ตอนที่ 368 ฟู่อวิ๋นเซิน ‘ไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้’
ทั้งๆ ที่ตอนนั้นไม่ใช่แบบนี้
ตอนแรกสุด เป็นเธอที่ก้มมองอิ๋งจื่อจินต่างหาก
แต่ตอนนี้เธอกลับสัมผัสได้ไม่ถึงแม้แต่อาณาเขตที่อิ๋งจื่อจินอยู่
เขย่งปลายเท้าก็ยังเอื้อมไม่ถึง
ทั้งที่เพิ่งผ่านไปนานแค่ไหนเอง
ปีเดียวเท่านั้น
เปลี่ยนแปลงไวและเร็วเกินไป ทำให้อิ๋งเย่ว์เซวียนรับไม่ได้
อารมณ์ที่เรียกว่าอิจฉากำลังกัดกร่อนหัวใจของเธอทีละนิด แทบหายใจลำบาก
เรื่องบางอย่างมีแค่ตัวอิ๋งเย่ว์เซวียนที่รู้ดี
นับตั้งแต่เธอรู้ว่าเธอไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋ง เธอก็หวาดกลัวมาก
เหมือนคนทั่วไปจำนวนมาก เธอกลัวที่จะสูญเสียสิ่งที่เธอมีอยู่
แต่เธอทำเหมือนบางคนไม่ได้ที่พอสูญเสียก็ไม่รู้สึกอะไร และไม่อาจมองข้ามชื่อเสียงเงินทอง
ด้วยเหตุนี้เธอถึงชอบถามหยั่งเชิงอิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวาอยู่บ่อยครั้ง เพื่อดูว่าเธอสำคัญหรืออิ๋งจื่อจินสำคัญ
แม้แต่ที่เธอบอกว่าจะไปจากบ้านตระกูลอิ๋งก็เป็นการหยั่งเชิง
ตอนปิดเทอมหน้าร้อนมอสี่ เธอบอกจงมั่นหวาว่าจะไปยุโรป เห็นได้ชัดว่าช่วงหลายวันนั้นจงมั่นหวาโมโหจนเอาไปลงกับอิ๋งจื่อจิน คิดว่าเธอไปเพราะอิ๋งจื่อจิน
หลังจากลองหยั่งเชิงหลายครั้ง อิ๋งเย่ว์เซวียนก็วางใจ
ความผูกพันสิบกว่าปี ไม่ใช่ว่าคุณหนูตัวจริงที่อยู่ๆ ก็กลับมาจะมาเทียบได้
และสิ่งสำคัญที่สุดคือ อิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวาต่างเป็นคนทะนงในเกียรติ
อิ๋งจื่อจินมาจากหมู่บ้านยากจนเล็กๆ ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือของอำเภอชิงสุ่ย ไม่เป็นศิลปะสักอย่าง เป็นแค่ตัวตลกในวงการเศรษฐี
อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าตระกูลอิ๋งไม่มีทางยอมรับว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคุณหนูใหญ่
พอเธอหายกลัวก็ยึดครองอย่างสบายใจ
อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้จักอดทนตั้งแต่เด็ก
เธอโตมากับจงจือหว่าน ย่อมรู้ดีว่าจงจือหว่านต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
ใครเกินหน้าจงจือหว่าน จงจือหว่านก็จะจับตามองคนนั้น
นิสัยนี้บ่มเพาะมาจากคุณนายจงทุกคืนวัน
ด้วยเหตุนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนจึงไม่ทำตัวเด่นกว่าจงจือหว่านไปเสียทุกเรื่อง ขึ้นมัธยมปลายอย่างปลอดภัย
จนกระทั่งต่อมาจงจือหว่านหาเรื่องใส่ตัว เธอก็ช่วยเติมเชื้อไฟ ขับไล่จงจือหว่านออกจากแวดวงไฮโซของฮู่เฉิง
เดิมทีอิ๋งเย่ว์เซวียนคิดว่าเธอสามารถสบายใจได้แล้ว แสดงศักยภาพได้เต็มที่ แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็นึกไม่ถึงว่าเธอจะมาเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจงจือหว่าน
คู่ต่อสู้คนนี้คือคนที่เมื่อก่อนเธอไม่แม้แต่จะเห็นอยู่ในสายตา
หลังจากที่เข้ายึดครองสถานะของอิ๋งจื่อจิน เธอก็มีความสุขอยู่ลึกๆ ก้มมองคุณหนูใหญ่ตัวจริงของตระกูลอิ๋งคนนี้ด้วยท่าทีที่อยู่เหนือกว่า
“เธอคิดว่าฉันเป็นตัวตลกใช่ไหม” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก พูดเสียงเบากว่าเดิม “เห็นฉันตลกมากใช่ไหม”
พอได้ยินแบบนี้ในที่สุดสายตาของอิ๋งจื่อจินก็หันมามองอิ๋งเย่ว์เซวียน
เธอหัวเราะเสียงเบา “คิดมากแล้ว ฉันไม่เคยมองเธอเลย”
ริมฝีปากของอิ๋งเย่ว์เซวียนสั่นอย่างรุนแรง ทนไม่ไหวยิ่งกว่าเดิม เล็บจิกเข้าฝ่ามือแน่น “เธอภูมิใจนักใช่ไหม ถ้าคุณแม่กับคุณพ่อรู้ว่าเธอเก่งขนาดนี้คงจะพาเธอกลับไปใช่ไหมล่ะ พอถึงตอนนั้นเธอก็จะได้มองฉันถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลอิ๋ง”
“เยาเยาของเราไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้นหรอก” เสียงทุ้มต่ำเย็นชาดังขึ้น “สิ่งที่คุณต้องการไม่ได้มีค่าในสายตาเธอเลย”
ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมกันลมสีดำ อกเสื้อเปิดออกเล็กน้อย
บุคลิกของเขาสยบทุกอย่าง ดูน่าเกรงขามมาก
แต่กลับยินดีที่จะเก็บมาดทุกอย่างไว้เมื่อเดินเข้าไปหาเด็กสาว อ่อนโยนแค่กับเธอคนเดียว
อิ๋งเย่ว์เซวียนอดถอยหลังหนึ่งก้าวไม่ได้ “ทะ…ทำไม”
ทำไมอิ๋งเทียนลี่ว์ถึงไปยืนฝั่งอิ๋งจื่อจินได้เร็วขนาดนี้
ทำไมมีคนมากมายที่อยากเข้าหาประธานวีนัสกรุ๊ป แต่เขากลับดีต่ออิ๋งจื่อจินแค่คนเดียว
“ก็เพราะสาวน้อยของผมไม่มีทางอิจฉาใคร ไม่มีทางไปหาเรื่องใคร สวยกว่า ว่าง่ายกว่า และฉลาดกว่าคุณ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “รีบไสหัวไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้ คุณควรจะรู้สึกโชคดีนะที่สมัยนี้บ้านเมืองมีกฎหมาย”
อิ๋งเย่ว์เซวียนหน้าซีด
อะไรคือเธอควรรู้สึกโชคดีที่สมัยนี้บ้านเมืองมีกฎหมาย
ทันใดนั้นมีเสียงไม่แน่ใจดังมาจากด้านหลังในเวลานี้
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าใช่ประธานฟู่ไหมครับ”
อิ๋งเย่ว์เซวียนตัวแข็งขึ้นมาทันที เธอหันไปก็เห็นหยวนจยาเฉิงถือโค้กสองแก้วกับป๊อบคอร์นหนึ่งถัง มองฟู่อวิ๋นเซินด้วยสีหน้าลังเลปนตะลึง
หลังเธอเหงื่อออกในชั่วพริบตา
หยวนจยาเฉิงได้ยินไปมากน้อยแค่ไหน
ถ้าได้ยินทั้งหมด…
ฟู่อวิ๋นเซินไม่สนใจ เขายื่นชานมอุ่นๆ ให้อิ๋งจื่อจิน ช่วยเธอดึงหมวกลงมา “เริ่มตรวจตั๋วแล้ว”
ทั้งสองคนเดินเข้าโรงภาพยนตร์
อิ๋งเย่ว์เซวียนยังยืนอยู่ที่เดิม ฝ่ามือเย็นเฉียบ เลือดในกายแทบแข็งตัว
หยวนจยาเฉิงเสียดายมากที่ไม่ได้พูดคุยกับฟู่อวิ๋นเซิน เขาหันหน้ามาลองถาม “คุณเย่ว์เซวียนรู้จักกับประธานฟู่ของวีนัสกรุ๊ปเหรอครับ”
อิ๋งเย่ว์เซวียนหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก “ไม่รู้จักค่ะ เมื่อกี้เผลอไปชนเข้า”
ยังดีที่เขาไม่ได้ยิน
หยวนจยาเฉิงก็ไม่ได้ถามต่อ
ประธานโซนเอเชียแปซิฟิกของวีนัสกรุ๊ปเป็นถึงเป้าหมายที่ตระกูลมู่กับตระกูลเนี่ยต่างแย่งชิงอยากร่วมงานด้วย ตระกูลหยวนไม่อยู่ในสายตา
อิ๋งเย่ว์เซวียนยิ่งไม่มีคุณสมบัติ ย่อมไม่มีทางรู้จัก
…
ภายในโรงภาพยนตร์
“เยาเยา บอกมาตามตรง” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มมุมปาก “ถ้าเธอบังเอิญเจอคนที่เมื่อก่อนแย่กว่าเธออยู่ๆ เก่งกว่าเธอมาก เธอจะทำยังไง”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดเล็กน้อย “ดีจัง ฉันจะได้ใช้ชีวิตเกษียณสักที”
“งั้นพี่ชายยิ่งต้องพยายามแล้ว”
“หืม?”
“พยายามทำตัวให้เก่งกว่าเธอ เธอจะได้ใช้ชีวิตเกษียณอย่างสบายใจ”
อิ๋งจื่อจินสวมแว่นตาสามมิติ ให้กำลังใจเขาแบบขอไปที “สู้ๆ นะ”
“…”
ระหว่างหนังฉาย ฟู่อวิ๋นเซินก็ก้มหน้า ส่งข้อความหาเนี่ยเฉา
ทางนั้นตอบกลับอย่างไว
[เพื่อน ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ใครใช้ให้ตอนนั้นนายซื่อบื้อขนาดนั้นล่ะ นายจีบบอสตั้งแต่เจอครั้งแรกแล้วใช่ไหม นายลองนึกถึงคำพูดของตัวเองตอนนั้นว่ามันคลุมเครือขนาดไหน หึๆ เอาแต่เรียกเด็กน้อย]
[ผู้หญิงเขาคงชินคำพูดของนายนานแล้ว หวั่นไหวสิแปลก]
[ฮ่าๆ สมน้ำหน้า! ฮ่าๆๆ นายก็มีวันนี้ว่ะเพื่อน!]
ต่อมาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ‘ฮ่าๆๆ’ เต็มหน้าจอ
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินหรี่ลง เขากดบล็อก
โลกสงบลงในทันที
แกล้งเด็กน้อยมันจะเหมือนจีบสาวได้อย่างไร
สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินเรื่อยเปื่อย พูดเหลวไหลอย่างจริงจัง “เยาเยา พี่ชายกลัว”
บนหน้าจอฉายหนังเป็นภาพผีสาวโผล่พรวดออกมา รอบตัวมีแต่เสียงกรี๊ด
พวกคู่รักต่างกอดกัน สีหน้าหวาดกลัว
แต่สองคนนี้ดูไม่เข้ากับบรรยากาศอย่างเห็นได้ชัด
อิ๋งจื่อจินยังคงกินป๊อบคอร์น สำรวจการแต่งหน้าของผีสาวด้วยความสนใจ “ของปลอมทั้งนั้น ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว”
แต่งหน้าได้ปลอมมาก
แต่เธอคิดแล้วสุดท้ายก็ยื่นมือออกไปตรงหน้าเขา
ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า ดวงตาวูบไหว “หืม?”
“ถ้ากลัวก็จับไว้ อย่ากลัวจนหยิกฉันก็พอ”
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “งั้นพี่ชายจะจับแล้วนะ”
เด็กน้อยของเขาอุตส่าห์มอบให้ถึงที่
มือของเธอเย็นมาก
ฟู่อวิ๋นเซินพิงไปด้านหลัง “เยาเยา ถ้าเนี่ยเฉาบอกเธอว่าเขากลัวมาก เธอจะทำยังไง”
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก
เธอลองจินตนาการท่าทางตอนเนี่ยเฉากอดขาเธอตัวสั่น สีหน้าก็เย็นชาลงทันที “ถีบออก บอกให้ไปไกลๆ”
ทันใดนั้นฟู่อวิ๋นเซินก็หัวเราะออกมา
สาวน้อยของเขาช่างเอาใจจริงๆ
สองมาตรฐานแบบนี้ เขาชอบ
…
บ้านตระกูลหยวน
อิ๋งเย่ว์เซวียนกลับถึงบ้านทักทายเมิ่งหรูเสร็จก็กลับห้องพักแขกที่ชั้นบนแล้ว
เมิ่งหรูเรียกหยวนจยาเฉิงมานั่งข้างๆ ถามสถานการณ์ในวันนี้
“ก็ดีครับ” หยวนจยาเฉิงคิด “แม่ครับ คุณเย่ว์เซวียนยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ คิดเรื่องแบบนี้ยังเร็วเกินไป”
เขาไม่ได้รังเกียจอิ๋งเย่ว์เซวียน อิ๋งเย่ว์เซวียนก็ไม่ได้ขี้เหร่ หน้าตาน่ารักพอควร
เพียงแต่เขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับอิ๋งเย่ว์เซวียน
แต่หยวนจยาเฉิงรู้ว่าคนฐานะอย่างเขาต้องแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น
“ไม่เร็วๆ” เมิ่งหรูส่ายมือ “ถ้าลูกว่าได้ แม่ไปบอกพ่อเสร็จก็จะหาวันไปสู่ขอที่บ้านตระกูลอิ๋ง ลูกว่าเป็นไง”
หยวนจยาเฉิงไม่ได้พยักหน้าและก็ไม่ได้ส่ายหน้า “ไว้รอเข้าร่วมงานเลี้ยงตรุษจีนของตระกูลเนี่ยเสร็จค่อยว่ากันครับ”
เมิ่งหรูครุ่นคิด “ก็จริง ถ้าเจอคนที่ดีกว่าค่อยว่ากัน”
รุ่นเดียวกับเนี่ยเฉามีคุณหนูไฮโซอยู่แค่ไม่กี่คน
แน่นอนว่าถ้าได้เกี่ยวดองกับตระกูลเนี่ยจะเป็นการดีที่สุด
แต่ถ้าไม่ไหว อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เป็นตัวเลือกที่ดี
พอนึกถึงตรงนี้เมิ่งหรูก็พูดต่อ “ช่วงนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดี ลูกโตกว่าเธอหลายปียังถือว่ามีเรื่องพอคุยด้วยกันได้ คอยชี้แนะเธอด้วยนะ”
หยวนจยาเฉิงพยักหน้าแล้วเดินขึ้นชั้นบน
…
ชั้นบน
ภายในห้องพักแขก
อิ๋งเย่ว์เซวียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหาเบอร์แปลกที่ส่งข้อความภาพให้เธอตอนนั้น
เธอกำมือ สุดท้ายก็ส่งข้อความไป
[ได้ ฉันรับปากจะไปเจอคุณ บอกฉันมาว่าคุณเป็นใครกันแน่]
สามนาทีต่อมาก็มีสามข้อความถูกส่งเข้ามา
[เที่ยงวันพรุ่งนี้ที่ร้านอาหารเซ็นทรัลการ์เด้น]
[ตอนนี้ฉันจะบอกเธอว่าฉันเป็นใคร]
อิ๋งเย่ว์เซวียนมือสั่น อ่านข้อความต่อ