ตอนที่ 277 กอดกัน ปราบคนชั่ว
เขาพูดออกมาอย่างสบายๆ น้ำเสียงกึ่งหัวเราะ ไม่ได้เจือไปด้วยการข่มขู่อะไร
แต่กลับชวนให้รู้สึกได้ถึงความอาฆาตเอาถึงตาย
เขาพูดออกมา ก็แสดงว่าทำได้
เนี่ยอี้ตะลึง เดินตามออกไป “อวิ๋นเซิน นาย…”
เขาพูดให้จบไม่ได้
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้ขับรถ เขาหยิบหมวกกันน็อกสีน้ำเงินเข้มออกมาใส่แล้วสตาร์ทเครื่องมอเตอร์ไซค์
นี่เป็นรถซูซูกิ รุ่น จีเอสเอกซ์อาร์หนึ่งพัน ความเร็วสูงสุดได้ถึง สองร้อยแปดสิบเก้ากิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วยิ่งกว่ารถยนต์ทั่วไป
โดยเฉพาะได้มีการเพิ่มดิสก์เบรกคู่ ยิ่งทำให้ขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เนี่ยอี้ไม่พูดอะไรอีก
เสียงดัง “บรื้นๆ” มอเตอร์ไซค์วิ่งออกไปฝุ่นตลบ
หายไปในไม่กี่วินาที
คิ้วของเนี่ยอี้ขมวดเข้าหากัน หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทร
ปลายสายเป็นเสียงเคร่งขรึมของหัวหน้าทีมสี่ “ครับหัวหน้า”
เนี่ยอี้พูดเสียงขรึม “เตรียมรถไปที่บ้านตระกูลตี้อู่เดี๋ยวนี้”
น้อยครั้งที่เนี่ยอี้จะพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้ หัวหน้าทีมสี่ตระหนักได้ทันทีว่ามีเหตุด่วนเกิดขึ้น
“จะไปเดี๋ยวนี้ครับหัวหน้า”
เนี่ยอี้ถอนหายใจ นวดหว่างคิ้ว
เมืองตี้ตูช่วงสองปีมานี้ชักจะระส่ำระสายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
…
ตระกูลตี้อู่บ้านหลังเก่าตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ
เรือนตะวันตก
พวกคนรับใช้มีสีหน้าเย็นชา “เข้าไป อย่าให้ท่านรองรอ”
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า มองสำรวจเรือนแห่งนี้ ดวงตาหลุบลง
จากนั้นเธอก็ตามพวกคนรับใช้เข้าไปในห้องด้านขวา
บ้านเก่าหลังนี้ของตระกูลตี้อู่ยังคงเก็บรักษาอาคารแบบสมัยราชวงศ์หมิงไว้ แต่ข้าวของเครื่องใช้ภายในเป็นของยุคสมัยใหม่
มีคอมพิวเตอร์ และก็มีเครื่องปรับอากาศ
“รอก่อน เดี๋ยวมั่วเอ๋อร์ก็กลับมาแล้ว” ตี้อู่ฮุยพูด “อย่าได้คิดหนี ถ้าเธอหนีไปฉันก็จะให้ตี้อู่เย่ว์มารับเคราะห์แทน”
“ให้ฉันรับเคราะห์…” อิ๋งจื่อจินไอออกมาอีกครั้ง
“คุณก็ลองดูว่าลูกสาวของคุณจะมีชะตาแบบนั้นได้ไหม”
“ลูกสาวของฉันมีชะตานั้นไหมฉันไม่รู้” ตี้อู่ฮุยก้มมองต่ำ “แต่เธอชะตาขาดได้ ฉันแน่ใจ”
อิ๋งจื่อจินมองกุญแจมือที่อยู่ตรงข้อมือตัวเอง รวมถึงเลือดที่ซึมออกมา “วิธีที่ตี้อู่เซ่าชิงเป็นคนคิด จนถึงตอนนี้พวกคุณก็ยังใช้อยู่”
พอได้ยินชื่อนี้ ตี้อู่ฮุยก็ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเปลี่ยนไป “เธอรู้อะไรมา”
ตี้อู่เซ่าชิงเป็นบรรพบุรุษของเขา
ตายไปสามร้อยปีแล้ว
แต่วิธีรับเคราะห์แทนนี้เป็นวิธีที่สืบทอดมาจากสายของเขาจริงๆ
ตอนที่เขาเข้าสู่เส้นทางนี้ พ่อของเขาก็ให้คนที่มีพรสวรรค์ด้านพยากรณ์คนหนึ่งรับเคราะห์แทนเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่มีห้าด้อยสามขาด และเขาก็ไม่มีทางต้องถูกลงโทษเพราะขุดคุ้ยความลับสวรรค์
ตี้อู่ฮุยไม่อยากให้ตี้อู่มั่วต้องรับเคราะห์จากห้าด้อยสามขาด เขาจึงคิดไว้นานแล้วว่าจะหาคนมารับเคราะห์แทนเธอ
เพียงแต่น่าเสียดายที่หามานานขนาดนี้ก็ยังไม่เจอ
วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะตี้อู่เย่ว์พาคนนอกกลับมาด้วย เขาก็คิดอยู่ว่าจะเอาคนในตระกูลตี้อู่แล้ว
“ฉันต้องรู้อยู่แล้ว” น้ำเสียงของอิ๋งจื่อจินยังคงเรียบเฉย “ฉันยังรู้อีกว่า ตอนนั้นเขาอยากใช้ลูกศิษย์ของฉันรับเคราะห์แทน”
เธอจำตี้อู่เซ่าชิงได้ก็เพราะตี้อู่เซ่าเสียน
ก็เหมือนกับนักสะกดจิตที่มีทั้งดีชั่ว นักพยากรณ์ก็เช่นกัน เพียงแต่ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นมาตลอด จึงไม่ได้ตามสืบว่าตี้อู่เซ่าชิงเอาวิธีนี้มาจากไหน
สีหน้าของตี้อู่ฮุยเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาแสยะยิ้ม “พูดเพ้อเจ้อ!”
เขาว่าเด็กคนนี้ต้องบ้าไปแล้ว พูดจาเหลวไหล
ลูกศิษย์เหรอ
งั้นเขาคงเป็นเป็นบรรพบุรุษที่บุกเบิกตระกูลตี้อู่แล้ว
ตี้อู่ฮุยหมดความอดทนเต็มที เขายืนขึ้น เอามือจับบ่าของอิ๋งจื่อจินแล้วพูดกับคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ
“เอาเส้นไหมทองมา”
คนรับใช้รีบไปหยิบไหมทองจากในตู้มายื่นให้
“เห็นนี่หรือเปล่า แต่เธอคงไม่รู้จัก” ตี้อู่ฮุยรับมา ยิ้มเย็นชา
“ตอนนี้ฉันจะใช้ไหมทองร้อยเข้าตามจุดลมปราณที่สำคัญในร่างกายเธอ”
ขณะพูดเขาก็หยิบออกมาหนึ่งเส้น ส่ายหน้า ดูถูกขั้นสุด “น่าเสียดายนะที่เธอไม่มีแม้แต่แรงจะขัดขืน”
“อืม ฉันก็บอกแล้ว” อิ๋งจื่อจินมองไหมทองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถึงขนาดที่ดวงตาหงส์โค้งลงเล็กน้อย ท่าทางไม่หวั่นเกรง “ใช้ฉันรับเคราะห์ ลูกสาวคุณจะตาย”
“ยังจะปากแข็งอีกเหรอ” ตี้อู่ฮุยแสยะยิ้มอีกครั้ง “วันนี้ฉันจะทำให้เธอตายก่อน!”
มือที่จับบ่าเด็กสาวออกแรงมากยิ่งขึ้น มืออีกข้างหนึ่งถือไหมทอง เตรียมร้อยเข้าจุดลมปราณที่บ่าของเธอ
แต่ประตูที่ปิดสนิทกลับถูกถีบออกในเวลานี้
ตี้อู่ฮุยมือสั่น หันขวับไปมอง “ใคร ใครกล้า…”
เขาพูดคำพูดที่เหลือไม่ออก
วัตถุเย็นเฉียบคาอยู่ที่หน้าผากของเขา
นั่นคือปืน
ตี้อู่ฮุยตัวสั่น มีเหงื่อผุดที่หน้าผาก
เขาเป็นแค่คนทำนายดวงชะตาไม่ใช่จอมยุทธ์ อย่าว่าแต่อาวุธที่โจมตีระยะไกลเลย อาวุธประชิดตัวอย่างมีดดาบ เขาเจอเข้าก็บาดเจ็บได้ มีเพียงผู้อาวุโสไม่กี่คนพวกนั้นในวงการจอมยุทธ์ที่สามารถฝึกฝนได้ถึงขั้นตีรันฟันแทงไม่เข้า
แล้วมีคนถือปืนบุกเข้ามาในบ้านเก่าของตระกูลตี้อู่ได้อย่างไร!
พวกเขาเข้ามาได้อย่างไร
คนที่ถือปืนคืออวิ๋นซานที่ติดตามมาด้วย
เขาทำตามที่ฟู่อวิ๋นเซินสั่ง คุมตัวตี้อู่ฮุยไว้ก่อน “วันนี้แกจะเอาชีวิตใครนะ”
อิ๋งจื่อจินผ่อนลมหายใจช้าๆ แล้วถึงเงยหน้าใบหน้ายังคงซีดเซียว พูดเสียงเบา “มาแล้วเหรอ”
ราวกับเจอที่พึ่งร่างกายของเธอผ่อนคลายลง
พอรู้สึกผ่อนคลายเรี่ยวแรงที่ฝืนอยู่เมื่อครู่ก็หมดลง หมดสติไปในทันที
แววตาของฟู่อวิ๋นเซินเปลี่ยนไป เขาประคองเธอไว้ก่อนที่เธอจะล้มลง สองแขนรัดไว้แน่น ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นตอนเธออ่อนแอ ครั้งล่าสุดหลังจากที่เธอรักษาให้ผู้เฒ่าฟู่เสร็จ เธอก็หมดแรงจนสลบไป
แต่อาการหมดแรงแบบนี้ เขาเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก
ฟู่อวิ๋นเซินเอามือเช็ดคราบเลือดที่ข้อมือของเธอ ดวงตาดอกท้อเหลือเพียงความเย็นชา
แต่เขาไม่ได้มองตี้อู่ฮุย ถอดเสื้อนอกมาคลุมตัวอิ๋งจื่อจินไว้ก่อนแล้วเดินออกไป
คลื่นรังสีอำมหิตลูกใหญ่จางหายไป ตี้อู่ฮุยตัวเกร็งนั่งไปบนพื้น
เมื่อเขาได้สติกลับมาอีกครั้ง ร่างกายก็โชกเหงื่อ
นั่น นั่นใครน่ะ
เขาอยากขยับตัว แต่ปากกระบอกปืนที่เย็นเฉียบยังคงจ่ออยู่ที่หัวของเขา
ตี้อู่ฮุยเชื่อว่า ถ้าเขากล้าขัดขืนต้องถูกลั่นไกใส่แน่นอน
“กล้าแตะต้องคุณอิ๋ง อยากตายสินะ” อวิ๋นซานแสยะยิ้ม “คุกเข่า ถ้าคุณอิ๋งเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว แกมีสิบชีวิตก็ไม่พอชดใช้!”
…
สิบนาทีต่อมา เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง
มีคนที่ออกไปและกลับเข้ามาอีกครั้ง
ตี้อู่ฮุยได้ยินเสียงนี้ก็อดตัวสั่นไม่ได้
เขาเงยหน้าก็เห็นผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีดำเดินเข้ามา
ดวงตาดอกท้อเรียวยาว ใบหน้าสยบมวลชน
เสน่ห์ชวนหลงใหลที่มีมาแต่กำเนิด
ผู้ชายที่หน้าตาดีแบบนี้หาแทบไม่มี
แต่ตี้อู่ฮุยกลับไม่มีอารมณ์ชื่นชมใบหน้าของผู้ชายคนนี้ เขารู้สึกเพียงหวาดกลัว
“แกเป็นใคร”
ตี้อู่ฮุยไม่เคยเห็นฟู่อวิ๋นเซินไม่ว่าจะในตี้ตูหรือในวงการจอมยุทธ์
เขากัดฟันพูด “กล้ามายุ่งเรื่องของตี้อู่ฮุย!”
ฟู่อวิ๋นเซินยังคงไม่สนใจตี้อู่ฮุย เขาเหลือบตาขึ้น ดวงตาดอกท้อกวาดมองคนรับใช้ทั้งสี่ที่อยู่ในห้อง
อวิ๋นซานเข้าใจในทันที
เขาถีบตี้อู่ฮุยให้ล้มไปบนพื้นก่อน จากนั้นก็ใช้กำลังภายในจัดการคนรับใช้ทั้งสี่ด้วยความเร็วสูง ไม่มีแม้แต่โอกาสให้สู้กลับ คนรับใช้ทั้งสี่ที่เคยไปฝึกกับพวกจอมยุทธ์ล้มลงบนพื้น
หมดลมอย่างเห็นได้ชัด
ตี้อู่ฮุยมองอวิ๋นซานด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “กะ…แกก็เป็นจอมยุทธ์เหรอ!”
เขารู้ความสามารถของคนรับใช้พวกนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีคนล้มพวกเขาได้ในเวลาไม่กี่วินาที อวิ๋นซานไม่ตอบ แค่หันไปพูดกับฟู่อวิ๋นเซิน “คุณชาย จัดการเรียบร้อยครับ”
“แกบ้าไปแล้ว!” ตี้อู่ฮุยเหงื่อออกมากขึ้น “พวกแกกล้าฆ่าคนในบ้านตระกูลตี้อู่เลยเหรอ พวกแกไม่อยากอยู่ตี้ตูกันแล้วใช่ไหม!”
ทว่าพอพูดแบบนี้ออกไป ลมหายใจของเขาก็หยุดชะงัก
มีมือข้างหนึ่งจับศีรษะของเขาหันมาแล้วบีบคอของเขา
“กร๊อบ” เสียงกระดูกลั่น
ตี้อู่ฮุยร้องโอดโอย โหยหวนขั้นสุด
ฟู่อวิ๋นเซินมองเขา “เมื่อกี้แก อยากได้ชีวิตของใคร”
“แกกล้าเหรอ” ตี้อู่ฮุยเจ็บจนใจจะขาด “แกกล้าทำฉันเหรอ ฉันเซ็นสัญญากับตระกูลหลินไว้ ถ้าฉันตาย แกก็จบเห่เหมือนกัน!”
ตระกูลหลินเป็นตระกูลในวงการจอมยุทธ์
มองข้ามความสามารถไม่ได้
ตี้อู่ฮุยไม่เชื่อว่าจะมีคนกล้าต่อกรกับตระกูลหลิน ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะของชายหนุ่ม เบาและใจเย็น โทนเสียงทุ้มต่ำ
คล้ายเสียงเปียโนบรรเลง
แต่หัวใจของตี้อู่ฮุยกลับหดเกร็ง
เขาเงยหน้าทั้งที่ตัวสั่น แทบจะหายใจลำบากแล้ว ใบหน้าเริ่มเขียว
“น่าขำ” ฟู่อวิ๋นเซินเหยียบมือของตี้อู่ฮุย “ฉันจัดการแกแล้ว คนของแกฉันก็ฆ่าแล้ว ตระกูลตี้อู่ฉันก็จัดการได้เหมือนกัน”
เขายิ้มมุมปาก รอยยิ้มเย็นชา “แกจะลองดูก็ได้ จะตระกูลหลินหรือทั่วทั้งตี้ตู ใครบ้างที่กล้าปฏิเสธฉัน”