด็นคือนี่เป็นแค่ดอกทิวลิปธรรมดาๆ

ถ้าเป็นหลิงจือหิมะแบบนั้นราคาจะยิ่งสูง ไม่อย่างนั้นเมิ่งจิ่งอวี้ไม่มีทางมาด้วยตัวเอง นักประมูลเป็นแค่คนรับจ้างทำงาน เขารีบให้เจ้าหน้าที่เอาดอกทิวลิปดอกนี้เก็บเข้ากล่องแล้วเอาลงไป

อิ๋งจื่อจินรับกล่องมา เปิดออกเอามือสัมผัสกลีบดอกไม้เบาๆ ดวงตาวูบไหวเล็กน้อย หลิงจือหิมะดอกนี้สภาพดีกว่าที่เธอคิดไว้ อายุน่าจะห้าร้อยปีได้แล้ว ด้วยเหตุนี้พอไม่อยู่กับดินถึงยังดำรงชีวิตอยู่ได้ อีกทั้งยังรักษาสรรพคุณทางยาไว้ได้อย่างครบถ้วน

น่าจะเพิ่งมีคนค้นพบเมื่อไม่นานมานี้แล้วเด็ดมันออกมา ส่วนมันกลายเป็นดอกทิวลิปพันธุ์ผสมได้อย่างไรนั้นไม่มีใครรู้

เงื่อนไขในการเจริญเติบโตของหลิงจือหิมะกับดอกหนิงเสินมีจุดที่เหมือนกันตรงที่อุณหภูมิต้องติดลบหลายสิบองศา

แต่หลิงจือหิมะขึ้นตามหน้าผา ทางทวีปแอนตาร์กติกามีกลุ่มคนรับจ้างจำนวนไม่น้อยที่รับหน้าที่สำรวจสมุนไพรโดยเฉพาะ เพียงแต่ต่อให้เป็นกลุ่มคนรับจ้าง ขณะที่เดินทางอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกาก็ยังต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเหมือนกัน

โลกใบนี้มีวิวัฒนาการมาแล้วหลายพันล้านปีผ่านมาหลายยุคสมัย มีไวรัสดึกดำบรรพ์มากมายที่อยู่ใต้ชั้นน้ำแข็ง แต่เมื่อใดก็ตามที่พวกมันถูกปล่อยออกมาก็ล้วนมีความเป็นไปได้สูงที่จะทำลายล้างโลกทั้งใบ ด้วยเหตุนี้สมุนไพรพวกนี้ที่ขึ้นในทวีปแอนตาร์กติกาจึงมีค่าตัวสูงมากในเว็บบอร์ดเอ็นโอเค

อย่างหลิงจือหิมะก็เริ่มต้นที่ห้าล้านดอลล่าร์แล้ว

เธอซื้อมาในราคาหนึ่งหมื่นก็เท่ากับกำไรมากโข

เยี่ยมมาก!

“ฉันนึกออกเรื่องหนึ่ง” อิ๋งจื่อจินยืดตัวตรงครุ่นคิด

“เคยได้ยินข่าวลือว่าคุณล่วงเกินตระกูลหนึ่งในตี้ตูเลยถูกส่งไปยุโรป ตระกูลเมิ่งเหรอ”

“นั่นไม่ใช่ข่าวลือ” ฟู่อวิ๋นเซินหลับตา “พี่ชายไปจากประเทศจีนจริงหลังจากที่ทำสมาชิกสายตรงคนหนึ่งของตระกูลเมิ่งพิการ”

อิ๋งจื่อจินหันไปมองเมิ่งจิ่งอวี้ “เขาเหรอ”

“ไม่ใช่” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “แต่เขามองอยู่ข้างๆ” อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว

แค่มองดูก็ฝังใจได้ขนาดนี้เลยเหรอ ไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาลงมือโหดเหี้ยมขนาดไหน

“ผู้บัญชาการ” คำเรียกนี้ทำให้แววตาของฟู่อวิ๋นเซินหม่นลงเล็กน้อย “ทำไมเหรอ”

อิ๋งจื่อจินปิดกล่อง หันหน้าไป “ว่างๆ ก็มาสู้กันหน่อย”

คนอื่นไม่ได้เรื่องเวลาเธอสู้ต้องคุมแรงเอาไว้

“หืม?” ทันใดนั้นดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินก็โค้งมน น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย

“เอาสิเด็กน้อย พอถึงตอนนั้นก็ออมมือให้บ้างนะ”

เขาหยุดเล็กน้อย “อย่าทำที่หน้าพี่ชายล่ะ แต่ตรงอื่นได้หมด”

“…”

ครึ่งหลังของการประมูลผ่านไปอย่างเงียบสงบ และก็เพราะเรื่องแย่งชิงดอกทิวลิปที่เข้ามาแทรก ทำให้ไม่มีใครแย่งตอนอิ๋งจื่อจินประมูลเครื่องเคลือบลายครามแดงที่มู่เฮ่อชิงต้องการ ใครจะกล้าแย่ง!

ไม่เห็นคุณชายเจ็ดนั่งอยู่ตรงนั้นเหรอ วางมาดประมาณว่าใครกล้าแย่งเขาก็จะเอาเงินฟาดๆ

อิ๋งจื่อจินมองเครื่องเคลือบลายครามแดงที่เธอประมูลมาในราคาห้าล้าน เงียบไปชั่วครู่

เธอกดเปิดวีแชทส่งข้อความหามู่เฮ่อชิง

[ผู้เฒ่ามู่คะ ประหยัดเงินไปเยอะเลย]

[?]

[หนูคิดว่าผู้เฒ่ามู่ควรขอบคุณหนู ส่งขนมมาให้หนู]

[…]

มู่เฮ่อชิงทำอารมณ์ไม่ถูก

[ได้ๆ เสี่ยวอิ๋ง ต่อไปฉันจะดูแลเรื่องขนมขบเคี้ยวของเธอเอง อย่าว่าแต่ขนมเลย เธออยากกินข้าวร้านไหนในประเทศฉันก็เลี้ยงเธอได้]

อิ๋งจื่อจินปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ถือกล่องสองใบเดินเข้าลิฟท์กลับขึ้นห้องพัก

ฟู่อวิ๋นเซินรู้ว่าเธอจะไปพบริต้า เบวินตอนเช้ามืด เขาไม่วางใจเรื่องความปลอดภัยจึงจะตามไปด้วย

หลังจบงานประมูลจงมั่นหวาก็ลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็บากหน้าเข้าไปหา

“คุณเมิ่งคะ เรื่องตรวจรักษาที่คุณว่าพูดจริงหรือเปล่าคะ”

ตระกูลเมิ่งเป็นตัวแทนของความเจริญรุ่งเรืองของแพทย์แผนจีนในประเทศจีน

ตอนนั้นมู่เฮ่อชิงเกือบตายไปแล้ว แต่ได้ตระกูลเมิ่งช่วยชีวิตกลับมาได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาการปวดหัวของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋ง

“ตรวจรักษาเหรอครับ” เมิ่งจิ่งอวี้หันมามองสำรวจจงมั่นหวา

สักพักเขาถึงนึกออกว่าเป็นคุณนายตระกูลอิ๋ง สีหน้าของเขายังคงอ่อนโยน โทนเสียงนุ่มลึก อมยิ้ม

“ขอโทษด้วยครับ พวกคุณอาจยังไม่มีคุณสมบัติมากพอ”

ขนาดมู่เฮ่อชิงบางครั้งยังต้องไปหาที่แวดวงแพทย์แผนโบราณด้วยตัวเอง

แล้วตระกูลอิ๋ง? เป็นใครกัน เงินเหรอ ตระกูลเมิ่งไม่ใช่ตระกูลทั่วไป พวกเขาไม่ได้ร้อนเงิน

จงมั่นหวาหน้าซีด อ้าปากค้าง “แต่…”

“หลบหน่อยครับ” เมิ่งจิ่งอวี้ไม่สนใจจงมั่นหวา เขาเดินผ่านไป

มู่เฉินโจวที่อยู่ข้างๆ มองจงมั่นหวาด้วยสีหน้าสับสนแล้วเดินตามเมิ่งจิ่งอวี้ออกไป

จงมั่นหวายืนนิ่งอยู่ที่เดิม ผ่านไปนานก็ยังไม่ได้สติกลับมาหน้าเสียยิ่งกว่าเดิม

“ไปกันเถอะคะแม่” อิ๋งเย่ว์เซวียนดึงแขนเสื้อของเธอ พูดกระซิบ

“อาการป่วยของคุณย่าจะต้องมีหนทางอื่นแน่นอนค่ะ”

จงมั่นหวารีบเดินออกท่ามกลางสายตาของคุณนายคนอื่น และลูกหลานตระกูลเศรษฐี

ด้านนอกห้องจัดงาน

ขณะที่มู่เฉินโจวกำลังจะเรียกเมิ่งจิ่งอวี้ ทันใดนั้นกลับถูกเสียงโทรศัพท์มือถือขัดจังหวะ

“แม่” มู่เฉินโจวสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วถึงพูดต่อ

“งานประมูลทางนี้เพิ่งจบ ทุกอย่างปกติดีครับ”

“งั้นก็ดี” คุณนายมู่ยิ้ม

“ลูกฝึกฝนตัวเองได้อีกขั้น วันหน้าได้สืบทอดตระกูลมู่ก็จะมีหลักประกันเพิ่มขึ้นอีกอย่าง”

“ผมยังมีแขกต้องดูแลอีก” มู่เฉินโจวพยักหน้า “ถ้าแม่ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรไว้เดี๋ยวผมโทรหานะครับ”

“เฉินโจว เดี๋ยวก่อนลูก” คุณนายมู่รีบเรียกไว้ “คุณมู่เฉิงอยู่ข้างๆ บอกว่ามีเรื่องอยากพูดกับลูก”

มู่เฉินโจวอึ้ง “คุณปู่เหรอครับ”

มู่เฉิงเป็นตัวแทนของมู่เฮ่อชิง สายของเขาก็เท่ากับเป็นสายจากมู่เฮ่อชิง

มู่เฉินโจวยังไม่ได้สติกลับมาปลายสายก็เปลี่ยนเสียงคนพูดแล้ว

“คุณชายเฉินโจว ผมมู่เฉิงนะครับ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท