ตอนที่ 280 จัดการคนในตระกูล ตัวตนของฟู่อวิ๋นเซิน
พอได้ยินแบบนี้ ไม่ต้องเร่งอีก อวิ๋นซานหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยความเต็มใจ
เขากดหาเบอร์ของหลินจิ่นอวิ๋นแล้ววางตรงหน้าตี้อู่ฮุย
เพื่อป้องกันตี้อู่ฮุยที่แก่แล้วสายตายาวมองไม่เห็น อวิ๋นซานยังชี้ให้ด้วยความเอาใจใส่ “นี่ เบอร์โทรของนายใหญ่ตระกูลหลิน รู้จักเลขอารบิกหรือเปล่า”
อวิ๋นซานกังวลจริงๆ
อันที่จริงตอนนี้ตระกูลตี้อู่แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มหนึ่งทำธุรกิจแบบตระกูลมู่ ถือว่าเข้าสู่โลกของคนธรรมดาอย่างเป็นทางการแล้ว
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็คือพวกตี้อู่ฮุย มีพรสวรรค์ในการพยากรณ์ดวงชะตา ทำอาชีพเดิมของตระกูล ไปมาหาสู่กับวงการจอมยุทธ์กับวงการแพทย์แผนโบราณอยู่ไม่น้อย
คนพวกนี้ไม่ค่อยยุ่งกับสังคมยุคปัจจุบัน ความเคยชินบางอย่างไม่ต่างจากคนโบราณ
เกิดไม่รู้จักเลขอารบิกจะทำอย่างไร
ตี้อู่ฮุยจ้องเบอร์นั้นเขม็ง เหงื่อผุดที่หน้าผากเยอะกว่าเดิม
ละ ล้อเล่นอะไรเนี่ย
ถึงแม้คนของวงการจอมยุทธ์กับวงการแพทย์แผนโบราณจะไม่ค่อยชอบใช้เทคโนโลยีของยุคปัจจุบัน แต่ก็มีโทรศัพท์มือถือเพื่อความสะดวก
ถึงแม้เขาจะเป็นนักพยากรณ์ที่ตระกูลหลินเรียกใช้ แต่เขาไม่มีเบอร์โทรของนายใหญ่ตระกูลหลิน
อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่นายใหญ่ของตระกูลตี้อู่
ตระกูลหลินให้ความสำคัญกับเขาก็จริง แต่ก็ให้ความสำคัญกับลำดับอาวุโสมากกว่า
ตอนนี้ตี้อู่ฮุยกระวนกระวายเข้าจริงๆ แล้ว
เพราะถึงขั้นพูดชื่อหลินจิ่นอวิ๋นออกมาได้ ก็แสดงว่ามีการติดต่อกับตระกูลหลินจริงๆ!
ชื่อของนายใหญ่ตระกูลหลิน แม้แต่ตระกูลมู่กับตระกูลซิวก็ยังไม่รู้
“เฮ้อ กะแล้วเชียวว่าต้องไม่รู้จักเลขอารบิก” อวิ๋นซานยักไหล่ “เอาแบบนี้ เดี๋ยวโทรให้”
ขณะพูดเขาก็กดโทรออกโดยไม่รอให้ตี้อู่ฮุยตอบอะไร
ดังแค่ทีเดียวก็มีคนรับ
อวิ๋นซานเอาโทรศัพท์วางที่หูของตี้อู่ฮุย “ลองถามดูสิว่าเขาจะหนุนหลังให้แกหรือเปล่า”
ตี้อู่ฮุยตัวสั่น
เขากัดฟัน สุดท้ายก็พูดออกไป “นะ นายใหญ่หลิน ผมตี้อู่ฮุยนะครับ ท่านช่วย…”
เขายังไม่ทันพูดจบปลายสายก็พูดขัดจังหวะ
น้ำเสียงของชายวัยกลางคนสุขุมนุ่มนวล แต่กลับมีพลัง “ผมได้ยินเรื่องของคุณแล้ว คุณทำผิดเอง ตระกูลหลินจะไม่ยุ่ง”
“นักพยากรณ์ที่ตระกูลหลินเรียกใช้ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียว จัดการเอาเองนะ”
จากนั้นสายก็ถูกตัด
ตี้อู่ฮุยฟังเสียงตู๊ดๆๆ ด้วยสีหน้าอึ้งสนิท เลือดในกายเย็นเฉียบ
หลินจิ่นอวิ๋นไม่ฟังแม้แต่คำพูดของเขา ทอดทิ้งเขาแบบนี้เลยเหรอ
ถ้าไม่มีการปกป้องจากตระกูลหลิน เรื่องที่เขาหาคนมารับเคราะห์ก็ต้องถูกตี้อู่ฝานจัดการ ไม่ว่าอย่างไรงานนี้เขาก็จบเห่แล้ว
ตี้อู่ฮุยเจ็บปวดตามจุดลมปราณใหญ่ๆ ของร่างกาย เขาพยายามเงยหน้าขึ้น มองไปทางขวา
ชายหนุ่มนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน ดวงตาดอกท้อวูบไหวแวววาว
เขาเล่นแหวนนิ้วโป้งที่ทำจากหยก ใบหน้าหล่อเหลา ดูไม่เป็นโล้เป็นพาย
แต่ตี้อู่ฮุยกลับรู้สึกได้ถึงแรงกดดันและความหวาดกลัวอย่างไร้ขีดจำกัด
ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่
ถึงทำให้หลินจิ่นอวิ๋นเชื่อฟังได้
“ลากเขาไปที่หอบรรพชน” ตี้อู่ฝานสั่ง “ลงโทษตามกฎของบ้าน แจ้งไปที่วงการแพทย์แผนโบราณ วงการจอมยุทธ์ รวมถึงสมาชิกทั้งหมดของตระกูลตี้อู่ บอกว่าตี้อู่ฮุยไม่ใช่คนของตระกูลตี้อู่อีกต่อไปแล้ว”
“มะ…ไม่ได้นะ!” ตี้อู่ฮุยลนลานขั้นสุด “นายใหญ่! นายใหญ่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”
แต่เขาก็แทบจะขัดขืนไม่ได้ ถูกลากออกไปแบบนั้น
หลังจากจัดการตี้อู่ฮุยเสร็จแล้ว ตี้อู่ฝานก็จับไม้เท้า ยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล
เขาเดินเข้าไปด้วยท่าทางสุภาพ “ไม่ทราบว่าคุณคือ?”
“ไม่ใช่ใครทั้งนั้น” มือข้างหนึ่งของฟู่อวิ๋นเซินล้วงกระเป๋ากางเกง ดวงตาเหม่อลอย “คนเกเร”
ตี้อู่ฝาน “?”
อวิ๋นซาน “…”
เขาไม่รู้ว่าคุณชายของพวกเขาใช้คำนี้หลอกมาแล้วกี่คน
อวิ๋นซานส่ายหน้า เดินตามอยู่ด้านหลังฟู่อวิ๋นเซิน
ตี้อู่ฝานยืนนิ่ง ไม่ได้ตามออกไป
ถึงขนาดที่เขากำลังคิดว่า หรือเขาออกจากโลกของคนธรรมดามานานเกินไป ก็เลยตามไม่ทันยุคสมัยแล้ว
ทำไมพวกคนที่ดูเก่งกาจขั้นเทพพวกนี้ถึงเรียกตัวเองแบบนี้
ตี้อู่ฝานลูบเครา มองส่งฟู่อวิ๋นเซินออกไป จากนั้นเขาค่อยออกไป
เมื่อเดินออกมานอกเรือน เขาก็กวักมือเรียกตี้อู่เย่ว์ไปด้านข้าง
ตี้อู่เย่ว์ปัดฝุ่นบนขาแล้วยืนขึ้น “คุณปู่”
“เย่ว์เย่ว์ ปู่ยังไม่ได้ถามหลาน” ตี้อู่ฝานพูดเสียงเบา “หลานไปรู้จักคุณผู้หญิงคนนั้นที่ไหน”
อิ๋งจื่อจินแปลงโฉมมา
การแปลงโฉมของเธอไม่มีใครดูออก
รวมถึงตี้อู่ฮุยก็มองไม่ออก
แต่ตี้อู่ฝานมองออก
นี่เป็นอาจารย์ของพวกเขา โหงวเฮ้งจะธรรมดาได้อย่างไร
ไม่มีคำอธิบายอื่นแล้วนอกจากแปลงโฉมมา
“อ๋อ เรื่องนี้เหรอคะ” ตี้อู่เย่ว์เกาหัว “ก็ตอนที่คุณปู่เอาหนูกับพี่ชายไปทิ้งไว้ที่เกาะนั่น ถ้าไม่ได้พี่สาวคนนี้หนูก็ไม่มีเงินกลับบ้านหรอกค่ะ”
เธอยังได้เล่าเรื่องบนเกาะให้ฟังอีกด้วย
เธอไม่รู้ว่าคำบอกเล่าของเธอทำเอาตี้อู่ฝานตกใจขนาดไหน
เขามือสั่น “ละ หลานยังไปหลอกเงินเธอมาด้วยเหรอ”
“เอ่อ คุณปู่ นี่เป็นข้อตกลงที่ยุติธรรมนะคะ” ตี้อู่เย่ว์ผายมือออก “คุณปู่สอนหนูเองนะ แบบนี้จะเรียกว่าหลอกได้ยังไง”
“เจ้าหลานตัวแสบ!” ตี้อู่ฝานโมโหจนยกไม้เท้าเขกหัวตี้อู่เย่ว์ “เรานี่มัน เรานี่มัน…”
สุดท้ายเขาก็กลืนคำพูดกลับไป
ตี้อู่เย่ว์ยังไม่ใช่นายใหญ่ของตระกูลตี้อู่ เรื่องบางอย่างบอกเธอไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะนำความยุ่งยากมาสู่ตัว
“เจ็บๆๆ!” ตี้อู่เย่ว์รีบกุมหัววิ่งไปอีกด้าน “คุณปู่ เซลล์สมองหนูตายหมดแล้ว”
“ตายหมดก็ดี” ตี้อู่ฝานโมโหเครากระดิก “วันๆ เอาแต่ใช้สมองในทางที่ไม่ถูกต้อง”
นั่นท่านอาจารย์เชียวนะ!
ขนาดบรรพบุรุษของพวกเขายังต้องเรียกว่าอาจารย์ แต่ตี้อู่เย่ว์กลับไปหลอกเอาเงินมา
ตี้อู่ฝานเอามือทาบอก รู้สึกเหมือนกำลังจะโมโหตาย
แต่ถ้าท่านอาจารย์คิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้ คงไม่มีทางมาเปลี่ยนดวงชะตาให้ตี้อู่เย่ว์โดยเฉพาะ
หลานตัวแสบคนนี้ช่างมีบุญจริงๆ
“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เราต้องตั้งใจอ่านหนังสือให้ดี” ตี้อู่ฝานสีหน้าเคร่งขรึม” อย่างตำราโจวอี้ อี้จิง เหมยฮวาอี้ซู่ ใช่ แล้วก็มีแผนภาพทุยเป้ย คัดลอกมาเล่มละสิบครั้ง ท่องได้แล้วค่อยว่ากัน”
ตี้อู่เย่ว์ใกล้บรรลุนิติภาวะแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นก็จะต้องเข้าสู่เส้นทางนี้
หนังสือขั้นพื้นฐานพวกนี้ต้องอ่านให้หมด
แต่ตี้อู่เย่ว์วิ่งหนีไปแล้วตั้งแต่ตี้อู่ฝานพูดประโยคแรก
เธอวิ่งพลางเอามือปิดหู “คุณปู่ว่าไงนะคะ ลมแรงมากเลย หนูไม่ได้ยิน”
ตี้อู่ฝานโมโหเกือบหายใจไม่ทัน
ตี้อู่เย่ว์ดีหมดทุกอย่าง ฉลาด เรียนนิดหน่อยก็เป็น แต่เสียก็แค่ไม่ชอบเรียน
เขาว่าเด็กคนนี้ต่างหากที่เกเร!
…
เวลานี้ ภายในวงการจอมยุทธ์
ตระกูลหลิน
หลินจิ่นอวิ๋นมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือพลางครุ่นคิด
“นายใหญ่ครับ” พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้ว “ท่านจะไม่สนใจอาจารย์ฮุยจริงเหรอครับ”
ตี้อู่ฮุยเป็นนักพยากรณ์ที่เก่งมาก
นักพยากรณ์ในยุคนี้มีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ นอกจากตี้อู่ฮุย ตระกูลหลินก็มีนักพยากรณ์ที่เรียกใช้อยู่อีกแค่สองคน
แต่สองคนนี้สู้ตี้อู่ฮุยไม่ได้
ตี้อู่ฮุยทำนายดวงชะตาของตระกูลหลินได้ แต่อีกสองคนทำไม่ได้
อนาคตของตระกูลหนึ่งกว้างกว่าดวงชะตาของคนคนเดียว ความลับสวรรค์ที่ต้องขุดคุ้ยก็มีมากยิ่งกว่า
วงการจอมยุทธ์ไม่ได้มีแค่ตระกูลหลินตระกูลเดียว ตระกูลอื่นก็มีคบค้าสมาคมกับตระกูลตี้อู่เช่นกัน
ตอนนี้ตี้อู่ฮุยถูกทำลายพลังพยากรณ์แล้ว ซ้ำยังถูกไล่ออกจากตระกูลตี้อู่ มองผิวเผินเหมือนไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลหลิน แต่ตระกูลหลินก็เท่ากับสูญเสียยอดฝีมือไปหนึ่งคน
หลินจิ่นอวิ๋นเงียบอยู่สักพักก็ถอนหายใจเบาๆ “ไม่ใช่ไม่สน แต่เข้าไปยุ่งไม่ได้”
พ่อบ้านอึ้ง “ยุ่งไม่ได้เหรอครับ”
นอกจากวงการจอมยุทธ์ ในตี้ตูมีเรื่องไหนที่ตระกูลหลินยุ่งไม่ได้ด้วยเหรอ
หลินจิ่นอวิ๋นไม่ตอบ แค่ส่ายหน้า เขาถาม “ชิงจยาอยู่หรือเปล่า”
“คุณชิงจยาออกไปแล้วครับ” พ่อบ้านตอบอย่างนอบน้อม “ไปยุโรปครับ ท่านเองก็ทราบว่าเธอมีฝีมือมากในการรักษาแผนโบราณ”
“ทางวงการแพทย์แผนโบราณบอกว่า วงการเล่นแร่แปรธาตุเชิญคุณชิงจยาไปด้วยตัวเอง เพื่อร่วมวิจัยยาชนิดหนึ่งครับ”
ความสัมพันธ์ระหว่างวงการแพทย์แผนโบราณกับวงการเล่นแร่แปรธาตุค่อนข้างย้อนแย้งกัน เรียกได้ว่าเป็นคู่ปรับ แต่กลับมีความร่วมมือกันอยู่ไม่น้อย
เว้นช่วงระยะหนึ่งแต่ละฝ่ายจะส่งคนไปแลกเปลี่ยนความรู้กัน
พอได้ยินแบบนี้คิ้วที่ขมวดอยู่ของหลินจิ่นอวิ๋นก็คลายออก “ถ้าชิงจยาขาดเหลืออะไรก็ให้คนเอาไปให้ ห้ามรอช้าเป็นอันขาด”
พ่อบ้านยังคงนอบน้อม “ครับนายใหญ่”
หลินจิ่นอวิ๋นไม่พูด เขาเองก็รู้หนักเบา
โค้งตัวหนึ่งทีแล้วถึงออกไป
…
วันต่อมา
อิ๋งจื่อจินนอนจนตะวันขึ้นสูงโด่งแล้วถึงตื่น
เธอลืมตา หันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง
แสงแดดในเดือนกันยายนมีความหนาวเย็นเล็กน้อย ทะลุผ่านใบไม้ลงมาตกกระทบที่หน้าต่าง เห็นเงาไม้เป็นลวดลาย
ความสงบที่หาได้ยาก
เมื่อก่อนเธอก็เคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ระยะหนึ่ง
ตระกูลตี้อู่รักษาบ้านเก่าไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่แตกต่างจากเมื่อหลายร้อยปีก่อน
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในเวลานี้