ตอนที่ 323 ไม่เชื่อฟังพี่ชายเหรอ เผยเทียนอี้ ขอโทษเดี๋ยวนี้!
แต่ไหนแต่ไรมาเผยเทียนอี้ดูแคลนเรื่องจำพวกไลฟ์สด
ในสายตาของเขา ไลฟ์สดเป็นของตลาดล่าง ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่พวกเรียกร้องความสนใจทั้งนั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาล็อกอินเข้าโปรแกรมไลฟ์สด
เผยเทียนอี้กดเอนเทอร์ หน้าจอเปลี่ยนไป เข้าสู่ช่องไลฟ์สด
แต่สิ่งที่ทำเขาผิดหวังคือ ภายในช่องไลฟ์สดไม่มีอะไร มีแค่ข้อความประกาศ
[ว้า เจ้าของช่องไม่เข้ามาสิบห้าวันแล้ว ปลาน้อยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปไหน (อีโมชันร้องไห้โฮ)]
ด้านล่างมีพวกผู้ชมทิ้งข้อความไว้
[ท่านเทพลืมพาสเวิร์ดอีกแล้วแน่เลย ไหนบอกว่าจะมาไลฟ์อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ปล่อยพวกเรารอเก้ออีกแล้ว]
[ทำไมฉันรู้สึกว่าเกิดเรื่องอะไรกับท่านเทพเลยล่ะ ฉันไปดูที่เว็บไอเอสซีมาด้วยนะ คะแนนของท่านเทพนิ่งไม่ขยับเลย]
[ไม่หรอกไม่ นายเพิ่งมาใหม่ใช่ไหม ข้อเสียของท่านเทพก็คือขี้เกียจ ขี้เกียจขยับตัว]
เผยเทียนอี้อ่านพวกคอมเมนต์ที่มีจำนวนมาก แต่เขาก็ยังไม่เจอข้อมูลที่ต้องการ
เขาส่ายหน้าปิดโปรแกรม
เขาหวังว่าจะได้ดูไลฟ์สดสักครั้งก่อนไปจากประเทศจีน
…
มีคนรู้เรื่องที่เกอร์เวนถูกลักพาตัวไม่มาก ทางยุโรปก็ปิดเรื่องนี้กันให้เงียบ
อย่างไรเสียถ้าป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไปก็จะสร้างแรงสะเทือนค่อนข้างมาก ทั้งยังจะดึงดูดความสนใจจากผู้ก่อการร้ายระดับโลกคนอื่นๆ
ไอบีไอปกป้องสันติสุขของโลก แต่โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ ก็ไม่มีทางที่จะดูแลได้อย่างทั่วถึง
บ่ายวันต่อมา อิ๋งจื่อจินได้ข้อความตอบกลับจากหน่วยอีจื้อ
[คุณอิ๋งครับ คนพวกนี้ไม่ใช่คนจีน พวกเราตั้งข้อสงสัยในขั้นต้นว่าพวกเขาเป็นผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ เลยส่งตัวไปให้ไอบีไอแล้วครับรอทางนั้นแจ้งมา พวกเราจะรีบบอกคุณทันทีครับ]
[เรื่องนี้รุนแรงมาก คิดว่าผู้บัญชาการสูงสุดของไอบีไอก็น่าจะตอบสนองกับเรื่องนี้ครับ]
ถึงแม้สุดท้ายจะไม่มีใครถึงแก่ชีวิต แต่จินตนาการได้เลยว่า ถ้าเกอร์เวนตาย ความเสียหายก็ไม่อาจประเมินได้
ข้อความสุดท้ายทำให้มือของอิ๋งจื่อจินหยุดชะงัก
เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า “รู้เรื่องแล้วเหรอ”
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้า “เรื่องมาถึงพี่ชายแล้ว”
ประธานของไอบีไอติดต่อเขามาด้วยตัวเอง
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า
เดิมทีเธอไม่อยากยุ่ง ตอนนี้ยิ่งไม่ต้องให้ความสนใจแล้ว
“แต่ว่า เยาเยา…” ฟู่อวิ๋นเซินเอามือไปหยิกแก้มเธอ
“เธอลืมเรื่องอะไรไปหรือเปล่า”
อิ๋งจื่อจินตีมือเขา “ห้ามหยิกแล้ว เรื่องอะไร”
เธอพบว่าความทรงจำของเธอเป็นแบบนี้
อะไรที่ควรจำไม่จำ แต่บทละครน้ำเน่าเธออ่านรอบเดียวก็จำได้แล้ว
มหัศจรรย์จริงๆ
“พี่ชายจำได้เคยพูดไว้ว่า…” ฟู่อวิ๋นเซินกลับไม่ปล่อยมือ แต่วางบนศีรษะของเธอ ก้มตัวเล็กน้อยให้สายตาอยู่ระดับเดียวกันกับเธอ
“เด็กน้อย ถ้าเธอมีเรื่องอะไรต้องมาบอกพี่ชายเป็นคนแรก”
ดวงตาดอกท้อที่เรียวยาวของเขาโค้งมน สีหน้ากึ่งยิ้ม แต่ก็เจือไปด้วยอารมณ์ดุเล็กน้อย
“ทำไมครั้งนี้ยังจะไปหาคนอื่นอีกล่ะ หืม?”
เขามองเธอแบบนี้ คล้ายกับว่าถ้าเธอไม่มีเหตุผลดีๆ ให้ เขาจะเอาเรื่อง
“…”
อิ๋งจื่อจินนิ่งคิดไปชั่วครู่ และก็พบว่าดูเหมือนจะเคยได้ยินอะไรแบบนี้
เธอตีมือของเขาอีกครั้งพลางพูดอย่างใจเย็น
“ฉันกลัวพี่ชายเหนื่อย”
สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินชะงักเล็กน้อย ค่อยๆ ยืดตัวขึ้น
ห้าพยางค์นี้ฟังดูธรรมดาๆ แต่กลับเหมือนสร้างคลื่นพลังอันน่าตกใจ ทะลวงเข้าไปในเยื่อแก้วหูของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาแทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีในการข่มไว้ ถึงพอจะสงบลงได้
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว รู้สึกสนใจ “หืม?”
“ก็เลยไม่อยากรบกวนคุณ เลยไปรบกวนคนอื่นแทน” อิ๋งจื่อจินหาว พูดเสียงเนือย
“พวกเขาเหนื่อยก็เหนื่อยไป แบบนี้ฉันก็ไม่มีเหตุผลต้องรู้สึกผิดอะไร”
“ใช้ได้นี่เด็กน้อย” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มมุมปาก
“ตอนนี้รู้จักเอาใจพี่ชายแล้ว” เขาหัวเราะเล็กน้อย สีหน้าเรื่อยเปื่อย
“แต่พี่ชายก็หลงกลจริงๆ ครั้งนี้จะปล่อยเธอไปก่อน แต่ว่าถ้ามีเรื่องอะไรอีก ครั้งหน้าต้องมาหาพี่ชายนะ”
เขาไม่ได้พูดส่งเดช
เขาหวังว่าเธอจะลองมาพึ่งพาเขาดูจริงๆ
ด้วยเหตุนี้คราวก่อนที่บ้านตระกูลตี้อู่ เธอเลือกจะโทรหาเขา เขากลับอารมณ์ดีเสียด้วยซ้ำ
“งั้นก็ได้” อิ๋งจื่อจินมองเขา เงียบไปสองวินาทีแล้วพูดต่อ “ฉันหิวแล้ว”
“…”
“ขอแค่นี้เหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินมองนาฬิกาข้อมือ “อยากกินอะไร”
อิ๋งจื่อจินขึ้นรถ คาดเข็มขัดนิรภัย “ของอร่อย”
ฟู่อวิ๋นเซินหาร้านอาหารร้านใหม่ ปักหมุดไว้แล้วออกรถ
มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัยรถ มืออีกข้างกดบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ส่งไปสองข้อความ
[เยาเยาของฉันบอกว่า ที่เธอรบกวนนายเป็นเพราะไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร]
[นายเหนื่อยก็ไม่เป็นไร แต่ฉันไม่เหมือนกัน ฉันจะเหนื่อยไม่ได้]
เนี่ยอี้ที่เห็นสองข้อความนี้ ก็คิดว่ามีเรื่องด่วนอะไร
“…”
…
สามวันต่อมา เกอร์เวนถึงฟื้น
เขาไม่มีอาการอื่นๆ หลงเหลืออีกนอกจากยังรู้สึกเวียนศีรษะอยู่บ้าง
แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก เผยเทียนอี้ตัดสินใจรอดูอีกสักสองสามวัน
การลักพาตัวครั้งนี้ทำให้เกอร์เวนก็รู้สึกหวาดผวาอยู่ในใจ
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน
เมื่อปีที่แล้วเพื่อนร่วมงานของเขาคนหนึ่งเคยถูกระเบิดเครื่องบินตอนไปเยือนต่างประเทศ
ต่อมาก็ตรวจสอบพบว่าเกิดจากฝีมือคนวางแผนเอาชีวิตเพื่อนเขา
แต่ใครเป็นคนทำกันแน่ จวบจนทุกวันนี้ก็ยังสืบไม่พบ
“นักเรียนอิ๋ง ขอบคุณมากนะ” เกอร์เวนยังกลัวไม่หาย
“ผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะตอบแทนคุณอย่างไร ต้องการอะไรไหม ขอแค่ผมให้ได้ ผมจะไม่ปฏิเสธแน่นอน”
ถ้าไม่ได้อิ๋งจื่อจินหาพิกัดของเขาเจอ เกรงว่าชีวิตของเขาคงต้องจบที่นั่นแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ” อิ๋งจื่อจินไม่แคร์ เธอพยักหน้าเล็กน้อย
“ฉันยังมีจุดที่ไม่เข้าใจเรื่องกลศาสตร์ควอนตัมอีกนิดหน่อย อยากให้ศาสตราจารย์ช่วยสอนค่ะ”
พอพูดถึงเรื่องที่ตัวเองค้นคว้า เกอร์เวนก็สดชื่นขึ้นมาทันที “ได้ๆ ถามมาสิ”
อิ๋งจื่อจิน “ศาสตราจารย์เกอร์เวนเชื่อในเอกภพคู่ขนานหรือเปล่าคะ”
พอได้ยินคำถามนี้ เกอร์เวนก็อึ้ง จากนั้นก็ยิ้มออกมา
“ผมเชื่อ อันที่จริงนักวิทยาศาสตร์ก็มีการพิสูจน์เรื่องนี้แล้ว”
เขาดันแว่นตาค้นเอกสารจากในคอมพิวเตอร์
“ดูนี่ นักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นพบว่ามีเอกภพอื่นอีกในระหว่างที่ศึกษารังสีไมโครเวฟพื้นหลังของเอกภพเมื่อปีสองพันเจ็ด”
อิ๋งจื่อจินนั่งลง ตั้งใจอ่าน
ศาสตราจารย์เกอร์เวนพูดต่อ “จากข้อมูลรังสีที่กล้องแพลงค์สำรวจได้จะพบว่า เอกภพของเราอาจเป็นหนึ่งในพันล้านเอกภพ นี่ก็หมายความว่านอกเหนือจากระบบสุริยะที่พวกเราอยู่ ในขณะเดียวกันก็ยังมีจักรวาลอีกมากมาย”
“บ้างก็เหมือนกัน บ้างก็ต่างกัน แต่เรื่องพวกนี้ยังไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แต่เรื่องเดียวที่แน่ใจได้ก็คือ จักรวาลที่มีอยู่พวกนี้อยู่ห่างจากพวกเราไกลมาก พวกเราไม่มีทางได้สัมผัสกับจักรวาลอื่น ดังนั้นตอนนี้พวกเราจึงไม่สามารถสังเกตสิ่งที่เรียกว่าเอกภพคู่ขนานได้”
บนโลกนี้ความเร็วแสงไวที่สุด จากการทดสอบของนักวิทยาศาสตร์ จักรวาลที่อยู่ในระบบสุริยะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งแสนหกหมื่นล้านปีแสง
ขนาดแสงยังต้องเดินทางเป็นแสนล้านปี แค่คิดก็รู้ว่าไกลมากขนาดไหน และก็เพราะไม่สามารถสังเกตการณ์ได้ เอกภพคู่ขนานถึงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาตลอด
นักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อยคิดว่า ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาให้กับเรื่องนี้ อีกทั้งคำพูดเรื่องเอกภพคู่ขนานก็ดูจะเพ้อเจ้อไปหน่อย อย่างมากก็มีแค่ในภาพยนตร์กับงานประพันธ์แนวไซไฟ
“แต่มันก็ไม่แน่หรอก” เกอร์เวนคิด “เพราะตอนนี้เทคโนโลยีของพวกเรายังพัฒนาไปไม่มาก แม้แต่จักรวาลที่พวกเราอยู่ เทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ก็ยังสังเกตการณ์มาไม่ได้ทั้งหมด เพราะจักรวาลมันกว้างใหญ่เกินไป”
“ไม่แน่อาจมีสักวันหนึ่งที่มนุษย์สามารถไปท่องจักรวาลได้” เขารู้สึกเสียดายมาก
“เพียงแต่ไม่รู้ว่าผมจะได้เห็นตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ไหม”
อิ๋งจื่อจินอ่านเอกสารจบ “ค่ะ ต้องมีวันนั้นแน่”
“ดูเหมือนนักเรียนอิ๋งจะสนใจเรื่องกลศาสตร์ควอนตัมกับจักรวาลอวกาศมาก” เกอร์เวนครุ่นคิดเล็กน้อย
“งั้นเอาแบบนี้ ผมจะเชิญคุณให้มาเป็นผู้ช่วยพิเศษของผม เข้าร่วมห้องทดลองของผมดีไหม เพราะมีงานวิจัยบางอย่างที่ยังไม่ได้เปิดเผย ถ้าคุณมาเข้าร่วมห้องวิจัยของผมก็จะได้วิจัยไปด้วยกัน”
ความลับงานวิจัยบางอย่างมีแค่คนภายในห้องวิจัยเท่านั้นที่รู้ คนนอกไม่มีทางรู้ ด้วยเหตุนี้จึงน่าสงสัยว่าการที่เกอร์เวนถูกลักพาตัวอาจมีคนในรู้เห็นด้วย เครื่องพ่นรูปตัวแอลเพิ่งสร้างขึ้นมาสำเร็จ อีกฝ่ายรู้ข่าวได้อย่างไร
“ศาสตราจารย์!” เผยเทียนอี้ฟังถึงตรงนี้ก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที เขาขมวดคิ้ว
“ศาสตราจารย์จะให้เธอเข้าร่วมห้องทดลองของศาสตราจารย์ได้อย่างไรครับ ความลับตั้งมากมายขนาดนั้น แต่ละอย่างมีอิทธิพลมากทั้งนั้น เกิดเธอมีจุดประสงค์อย่างอื่นล่ะครับ ศาสตราจารย์ไม่กลัวเธอเอาไปแพร่งพรายเหรอครับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าเกอร์เวนหายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เผยเทียนอี้ ขอโทษนักเรียนอิ๋งเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นคุณก็กลับยุโรปไปตอนนี้เลย”