คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 239 ตบ ให้ฟู่อี้หันเปลี่ยนเมีย

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คิดว่าตัวเองเป็นพวกหยั่งรู้ หรือทำนายเป็นอย่างนั้นเหรอ

รู้ล่วงหน้าว่าเขาจะพูดอะไรงั้นเหรอ

“นั่นใคร” ชายวัยกลางคนหันหน้ากลับมามองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดด้วยสายตาเย็นชา “ไหนว่าชูกวงมีเดียควบคุมเข้มงวด ปล่อยให้ดาราชั้นปลายแถวขึ้นมาถึงชั้นนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”

ถึงแม้สำนักงานใหญ่ของชูกวงมีเดียวจะอยู่ที่ตี้ตู แต่พื้นที่ของสำนักงานสาขาฮู่เฉิงก็ไม่ได้เล็ก ทางตี้ตูรับงานในวงการโทรทัศน์ และภาพยนตร์ระดับนานาชาติ ส่วนทางฮู่เฉิงดูแลงานในประเทศ โดยทั่วไปทั้งสองฝ่ายแยกกันคนละส่วน ตึกของสำนักงานสาขาฮู่เฉิงมีทั้งหมดสามสิบชั้น เหนือชั้นยี่สิบหกขึ้นไปเป็นพื้นที่ทำงานของผู้บริหารระดับสูง เช่น ผู้อำนวยการฝ่าย บอร์ดบริหาร รวมถึงซีอีโอ เป็นต้น

ลิฟท์ของพนักงานกับดาราจะขึ้นมาไม่ถึงชั้นที่ยี่สิบหกและต้องรูดบัตรประจำตัวเท่านั้นถึงจะเข้าได้

ชายวัยกลางคนก็คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิง ย่อมให้ความสนใจพวกดาราในแต่ละสายงาน

แต่เขาไม่เคยเห็นอิ๋งจื่อจินในวงการบันเทิง หน้าตาแบบนี้ ต่อให้ไม่มีความสามารถอะไร สร้างภาพลักษณ์สวยขึ้นหิ้งก็ประสบความสำเร็จเป็นดาราชั้นแนวหน้าในวงการบันเทิงได้

สวยขั้นเทพ!

คำนี้หากเอาไปใช้กับดาราหญิงชั้นแนวหน้าคนอื่นในวงการบันเทิงอาจเป็นการชมเกินไปหรืออาจมีคนไม่เห็นด้วย แต่ถ้าใช้กับเด็กสาวคนนี้ อาจยังไม่พอด้วยซ้ำ ชายวัยกลางคนฟันธงได้ทันทีว่าเธอเป็นดาราที่เพิ่งเซ็นสัญญากับชูกวงมีเดีย

แววตาของเขาเปลี่ยนไป

ชูกวงมีเดียเป็นบริษัทบันเทิงอันดับหนึ่งของวงการบันเทิงในประเทศจีนแล้ว นี่ถ้าปล่อยให้ชูกวงมีเดียงัดไพ่เด็ดใบนี้ออกไปต่อไปพวกเขายังจะเหลืออะไรให้กินอีกเหรอ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดกับฝ่ายกระจายสื่อไม่ได้ฟังชายคนนี้ และก็ไม่ได้ตอบ

ทั้งสองคนลุกพรวด มองตรงไปที่เด็กสาว ตื่นเต้นกังวลจนพูดไม่ออก

“บะ…บะ…”

ในฐานะที่พวกเขาเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทย่อมรู้ว่าประธานใหญ่เปลี่ยนคนแล้ว รู้มาจากปากเลขาสาวว่าประธานใหญ่เป็นเด็กสาวอายุยังน้อย

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจออิ๋งจื่อจิน

นึกไม่ถึงเลยว่าประธานใหญ่ของพวกเขาคนนี้จะสวยพิฆาตสยบดาราสาวในวงการบันเทิงทุกคน ในที่สุดเลขาสาวก็พอใจแล้ว ยังดีที่ตอนเธอเจอบอสครั้งแรกอย่างน้อยก็ไม่ได้พูดติดอ่าง ชายสูงวัยสองคนนี้ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ

อิ๋งจื่อจินมองผู้ช่วยที่ถูกปาแฟ้มใส่หน้าจนมีรอยแดง เธอชี้เอกสารบนพื้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“เก็บขึ้นมา”

คำพูดนี้ทำให้พวกคนที่อยู่ด้านหลังชายวัยกลางคนหน้าถอดสี

ชายวัยกลางคนแสยะยิ้ม “ว่าไงนะ สั่งฉันเหรอ”

แม้แต่ผู้อำนวยการของชูกวงมีเดียยังต้องให้ความเคารพเขา

แล้วกับแค่ดาราที่ยังไม่ได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการ?

เขามีเป็นร้อยเป็นพันวิธีทำให้เธอหายไปจากวงการอย่างเงียบๆ อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย

“ถ้าฉันเก็บเองใบหน้าของคุณก็จะไม่ปลอดภัยแล้ว”

ชายวัยกลางคนหัวเราะอีกครั้ง เขานั่งไขว่ห้าง

“ไม่เก็บ เธอจะทำอะไรฉันได้”

เลขาสาวรู้ใจ ก้มเก็บแฟ้มเอกสารสีน้ำเงินเล่มนั้นขึ้นมาทันทีแล้วยื่นให้

อิ๋งจื่อจินรับมา ง้างมือขึ้น

“ผัวะ” ฟาดไปที่หน้าชายวัยกลางคน

ดูเหมือนเธอไม่ได้ออกแรงอะไร แต่กลับรุนแรงกว่าที่เมื่อครู่ชายวัยกลางคนฟาดไปเต็มแรง

แค่ทีเดียวชายวัยกลางคนล้มไปพร้อมกับเก้าอี้ แฟ้มบาดสันจมูกเป็นรอย แทบจะเห็นรอยยุบลงไป ผู้ช่วยตะลึงตาค้าง ร่างกายเริ่มสั่น เวลานี้มีมือข้างหนึ่งจับที่บ่าของเธอตามมาด้วยเสียงเรียบเฉย

“ไปที่ห้องน้ำชาทางนั้น” ผู้ช่วยอึ้ง

เธอไม่แน่ใจสถานะของอิ๋งจื่อจิน แต่เห็นผู้อำนวยการของตัวเองไม่พูดอะไรก็รู้สึกโล่งอก

เธอเป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ ถูกใช้เป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ยังไม่เท่าไร แต่จะให้ผู้อำนวยการเดือดร้อนไปด้วยไม่ได้

ผู้ช่วยขยี้ตา “ขอบคุณค่ะ” จากนั้นก็ก้มหน้าเดินออกไป

“ผอ.หยาง ผอ.สวี่ พวกคุณหมายความว่าไงคะ” เลขาของชายวัยกลางคนช่วยพยุงเขาขึ้นมา สายตาเย็นชา “ถ้าพวกเราโพสต์เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้บนเวยปั๋ว หุ้นชูกวงมีเดียของพวกคุณได้ตกหลายจุดแน่”

“ดี ดีมาก” ชายวัยกลางคนสะบัดเลขาออก แสยะยิ้ม

“ละครเรื่องใหม่ของพวกคุณลอกบทของพวกเรา ยังจะกล้าอวดดีแบบนี้อีกเหรอ ผมจะ…”

“บอส!” ในที่สุดผู้อำนวยการหยางผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดก็โพล่งคำนี้ออกมาได้ เขาทั้งรู้สึกผิดทั้งอับอาย

“สร้างความยุ่งยากให้ท่านแล้วครับ”

คำพูดของชายวัยกลางคนหยุดกลางคัน ดวงตาเบิกโพลงสมองตื้อไปหมด

“รู้ว่ายุ่งยาก ครั้งหน้าก็ตบกลับไป” อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น “ค่ารักษาที่ทำคนอื่นบาดเจ็บเบิกกับบริษัทได้ มีเรื่องอะไรก็ยังมีฝ่ายประชาสัมพันธ์”

“บอสวางใจได้ครับ” ผู้อำนวยการหยางรับประกันทันที “ต่อไปจะหวดให้เต็มหน้าเลยครับ”

ก็แค่เขายังไม่ทันได้ทำก็ถูกเห็นเข้าเสียก่อน

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดเล็กน้อย “ลอกบทเหรอ”

“เรื่องนี้พวกเราจะจัดการเดี๋ยวนี้ครับ” ผู้อำนวยการสวี่ก็พูดขึ้น สีหน้าเคร่งขรึม

“บอสไม่ต้องเป็นห่วงครับ”

ชายวัยกลางคนยังคงงุนงงไม่ได้สติกลับมา แต่อิ๋งจื่อจินออกไปจากห้องประชุมแล้ว

ผู้อำนวยการหยางถึงได้โล่งอก

เขาหันมาพูดเสียงเย็นชา “ผู้ช่วยของผมยื่นเอกสารให้ประธานหลี่ แต่ประธานหลี่ไม่แม้แต่จะอ่านก็โยนทิ้ง แถมยังฟาดใส่หน้าของเธอ วันนี้ชูกวงมีเดียไม่ต้อนรับประธานหลี่แล้วครับ”

เขายิ้มแล้วพูดต่อ “ส่วนเรื่องลอกบท ตกลงใครลอกใครกันแน่ ประธานหลี่ก็น่าจะรู้ดีแก่ใจ อย่างไรที่นี่ก็ประเทศจีนรู้ว่าพวกคุณมีไทม์มีเดียหนุนหลัง แต่ถ้าคิดจะพึ่งพาไทม์มีเดีย เกรงว่าประธานหลี่จะประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้วครับ”

ไทม์มีเดียเป็นบริษัทบันเทิงที่มีชื่อเสียงของยุโรปเป็นหนึ่งในสามบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ของโลก

ประธานหลี่ลุกพรวดเหงื่อออกเต็มหัว ยังไม่วายทำตัวอวดดีทั้งที่กลัวอยู่ข้างใน

“งั้นก็ลองดูว่าพอถึงเวลาชูกวงมีเดียของพวกคุณยังจะทำอวดดีได้หรือเปล่า!”

เขาทำเสียงฮึดฮัดแล้วเดินออกไปพร้อมลูกน้อง

เวลานี้ ณ บ้านตระกูลฟู่

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจบงานประมูล ต่อให้ฟู่อี้หันกับฟู่อวิ๋นเซินต่างไม่พูดสุดท้ายผู้เฒ่าฟู่ก็รู้อยู่ดี หลังจากที่ผู้เฒ่าฟู่หายป่วย เขาก็ชอบออกมาเดิน

ซูหร่วนหลบออกไปโทรฟ้องทางบ้านตระกูลซูอยู่ตรงต้นไม้ในสวน แต่เขาก็มาได้ยินเข้าพอดี ตอนนั้นเขาไม่พูดอะไร แต่พอกลับห้องก็เรียกฟู่อี้หันให้ไปหา ฟู่อี้หันรู้ว่าสุขภาพของผู้เฒ่าฟู่กว่าจะหายดีก็ลำบากมาก แต่ด้วยความที่ป่วยมายี่สิบกว่าปี เขาก็กลัวผู้เฒ่าฟู่จะเป็นอะไรไปอีกจึงระมัดระวังในทุกเรื่อง

“คุณปู่”

“มาแล้วเหรอ” ผู้เฒ่าฟู่นั่งอยู่ที่เก้าอี้โยก พักสายตาอยู่หลายนาทีแล้วถึงค่อยๆ เอ่ยขึ้น “เจ้าใหญ่ ลองคิดดูนะว่าอยากเปลี่ยนเมียหรือไม่”

ฟู่อี้หันตะลึง “คุณปู่?”

“แค่บอกมาว่าอยากหรือไม่” ผู้เฒ่าฟู่พูด “ไม่ต้องคำนึงถึงปู่ ปู่รู้ว่าแกไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่แต่งงานด้วยก็เพราะต้องการรับผิดชอบ”

เขาไม่ดีเอง

เดิมทีเขาคิดว่าซูหร่วนเป็นหลานสาวของเพื่อนเก่า เป็นหลานขุนศึกไม่มีทางแย่แน่นอน อีกทั้งตระกูลซูอยู่ตี้ตูต่อไปยังเจริญก้าวหน้าได้อีกมาก อย่างน้อยพอเขาจากไปแล้ว ฟู่อวิ๋นเซินก็ยังจะมีที่พึ่ง

แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าเขาทำร้ายหลานชายทั้งสองคน ผู้เฒ่าซูรู้สึกผิดกับเขามาตลอด ละอายใจมาก ฟู่อี้หันเงียบไปชั่วครู่ เขาตอบ “คุณปู่ ผม…”

“เอาล่ะ ปู่เข้าใจการตัดสินใจของแกแล้ว” ผู้เฒ่าฟู่ถอนหายใจ “ถ้าแกได้ความเด็ดขาดของพ่อแกมาสักนิด ปู่คงเป็นห่วงน้อยกว่านี้” เขาโบกมือเพื่อบอกให้ฟู่อี้หันออกไป

มือของฟู่อี้หันจับประตูสุดท้ายเขาก็พูดขึ้น

“คุณปู่วางใจได้ครับผมจะคอยดูเธอไว้ ไม่ให้เธอไปปรากฏในสายตาของอวิ๋นเซิน ถ้าเธอก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีกผมจะหย่าครับ”

ผู้เฒ่าฟู่ไม่พูดอะไร เขาหลับตาคล้ายหลับไปแล้ว

หลังจากฟู่อี้หันออกไปเขาถึงลืมตา ค่อยๆ ยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ชั้นหนังสือ

หยิบกรอบรูปลงมาจากชั้นบนสุด

ผู้เฒ่าฟู่ขอบตาแดง พูดพึมพำ “ยี่สิบปีแล้ว เดี๋ยวจะถึงวันนั้นอีกแล้ว…”

เขาเองก็อยู่เกินมาได้ยี่สิบปีแล้วสินะ

ผู้เฒ่าฟู่จ้องมองรูปใบกรอบอยู่นาน หลังจากเอาผ้าเช็ดให้สะอาดเขาก็วางกลับไปที่เดิม

หลังจากชั้นมอหกเปิดเรียนก็เรียนหนักมาก

แต่ถ้ามีพื้นฐานดีในชั้นมอสี่มอห้า พอขึ้นมอหกก็จะสบายขึ้นเยอะ

หลังจากที่จงจือหว่านลาออกจากชิงจื้อ ตำแหน่งหัวหน้าห้องของเธอก็ว่างลง ถ้าดูจากความนิยม และผลการเรียนก็ถึงคิวอิ๋งเย่ว์เซวียนได้เป็นแล้ว

อิ๋งเย่ว์เซวียนเก็บใบเลือกคณะของเพื่อนในห้องเสร็จก็เอาไปส่งให้อาจารย์สวีที่ห้องพักครู ประตูห้องพักครูแง้มอยู่ เธอเห็นข้างในยังมีอาจารย์เติ้งกับอาจารย์หัวหน้าฝ่ายฟิสิกส์อยู่ด้วยนอกเหนือจากอาจารย์สวี

พวกเขากำลังคุยบางอย่างกัน อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ได้เข้าไป ยืนฟังอยู่หน้าประตู

“โควตานี้ทางคณะกรรมการเป็นผู้กำหนด ชิงจื้อได้มาแค่คนเดียว” คนที่พูดคืออาจารย์เติ้ง “แถมยังต้องแข่งกับเด็กจากโรงเรียนรัฐบาลใหญ่ๆ ของเมืองนอกความยากสูงมาก ฉันว่าไม่มีใครเหมาะสมเท่าอิ๋งจื่อจินแล้วค่ะ เลือกเธอแล้วกัน”

ฟังถึงตรงนี้ทันใดนั้นอิ๋งเย่ว์เซวียนก็นึกถึงเรื่องที่เพื่อนๆ คุยกันในห้องตอนก่อนหน้านี้

แต่สิ่งที่เธอสนใจไม่ใช่เรื่องนี้ แค่เป็นชื่อที่อาจารย์เติ้งพูดออกมา

อิ๋งจื่อจิน

อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก สุดท้ายทนไม่ไหว พูดขออนุญาตแล้วเดินเข้าไป

อาจารย์ทั้งสามคนหันมามองเธอ

“เย่ว์เซวียนมาแล้วเหรอ” อาจารย์สวียิ้มพลางพยักหน้า “ผลคะแนนจำลองการสอบครั้งนี้ก้าวหน้าขึ้นกว่าปีที่แล้วมาก เก่งมากเลยนะ”

“ขอบคุณค่ะอาจารย์สวี” อิ๋งเย่ว์เซวียนเอาเอกสารในมือวางลงบนโต๊ะทำงาน เงยหน้าขึ้นก็สบตาอาจารย์เติ้งพอดี

อาจารย์เติ้งอึ้งกับสายตาของเธอนิดหน่อย “นักเรียนอิ๋งเย่ว์เซวียน มีอะไรเหรอจ๊ะ”

“อาจารย์เติ้งคะ หนูเป็นคนตรงไปตรงมา” อิ๋งเย่ว์เซวียนพูดช้าๆ

“ไม่ทราบว่าเกณฑ์ในการคัดเลือกคนได้รับโควตานี้คืออะไรเหรอคะ อาจารย์ถึงได้เลือกคนเลย แบบนี้ไม่เท่ากับเป็นการลำเอียงเหรอคะ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน