คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 388 พิธีบรรลุนิติภาวะ เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 388 พิธีบรรลุนิติภาวะ เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง

สีหน้าของอิ๋งเทียนลี่ว์เปลี่ยนไปมากในชั่วขณะนั้น “ได้ เข้าใจแล้วครับ”

เขาวางสาย เดินไปที่ประตูแล้วหยิบเสื้อคลุมบนราวแขวนมาใส่ ท่าทางดูรีบร้อน

“เกิดอะไรขึ้น” ผู้เฒ่าจงไม่เข้าใจ “เรายังไม่ได้กินข้าวเลยนะ”

เขายังคิดอยู่ว่าจะให้อิ๋งเทียนลี่ว์ช่วยเลือกรูปของอิ๋งจื่อจิน สำหรับเอาไปทำคลิปฉลองวันเกิด

อิ๋งเทียนลี่ว์ติดกระดุม เม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย “เมื่อกี้ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งข่าว คุณย่าผม…คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งเป็นเจ้าหญิงนิทราไปแล้วครับ ผมจะไปดูที่โรงพยาบาลหน่อย”

ความผูกพันทางสายเลือดมันยากที่จะตัดให้ขาดสะบั้น

เขาไม่มีทางให้อภัยเรื่องที่คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งทำกับอิ๋งจื่อจิน แต่ก็จะแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องทุกอย่างไม่ได้

อย่างไรเสียคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งก็ดูแลเขามาตั้งแต่เด็กๆ

แต่ไหนแต่ไรมาอิ๋งเทียนลี่ว์แยกแยะออก

ผู้เฒ่าจงอึ้ง นิ่งเงียบไป “โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน พูดได้แค่ว่าหมั่นทำความดีแล้วกัน”

อิ๋งจื่อจินไม่รู้สึกอะไร

วันนั้นที่เธอไปโรงพยาบาลก็ทำนายได้แล้ว

อนาคตของคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งมีอยู่สองแบบ

ถ้าไม่นอนเป็นผักก็จะถูกรักษาจนหายดี

อิ๋งเทียนลี่ว์พยักหน้าแล้วออกจากบ้านไป

พอกินข้าวเสร็จอิ๋งจื่อจินก็ออกจากบ้านตระกูลจง

ผู้เฒ่าจงไปที่ห้องทำงานคนเดียว สวมแว่นตาสายตายาว เริ่มเล่นเวยปั๋ว

ถึงแม้อิ๋งจื่อจินจะเป็นคนธรรมดา แต่ก็มีแฟนคลับอยู่ไม่น้อย ทั้งยังมีกลุ่มแฟนคลับในเวยปั๋วเป็นของตัวเอง จำนวนสมาชิกเพิ่มถึงสองล้านแล้ว

ตัวเลขนี้สามารถเทียบเท่าดาราดังๆ ได้สบาย

เนื่องจากผู้เฒ่าจงเข้าไปเป็นแฟนคลับตั้งแต่ในช่วงแรกๆ ทำให้กลายเป็นระดับหัวๆ ไปแล้ว ถือเป็นผู้ดูแล

หลังจากที่เขารวบรวมรูปภาพเสร็จก็เปิดคอมพิวเตอร์แล้วเริ่มตัดต่อคลิปอย่างมีความสุข

เที่ยงวันต่อมา

ฟู่อวิ๋นเซินไปรับอิ๋งจื่อจินที่ชิงจื้อเพื่อไปกินข้าว

“เรื่องที่คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราถูกลือไปทั่วฮู่เฉิงแล้ว” เขาหยิบหนังสือพิมพ์ออกมา “โรงพยาบาลอันดับหนึ่งยังจัดว่าโรคของเธอเป็นปมปริศนาที่แก้ไม่ได้”

อิ๋งจื่อจินมองดูอย่างไม่ใส่ใจ เลิกคิ้วพูด “เดาได้แล้วเหรอ”

ฟู่อวิ๋นเซินนั่งพิงเก้าอี้ สีหน้าเรื่อยเปื่อย “น่าจะเป็นฝีมือของเยี่ยซู่เหอทำบางอย่าง ใช้วิธีของแพทย์แผนโบราณ เครื่องมือสมัยใหม่ก็ตรวจไม่พบ”

“อืม” อิ๋งจื่อจินตอบ “ในสมองของเธอมีแมลงตัวเล็กอยู่หนึ่งตัว เป็นสาเหตุของอาการปวดหัว เวลาที่แมลงเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง อาการปวดหัวก็จะหนักขึ้น”

“นี่ก็ผ่านมาหลายปี มาถึงช่วงสุดท้าย เมื่อระบบประสาทส่วนกลางถูกทำลาย ก็จะสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว นอนเป็นผัก”

เยี่ยซู่เหอเรียนวิชาแพทย์แผนโบราณมาจากสือเฟิ่งอี๋ เป็นศาสตร์มืด คนละสายกับในวงการแพทย์แผนโบราณ

ถึงแม้จะเรียนมาเพียงผิวเผิน แต่ก็เพียงพอที่จะเล่นงานคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งที่เป็นคนธรรมดาได้สบายๆ

เดิมทีคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งคิดว่าจับจุดอ่อนของเยี่ยซู่เหอได้ แต่กลับไม่รู้เลยว่าเธอถูกเยี่ยซู่เหอเล่นงานนานแล้ว

ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง “ไม่ช่วยก็ถูกต้องแล้ว พวกคำวิจารณ์อื่นๆ พี่ชายให้คนจัดการลบแล้ว ไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจ”

“วันนี้…” อิ๋งจื่อจินซดน้ำแกง น้ำเสียงราบเรียบ “มีคนมาสารภาพรักกับฉัน”

ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ เหลือบตาขึ้น ยิ้มมุมปาก “หืม อีกแล้วเหรอ คนที่เท่าไรแล้ว”

อิ๋งจื่อจินหาว “ไม่เคยนับ”

ฟู่อวิ๋นเซินสีหน้าไม่เปลี่ยน ยังคงมีท่าทางเหมือนเล่นๆ “แล้วเธอตอบไปว่ายังไง”

“ไม่บอกหรอก”

“…”

ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินโค้งมน น้ำเสียงหลอกล่อ “เดี๋ยวพี่ชายเลี้ยงอมยิ้ม”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา “ฝันไปเถอะ”

“คนเราก็อยากรู้อยากเห็นกันทั้งนั้น” ฟู่อวิ๋นเซินไม่รีบ “งั้นเธอว่ามาจะเอายังไงถึงจะยอมบอก”

“แล้วแต่อารมณ์”

“ได้” ฟู่อวิ๋นเซินยกมือ อยากลูบหัวเธอแบบตอนปกติ แต่กลับถูกปัดออก

“อย่าลูบหัวฉัน”

ฟู่อวิ๋นเซิน “?”

“คุณทำเหมือนกำลังลูบหัวหมา”

“…”

อีกด้านหนึ่ง

ณ โรงพยาบาลอันดับหนึ่ง

ภายในห้องพักผู้ป่วย

จงมั่นหวามองคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งที่นอนเป็นผักไปแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังตั้งสติไม่ได้

สภาพผักยังมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้น

แต่หมอได้เขียนใบวินิจฉัยแล้วว่าคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้อีก ผลลัพธ์มีแต่จะแย่ลง หรือก็คือสมองตาย

แต่เดิมทีทั้งหมดนี้เปลี่ยนแปลงได้ ทว่าพวกเขากลับปิดทางรอดด้วยตัวเอง

หลังจากที่หมอให้น้ำเกลือคุณนายผู้เฒ่าอิ๋งเสร็จก็ออกไป

ทันใดนั้นจงมั่นหวาก็จับแขนหมอไว้ “คุณหมอคะ ทำไมคุณนายผู้เฒ่าถึงสะเทือนใจ พวกคุณยังสืบไม่พบเหรอคะ”

“ไม่เลยครับ” หมอมองจงมั่นหวา แววตาเจือไปด้วยความเห็นใจ “ต่อให้ไม่ได้สะเทือนใจ อาการของคุณนายผู้เฒ่าก็รักษาไม่ได้อยู่แล้วครับ พวกคุณไปเตรียมเรื่องหลังจากนี้โดยเร็วดีกว่าครับ”

จงมั่นหวาอึ้ง

หมอเดินออกไปแล้ว เขาเลี้ยวเข้าห้องน้ำ พูดกับชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง “คุณอิ๋งครับ เมื่อครู่ภรรยาของคุณถาม ผมเลยตอบไปว่ายังสืบไม่พบครับ”

พอได้ยินแบบนี้อิ๋งเจิ้นถิงก็หันมา “ลบกล้องวงจรปิดแล้วใช่ไหม”

“ลบแล้วครับ” หมอตอบ “แต่ถ้าอยากสืบก็ยังพอจะสืบเจอครับ”

“ไม่หรอก” อิ๋งเจิ้นถิงโยนก้นบุหรี่ลงถังขยะ “เธอไม่มีทางนึกถึงจุดนั้น”

หมอเองก็ไม่อยากยุ่งเรื่องในบ้านตระกูลอิ๋ง พูดอีกสองสามคำแล้วเดินออกไป

ใบหน้าของอิ๋งเจิ้นถิงเย็นชาลง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาจิ่งหงเจิน “คุณไม่มีธุระ มาปรากฏตัวที่โรงพยาบาลอันดับหนึ่งทำไม แม่ผมโมโหคุณจนหมดสติ ตอนนี้นอนเป็นผักแล้ว พอใจหรือยัง”

“หมอก็บอกไว้นานแล้ว ต่อให้ฉันไม่ไปยั่วโมโห แม่คุณก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่ดี เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย” จิ่งหงเจินยิ้มบาง “เดิมทีฉันก็ทนแม่คุณมานานแล้ว อีกอย่าง ฉันทำให้แม่คุณนอนเป็นผักเหรอ ถ้าลูกสาวแสนดีของคุณมารักษาให้ แม่คุณก็ยังจะรอดได้”

อิ๋งเจิ้นถิงสูดลมหายใจเข้าลึก “ผมขอเตือนนะ ครั้งสุดท้ายแล้ว”

เขากดตัดสาย เดินกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย

จงมั่นหวายังคงนั่งอยู่หน้าเตียงคุณนายผู้เฒ่าอิ๋ง สายตาเหม่อลอย

“มั่นหวา” อิ๋งเจิ้นถิงเดินเข้าไป “ผมมีเรื่องอยากปรึกษาคุณหน่อย”

จงมั่นหวาพยายามเรียกสติกลับคืนมา “เรื่องอะไรเหรอคะ”

“เดี๋ยวก็จะถึงวันบรรลุนิติภาวะของลูกทั้งสองคนแล้ว” อิ๋งเจิ้นถิงพูด “ครั้งนี้จัดด้วยกัน จากนั้นก็ประกาศสถานะของจื่อจิน คุณว่าเป็นไง”

จงมั่นหวาอึ้ง พูดออกไปโดยอัตโนมัติ “งั้นเสี่ยวเซวียนจะทำไงคะ ประกาศออกไปแบบนี้ แกจะไม่สะเทือนใจรุนแรงเหรอคะ เสี่ยวเซวียนก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย”

อิ๋งเจิ้นถิงขมวดคิ้ว “งั้นจะให้ทำยังไง”

เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าจงมั่นหวาจะลำเอียงรักอิ๋งเย่ว์เซวียนยิ่งกว่าเขา

“ก็ ก็บอกไปว่า…” จงมั่นหวาลังเล “บอกไปว่าตอนนั้นฉันคลอดลูกแฝด เป็นไงคะ”

อิ๋งเจิ้นถิงครุ่นคิด “ก็ได้ เอาตามนี้ ผมจะให้คนไปร่างบัตรเชิญแล้วแจกออกไป”

“แต่ว่าเจิ้นถิงคะ ฉันไปขอร้องจื่อจินมาแล้วก็ไม่มีประโยชน์” จงมั่นหวากำเสื้อแน่น “พวกเราประกาศสถานะของจื่อจินออกไป แกก็ไม่มีทางกลับมาแน่นอนค่ะ”

อิ๋งเจิ้นถิงขมวดคิ้วแน่นขึ้น “เรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากัน คืนสถานะให้จื่อจินก่อน ตอนนั้นลูกออกไปเพราะเสี่ยวเซวียนยึดครองตำแหน่งคุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋งไม่ใช่เหรอ”

พูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรติดต่อให้คนไปจัดการ

วันที่สิบแปดมีนาคม ตระกูลอิ๋งแจกบัตรเชิญออกไป ทั้งยังตั้งใจแจกให้พวกนักเรียนของชิงจื้อจำนวนไม่น้อยด้วย

แต่บัตรเชิญเหล่านี้กลับไม่ถึงมือของบรรดาตระกูลน้อยใหญ่ ถูกยึดไปทั้งหมด

“คุณชาย” อวิ๋นซานกำมือคารวะด้วยความนอบน้อม “นี่เป็นบัตรเชิญทั้งหมดที่ตระกูลอิ๋งแจกออกไปครับ”

ฟู่อวิ๋นเซินหยิบขึ้นมาใบหนึ่ง เปิดออกดู ดวงตาดอกท้อหรี่ลงเล็กน้อย “ตระกูลอิ๋งวางแผนดีจังนะ”

“คงคิดว่าคุณอิ๋งเสียดายตระกูลอิ๋งของพวกเขา เพิ่งคิดจะมาเข้าหาเวลานี้” อวิ๋นซานทำเสียงเย็นชา “ช่างน่าขยะแขยงเสียจริง”

เรื่องที่ทำให้อวิ๋นซานโมโหที่สุดคือ ตระกูลอิ๋งเขียนว่าอิ๋งจื่อจินกับอิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นฝาแฝดกัน

อิ๋งเย่ว์เซวียนคู่ควรเหรอ

“เขียนแก้” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “แก้แบบนี้”

เขายื่นโทรศัพท์มือถือให้อวิ๋นซาน ในนั้นเป็นข้อความ

อวิ๋นซานมอง อดปรบมือไม่ได้ “คุณชาย สุดยอดเลยครับ”

“แก้เสร็จค่อยเอาไปแจกจ่าย” ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า นิ้วเรียวยาวหมุนปากกา “ต้องให้แน่ใจด้วยว่าส่งถึงมือคนที่ตระกูลอิ๋งอยากเชิญ”

อวิ๋นซานขานรับ จากนั้นเขาก็แอบชำเลืองมองกระดาษในมือของฟู่อวิ๋นเซิน

เป็นภาพวาดหลายภาพ

มีทั้งชุดออกงาน เครื่องประดับ เป็นต้น

อวิ๋นซานตกใจ “คุณชายออกแบบของขวัญวันบรรลุนิติภาวะให้คุณอิ๋งด้วยตัวเองเลยเหรอครับ”

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองเขา “ปากถ้าว่างมากก็ปิดไว้ดีกว่า”

อวิ๋นซานรีบออกไปจัดการธุระทันที

เขาทำงานเร็วมาก บ่ายวันนั้นบรรดาตระกูลใหญ่ในฮู่เฉิงก็ได้รับบัตรเชิญดังกล่าว

รวมถึงนักเรียนของชิงจื้อ

บัตรเชิญที่แจกให้นักเรียนชิงจื้อถูกวางไว้ที่ป้อมยามหน้าประตูโรงเรียน พอถึงเวลาก็จะแจกจ่ายไปตามห้องเรียน

นักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะกับห้องสิบเก้าจะได้รับคนละหนึ่งใบ

แต่แค่นี้ยังไม่จบ ยังมีป้ายผ้าสีแดงแขวนไว้บนหน้าจอขนาดยักษ์ที่อยู่เหนือประตูหน้าโรงเรียน

พอพวกนักเรียนเลิกเรียนก็เห็นกันทั้งหมด

[เรียนเชิญทุกท่านมางานเลี้ยงฉลองวันบรรลุนิติภาวะของอิ๋งเย่ว์เซวียนลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋ง]

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท