คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 403 นึกเสียใจ ไอเอสซีตัดสิทธิ์อิ๋งเย่ว์เซวียน

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 403 นึกเสียใจ ไอเอสซีตัดสิทธิ์อิ๋งเย่ว์เซวียน

แม้จะผ่านมาครึ่งหนึ่งแล้ว เผยเทียนอี้ก็ไม่มีทางลืมชื่อนี้

แอคเคาท์ของเขาในเว็บบอร์ดเอ็นโอเคอยู่ระดับซี แต่เขาไม่ได้เลื่อนระดับเอง เขาเอามาจากอาจารย์ที่ปรึกษาของเขา

ครึ่งปีที่ผ่านมานี้เขาก็มีโพสต์งานอื่นๆ อีก แต่ก็ไม่มีแอคเคาท์ ‘คนชี้ทาง’ เข้ามารับงาน

คนที่สามารถแปลเอกสารที่เป็นภาษาอังกฤษโบราณกับภาษาอังกฤษยุคกลางได้รวดเร็วขนาดนั้นจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

เพียงแต่น่าเสียดายที่ทางเว็บบอร์ดเอ็นโอเคเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานเป็นความลับ

เผยเทียนอี้ก็เคยใช้ทักษะคอมพิวเตอร์ของตัวเองตามสืบที่อยู่ไอพีของแอคเคาท์นี้ ทว่าแม้แต่การเจาะเข้าโปรแกรมก็ยังทำไม่ได้

ในระดับสากลไม่มีเว็บบอร์ดไหนที่ทัดเทียมเว็บบอร์ดเอ็นโอเคได้ อีกทั้งในเว็บบอร์ดเอ็นโอเคก็ใช้ไอดีซ้ำกันไม่ได้

“ไหนครับ” เจ้าหน้าที่เก็บบัตรผ่านพลางมองไป จากนั้นก็เข้าใจ “อ๋อ อันนี้เหรอครับ”

“ใช่ครับ อันนี้แหละ” เผยเทียนอี้กลืนน้ำลาย “ยังพอจำได้ไหมครับ”

“จำได้สิครับ” เจ้าหน้าที่ก็ไม่ปิดบัง ตอบไปตามตรง “เป็นเด็กสาวเอเชียที่สวยมากๆ คนนึง มาเมื่อวานตอนเช้าครับ” หยุดเล็กน้อย อดพูดเสริมไม่ได้ “สวยมากจริงๆ ครับ”

กอปรกับเขามัวแต่ตะลึงที่ให้แอคเคาท์ระดับเอมา จนลืมถามชื่อไปเสียสนิท

ฟังถึงตรงนี้เผยเทียนอี้ก็มือสั่น

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาหารูปถ่าย ชี้ไปที่คนหนึ่งพลางถาม “ใช่เธอไหมครับ”

นี่เป็นรูปถ่ายรวมของบรรดาผู้เข้าแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ

ต่อให้คนเยอะแค่ไหนก็มองเห็นอิ๋งจื่อจินในแวบแรก

“ใช่แล้วครับ” เจ้าหน้าที่พยักหน้า ตกใจเล็กน้อย “คุณเผยรู้จักเธอเหรอครับ”

เผยเทียนอี้สูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกเพียงว่าหน้ามืดวิงเวียนศีรษะ หูอื้อไปหมด

เขาถอยหนึ่งก้าวอย่างอดไม่ได้ ใบหน้าซีดลง พูดพึมพำ

“เป็นเธอได้ยังไง…”

เวลานี้คำพูดที่เขาเคยพูดกับอาจารย์เติ้งตอนไปชิงจื้อกับทีมวิจัยเหมือนดังก้องอยู่ข้างหูอย่างชัดเจน

‘นักเรียนที่อาจารย์หามาได้ภาษาอังกฤษโบราณหรือเปล่าครับ’

‘บังเอิญจริง เย่ว์เซวียนเคยเรียนกับพวกเราตอนอยู่ยุโรป เธอพอเข้าใจอยู่บ้าง ช่วยงานได้ รบกวนให้เธอมาดีกว่าครับ พวกเราไม่ต้องการนักเรียนคนนี้แล้ว ช่วยอะไรไม่ได้’

เผยเทียนอี้ถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าวแล้วล้มลงตรงกำแพง

จนถึงวันนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเขาพลาดอะไรไป

ตอนนั้นที่เผยเทียนอี้พูดไปแบบนั้นก็เพราะเขาอยากแย่งชิงทรัพยากรให้อิ๋งเย่ว์เซวียนได้มากยิ่งขึ้น

แต่เขาก็อวดดี ไม่ได้ให้ค่าพวกอัจฉริยะเท่าไร

ไม่เพียงแต่อิ๋งจื่อจินจะเข้าใจภาษาอังกฤษยุคกลาง เธอยังได้ภาษาอังกฤษโบราณอีกด้วย และที่สำคัญยิ่งกว่าคือ เธอยังมีแอคเคาท์ระดับเอของเว็บบอร์ดเอ็นโอเค!

ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรกว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนจะกลายเป็นแบบวันนี้ ตอนนั้นเขาไม่มีทางปฏิเสธคนที่ชิงจื้อหาไว้ให้แน่นอน

ตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาจะพลาดโอกาสได้รู้จักอิ๋งจื่อจิน กลับถูกอิ๋งเย่ว์เซวียนแทงข้างหลังอีกด้วยซ้ำ

เจ้าหน้าที่เห็นเผยเทียนอี้เหม่อลอย ใบหน้าซีดเซียว ก็อดตกใจไม่ได้ “คุณเผยเป็นอะไรไปครับ”

“ปะ…เปล่าครับ” เผยเทียนอี้ได้สติกลับมา เขาเม้มริมฝีปาก ยิ้มขมขื่นยิ่งกว่าเดิม “ไปก่อนนะครับ”

เขาไม่อยู่ต่อ หอบของตัวเองเดินออกไป

เจ้าหน้าที่ยังคงไม่เข้าใจ เขาเก็บสมุดรายชื่อแล้วรายงานต่อสำนักงานใหญ่ของศูนย์วิจัย

เวลาเที่ยง

ฟู่อวิ๋นเซินพาอิ๋งจื่อจินไปร้านหมาล่าทั่งที่คนจีนเปิด คนที่ไปด้วยยังมีฉินหลิงเยี่ยน อวี้เสวี่ยเซิง และฉินหลิงอวี๋

ในความเป็นจริงครั้งนี้ฉินหลิงอวี๋มากับชูกวงมีเดีย และสถานีโทรทัศน์กลาง เธอรับหน้าที่เป็นพิธีกรในการถ่ายทอดสด

พอพวกแฟนคลับของเธอรู้ก็พากันดีใจยกใหญ่

อย่างไรเสียฉินหลิงอวี๋ก็รับงานน้อยมาก รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 จบมาสองเดือนแล้ว ไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นเธอออกหน้าจออีก

ทั้งห้าคนจองเป็นห้องส่วนตัว ฉินหลิงเยี่ยนจงใจนั่งห่างจากฉินหลิงอวี๋ไกลมาก

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่สองพี่น้องเจอกันหลังจากผ่านไปหนึ่งปี

ฉินหลิงอวี๋ไม่สนใจฉินหลิงเยี่ยน สั่งเบียร์มาหนึ่งลัง

“นี่ ฉันพูดจริงนะ เธอน่ะดื่มเบียร์ให้มันน้อยๆ หน่อย” ฉินหลิงเยี่ยนบ่นเป็นคนแก่

“ถ้าแฟนคลับเธอมาเห็นเธอดื่มเยอะขนาดนี้เดี๋ยวได้พากันหนีหายหมด”

“โทษนะ” ฉินหลิงอวี๋เปิดขวดเบียร์อย่างรวดเร็ว

“ฉันเคยไลฟ์ดื่มเบียร์ห้าขวดในหนึ่งนาทีให้แฟนคลับดู แถมยังบอกไปด้วยว่าทางที่ดีอย่าดื่ม มันไม่ดีต่อสุขภาพ เว้นเสียแต่วัยรุ่นกับผู้หญิงที่อยู่ในสถานการณ์บังคับก็ให้ดื่มแต่น้อย”

ฉินหลิงเยี่ยน “…”

ถ้าจะให้บอกว่าใครในวงการบันเทิงที่ไม่มีภาพลักษณ์แถมยังทำลายตัวเองทุกวันก็คงมีแค่ฉินหลิงอวี๋แล้ว มีแค่เธอที่กล้า

เธอสวนกระแสมาก แต่ประเด็นคือแฟนคลับก็ยังเชื่อฟังมากเช่นกัน

เวลาฉินหลิงอวี๋ว่างๆ ยังมีการสุ่มบนเวยปั๋วตรวจการบ้านให้แฟนคลับผู้โชคดีหนึ่งคน

“ดื่มเหล้าไม่ดีต่อสุขภาพจริงๆ” อวี้เสวี่ยเซิงยิ้มบาง “แต่ก็ขึ้นอยู่กับร่างกายแต่ละคน”

พอได้ยินแบบนี้ฉินหลิงอวี๋ก็เหลือบมองเขา ไม่พูดอะไร

มิน่าวันนั้นตอนที่เธอเจอผู้ชายคนนี้ในรายการถึงรู้สึกได้ถึงอันตราย

มีแค่นักล่าติดชาร์ตเท่านั้นถึงจะรู้ได้ถึงความน่ากลัวของพวกนักล่าที่อยู่อันดับต้นๆ ของชาร์ต

ฉินหลิงอวี๋เคยสู้กับนักสะกดจิต ขนาดอยู่แค่อันดับสามสิบยังทำให้เธอตกอยู่ในห้วงสะกดจิตได้ ถึงแม้เธอจะได้สติกลับมาในเวลาอันรวดเร็ว แต่นี่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าในบรรดานักล่าทั้งหมดมีเพียงนักสะกดจิตที่สามารถต่อกรกับนักปรุงยาพิษได้

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้ร่วมสนทนากับทั้งสามคน เขาช่วยอิ๋งจื่อจินเปิดขวดน้ำส้มเสร็จก็นั่งพิงเก้าอี้ไม่พูดอะไร

“กินลูกอมหน่อย” อิ๋งจื่อจินสังเกตเห็นอารมณ์ของเขาที่เปลี่ยนไปจึงหยิบลูกอมผลไม้จากกระเป๋าเสื้อออกมาหนึ่งเม็ดแล้ววางใส่มือของเขา “รสลิ้นจี่”

ฟู่อวิ๋นเซินเก็บอารมณ์ เขามองลูกอมในมือ เลิกคิ้วเล็กน้อย ยิ้มมุมปาก

“เด็กน้อย นี่ไม่ได้กำลังทำเหมือนปลอบน้องชายใช่ไหม”

“ไม่ใช่” อิ๋งจื่อจินหาว เอาแขนวางบนโต๊ะ “เสี่ยวหลานกินแต่อมยิ้ม”

ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้วสูงกว่าเดิม

สีหน้าของเขาเรื่อยเปื่อย นิ้วเรียวยาวฉีกเปลือกลูกอม พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ อมยิ้มเล็กน้อย

“งั้นปลอบว่าที่แฟนเหรอ”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก “ฉันไม่ได้พูด”

เวลานี้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“มีผู้ชายคนหนึ่งอยากพบคุณอิ๋งครับ” เสียงพูดอย่างสุภาพของบริกรดังมาจากด้านนอก

“ไม่ทราบว่าคุณอิ๋งอยู่ในนี้หรือเปล่าครับ”

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า ครุ่นคิด สุดท้ายก็ยืนขึ้น “ฉันจะออกไปดูหน่อย”

ฟู่อวิ๋นเซินก็ลุกขึ้น “เดี๋ยวพี่ชายไปด้วย”

ทั้งสองคนเดินตามกันออกไป

ตรงล่างบันไดด้านนอกร้าน เผยเทียนอี้รออยู่ด้วยความกังวล

เขาจงใจไม่ให้บริกรของร้านบอกชื่อของเขา เพราะกลัวว่าถ้าอิ๋งจื่อจินรู้ว่าใครจะไม่ยอมออกมาพบเขา

แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน วินาทีแรกที่อิ๋งจื่อจินเห็นเขาก็หันเท้าเดินกลับเข้าร้านทันที

“เดี๋ยวก่อน!” เผยเทียนอี้ตะโกนออกไปด้วยความร้อนใจ

“ผมอยากถามคุณเรื่องเกี่ยวกับเว็บบอร์ดเอ็นโอเค ตอนนั้นทำไมคุณต้องรับงานที่ผมโพสต์ด้วย”

ฟู่อวิ๋นเซินหยุดเดิน มองเผยเทียนอี้พลางครุ่นคิด เขาเรียก “เยาเยา?”

ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็หันมา แววตาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “งานของคุณเหรอ”

“เอกสารภาษาอังกฤษยุคกลางพวกนั้น” เผยเทียนอี้ตัวเกร็ง

“ผมถามมาแล้วตอนออกจากศูนย์วิจัย ชื่อไอดีของคุณก็คือคนชี้ทาง”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดชั่วขณะ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น “ฉันนึกออกแล้ว”

เผยเทียนอี้เกร็งหนักกว่าเดิม “ผม…”

“ที่แท้คุณก็คือคนโง่เงินหนาคนนั้น” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “ฉันไม่รู้ว่างานนั้นเป็นของคุณ”

เธอไม่อยู่ต่ออีก หันตัวเดินกลับไป

คำตอบนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเผยเทียนอี้อย่างสิ้นเชิง

เขาอึ้งเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นใบหน้าก็ซีดลง และดูจนตรอก

“ห้ามคิดเยอะเด็ดขาด” ฟู่อวิ๋นเซินเอามือล้วงกระเป๋าข้างหนึ่ง สีหน้าเรียบเฉย

“นายไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”

คำพูดนี้ยิ่งเป็นการโจมตีเผยเทียนอี้อย่างรุนแรง

เขากำมือแน่น ไม่มีแม้แต่แรงจะเถียง เขาเดินออก

ฟู่อวิ๋นเซินเอามือจับหน้าผาก รู้สึกจนปัญญา

ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า มีคนมากมายที่คิดเข้าข้างตัวเองเพราะเด็กน้อยของเขา

ต้องจับตาดูให้ดีแล้ว

อิ๋งเย่ว์เซวียนอยู่ในห้องสอบสวนหนึ่งวันหนึ่งคืน

ระหว่างนี้มีคนมาส่งข้าวให้เธอโดยเฉพาะ แต่ไม่อนุญาตให้ออกไป

ภายในห้องสอบสวนแห่งนี้ไม่มีแม้กระทั่งหน้าต่างสักบาน

เมื่อถึงเวลาสี่ทุ่มไฟจะตัดโดยอัตโนมัติ

โทรศัพท์มือถือของเธอก็ถูกยึดไป ติดต่อใครไม่ได้

อิ๋งเย่ว์เซวียนถูกสอบสวนไปแล้วทั้งหมดแปดครั้งจากคนที่ไม่ซ้ำกัน

ในบรรดาคนเหล่านี้มีทั้งศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ แม้แต่ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยก็มาด้วย

นี่เป็นบุคคลที่เดิมทีอิ๋งเย่ว์เซวียนไม่มีทางได้เข้าถึง

ตอนนี้เธอถูกสอบสวนในฐานะผู้กระทำความผิด

เวลาผ่านไป ในที่สุดอิ๋งเย่ว์เซวียนก็เริ่มสติแตก

ตอนที่ผู้สอบสวนคนที่เก้าเข้ามาในห้อง เธอก็พยายามดิ้นอย่างรุนแรง

มีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบยกปืนขึ้นทันที “ห้ามขยับ!”

“รอบตัดสินของไอเอสซีจะเริ่มแล้ว” อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่กล้าขยับแล้ว เธอกัดริมฝีปากแน่น

“พวกคุณจะขังฉันไว้ไม่ได้ ฉันต้องไปเข้าแข่งขัน”

“ฉันบอกไปแล้วว่าข้อมูลการทดลองไม่ได้รั่วไหลไปที่ใครเลย พวกคุณไม่มีสิทธิ์ขัดขวางไม่ให้ฉันลงแข่ง”

“ลงแข่งเหรอ” พอได้ยินแบบนี้รองผู้อำนวยการก็หัวเราะ พูดประชด

“เธอคงไม่ได้คิดจริงใช่ไหมว่า เธอทำเรื่องแบบนี้แล้วยังจะมีสิทธิ์ลงแข่งขันไอเอสซีรอบตัดสินอีก”

อิ๋งเย่ว์เซวียนตัวสั่น ริมฝีปากก็สั่น “มะ…หมายความว่าไง”

“เธอขโมยข้อมูลการทดลอง ทำลายตัวเอง กิจกรรมไหนก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของยุโรป เธอไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมทั้งนั้น” รองผู้อำนวยการเอามือไพล่หลังพลางพูด

“วันนี้มาก็เพื่อบอกเธอ ทางคณะกรรมการออกประกาศว่า เธอถูกตัดสิทธิ์รอบชิงชนะเลิศของไอเอสซีแล้ว”

อันที่จริงเรื่องอย่างข้อมูลการทดลองรั่วไหลเคยเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว

แต่ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายศัตรูที่ส่งแฮกเกอร์เข้ามาเจาะระบบ

อย่างอิ๋งเย่ว์เซวียนที่หลอกใช้รุ่นพี่ตัวเองทั้งยังใส่ร้ายคนอื่น รองผู้อำนวยการเพิ่งเคยเจอครั้งแรก

เขาไม่ได้มีความประทับใจอะไรในตัวอิ๋งเย่ว์เซวียน ถึงขนาดที่รู้สึกรังเกียจขยะแขยงเลยด้วยซ้ำ

“มะ…ไม่ได้!” อิ๋งเย่ว์เซวียนปากสั่นฟันกระทบกันดังกึกๆ

“ในกฎของไอเอสซีไม่ได้มีข้อนี้ระบุไว้!” เธอยังอยากอาศัยไอเอสซีพลิกฟื้นตัวเอง

ขอแค่เธอแสดงฝีมือให้เห็นได้ว่ามีพรสวรรค์ในด้านวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ก็จะมีบางตระกูลในยุโรปจ้างเธอ ตระกูลเหล่านี้ไม่สนหรอกว่าขาวหรือดำ

“ไม่มีกฎข้อนั้นจริง แค่ทางคณะกรรมการเคยพูดไว้ก่อนแล้วว่า จะต้องปกป้องผลประโยชน์สูงสุดของผู้เข้าแข่งขันที่ได้โควตาทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ” รองผู้อำนวยการพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอใส่ความผู้เข้าแข่งขันที่ได้โควตา ยังคิดจะแข่งต่ออีกเหรอ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนหน้าซีด นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ รองผู้อำนวยการขี้เกียจพูดกับเธอต่อ สะบัดมือสั่ง

“ขับไล่ออกไป ห้ามเข้ามาในเมืองมหาวิทยาลัยอีกแม้แต่ครึ่งก้าว ส่วนใบหน้ากับข้อมูลลายนิ้วมือก็เอาเข้าระบบทั้งหมด ขึ้นทะเบียนเป็นนักโทษขั้นสาม”

เจ้าหน้าที่ถือปืนสองคนเดินขึ้นหน้า เอาตัวอิ๋งเย่ว์เซวียนออกไปโดยไม่ให้โอกาสได้พูด

อิ๋งเย่ว์เซวียนเลิกล้มความคิดที่จะดิ้นรน สายตาเหม่อลอย

ถ้าเธอกลับบ้านตระกูลอิ๋งไปทั้งแบบนี้ จะต้องถูกอิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวาทอดทิ้งแน่นอน

เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง…

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่เข้าใจ แต่เธอก็นึกเสียใจแล้วจริงๆ

เมืองตี้ตู

บ้านตระกูลหยวน

หยวนจยาเฉิงออกไปสังสรรค์แล้ว เมิ่งหรูกำลังคุยกับพ่อหยวนเรื่องอิ๋งเย่ว์เซวียน

“เสี่ยวเซวียนไปแข่งรอบตัดสินไอเอสซีแล้ว ต่อให้ไม่ได้รางวัลกลับมาก็ต้องถูกศาสตราจารย์หลายคนเห็นแววแน่ค่ะ” เมิ่งหรูยิ้ม “คุณรอดูได้เลย ไว้ถึงเวลาเธอต้องหาเส้นสายมาให้พวกเราได้เยอะแน่นอน”

พ่อหยวนพยักหน้า “งั้นศาสตราจารย์หลี่โทรมาหาคุณอีกหรือเปล่า”

พอเขาพูดจบโทรศัพท์มือถือของเมิ่งหรูก็ดังขึ้น

“ดูสิคะ พอพูดถึงก็โทรมาเลย” เมิ่งหรูชูโทรศัพท์ พูดด้วยความดีใจ

“ศาสตราจารย์หลี่โทรมาอีกแล้ว น่าจะพูดเรื่องเสี่ยวเซวียน”

ถ้าเป็นเมื่อก่อน พวกเขาจะนัดศาสตราจารย์หลี่ได้ยากมาก

แต่พอมีอิ๋งเย่ว์เซวียนก็แตกต่างออกไป พอเว้นสักระยะศาสตราจารย์หลี่ก็จะติดต่อพวกเขา

เมิ่งหรูวางแผนไว้ว่า หลังจากที่อิ๋งเย่ว์เซวียนสอบเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตูได้ก็จะเข้าหาศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์สาขาคอมพิวเตอร์คนนั้นผ่านทางอิ๋งเย่ว์เซวียน

พอถึงตอนนั้นตระกูลหยวนก็จะมีใบเบิกทางสู่แวดวงนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์

สีหน้าเคร่งขรึมของพ่อหยวนก็มีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างแบบที่เห็นได้ยาก “สายตาคุณเฉียบคมไม่เบา”

“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ” เมิ่งหรูพูด “ยังไงซะฉันรู้สึกแต่แรกแล้วว่าลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋งคนนั้นไม่ได้เรื่อง รอดูต่อไปได้เลย ตอนนี้ยังบอกอะไรไม่ได้”

ขณะพูดเธอก็กดรับสาย

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท