คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 437 จัดไปอีกหนึ่งดอก เทียนสิงมีหนาว

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 437 จัดไปอีกหนึ่งดอก เทียนสิงมีหนาว

[ถึงแม้ภาษาเรื่องโฉมงามคีรีธารจะไม่สละสลวยเท่าลำนำใต้หล้า แต่ก็โพสต์ออกมาก่อนเรื่องลำนำใต้หล้าจริงๆ]

[ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ เพราะซูเซ่อเห็นว่าโครงเรื่องกับตัวละครในเรื่องโฉมงามคีรีธารดี ถึงได้ลอกเลียนแบบไง สมัยนี้เดิมทีของเลียนแบบดังกว่าต้นฉบับอีก]

ซูเซ่อเป็นนามปากกาที่ซั่งซูใช้เขียนเรื่องลำนำใต้หล้า เขียนลงเว็บนิยายจงเตี่ยน

ซั่งซูเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวมาตลอด นิสัยก็ไม่ใช่คนเปิดเผย ไม่ชอบเล่นโซเชียล

นอกจากคอลัมน์นักเขียนในเว็บนิยายจงเตี่ยนแล้ว เธอก็ไม่เคยเปิดแอคเคาท์เวยปั๋วหรือหรือแอคเคาท์โซเชียลมีเดียอื่นๆ อีกเลย

ดังนั้นหลังเกิดเรื่องคัดลอกผลงาน ส่วนคอมเมนต์ของนิยายเรื่องลำนำใต้หล้าถึงเต็มไปด้วยคอมเมนต์ในแง่ลบ

ทำให้คะแนนของลำนำใต้หล้าดิ่งลงจนหลุดสิบอันดับแรก

แม้แต่แฟนนิยายเก่าๆ ก็จนปัญญาจะพูดอะไร

อย่างไรเสียลำดับเวลาก็ชัดเจนอยู่ตรงหน้า

ลั่วเหวินปินแสยะยิ้ม

เขายังอยากรู้จริงๆ ว่าชูกวงมีเดียจะมาไม้ไหน

ต่อให้ชูกวงมีเดียสามารถหาแฮกเกอร์ชั้นยอดมากู้ภาพกล้องวงจรปิดได้ แต่ก็ไม่มีทางแก้เรื่องลำดับเวลาของนิยายสองเรื่องได้หรือเปล่า

อิ๋งจื่อจินยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ หาวออกมาอย่างขี้เกียจ

ในดวงตาหงส์คู่งามมีน้ำตาบดบัง สะลึมสะลือ คล้ายหยาดฝนที่เย็นฉ่ำ

ยุ่งมาสองวัน เธอเริ่มคิดแล้วว่าตอนเย็นจะกินอะไร

“เนื่องจากนักเขียนเรื่องโฉมงามคีรีธารไม่ได้เปิดเวยปั๋ว พวกเราจึงได้ติดต่อเธอไปเป็นการส่วนตัว พร้อมเชิญเธอมาด้วยค่ะ” เลขาสาวถอยหลังหนึ่งก้าว

“ขอเชิญคุณเฉียนอิงมาข้างหน้า พวกเราจะจัดการปัญหาให้คุณค่ะ”

อิ๋งจื่อจินเอามือเท้าศีรษะ ทันใดนั้นได้กวาดตามองสื่อที่กำลังตื่นเต้น “เลิกถ่ายฉัน”

บรรดาสื่อที่ตื่นตะลึงทันที “…”

พวกเขาหันกล้องไปทางเฉียนอิงเงียบๆ

ชาวเน็ตที่ชมถ่ายทอดสดอยู่ “…”

เฉียนอิงก็คือผู้แต่งเรื่องโฉมงามคีรีธาร หรือก็คือรูมเมทของซั่งซู

ตอนนี้เป็นพนักงานอยู่ในบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง ได้เงินเดือนขั้นต่ำอยู่ที่สามพันหยวน

เธอตัวไม่สูง สูงแค่ร้อยห้าสิบเซนติเมตร สวมแว่นตากรอบดำหนาเตอะ

ตอนแรกเฉียนอิงยังไม่กล้าขึ้นเวที

จนกระทั่งลั่วเหวินปินส่งสายตาเป็นกำลังใจให้เธอ เธอถึงได้กัดฟันรีบสาวเท้าขึ้นไป

ซั่งซูนั่งอยู่ด้านล่าง พอเห็นเฉียนอิงก็กำมือแน่น

ตั้งแต่เรียนจบเมื่อสองปีก่อน เธอก็ไม่ได้คุยกับเฉียนอิงอีกเลย

เธอนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเฉียนอิงจะขโมยโครงเรื่องนิยายของเธอ ทั้งยังเอาไปเขียนเสร็จโพสต์ลงเว็บก่อน

ถ้ากู้บล็อกของเธอกลับคืนมาไม่ได้ เธอคงหมดหนทางล้างมลทินเรื่องคัดลอกผลงาน

“คุณเฉียนอิงคะ สวัสดีค่ะ” เลขาสาวทักทายอย่างสุภาพ “ดีใจมากที่เชิญคุณมาที่นี่ได้ค่ะ”

เป็นครั้งแรกที่เฉียนอิงต้องมาอยู่ในงานใหญ่แบบนี้ ด้านล่างยังมีกล้องที่กำลังถ่ายเธออีกมากมาย

ชั่วขณะนั้นเธอทำตัวไม่ถูก ทั้งตื่นเต้นทั้งหวาดกลัว ใบหน้าแดงก่ำ “มะ…ไม่เป็นไรค่ะ”

“คุณเฉียนอิงคะ ก่อนที่บริษัทเราจะซื้อเรื่องลำนำใต้หล้าไม่เคยเห็นผลงานของคุณมาก่อน”

เลขาสาวยื่นไมโครโฟนให้เธอ

“เรื่องนี้พวกคุณไม่ผิดหรอกค่ะ” เฉียนอิงพูดตะกุกตะกัก

“เพราะ…เพราะฉันคิดว่าตัวเองเขียนได้ไม่ดี ก็เลยล็อกนิยายของตัวเองไว้”

เว็บนิยายจงเตี่ยนมีฟังก์ชันนี้

ผู้แต่งสามารถล็อกผลงานไว้ได้

เมื่อล็อกผลงาน ผู้อ่านก็จะมองไม่เห็นเนื้อหาอีกต่อไป

เนื่องจากเรื่องโฉมงามคีรีธารไม่ได้โด่งดังอะไร ในเน็ตไม่มีแม้แต่ฉบับอ่านเถื่อน

การที่ลั่วเหวินปินไปเจอโฉมงามคีรีธารก็เป็นเรื่องบังเอิญเหมือนกัน

เป็นเพราะเฉียนอิงมีญาติทำงานในเทียนสิงมีเดีย

มีครั้งหนึ่งที่เขาบังเอิญไปตรวจดูพนักงานระดับล่างแล้ว ได้ยินญาติของเฉียนอิงคนนี้พูดว่าเรื่องลำนำใต้หล้าคล้ายเรื่องโฉมงามคีรีธารที่หลานสาวของเธอเขียน

“บังเอิญมากจริงๆ ค่ะที่คุณเฉียนอิงเป็นจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับคุณซั่งซู” เลขาสาวยิ้มแฝงความนัย

“แถมยังเป็นรูมเมทกัน เป็นพรหมลิขิตที่มหัศจรรย์มากค่ะ”

เฉียนอิงสีหน้าเปลี่ยน “ค่ะ เป็นรูมเมทกัน ซูซูนิสัยดี ชอบเอาของฝากจากบ้านเกิดมาให้พวกเรา”

[เป็นรูมเมทกันเหรอ]

[ฉันรู้แล้ว ซั่งซูแอบดูคอมพิวเตอร์ของเฉียนอิงในหอพักใช่ไหม ขี้ขโมย!]

[เอ่อ…ป้องกันไฟไหม้ ป้องกันขโมย ยังต้องป้องกันรูมเมทด้วยสินะ]

“ผลลัพธ์ก่อนหน้านี้คุณเฉียนอิงก็เห็นแล้ว พวกเราก็เลยอยากให้โอกาสคุณเหมือนกันค่ะ” เลขาสาวพูด

“คุณแน่ใจนะคะว่านิยายเรื่องลำนำใต้หล้าคัดลอกงานประพันธ์มา ส่วนโฉมงามคีรีธารของคุณต่างหากที่เป็นต้นฉบับ”

“ซีอีโออิ๋ง พวกคุณหมายความว่าไงครับ” ยังไม่ทันที่เฉียนอิงจะพูด ลั่วเหวินปินก็ยืนขึ้นมาก่อน สีหน้าเย้ยหยัน

“อย่าบอกผมนะครับว่าคุณไม่ได้ดูลำดับเวลา”

อิ๋งจื่อจินวางแก้ว ไม่แม้แต่จะเงยหน้า พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“นั่งลง ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของคุณ”

ลั่วเหวินปินหน้าเสียเป็นแค่เด็กสาวที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ กล้ามาสั่งเขาแบบนี้

ลั่วเหวินปินทำเสียงฮึดฮัดแล้วนั่งลง

“คุณเฉียนอิงพูดออกไปได้เลยครับ อย่าไปกลัวพวกเขา”

[เดิมทีคิดว่าเทพอิ๋งเป็นคนดี นึกไม่ถึงว่าจะเข้าข้างคนคัดลอกผลงาน…เฮ้อ]

[หน้าม้าคอมเมนต์บน ช่วยหุบปากด้วย อย่ามาบัง ฉันจะมองหน้าสวยๆ ของเทพอิ๋ง]

[แค่เทพอิ๋งนอนฉันก็นั่งดูได้ทั้งวัน!]

[ตอนนี้ผมยังอยู่ประถม ไว้โตเมื่อไรผมจะไปจีบเทพอิ๋ง]

[? เลิกฝัน ไปกินยาไป]

เฉียนอิงเห็นคอมเมนต์เข้าข้างเธอก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจ เธอเม้มริมฝีปาก

“ฉันรู้ค่ะว่าตัวเองไม่ได้มีพรสวรรค์ทางด้านเขียนนิยาย ภาษาไม่สละสลวยพอที่จะเขียนโครงเรื่องใหญ่ๆ แบบนี้”

ขณะพูดเธอก็ยิ้ม “ซูซู เธอเขียนมันให้ดังได้ก็คือเธอเก่ง ฉันไม่คิดตำหนิอะไร”

[ของลอกเลียนแบบดังกว่าต้นฉบับ โลกนี้มันอะไรกันครับเนี่ย]

[ในบ้านฉันมีหนังสือนิยายลำนำใต้หล้าสามเล่ม เดี๋ยวจะเอาไปเผาทิ้ง]

ซั่งซูตะลึงในคำพูดไร้ยางอายของเฉียนอิง “เธอ…”

เดิมทีเธอคิดว่าไม่ว่ายังไงเฉียนอิงก็เป็นรูมเมทของเธอ อยู่ด้วยกันมาตั้งสี่ปี

ขอแค่เฉียนอิงยอมรับผิด เธอก็จะถอยหนึ่งก้าว ให้อภัยเฉียนอิง

แต่ตอนนี้เฉียนอิงกลับแว้งกัดเธอ

“เทพอิ๋ง ฉันคิดในแง่ดีเกินไป” ซั่งซูผิดหวังมาก เธอหยุดเล็กน้อยแล้วพูดกับอิ๋งจื่อจิน

“ฉันขอเปิดบันทึกในบล็อกของฉันค่ะ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “ตกลง”

เธอเงยหน้ามองเลขาสาว

เลขาสาวเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ให้ห้องควบคุมโชว์บล็อกขึ้นหน้าจออย่างรวดเร็ว

บันทึกในบล็อกเริ่มตั้งแต่ปีสองพันสิบสองจนกระทั่งถึงสองพันสิบสี่

เนื้อความในแต่ละโพสต์แบ่งเป็นส่วนๆ ดูไม่ปะติดปะต่อ ไม่มีความเชื่อมโยงอะไร

มีเขียนบรรยายถึงสงคราม เขียนบรรยายตัวละคร เสริมด้วยความเป็นอยู่ทั่วไปในยุคโบราณ

แต่ทว่าผู้อ่านคนไหนก็ตามที่เคยอ่านลำนำใต้หล้าหรือแฟนคลับที่เคยดูละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้ก็จะสามารถมองออกได้ว่านี่คือส่วนหนึ่งในเรื่องลำนำใต้หล้า

เพียงแต่ข้อความในบล็อกยังไม่สละสลวย สร้างความตะลึงได้ไม่เท่าในลำนำใต้หล้า

“นี่เป็นบล็อกของคุณซั่งซูค่ะ” เลขาสาวชี้ที่หน้าจอใหญ่พลางอธิบาย

“ก่อนที่คุณซั่งซูจะเขียนโครงเรื่องลำนำใต้หล้าก็ได้มีไอเดียไว้มากมายแล้ว”

“พวกเรากู้คืนบล็อกของเธอมาได้ ทุกท่านช่วยวิเคราะห์ทีนะคะว่าใครกันแน่ที่คัดลอกผลงาน”

[วิเคราะห์เรียบร้อย ช่วงเวลาที่เขียนในบล็อกนี้มาก่อนโฉมงามคีรีธาร]

[โชคดีที่ฉันมีความคิดหนักแน่นมาตลอดว่านักเขียนที่แต่งเรื่องลำนำใต้หล้าออกมาได้ลึกซึ้งกินใจไม่มีทางคัดลอกผลงานแน่]

[พูดตามตรง โฉมงามคีรีธารโครงเรื่องดูน่าเบื่อกว่า]

มือของซั่งซูที่ถือไมโครโฟนกำลังสั่น พูดเสียงสะอื้น

“ฉันคิดมาตลอดว่าผลงานของฉันคงต้องจบสิ้นแล้ว จนกระทั่งเทพอิ๋งมาให้ความหวัง ฉันต้องขอขอบคุณเธอค่ะ”

เฉียนอิงไม่ได้ยินเสียงแล้ว หูอื้อไปหมด

เธอมองข้อความในบล็อกด้วยความตะลึง สมองเริ่มสูบฉีด

ลั่วเหวินปินก็ตะลึงเหมือนกัน เขาลุกพรวด “คนที่คัดลอกก็คือคุณเหรอ!”

เฉียนอิงปล่อยโฮออกมา “ประธานลั่ว ฉันแค่ไม่รู้ว่า…”

ใครจะไปนึกถึงว่าซั่งซูเขียนไอเดียเรื่องลำนำใต้หล้าลงบล็อกตั้งแต่มอปลายแล้ว

อันที่จริงตอนนั้นเธอก็ไม่ได้มีความคิดจะขโมยโครงเรื่องนิยายของซั่งซู

จนกระทั่งต่อมาเธอถามซั่งซูหลายครั้งว่าทำไมยังไม่เขียนลำนำใต้หล้า ซั่งซูบอกไม่มีเวลา เธอถึงได้เกิดความคิด

เฉียนอิงชอบเรื่องนี้มาก เพียงแต่เธอไม่สามารถเขียนเรื่องให้ออกมาดีได้

ต่อมาเธอพบว่าลำนำใต้หล้าโด่งดังมาก จึงรีบล็อกโฉมงามคีรีธารที่ตัวเองเขียนทันทีด้วยความลนลาน

เฉียนอิงคิดว่าซั่งซูไม่มีทางรู้ แต่เทียนสิงมีเดียก็มาหาเธอ ขอซื้อลิขสิทธิ์โฉมงามคีรีธารในราคาสิบล้าน ไว้ถึงเวลาจะให้เธอบอกว่าซั่งซูคัดลอกผลงาน

เธอตื่นเต้นดีใจก็เลยร่วมมือกับเทียนสิงมีเดีย

ตอนใส่ร้ายซั่งซู แม้เธอจะรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอย่างอื่นอีก

[สุดยอด พลิกเป็นรถไฟเหาะ วันนี้ชาวมุงอย่างฉันอิ่มเอิบจนแทบอ้วก]

[ยังดีๆ ไม่เหมือนรูมเมทคนอื่นที่ยังจะวางยาพิษด้วย]

[ปีนี้มีกฎหมายใหม่ออกมา ลิขสิทธิ์สำคัญมาก ใครคัดลอกผลงานรอเข้าคุกได้เลยจ้า]

“คุณซั่งซูคะ ฝ่ายกฎหมายของเราช่วยฟ้องให้คุณได้นะคะ” เลขาสาวมองซั่งซู “คุณต้องการไหมคะ”

“ซูซู อย่าฟ้องฉันเลยนะ” เฉียนอิงลนลานขึ้นมาทันที เริ่มอ้อนวอน

“พวกเราเป็นรูมเมทกัน ฉันยังเคยให้เธอยืมสมุดโน้ตเลยนะ พวกเรามาคุยกันดีๆ ได้ไหม”

ซั่งซูนิสัยดี จิตใจดีมาตลอด

แค่ขอร้องดีๆ ซั่งซูต้องยอมแน่นอน

ก็แค่คัดลอกงานไม่ใช่เหรอ ถึงกับต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท