คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 367 ซุกอ้อมกอดพี่ชายเหรอ เยาเยาหึง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 367 ซุกอ้อมกอดพี่ชายเหรอ เยาเยาหึง

“สวัสดีครับศาสตราจารย์จั่ว” ศาสตราจารย์หลี่เดินเข้าไปทักทายจั่วหลี “มาด้วยเหรอครับ”

“เอ๊า” ครั้งนี้กลายเป็นจั่วหลีที่ตกใจ เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว “ทำไมพวกคุณยังอยู่ที่นี่ล่ะ”

เขารีบมองไปด้านในของห้องทดลองทันที และก็พบว่ามีแค่ศาสตราจารย์หลี่ เขาถึงวางใจ

พวกศาสตราจารย์ที่ชอบแย่งชิงคนอย่างดุเดือดไม่อยู่ เขาก็ไม่กลัว

ศาสตราจารย์หลี่กระอักกระอ่วน

เพราะสาขาคอมพิวเตอร์ของพวกเขาแย่งชิงตัวบุคลากรอย่างดุเดือดมาก ทำให้สาขาอื่นพากันไม่อยากเข้าใกล้

ศาสตราจารย์หลี่กระแอมเล็กน้อย แนะนำให้อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้จัก

“เย่ว์เซวียน นี่คือศาสตราจารย์จั่วหลี เป็นศาสตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุดของคณะฟิสิกส์ ไปเรียนที่เมืองนอกมาห้าปีถึงกลับมา และก็เป็นตัวเต็งเข้าศูนย์ฟิสิกส์สากล เก่งมากทีเดียว”

อิ๋งเย่ว์เซวียนเดินขึ้นหน้า พูดอย่างมีมารยาท “สวัสดีค่ะศาสตราจารย์จั่ว”

“สวัสดีๆ” จั่วหลีไม่ได้ให้ความสนใจอิ๋งเย่ว์เซวียนเท่าไร เขาเตรียมทำการทดลองกับอิ๋งจื่อจิน

ศาสตราจารย์หลี่มองไปตามสายตาของจั่วหลี เขาตะลึง

“เอ๊ะ ศาสตราจารย์จั่ว นี่ก็คือรองศาสตราจารย์อายุน้อยที่สุดของคณะพวกคุณที่คุณบอกเหรอ”

ในบรรดาอาจารย์อย่างพวกเขาได้ยินข่าวนี้ แต่พวกนักศึกษายังไม่รู้ แม้แต่เขาก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรก

แต่นี่มันออกจะ…เด็กเกินไปหรือเปล่า

ศาสตราจารย์หลี่รู้สึกตะลึงมาก

จั่วหลีระแวง “คุณคิดจะทำอะไร”

“เปล่าๆ ศาสตราจารย์จั่วเข้าใจผิดแล้วครับ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” ศาสตราจารย์หลี่แอบปาดเหงื่อ เดินเข้าไปแนะนำอีกครั้ง

“เย่ว์เซวียน คนนี้คือรองศาสตราจารย์อิ๋ง” อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ตอบ

สายตาของเธอจ้องเขม็งไปที่มุมบนซ้ายของเสื้ออิ๋งจื่อจิน อ่านข้อมูลที่อยู่บนบัตรประจำตัว

ชื่อ-นามสกุล : อิ๋งจื่อจิน

ตำแหน่ง : รองศาสตราจารย์

คณะหรือสาขา : คณะฟิสิกส์

สามบรรทัด ดุจมีดที่ทิ่มแทงหัวใจของอิ๋งเย่ว์เซวียนอย่างโหดเหี้ยมครั้งแล้วครั้งเล่า

เธอมองคำว่า ‘รองศาสตราจารย์’ สมองหยุดทำงาน ทันใดนั้นศาสตราจารย์หลี่ก็พูดขึ้นมาอีก

“จะว่าไปก็บังเอิญ เธอกับรองศาสตราจารย์อิ๋งแซ่เดียวกัน ไม่แน่อาจเป็นครอบครัวเดียวกันเมื่อห้าร้อยปีก่อนก็ได้นะ”

คำพูดที่ไม่ได้มีเจตนาอะไรแบบนี้กลับทำให้สมองของอิ๋งเย่ว์เซวียนปะทุ

น่าตลกเสียจริง แม้แต่แซ่นี้เธอก็ขโมยมา

ครอบครัวเดียวกันอะไรล่ะ

“เย่ว์เซวียน” ศาสตราจารย์หลี่พบว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนเงียบไปนานมาก จึงอดมองมาไม่ได้

เพราะสายตาของศาสตราจารย์หลี่ที่มองมา ทำให้อิ๋งเย่ว์เซวียนจำต้องตอบ เปล่งเสียงอย่างยากลำบาก “รองศาสตราจารย์อิ๋ง” ให้เรียกอิ๋งจื่อจินแบบนี้มันรู้สึกแย่ยิ่งกว่าฆ่าเธอ

อิ๋งจื่อจินยังคงไม่สนใจ เธอก็แค่หันมาพยักหน้าให้ศาสตราจารย์หลี่นิดหน่อยแล้วเล่นเครื่องนั้นต่อ

“ศาสตราจารย์จั่ว งั้นไม่รบกวนพวกคุณแล้วครับ” ศาสตราจารย์หลี่พูด “พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้”

พูดจบเขาก็เห็นอิ๋งเย่ว์เซวียนยังยืนเหม่ออยู่ที่เดิม จึงต้องเรียกอีกครั้ง “เย่วเซวียน ไปได้แล้ว”

อิ๋งเย่ว์เซวียนถึงตกใจได้สติกลับมา เดินตามไปทันที เล็บของเธอจิกเข้าฝ่ามือ

เพราะเธอเรียนเขียนโค้ดโปรแกรมมาจากเผยเทียนอี้อยู่หนึ่งปีถึงได้เข้าตาศาสตราจารย์หลี่ จนได้รับโอกาสให้เข้ามาเยี่ยมชมห้องทดลอง

แต่อิ๋งจื่อจินไม่ได้ทำอะไรเลยก็ได้มาง่ายๆ

เธอมั่นใจว่าปีนี้ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะได้เกินเจ็ดร้อยคะแนนแน่นอน คะแนนเท่านี้เข้ามหาวิทยาลัยตี้ตูได้สบาย อีกทั้งยังเป็นกลุ่มของนักเรียนที่อยู่ระดับแนวหน้า

แต่นักศึกษากับศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูมันคนละความหมายกัน

นักศึกษาของมหาวิทยาลัยตี้ตูเรียนจบแล้ว อยากอยู่สอนที่นี่เป็นเรื่องที่ยากมาก

หากคิดจะเป็นรองศาสตราจารย์ก็ยังต้องตีพิมพ์บทความในวารสารวิชาการตามจำนวนที่กำหนด

ถ้าเมิ่งหรูรู้ว่าอิ๋งจื่อจินได้เป็นรองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูแล้ว ยังจะเลือกเธออยู่หรือเปล่า

เรื่องนี้แทบไม่ต้องคิด

สองขาของอิ๋งเย่ว์เซวียนราวกับมีลูกเหล็กถ่วงอยู่ เดินได้ช้ามาก

ส่วนด้านหลังเป็นเสียงคุยกันของอิ๋งจื่อจินกับจั่วหลี

สปินเมทริกซ์ของพอลลี ตัวดำเนินการถอดรหัส…

สีหน้าของอิ๋งเย่ว์เซวียนซีดลงทีละนิด

เธอฟังไม่เข้าใจเลยสักนิด!

เมื่อก่อนเธอยังคิดอยู่ว่าเธอสามารถชดเชยระยะห่างระหว่างเธอกับอิ๋งจื่อจินได้ ในที่สุดตอนนี้เธอก็ตระหนักได้แล้วว่า ความคิดนี้มันน่าตลกเหลือเกิน

หลังจากอิ๋งเย่ว์เซวียนเรียกรถกลับถึงบ้านตระกูลหยวน เธอก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น

“เป็นอะไรไป” เมิ่งหรูสังเกตเห็นว่าสีหน้าของอิ๋งเย่ว์เซวียนไม่สู้ดีนัก

“ไม่สบายหรือเปล่า ศาสตราจารย์หลี่ว่าอะไรบ้างไหม”

อิ๋งเย่ว์เซวียนเล่าเรื่องวันนี้ให้ฟังโดยข้ามเรื่องของอิ๋งจื่อจิน

“งั้นก็ดีอยู่นะ” เมิ่งหรูพอใจ “ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว”

อิ๋งเย่ว์เซวียนหน้าซีดเดินขึ้นบันได เท้าเหมือนไม่มีแรง

ผ่านไปไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง พ่อหยวนกลับมาแล้ว

ช่วงไม่กี่วันมานี้พ่อหยวนยุ่งเรื่องที่บริษัท ทั้งยังต้องพยายามเอาบัตรเชิญงานเลี้ยงฉลองตรุษจีนของตระกูลเนี่ยมาให้ได้

“คุณคะ ฉันว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นเด็กที่ใช้ได้เลยนะคะ” เมิ่งหรูครุ่นคิด

“คุณว่า ให้เด็กคนนี้หมั้นกับจยาเฉิงดีไหมคะ”

หยวนจยาเฉิงเป็นลูกชายของพ่อหยวนกับเมิ่งหรู

หยวนจยาเฉิงไม่ได้มีพรสวรรค์ทางด้านการเรียนมากนัก ไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยตี้ตู

เมิ่งหรูกับพ่อหยวนส่งหยวนจยาเฉิงไปเรียนที่คณะบริหารธุรกิจของเมืองนอก ตั้งใจให้ทำธุรกิจ

หยวนจยาเฉิงเพิ่งกลับมาต้นปีนี้

พ่อหยวนขมวดคิ้วพลางพูด “ไม่ค่อยเหมาะเท่าไร”

ตระกูลหยวนเป็นตระกูลขนาดกลางในตี้ตู ศักยภาพย่อมสูงกว่าตระกูลอิ๋ง

รูปร่างหน้าตาของหยวนจยาเฉิงไม่ได้แย่ มีคนมาตามจีบไม่ได้ขาด

พ่อหยวนคิดว่า ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้หยวนจยาเฉิงแต่งงานกับตระกูลที่อยู่ในระดับเดียวกันกับตระกูลหยวน

ตระกูลอิ๋งงั้นเหรอ…ช่างเถอะ

“คุณคะ ต้องมองไปให้ไกลๆ” เมิ่งหรูยิ้ม

“เย่ว์เซวียนเป็นที่หนึ่งของชั้นปีในชิงจื้อ อีกทั้งยังเป็นนักเรียนของศาสตราจารย์หลี่ ต่อไปเธอต้องได้อยู่ทำงานในมหาวิทยาลัยตี้ตูแน่นอน”

“สมัยนี้ขาดแคลนอะไร ขาดแคลนคนเก่ง ถ้ามีเย่ว์เซวียน พวกเราก็ถือว่าได้ก้าวเข้าวงการวิชาการไปครึ่งทางแล้ว อีกหน่อยยังต้องกลุ้มเรื่องหาคนเก่งรุ่นใหม่อีกเหรอคะ”

ตามคาด พอได้ยินแบบนี้พ่อหยวนก็ตกอยู่ในห้วงความคิด

ตระกูลหยวนทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จึงขาดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้

ครุ่นคิดอยู่สักพักเขาก็พยักหน้า “เรื่องนี้ยังต้องถามความต้องการของจยาเฉิง พรุ่งนี้ลองให้พวกเขาเจอหน้ากัน”

เมิ่งหรูยิ้ม “ฉันจะไปบอกจยาเฉิงค่ะ”

เย็นวันต่อมา

ฟู่อวิ๋นเซินไปรับอิ๋งจื่อจินที่ค่ายติวไอเอสซี พาเธอไปดูหนัง

เขาเลือกภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากแอนิเมชัน เป็นเวอร์ชันคนแสดงจริงของค่ายยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์ส ขณะที่เตรียมจะไปซื้อตั๋ว เขากลับถูกดึงแขนเสื้อ

ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง มองมือที่ขาวเหมือนหยกของอิ๋งจื่อจิน

อิ๋งจื่อจินพูด “ฉันอยากดูเรื่องนี้”

ฟู่อวิ๋นเซินมองตามตำแหน่งของนิ้วเธอ เห็นภาพยนตร์สยองขวัญ

“…”

เขาเลิกคิ้ว “เยาเยา อีกเดี๋ยวเธอจะมาซุกในอ้อมกอดของพี่ชายใช่ไหม”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก เธอเงยหน้ามองอย่างใจเย็น

“ฉันกลัวคุณจะมาซุกกอดฉันมากกว่า”

ฟู่อวิ๋นเซินหันมา ครุ่นคิดเล็กน้อย “แบบนั้นก็ไม่เลว”

ขณะพูดเขาก็ยกมือขึ้นตบวินนี่เดอะพูห์เบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นายว่าใช่ไหมหมีน้อย”

สองมือของอิ๋งจื่อจินล้วงกระเป๋า หลุบตาลง

เธอพูดผิดไปแล้ว

เอาใจหมามันเก่าไปแล้ว ผู้ชายคนนี้เริ่มเอาใจตุ๊กตาหมีแล้ว

หลังจากต่อแถวจนถึงคิว ฟู่อวิ๋นเซินก็หันมา “ดื่มอะไรดี”

อิ๋งจื่อจินดึงหมวกลง “ไม่ดื่มแล้ว”

เธอเตรียมเดินออก แต่เขากลับจับมือเธอไว้ ยิ้มพลางพูด “เด็กน้อย อย่าดื้อ”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา ออกแรงที่มือนิดหน่อยก็หลุด

เธอเอามือล้วงกระเป๋าอีกครั้งแล้วค่อยๆ เดินออกไป

“…” ฟู่อวิ๋นเซิน

เขาลืมไปว่าเด็กน้อยของเขาเป็นจอมยุทธด้วย รู้แบบนี้ควรใช้แรงมากกว่านี้สักหน่อย

“ทะเลาะกับแฟนเหรอคะ” พนักงานขายมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แอบยิ้ม

“สาวๆ วัยนี้ต้องตามใจเธอให้มากๆ ค่ะ ไม่งั้นงอนนาน”

ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้ายิ้ม “ยังไม่ถึงขั้นนั้น”

เด็กน้อยยังไม่บรรลุนิติภาวะ เขายังไม่เริ่มจีบอย่างเป็นทางการ

แต่ก็อีกไม่นานหรอก

อีกด้านหนึ่ง

อิ๋งเย่ว์เซวียนตามหยวนจยาเฉิงมาที่โรงภาพยนตร์โดยมีเมิ่งหรูเป็นคนจัดแจง

“คุณเย่ว์เซวียน ผมจะไปเอาตั๋วนะ” หยวนจยาเฉิงสุภาพอ่อนโยน

“คุณรอที่นี่เดี๋ยว กินอะไรดีครับ”

“ได้หมดค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนพูด “รบกวนด้วยค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ” หยวนจยาเฉิงพยักหน้า

“คุณแม่ให้ผมดูแลคุณให้ดี หน้าที่ผมอยู่แล้วครับ”

หยวนจยาเฉิงไปเอาตั๋วที่หน้าตู้รับตั๋ว

อิ๋งเย่ว์เซวียนรออยู่ในบริเวณที่นั่งรอ

ขณะที่เธอเตรียมจะไปดูว่าวันนี้มีหนังอะไรบ้าง พอหันไปก็เห็นอิ๋งจื่อจินยืนพิงกำแพงอยู่

อิ๋งจื่อจินสีหน้าเย็นชา มือขวาเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่

ทั้งๆ ที่เป็นหน้าสด แต่กลับสวยกว่าเธอที่ตั้งใจแต่งหน้า

ราวกับมีมือมากดคอเธอไว้ อิ๋งเย่ว์เซวียนหายใจติดขัด

จนกระทั่งทุกวันนี้เธอยังคงหวาดกลัว

ผู้เฒ่าจงกับอิ๋งเทียนลี่ว์ถูกแย่งไปแล้ว คนอื่นๆ ยังจะตีตัวออกห่างไหม

เกรงว่าคนต่อไปก็คือเมิ่งหรูกับหยวนจยาเฉิงหรือเปล่า

เวลานี้อารมณ์ของอิ๋งเย่ว์เซวียนที่อดกลั้นมานานได้ระเบิดออกมาแล้ว เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป

เธอลุกเดินไปหาอิ๋งจื่อจิน

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า พอเห็นคนที่มาไม่ใช่ฟู่อวิ๋นเซินจึงละสายตากลับ

การถูกมองข้ามแบบนี้ทำให้อิ๋งเย่ว์เซวียนยิ่งไม่พอใจ

“อิ๋งจื่อจิน” เธอมองพลางพูดเสียงเบา “เธอแสร้งทำมานานขนาดนี้ มองพวกเราเป็นตัวตลก สนุกมากใช่ไหม”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท