ตอนที่ 346 หวั่นไหว ครอบครัวของฮ่องเต้อิ๋ง
เธอหยิบขึ้นมาดู
อิ๋งจื่อจินมองหน้าจอ เป็นเบอร์แปลก
เธอครุ่นคิด สุดท้ายก็กดรับ
“สวัสดีครับคุณอิ๋ง”
อิ๋งจื่อจินได้ยินเสียงนี้ก็รู้แล้วว่าปลายสายคือใคร
คนที่โทรมาคนนี้เหนือความคาดหมายของเธอจริงๆ
“คุณอวี้?”
นับตั้งแต่รักษาให้เวินทิงหลานเสร็จ อวี้เสวี่ยเซิงนักสะกดจิตอันดับที่สองของชาร์ตก็ไปจากฮู่เฉิง
ร่องรอยของเขาไม่แน่นอน เว้นเสียแต่เขาจะเป็นฝ่ายบอกเอง ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
แต่แท้จริงแล้วภายนอกอวี้เสวี่ยเซิงก็คือจิตแพทย์
เขาเดินทางไปทั่วทุกมุมโลก รักษาให้คนที่ป่วยทางด้านจิตใจ
คนที่เจอเขาล้วนไม่สามารถเชื่อมโยงเขากับนักสะกดจิตอันดับสองของชาร์ตได้
“คุณอิ๋ง ผมได้ยินว่าคุณจะมาตี้ตู” อวี้เสวี่ยเซิงเสียงสดใส ชวนให้นึกถึงก้อนเมฆที่เคลื่อนไปตามสายลม ไพเราะเสนาะหู “ไว้มาเจอกันหน่อยได้ไหมครับ ผมมีเรื่องอยากขอให้คุณช่วย”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ค่ะ เรื่องอะไรเหรอคะ”
“คุณอิ๋งพอเป็นวิชาสะกดจิตอยู่บ้าง น่าจะเข้าใจการรักษาโรคจิตเวช” อวี้เสวี่ยเซิงหัวเราะเล็กน้อย “ผมรับภารกิจมา จำเป็นต้องไปต่างประเทศ ก็เลยอยากขอให้คุณอิ๋งช่วยดูแลผู้ป่วยคนหนึ่งให้หน่อยครับ”
“เขาช่วยเหลือตัวเองได้ ก็แค่มีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม คุณอิ๋งช่วยโทรคุยกับเธอทุกวันก็พอครับ”
อิ๋งจื่อจินออกจากหน้าจอสนทนา เปิดวีแชท ดูประวัติคนไข้ที่อวี้เสวี่ยเซิงส่งมาให้
เป็นผู้หญิงอายุยี่สิบปี
แต่ในรูปเธอแต่งตัวเป็นผู้ชาย หน้าตาสวยเหมือนตุ๊กตา
“เธอมีปัญหาทางด้านอารมณ์ที่รุนแรงมาก อีกทั้งจิตใจยังปฏิเสธการรักษาของผมมาตลอด” อวี้เสวี่ยเซิงพูดเสียงขรึม “เป็นครั้งแรกที่ผมเจอคนไข้แบบนี้ เวลารักษาก็เลยค่อนข้างลำบาก”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า พอเข้าใจแล้ว “ผู้หญิงแต่งตัวเป็นผู้ชาย ก็เป็นเพราะปัญหาทางด้านจิตใจเหรอคะ”
“มีส่วนครับ” อวี้เสวี่ยเซิงส่งเอกสารมาอีกหนึ่งไฟล์ “พ่อของเธอเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง ตอนเด็กเธอเห็นพ่อทำร้ายแม่จนปัสสาวะราด”
“แม่ของเธอไม่กล้าขัดขืน ก็เลยเลี้ยงเธอเป็นเด็กผู้ชายตั้งแต่เล็กๆ ต่อมาพอน้องชายเธอเกิด เธอก็ถูกบังคับให้ทำงานพิเศษสี่งานทุกวัน”
“ผมให้เงินพ่อแม่เธอไปหนึ่งแสนเพื่อพาเธอออกมาจากครอบครัวนั้น”
อิ๋งจื่อจินอ่านประวัติคนไข้จบก็พูด “เดรัจฉาน”
“ครับ เดรัจฉาน แถมเดรัจฉานแบบนี้มีอยู่ไม่น้อยด้วย” อวี้เสวี่ยเซิงพูด “น่าเสียดาย ผมเป็นหมอแต่กลับช่วยคนไม่ได้มาก”
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง
เธอนึกถึงคำพูดที่ฟู่อวิ๋นเซินพูดกับเธอ
บนโลกนี้มีคนที่อยู่ในมุมมืดมากมาย บางครั้งช่วยได้ก็ช่วย
คนบางคน จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตก็ยังไม่เคยได้พบเจอกับแสงสว่าง
แต่เดิมทีชีวิตของพวกเขาควรเหมือนคนปกติ ได้เบ่งบานดุจดอกไม้ไฟ
“เธอชอบร้องเพลง ชอบเต้น ชอบเวที” อวี้เสวี่ยเซิงพูดต่อ “ผมบอกเธอว่าเธอต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปถึงจะทำฝันให้เป็นจริงได้ นี่คือเหตุผลที่เธอสามารถอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้ครับ”
“ตอนนี้เธอเข้าร่วมรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 เป็นเด็กฝึกไม่มีสังกัด ผมหวังว่าผมจะกลับมาทันก่อนเธอเข้าแข่งขัน เธอร้องเพลงเพราะมาก คุณอิ๋งต้องไปลองฟังเธอร้องเพลงดูครับ”
ดวงตาของอิ๋งจื่อจินขยับเล็กน้อย
ทะลุเข้าไปถึงรอบแข่งจริงของรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ได้โดยไร้สังกัดก็แสดงว่ามีความสามารถมากทีเดียว
ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นมีบริษัทสนับสนุนทั้งนั้น
เธอจับมาเซ็นสัญญากับชูกวงมีเดียได้
“รบกวนด้วยครับ” อวี้เสวี่ยเซิงพูดด้วยความเกรงใจ “ผมมีค่าตอบแทนให้”
อิ๋งจื่อจินไม่แคร์ “เกรงใจเกินไปแล้วค่ะ”
อวี้เสวี่ยเซิงรักษาให้เวินทิงหลานก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร
คนเป็นหมอ ในสายตาของเขามีแค่คนไข้
“ครับคุณอิ๋ง” อวี้เสวี่ยเซิงยิ้มเล็กน้อย “เจอกันที่ตี้ตูนะครับ”
…
อิ๋งจื่อจินคุยเสร็จ หลิงเหมียนซีก็มาหาเธอพอดี
“อิ๋งอิ๋ง มาเล่นเกมคำปริศนากัน” หลิงเหมียนซีทำหน้ามีลับลมคมใน “เธอลองส่งให้ผู้ชายที่สนิทกับเธอ ดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยายังไง”
ขณะพูดหลิงเหมียนซีก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้ บนหน้าจอมีสามประโยค
[ฉันเป็นยาม
อยากกินคุกกี้หมี
คุณซื้อให้ฉันได้หรือเปล่า]
หลิงเหมียนซีชี้ที่อักษรตัวแรกของแต่ละประโยค “เธอดูนะ นี่เป็นความแฝงที่อยู่ในประโยค หมายถึงฉันคิดถึงเธอ[1]”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว เกิดความสนใจ “น่าสนุกดี”
เธอชอบโลกปัจจุบันนี้มาก แต่ละวันมีอะไรให้เล่นแปลกใหม่ไม่ซ้ำกัน
“เธอลองส่งให้ใครสักคนสิ” หลิงเหมียนซีเท้าคาง “ยังไงก็แค่เล่นสนุกๆ”
อิ๋งจื่อจินเปิดวีแชท มองหาดู สุดท้ายก็ส่งให้ฟู่อวิ๋นเซิน
ฟู่อวิ๋นเซินตอบกลับเร็วมาก
[เด็กน้อย อยากกินรสอะไร]
[ไม่ต้องคิดถึงพี่ชาย เดี๋ยวตอนเย็นก็ไปรับ คุกกี้หมีไม่มีประโยชน์ พี่ชายเลี้ยงมื้อใหญ่ดีกว่า ไม่เจอกันวันเดียว พี่ชายก็คิดถึงเหมือนกัน]
“จะฉลาดเกินไปแล้ว” หลิงเหมียนซีลูบคาง “อีคิวระดับนี้”
อิ๋งจื่อจินวางโทรศัพท์มือถือลง พิงเก้าอี้ สีหน้าเรื่อยเปื่อย “เขาพูดจาแบบนี้มาตลอด ชินแล้ว”
หลิงเหมียนซีกะพริบตา “แต่เธอยิ้ม มีความสุขใช่ไหม”
อิ๋งจื่อจินหันมา สีหน้าไม่เปลี่ยน “เปล่า”
“ใช่ๆๆ ไม่มีหรอก” หลิงเหมียนซีพูดเออออพลางส่งให้เนี่ยอี้ด้วย
จากนั้นก็ถือโทรศัพท์ รอคอยอย่างมีความสุข
ช่วงนี้เนี้ยอี้ยุ่งมาก ความเร็วในการตอบก็ลดลง
ห้านาทีต่อมา หลิงเหมียนซีก็ได้ข้อความตอบกลับ
[ได้ คุณเป็นยามที่ไหน]
[ทำไมยามต้องกินคุกกี้หมีด้วย ตระกูลหลิงไล่คุณออกเหรอ]
[มาหน่วยอีจื้อสิ เงินเดือนยามน้อยไป คุณใช้เงินเดือนละหลายล้าน ไม่พอคุณใช้หรอก]
หลิงเหมียนซีเงยหน้า ยิ้มพลางพูด “เขาตายแล้ว”
อิ๋งจื่อจิน “…”
…
อีกด้านหนึ่ง
สำนักงานใหญ่หน่วยอีจื้อ
เนี่ยอี้มองโทรศัพท์มือถือ ไม่เห็นมีข้อความตอบกลับ คิ้วก็ขมวดแน่น
ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญ”
คนที่เข้ามาคือหัวหน้าทีมสาม เขาเห็นเนี่ยอี้ดูแปลกไปจึงถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรไปครับหัวหน้า”
เนี่ยอี้เอาให้เขาดู “นี่หมายความว่าอะไร ฉันตอบกลับแบบนี้ไม่ถูกเหรอ”
“หัวหน้าไม่เข้าใจหรอก นี่มันเป็นการต่อประโยค” หัวหน้าทีมสามทำท่าทางเหมือนรู้ดี “ผมรู้ว่าต้องตอบยังไง”
เนี่ยอี้นวดหว่างคิ้ว พอได้ฟังก็เงยหน้าขึ้น “นายรู้เหรอ”
“แน่สิครับ” หัวหน้าทีมสามพูดด้วยความมั่นใจ “หัวหน้า เดี๋ยวผมช่วยตอบ รับรองทางนั้นพอใจแน่”
เนี่ยอี้เหลือบมองเขา เลือกที่จะเชื่อสักครั้ง ยื่นโทรศัพท์ให้
[คุณเป็นยาม น่าเบื่อทุกวัน เข้างานหาเงินกินข้าวไปวันๆ แต่ละมื้อยังต้องกินเยอะทุกวัน อย่าหมกมุ่นเรื่องวันวาน พรุ่งนี้ก็ยังเป็นยาม]
หัวหน้าทีมสามส่งเสร็จก็คืนโทรศัพท์ให้เนี่ยอี้ “หัวหน้า รอดูได้เลย รับรองได้ผล”
เนี่ยอี้มองข้อความที่หัวหน้าทีมสามช่วยส่งให้ เขาเลิกคิ้วขึ้น
รู้สึกแปลกๆ ชอบกล แต่ก็มองไม่ออก
จนกระทั่งหลิงเหมียนซีตอบกลับมา
[ติ๊ง คุณได้สูญเสียแฟนที่น่ารักไปแล้ว อีกทั้งเอากลับคืนไม่ได้อีก (บ๊ายบาย)]
เนี่ยอี้ “…”
เขาวางโทรศัพท์ มองหัวหน้าทีมสามอย่างใจเย็น “ไปฝึกเพิ่มสิบเท่า”
หัวหน้าทีมสาม “…”
เขาเข้ามาด้วยความร่าเริง แต่ออกไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก
หัวหน้าทีมสองเห็นหัวหน้าทีมสามหน้าเหี่ยวเหมือนแตงกวาจึงถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรไป โดนหัวหน้าดุเหรอ”
หัวหน้าทีมสามเศร้า “อย่าให้พูดเลย ฉันไปฝึกก่อนนะ”
หัวหน้าทีมสองงง แต่เขามีความสุข
เขาฮัมเพลงเดินไปอวดลูกน้องตัวเองแล้ว
…
เวลานี้ที่โลกแพทย์แผนโบราณ
ตระกูลฝู
หลังจากหลิงตันกับหลิงซวงเอาตัวสือเฟิ่งอี๋มามอบให้ผู้อาวุโสของตระกูลฝูเสร็จก็ถ่ายทอดคำพูดของหลิงฉงโหลว
ผู้อาวุโสรองพอได้ยินว่าหลิงฉงโหลวต้องการยาคงความเยาว์ที่พวกเขาลำบากลำบนกว่าจะทำขึ้นมาได้ ก็ถลึงตาเครากระดิก “ทำไมเขาไม่อยากได้ชีวิตฉันไปเลยล่ะ”
กว่าพวกเขาจะทำขึ้นมาได้สักเม็ดมันง่ายเหรอ
ผมกับหนวดเคราของเขาแทบร่วงหมด หัวของเขาจะล้านแล้ว
หลิงตันกับหลิงซวงมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
“ให้เขาไปเถอะ” ผู้อาวุโสใหญ่กลับถอนหายใจ “นายหญิงตระกูลหลิงเป็นคนธรรมดา อาศัยวิทยายุทธ์ช่วยให้อายุยืนไม่ได้ นายใหญ่ตระกูลหลิงถึงได้พยายามคิดหาทางเอายาคงความเยาว์ไปให้เธอ”
เจียงฮว่าผิงฝึกวิทยายุทธ์ไม่ได้ ไม่ว่าจะสภาพร่างกายหรืออายุยืน ต่างก็สู้จอมยุทธ์ไม่ได้
จอมยุทธ์อายุยืนกว่าคนทั่วไปมาก อายุยืนโดยเฉลี่ยคือหนึ่งร้อยแปดสิบปี
มีจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งถึงขั้นที่อายุยืนเกินห้าร้อยปี
นี่ไม่เหมือนกับการดึงศักยภาพในร่างกายของแพทย์แผนโบราณกับนักเล่นแร่แปรธาตุ นี่คือการอาศัยความสามารถที่แท้จริงเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
หลิงฉงโหลวเป็นคนมีพรสวรรค์ ถ้าไม่ยืดอายุให้เจียงฮว่าผิง อีกไม่นานพวกเขาก็ต้องแยกจากกันไปตลอดกาล
ผู้อาวุโสรองได้ยินแบบนี้ก็เงียบไป ส่ายมือพลางพูด “เจ้าสาม เอากล่องออกมาให้พวกเขา”
ผู้อาวุโสสามกำลังงีบหลับ สะดุ้งตื่นแล้วเดินอุ้ยอ้ายไปหยิบ
พอหลิงตันกับหลิงซวงได้กล่องที่มียาคงความเยาว์ก็พูดขอบคุณอีกครั้งแล้วเดินออก
เสียงที่ไม่ใช่ของผู้อาวุโสสามดังขึ้นในเวลานี้
“ช้าก่อน”
[1] คำว่าอยากกับคำว่าคิดถึงในภาษาจีนใช้อักษรตัวเดียวกัน