คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 240 เลือกเธอหรืออิ๋งจื่อจิน ยังไม่รู้อีกเหรอ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ประโยคนี้ทำเอาอาจารย์ทั้งสามคนต่างหยุดชะงัก

โดยเฉพาะอาจารย์เติ้ง ดูเหมือนเธอจะนึกไม่ถึงว่าจะถูกอิ๋งเย่ว์เซวียนตั้งข้อสงสัยแบบนี้

อาจารย์สวีขมวดคิ้ว

เขาเพิ่งชมไปว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนก้าวหน้าขึ้นมาก แล้วเธอก็โพล่งคำถามนี้ออกมา

อีกทั้งพวกเขาก็แค่หารือกัน ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้โควตากับใคร

แน่นอนว่าอาจารย์สวีก็คิดว่าทั้งโรงเรียนชิงจื้อไม่มีใครเหมาะสมเท่าอิ๋งจื่อจินอีกแล้ว

ถ้าให้คนอื่นไปจริง ต่อให้เป็นผู้นำลอยลำในการแข่งขันในประเทศ อย่างไรเสียชิงจื้อก็เป็นหนึ่งในสามโรงเรียนมัธยมชั้นนำของประเทศจีน

แต่เมื่อไปถึงการแข่งขันระดับนานาชาติ แบบนั้นจะยิ่งอันตราย

อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ตั้งสติได้ก่อน ดูเหมือนเขาจะโมโหจนหัวเราะ “คือว่า นักเรียนอิ๋งเย่ว์เซวียน เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา ลำเอียงงั้นเหรอ”

“หนูรู้ค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจสีหน้าของอาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ “หนูถึงได้ถามว่าเกณฑ์การตัดสินโควตานี้คืออะไรคะ”

“ถ้าหนูจำไม่ผิด งานแข่งขันนี้สำคัญมาก ขอบเขตของผู้เข้าร่วมเป็นโรงเรียนมัธยมกับโรงเรียนรัฐบาลทั้งโลก”

“ชิงจื้อเป็นตัวแทนของคุณภาพการศึกษาที่สูงที่สุดของประเทศจีน ยิ่งต้องควรระมัดระวังในการเลือกตัวแทนหรือเปล่าคะ”

เมื่อวานบ่ายมีนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะเริ่มคุยกันเรื่องนี้แล้ว

นี่เป็นงานแข่งขันทางวิชาการครั้งใหญ่ระดับนานาชาติ

มีชื่อเต็มว่า งานแข่งขันวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ (International Science Competition หรือ ISC)

ไอเอสซียังเป็นงานแข่งขันระดับโลกเพียงงานเดียวที่แค่ใช้คำว่า ‘วิทยาศาสตร์’ มาเรียกรวม

ด้วยเหตุนี้ขอบเขตเนื้อหาของไอเอสซีจึงประกอบไปด้วย คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ดาราศาสตร์ ภาษา จิตวิทยา โบราณคดี คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ได้ไอเอสซีก็ทดสอบหมด

ไอเอสซีก็คล้ายกับงานแข่งขันที่รวมหลายวิชาอย่างเช่น IOI (งานแข่งขันสารสนเทศระดับนานาชาติ) IMO (งานแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับนานาชาติ) เป็นต้น

เนื่องจากครอบคลุมขอบข่ายความรู้ที่กว้างมาก ตอนแรกสุดทางไอเอสซีก็แค่คิดไว้ แต่ไม่ได้จัดงานเป็นรูปเป็นร่างมาตลอด

และก็เป็นปีนี้ที่ไอเอสซีตัดสินใจจัดงานเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งส่งไปประกาศตามเว็บไซต์การศึกษาใหญ่ๆ หลายที่

ผู้ก่อตั้งไอเอสซีนอกจากจะมีมหาวิทยาลัยนอร์ตันแล้วยังมีสถาบันการศึกษาชั้นนำสิบอันดับแรกของโลกอีกด้วย

ถึงแม้มหาวิทยาลัยตี้ตูจะเบียดขึ้นไปติดสิบอันดับแรกไม่ได้ แต่เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลอันดับหนึ่งของประเทศจีน จึงถูกรับเชิญเช่นเดียวกัน

ร่วมกับองค์กรวิชาการระดับนานาชาติ องค์กรเหล่านี้เป็นผู้ชักชวนให้นักเรียนมาลงงานแข่งวิชาการครั้งนี้

ส่งคำท้าไปยังนักเรียนของทุกประเทศและทั้งโลก

แน่นอนว่าต่อให้เป็นเด็กอัจฉริยะก็ไม่มีทางรอบรู้ไปหมดทุกด้าน ย่อมมีข้อบกพร่องบ้าง

ด้วยเหตุนี้สุดท้ายรอบตัดสินจะเป็นการแข่งขันโดยให้จับกลุ่มหกคน

อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้เรื่องของไอเอสซีเร็วกว่านักเรียนคนอื่น

เพราะเธอได้เข้าร่วมทีมวิจัยวิทยาศาสตร์ที่ยุโรป รุ่นพี่ของเธอแอบมาบอกเธอล่วงหน้า

รุ่นพี่บอกว่าน่าเสียดายที่เขาเรียนจบจากโรงเรียนรัฐบาลเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จึงขาดคุณสมบัติในการลงแข่งครั้งนี้ ไม่อย่างนั้นมีเหรอจะพลาด

อิ๋งเย่ว์เซวียนจึงรู้ดีว่า คณะกรรมการจะแบ่งโควตาไปตามโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนมัธยมของแต่ละประเทศ

จากนั้นให้ทางโรงเรียนไปพิจารณากันเอาเอง เลือกนักเรียนที่เหมาะสมเข้าร่วมแข่งขัน

โควตานี้จะได้ไปแข่งในระดับนานาชาติทันที ไม่ต้องลงแข่งรอบคัดเลือก

อิ๋งเย่ว์เซวียนแน่ใจว่าโรงเรียนมัธยมชิงจื้อจะต้องได้โควตาแน่นอน แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะได้แค่โควตาเดียว

แต่โรงเรียนเอลานที่เธอไปแลกเปลี่ยนกลับได้ถึงสิบคน

แต่เธอก็เป็นแค่นักเรียนแลกเปลี่ยนระยะสั้น ไม่ใช่นักเรียนของโรงเรียนเอลาน ไม่มีสิทธิ์ไปขอโควตาจากโรงเรียนเอลาน

อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้ว่าตัวเองสู้พวกหัวกะทิของเอลานไม่ได้ แต่เธออยู่ชิงจื้อก็ไม่ได้แย่

หลังจากที่จงจือหว่านลาออก เธอก็เป็นที่หนึ่งของชั้นปี

ทำไมตอนอาจารย์เติ้งพิจารณาให้โควตาถึงไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อเธอล่ะ

ถ้าให้โควตานักเรียนคนอื่นในคลาสเด็กอัจฉริยะ เธอจะไม่มีทางตอบสนองรุนแรงแบบนี้เลย

อย่างน้อยนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะก็เป็นสุดยอดหัวกะทิทั้งนั้น มีศักยภาพที่จะลงแข่งไอเอสซีได้

แต่อิ๋งจื่อจินเหรอ

อิ๋งเย่ว์เซวียนคิดหาเหตุผลไม่ออก

แต่เธอก็เข้าใจ หนึ่งปีที่เธอไม่อยู่ชิงจื้อ อาจารย์เติ้งเอาใจใส่อิ๋งจื่อจินมาตลอด

แต่การยกโควตาลงแข่งไอเอสซีที่ล้ำค่าแบบนี้ให้อิ๋งจื่อจิน มันไม่เรียกว่าลำเอียงหรอกเหรอ

อาจารย์เติ้งเริ่มตั้งสติได้ สายตาที่มองอิ๋งเย่ว์เซวียนเจือไปด้วยความผิดหวัง

แต่เธอเป็นคนอ่อนโยน ไม่ได้อารมณ์เสีย พูดอย่างใจเย็น “เธอคิดว่าครูลำเอียงเหรอ”

“ค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนใจหายวาบเมื่อเห็นสายตาของเธอ “แต่หนูอาจเข้าใจผิดอาจารย์เติ้งก็ได้ หนูก็เลยอยากขอให้อาจารย์ช่วยพูดถึงมาตรฐานในการคัดเลือกหน่อยค่ะ”

“เรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปแล้วจะบอกเธอได้ยังไง” อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์เอามือไพล่หลัง “แต่มีจุดหนึ่งที่ครูแน่ใจได้ ต่อให้สิทธิ์ในการเลือกเป็นของผู้อำนวยการ เขาก็มีแต่จะเลือกนักเรียนอิ๋งจื่อจินอยู่ดี เธอเข้าใจไหม”

นอกจากอิ๋งจื่อจินยังจะมีใครทำข้อสอบของคลาสอัจฉริยะได้คะแนนเต็มอีก

โชคดีที่เธอไม่ใช่อาจารย์ ไม่อย่างนั้นเขาได้ตกงานแน่

หัวใจของอิ๋งเย่ว์เซวียนเริ่มเย็นชาลงทีละนิด “ถ้านี่เป็นการตัดสินใจของพวกอาจารย์ หนูก็จะเคารพค่ะ แต่ขณะเดียวกันหนูก็มีสิทธิ์จะสงสัยเหมือนกัน”

“โควตาลงแข่งไอเอสซีมีค่ามาก หนูไม่อยากเสียมันไปทั้งที่ยังไม่ได้ถูกเปรียบเทียบ หนูหวังว่าจะให้โอกาสหนูได้แข่งขันอย่างยุติธรรมค่ะ”

เธอพูดจบก็โค้งตัวให้อาจารย์ทั้งสามคนแล้วออกจากห้องพักครู

“นี่เธอ…” อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์คิดหนัก ผ่านไปสักพักถึงค่อยๆ พูดขึ้น “เธอไม่รู้หรือไงว่าตัวเองห่างชั้นกับอิ๋งจื่อจินแค่ไหน”

ก็จริง ครั้งนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนได้อันดับหนึ่งในการจำลองการสอบ แถมยังทิ้งห่างจากที่สองถึงสิบกว่าคะแนน

ก้าวหน้าขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน

แต่ถ้าให้เธอทำข้อสอบของคลาสเด็กอัจฉริยะ ก็ได้แค่ฝีมือระดับเดียวกับจงจือหว่าน เป็นไปไม่ได้ที่จะได้คะแนนเต็ม

พวกเขาก็แค่คำนึงถึงหน้าตาของโรงเรียนกับประเทศ ถึงได้อยากให้อิ๋งจื่อจินไป

แต่จะเอาชนะโรงเรียนรัฐบาลของยุโรปได้หรือเปล่า ยังไม่กล้าฟันธงเลยจริงๆ

กว่าพวกเขาจะได้ทราบข่าว พวกนักเรียนมัธยมปลายของยุโรปก็เข้าทีมวิจัยวิทยาศาสตร์ของประเทศไปแล้ว

“ใครจะรู้ล่ะ” อาจารย์เติ้งส่ายหน้า “เธออาจเพิ่งกลับมาจากยุโรปก็เลยไม่รู้หรือเปล่า ในเมื่อเธอเรียกร้อง เดี๋ยวถึงเวลาเราก็แจ้งฝ่ายวิชาการแล้วกันค่ะ”

“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแล้ว” อาจารย์สวีพยักหน้า “แต่ผมก็พอเข้าใจเด็กคนนี้นะ ยังไงซะความสัมพันธ์ของเธอกับอิ๋งจื่อจินก็…ซับซ้อนทีเดียว”

“เอาล่ะ เรื่องในครอบครัวอย่าไปยุ่งเลยครับ” อาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาฟิสิกส์ “ลูกเมียรอผมอยู่ ขอตัวก่อนนะครับ”

บ้านครอบครัวเวิน

อิ๋งจื่อจินนั่งพิงโซฟามองคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่อยู่บนโต๊ะรับแขก

บนหน้าจอเป็นพื้นที่ปิดของเว็บบอร์ดเอ็นโอเค

เธอใช้ไอดีที่เคยทิ้งไปแล้วอีกครั้ง

โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์

มีข้อความเด้งขึ้นมาจากรายชื่อเพื่อนแทบจะเวลาเดียวกันกับที่เธอออนไลน์

เป็นนักปรุงยาพิษอันดับสามที่ขายครีมกันแดดอยู่แถวชายหาดในพื้นที่ของตระกูลเบวิน

เชิญมากินยา : [ฮือออ ท่านเทพ รอมานานแสนนาน ฮึก]

อิ๋งจื่อจินมองคำสุดท้าย เงียบไปชั่วครู่

โปรแกรมแปลภาษาของเว็บบอร์ดเอ็นโอเคจะเจ๋งเกินไปหน่อยหรือเปล่า แม้แต่คำเสริมน้ำเสียงก็แปลออกมาได้

โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ : [อยากซื้อของหน่อย]

เชิญมากินยา : [เอาสิท่านเทพ ว่ามาเลย กระผมจะรีบเปลี่ยนชุดแจ้นเอาไปให้ถึงบ้านเลย]

โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ : [ยาพิษที่คุณเพิ่งคิดค้นออกมาได้]

เชิญมากินยา : [อันนี้ไม่ได้จริงๆ ผมเพิ่งคิดค้นยาพิษออกมาได้ก็จริง แต่ยังทำยาถอนพิษไม่สำเร็จ เดี๋ยวจะตายเอานะ]

โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ : [ไม่เป็นไร ขายมาก็พอ]

เชิญมากินยา : [โอเคท่านเทพ ไม่มียาถอนพิษก็ถือเป็นสินค้าไม่สมบูรณ์ ให้ฟรีเลยแล้วกัน แต่ท่านเทพ ขอร้องเรื่องหนึ่งได้ไหม]

โค้กชานมเฟรนช์ฟรายส์ : [ว่ามา]

เชิญมากินยา : [ (ดีใจ)(กระโดดโลดเต้น)]

เชิญมากินยา : [ผมมีเพื่อนเก่าเพื่อนแก่คนหนึ่ง เขาเป็นนักแปลงโฉม รับภารกิจจนไปโผล่อยู่ที่สำนักงานใหญ่ไอบีไอนู่น ปรากฏว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมาจากคุกสากล ท่านเทพเก่งคอมพิวเตอร์ขนาดนี้ ช่วยแฮกเข้าไปหน่อยได้ไหมแล้วปล่อยเขาออกมา]

เชิญมากินยา : [พูดตามตรงเลยนะ ผมไปขอร้องบอสใหญ่ของสมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนามมา ให้ตายเหอะ ไม่อยากจะพูด โคตรขี้ขลาดเลย แค่ผมพูดถึงไอบีไอเขาก็หนีแล้ว อ่อนชะมัด]

พอเห็นประโยคนี้อิ๋งจื่อจินก็ขมวดคิ้ว

เธอละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปที่ตัวผู้ชายข้างๆ

แสงแดดในเดือนกันยายนอบอุ่นไม่แรงเท่าไร แถมมีลมโชยเบาๆ

เงาดอกไม้ใบหญ้าทอดลงบนเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา วูบไหวไม่เป็นจังหวะ

เขากำลังก้มหน้าอ่านหนังสือ นิ้วเรียวยาวหนีบหน้ากระดาษ ผมที่ระอยู่ตรงหน้าผากพลิ้วไปตามลม

เป็นภาพที่งดงามชวนเคลิบเคลิ้ม

เวลาราวกับหยุดนิ่ง

ดีงามเหลือเกิน จนไม่อยากทำลายบรรยากาศ

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจือไปด้วยอารมณ์ไม่จริงจัง

“ผู้บัญชาการ”

“มีคนขอให้ฉันแฮกเข้าระบบรักษาความปลอดภัยของพวกคุณ คิดว่าไงคะ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท