ตอนที่ 405 ซีซาร์ ลอเรนท์ ‘บอส!’
พอคำพูดนี้ออกมาผู้ช่วยก็อึ้งไป “อาจารย์อิ๋งว่าไงนะครับ”
แม้แต่เกอร์เวนที่แต่ไหนแต่ไรไม่สนใจเรื่องที่อยู่นอกเหนือแวดวงวิจัยวิทยาศาสตร์ก็ยังเงยหน้าด้วยความตกใจ “ตระกูลลอเรนท์เหรอ”
ไม่มีใครบนโลกนี้ไม่รู้จักตระกูลลอเรนท์ เป็นที่ทราบกันโดยทั่วกันว่า ตระกูลที่สามารถเรียกว่าตระกูลอันดับหนึ่งของโลกได้มีแค่ตระกูลลอเรนท์เท่านั้น
เศรษฐกิจโลกล้วนถูกควบคุมโดยตระกูลลอเรนท์ ต่อให้เป็นโลกจอมยุทธก็เกรงกลัวตระกูลลอเรนท์
ไม่ใช่เป็นเพราะอิทธิพลโดยรวมของตระกูลลอเรนท์ที่อยู่เหนือตระกูลจอมยุทธที่มีผู้นำตระกูลวิทยายุทธแก่กล้าสองสามร้อยปี แต่เป็นเพราะเบื้องหลังตระกูลลอเรนท์มีบุคคลอยู่คนหนึ่ง
เทพพยากรณ์
รู้ความลับที่แท้จริงของโลกใบนี้ คนที่คลุกคลีอยู่ในพื้นที่ปิดของเว็บบอร์ดเอ็นโอเคต่างรู้ว่าตระกูลลอเรนท์มั่นคงอยู่ในฟลอเรนซ์ได้ก็เพราะมีความช่วยเหลือจากเทพพยากรณ์
ต่อให้ช่วงหลายปีมานี้เทพพยากรณ์ไม่เคยปรากฏตัว แม้ตระกูลลอเรนท์จะถดถอยไปสองสามร้อยกว่าปีก็ตาม
แต่ก็ไม่มีอิทธิพลไหนอยากไปล่วงเกินตระกูลลอเรนท์หากไม่จำเป็น
มีเรื่องกับตระกูลลอเรนท์ ยังพอจะหนีได้
แต่ถ้าล่วงเกินเทพพยากรณ์จะกลายเป็นเรื่องใหญ่
ไม่ว่าจะในยุโรปหรือประเทศจีน เทพพยากรณ์ก็คือนักทำนายอันดับหนึ่งที่ทุกคนยอมรับ
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าจนถึงตอนนี้มีนักทำนายอยู่น้อยมาก นักทำนายเก่งๆ ที่แท้จริงรวมกันทั้งโลกมีอยู่ไม่ถึงยี่สิบคน ไม่อย่างนั้นในบรรดานักล่าอาชีพทั้งหมด นักทำนายขึ้นครองอันดับหนึ่งก็ไม่มีทางมีใครคัดค้าน
ทำนายชะตาได้ เปลี่ยนแปลงดวงชะตาได้ นี่ถือเป็นการต่อสู้กับสวรรค์แล้ว
ไม่ว่าจะนักปรุงยาพิษหรือนักสะกดจิตก็ยังห่างชั้นอีกไกล
เพียงแต่เรื่องอย่างอันที่จริงเทพพยากรณ์กับซีซาร์ ลอเรนท์ยังมีชีวิตอยู่ พวกเกอร์เวนยังไม่รู้
คนหลังแม้แต่พวกบอสใหญ่ในเว็บบอร์ดเอ็นโอเคก็ไม่รู้
อย่างไรเสียหลังจากซีซาร์ ลอเรนท์ฟื้นขึ้นมา ส่วนใหญ่จะอยู่แต่ในคฤหาสน์ไม่ออกมา สั่งการอยู่เบื้องหลังมาตลอด
เกอร์เวนกับผู้ช่วยรู้แค่ว่า ตระกูลลอเรนท์แข็งแกร่งมาก ถึงขั้นที่เอาสี่ตระกูลมหาเศรษฐีของยุโรปอยู่หมัด
“ถ้าตระกูลลอเรนท์มาลงทุนได้ก็ต้องพออยู่แล้ว” ผู้ช่วยส่ายหน้า
“แต่จะเป็นไปได้ยังไง ตอนนี้ตระกูลลอเรนท์สนใจแค่กิจการธนาคาร ไม่สนใจเรื่องวงการอื่นแล้ว”
ในหนังสือประวัติศาสตร์ก็มีบันทึกไว้แบบนี้
สาเหตุที่ซีซาร์ ลอเรนท์ ผู้นำตระกูลที่เก่งที่สุดของตระกูลลอเรนท์ถูกลอบสังหารหลายครั้งเป็นเพราะตระกูลลอเรนท์ให้เงินทุนสนับสนุนคนมีชื่อเสียงในวงการอื่นจำนวนมากมาย เช่น วงการดนตรี วงการวิจัยวิทยาศาสตร์ วงการภาพวาดสีน้ำมัน…มากมายนับไม่ถ้วน
สร้างความอิจฉาให้กับอิทธิพลอื่นอยู่ไม่น้อย
แต่บันทึกประวัติศาสตร์แบบนี้ก็ไม่ได้มีข้อสรุป ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า
ทว่านับตั้งแต่ตระกูลลอเรนท์กลับมาควบคุมฟลอเรนซ์ได้อีกครั้งก็ไม่ได้ลงทุนในโปรเจ็กต์วิจัยทางวิทยาศาสตร์อีกเลย
“แค่พอก็จบแล้วค่ะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ
“ศาสตราจารย์วางใจได้ค่ะ ห้องทดลองเปิดต่อไปได้แน่ ไม่มีทางต้องปิดตัวลง”
โปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาล เธอจะต้องเข้าร่วมให้ได้
อิ๋งจื่อจินพยักหน้ารับปากเสร็จก็ออกไปก่อน
ภายในห้องทำงาน เป็นครั้งแรกที่เกอร์เวนกับผู้ช่วยจ้องตากัน
บรรยากาศเงียบอย่างน่าพิศวง
“สะ…ศาสตราจารย์ครับ” ผ่านไปสักพักผู้ช่วยถึงได้สติกลับมาอย่างงงๆ กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“อะ…อาจารย์อิ๋ง ยะ…ยังรู้จักตระกูลลอเรนท์ด้วยเหรอครับ สะ…ศาสตราจารย์ไปค้นพบบุคคลระดับไหนมาจากประเทศจีนครับ”
แม้แต่วีนัสกรุ๊ปก็พูดให้ตระกูลลอเรนท์มาลงทุนไม่ได้ อย่างมากสุดทั้งสองฝ่ายก็แค่ร่วมมือกัน
นี่ต้องเป็นบุคคลระดับไหนถึงมาถามพวกเขาได้หน้าตาเฉยว่าถ้าเป็นตระกูลลอเรนท์ล่ะจะพอไหม
ราวกับว่าถ้าพวกเขาบอกไม่พอ อิ๋งจื่อจินยังจะสามารถเพิ่มให้ได้
เกอร์เวนเองก็งง “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เขามีเจตนาอยากบ่มเพาะคนเก่ง ไม่อยากให้เงินทองมาบดบัง
ตอนที่เขาจับอิ๋งจื่อจินเซ็นสัญญาเข้าห้องทดลองก็ไม่ได้สนใจเรื่องชาติกำเนิดหรือภูมิหลังของเธอ
เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญในสายตาของเกอร์เวน
ผู้ช่วยเกาหัว “ศาสตราจารย์ครับ ถ้าเป็นเรื่องจริง งั้นก็…”
เขาไม่กล้าคิดต่อแล้ว
มีตระกูลลอเรนท์อยู่ ตระกูลแพชช์ยังจะกล้าอวดดีอีกเหรอ
อย่าว่าแต่ตระกูลแพชช์เลย สี่ตระกูลมหาเศรษฐีรวมกันก็ยังไม่กล้า และที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ถ้าตระกูลลอเรนท์ลงทุนให้ห้องทดลองของเกอร์เวน ความปลอดภัยของเกอร์เวนก็จะถูกยกระดับขึ้นสูงมาก
สามยักษ์ใหญ่ที่ยอมรับกันทั่วโลกก็เข้ามายุ่งไม่ได้ ตระกูลลอเรนท์เองก็ปกป้องคนของตัวเองมาก
“ทำใจสบายๆ” เกอร์เวนส่ายหน้า ยังคงมองโลกในแง่ดี “บางครั้งยิ่งอยากได้อะไรก็จะยิ่งไม่ได้”
เขาสวมแว่นตา ลุกขึ้น “ผมจะไปห้องปฏิบัติการ จากนั้นจะจัดตารางงานช่วงนี้ใหม่ เลื่อนงานทั้งหมดออกไปก่อน”
ผู้ช่วยพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับศาสตราจารย์”
อีกสองสามวันหลังจากนี้จะเป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของไอเอสซี เกอร์เวนจะไปดูที่สนามแข่ง
ต้องเตรียมผู้คุ้มกันไปให้พอ
…
หลังออกจากห้องทดลองอิ๋งจื่อจินก็กลับเข้าที่พัก
เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะ เปิดคอมพิวเตอร์ ล็อกอินเว็บบอร์ดเอ็นโอเคแล้วเข้าพื้นที่ปิด
จากนั้นก็ใส่ชื่อไอดีตรงช่องเสิร์ชเพิ่มเพื่อนว่า ‘รักแค่เงิน’
นิ้วของอิ๋งจื่อจินชะงักไปสองวินาที สุดท้ายก็กดเอนเทอร์
รูปโปรไฟล์ของไอดีนี้เป็นภาพด้านหลังของเด็กหนุ่ม ซึ่งก็คือซีซาร์ ลอเรนท์
เธอเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็พิมพ์ข้อความลงไป
[เทพพยากรณ์ : ถ้าเป็นตัวจริง เห็นแล้วเรียกด้วย]
อิ๋งจื่อจินก็รู้ว่า คนรับใช้ที่มีหน้าที่ดูแลซีซาร์ ลอเรนท์ จะไม่มีทางหักหลังเขาเด็ดขาด เธอถึงได้วางใจมาก อีกทั้งพวกเขาเองก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเทพพยากรณ์กับซีซาร์ ลอเรนท์
ผ่านไปแค่หนึ่งนาที รูปโปรไฟล์ของรักแค่เงินก็สว่างขึ้นมา
[รักแค่เงิน : บอสเหรอ]
[รักแค่เงิน : บอส!]
อิ๋งจื่อจินก้มหน้า ตอบกลับ
[เทพพยากรณ์ : ฉันเอง]
พอตอบเสร็จก็เงียบไปอีกสักพัก
อิ๋งจื่อจินเห็น ‘อีกฝ่ายกำลังพิมพ์ข้อความ’ ตรงด้านบนของกรอบหน้าต่างสนทนา แวบขึ้นมาไม่หยุด
[เทพพยากรณ์ : ยังอยู่ไหม]
[รักแค่เงิน : ผมเพิ่งตื่น ขอสงบจิตสงบใจก่อน]
[รักแค่เงิน : อยากร้องไห้มากด้วย]
[รักแค่เงิน : บอสอย่าขำนะ]
มือของอิ๋งจื่อจินหยุดชะงัก สีหน้าฉายแววสับสนนิดหน่อย
เธอไม่อยากเจอซีซาร์ ลอเรนท์ ก็เพราะความสามารถของเธอยังไม่กลับคืนมาทั้งหมด อีกทั้งเทคโนโลยีสมัยนี้ก็ก้าวหน้าไปไกลมาก ไม่มีใครรู้ว่าถ้าเจอกันจะเกิดเรื่องอย่างลอบสังหารแบบเมื่อก่อนหรือเปล่า
เธอจึงทำได้แค่ส่งยาไปให้ที่คฤหาสน์ลอเรนท์ เพื่อบำรุงร่างกาย
อย่างไรเสียหลังจากซีซาร์ ลอเรนท์ ฟื้นขึ้นมาก็มีโรคติดตัว หากไม่ระวังหัวใจอาจฉีกขาดได้
[รักแค่เงิน : เอาล่ะ บอส ว่ามาได้เลยว่าเรื่องอะไร]
[รักแค่เงิน : ซีซาร์รอฟังคำสั่ง]
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก เธอจำคำพูดนี้ได้
ครั้งแรกที่เจอซีซาร์ ลอเรนท์ เขามีอายุแค่สิบห้าปี
ตอนนั้นสถานะของเขาในตระกูลลอเรนท์ อย่าว่าแต่ผู้สืบทอดเลย เป็นเพียงสมาชิกธรรมดาที่ไม่สะดุดตาในตระกูลเท่านั้น
เด็กหนุ่มมองเธอด้วยดวงตาสีน้ำเงินเข้ม น้ำเสียงยังดูเด็ก แต่จริงจังมาก พูดขึ้นมาว่า ‘ซีซาร์รอฟังคำสั่ง’
เพียงชั่วพริบตาผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว
[เทพพยากรณ์ : เคยได้ยินเรื่องยานอวกาศข้ามจักรวาลไหม]
[รักแค่เงิน : บินออกจากระบบสุริยะไปกาแล็คซีอื่นน่ะเหรอ ดูเหมือนจะมีห้องทดลองแห่งหนึ่งของยุโรปที่ริเริ่มโปรเจ็กต์นี้]
[เทพพยากรณ์ : จักรวาลกว้างใหญ่ ไกลกว่าที่นี่มาก]
[รักแค่เงิน : บอสหายตัวไปหลายปีขนาดนี้ คงไม่ได้ไปจักรวาลอื่นมาแล้วนะ]
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย
ต้องยอมรับเลยว่า บางครั้งเด็กคนนี้ก็ฉลาดมาก
[เทพพยากรณ์ : ตระกูลแพชช์ถอนเงินทุนไปแล้ว ทางห้องทดลองต้องการตระกูลใหญ่ของยุโรปมาลงทุน]
เรื่องบางอย่างเธอก็อยากลองดู แม้สุดท้ายจะไม่สำเร็จก็ตาม
อย่างน้อยก็มีความหวัง
[รักแค่เงิน : ตระกูลแพชช์เหรอ พวกเขารนหาที่ตายเหรอ]
[รักแค่เงิน : บอสวางใจได้ ผมไม่มีอย่างอื่น ไม่ได้ใจกล้าเหมือนนอร์ตัน ก็แค่ร่ำรวย ลงทุนแค่นี้เอง สบายๆ]
[เทพพยากรณ์ : ได้ ยาของเดือนนี้ไปถึงแล้ว อย่าลืมให้คนไปเอา]
อีกฝ่ายเงียบไปสิบกว่าวินาทีก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง
[รักแค่เงิน : บอส…ยังมีอีกเรื่อง]
[เทพพยากรณ์ : ?]
[รักแค่เงิน : อย่าเอาเรื่องที่ผมร้องไห้พูดออกไปนะ ผมยังไม่มีเมีย เสียภาพลักษณ์หมด]
[รักแค่เงิน : ถ้านอร์ตันรู้เข้าต้องมาหัวเราะเยาะผมแน่]
[เทพพยากรณ์ : …]
เด็กคนนี้โรคเพี้ยนกำเริบอีกแล้ว
โรคนี้เธอคงรักษาไม่ได้
…
เวลานี้
ณ เมืองฟลอเรนซ์
ใจกลางคฤหาสน์ลอเรนท์
ลมอุ่นพัดผ่าน สกุณาขับขาน
แสงแดดลอดผ่านแมกไม้ตกกระทบบนพื้น เกิดเป็นเงากระจัดกระจาย
บรรยากาศเงียบสงบ
บนเตียงใหญ่สีขาว เด็กหนุ่มผมทองพลิกตัว โยนไอแพดที่อยู่ในมือลงข้างตัว
ใบหน้าหล่อเหลาของเขายังคงซีดเซียว แทบไร้สีเลือด
“ไปย้ายเงินจากธนาคารมาแสนล้าน” ซีซาร์พูด สั่งคนรับใช้ที่อยู่ด้านข้าง
“ก่อตั้งกองทุนวิจัยวิทยาศาสตร์ ลงทุนที่ห้องทดลองนี้ก่อน”
เขารู้ว่าบอสของเขามีความสนใจหลายเรื่อง
เขารู้สึกนับถือจากใจจริงที่เธอสามารถเรียนอะไรได้มากมายขนาดนั้น
แต่เขาไม่เหมือนกัน เขารักแค่เงิน
จ็อบตกใจ “นายท่านหมายถึงวิจัยทางวิทยาศาสตร์เหรอครับ”
ซีซาร์ติดเที่ยวเล่น และก็รักสนุกมากกว่า ไม่เหมือนผู้นำคนอื่นในตระกูลลอเรนท์ นักวิทยาศาสตร์ที่เขาสนับสนุนมีน้อยมาก
“ใช่ วิจัยทางวิทยาศาสตร์ “ ซีซาร์พูด “ฉันยังอยากให้นายป่าวประกาศไปทั่วยุโรป พวกคนตระกูลแพชช์ต้องได้รู้”
เรียกได้ว่าตระกูลแพชช์กับตระกูลลอเรนท์เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน พอเข้าศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดถึงจะเริ่มดีขึ้นมาบ้าง หลังจากซีซาร์ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง อยากอยู่อย่างสงบ จึงไม่ได้อะไรกับตระกูลแพชช์มากนัก
อย่างไรเสียสมาชิกตระกูลแพชช์ที่ตอนนั้นลอบสังหารเขาก็ถูกฝังไปนานแล้ว และก็เพราะถูกตระกูลลอเรนท์เอาเรื่องมานาน ตระกูลแพชช์ในตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนไปทำธุรกิจอย่างอื่นนานแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธนาคาร
………….