ตอนที่ 455 ตัวตลกบนราว จัดการซิวเหยียน
พูดให้ถูกก็คือไม่ได้แบนตระกูลอิ๋ง แต่แบนอิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวา
อย่างน้อยพวกสายอื่นของตระกูลอิ๋งที่ไม่ได้อยู่ฮู่เฉิงก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย
คำว่าแบนในวงการธุรกิจอันที่จริงก็ไม่ได้มีนิยามที่แน่นอน
เพราะเมื่อก่อนก็ไม่เคยมีตระกูลไหนสามารถล่วงเกินพวกตระกูลชั้นแนวหน้าของตี้ตูได้ทั้งหมด
ตระกูลอย่างตระกูลมู่กับตระกูลเนี่ยก็ไม่จำเป็นต้องถือสาหาความพวกตระกูลเล็กๆ
ตระกูลอิ๋งเป็นตระกูลแรก
แถมยังเป็นที่รู้กันไปทั่วในเน็ตแบบนี้ เขียนไว้อย่างชัดเจน
เมื่อเป็นแบบนี้ก็เห็นได้ชัดว่า จากนี้เป็นต้นไปจะไม่มีบริษัทไหนในประเทศจีนร่วมงานกับอิ๋งเจิ้นถิงอีก
ต่อให้อิ๋งเจิ้นถิงได้ออเดอร์จากต่างประเทศ แต่จะขนสินค้าออกไปได้หรือไม่ก็ยังต้องดูว่าตระกูลในตี้ตูตกปากรับคำหรือเปล่า
ถึงแม้ตระกูลมู่จะทำธุรกิจที่ไม่ได้ครอบคลุมทุกวงการ แต่ตระกูลมู่ก็รู้จักหลายตระกูลเหลือเกิน
ไม่มีตระกูลไหนในวงการธุรกิจที่จะเสี่ยงล่วงเกินตระกูลมู่ไปติดต่อธุรกิจกับตระกูลอิ๋ง
ชีวิตนี้อิ๋งเจิ้นถิงอย่าได้คิดจะบุกเข้าแวดวงตี้ตูเลย
และก็เป็นเพราะเรื่องที่ตระกูลอิ๋งบังคับให้อิ๋งจื่อจินบริจาคเลือด ทั้งยังไล่เธอออกจากบ้าน ถูกเอาไปเปิดเผยในเน็ต จึงมีกลุ่มชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยที่เริ่มรวมตัวกันต่อต้านสินค้าทุกอย่างที่อยู่ภายใต้อิ๋งซื่อกรุ๊ป
[ไม่กล้าเชื่อเลยจริงๆ ฉันก็คนมีลูก เป็นแม่คนแล้วยังจิตใจโหดร้ายแบบนั้นอีกเหรอ]
[ถ้าเป็นลูกเลี้ยง ให้ไปบริจาคเลือดสองสามครั้งก็ยังพอเข้าใจได้ แต่นี่เป็นลูกสาวแท้ๆ ให้บริจาคเลือดถึงสิบสามครั้ง! เอาชีวิตลูกสาวแท้ๆ ไปแลกกับนังตอแหล จงมั่นหวาเธอคิดอะไรอยู่]
[สุด นี่แหละตระกูลอิ๋ง เห็นแต่ผลประโยชน์ แล้วคนที่เป็นลูกเลี้ยงจริงๆ มีใครไปขุดหรือยังว่าเก่งแค่ไหน ถึงทำให้ตระกูลอิ๋งมองข้ามเทพอิ๋งแบบนี้]
[ตราบใดที่อิ๋งซื่อกรุ๊ปยังมีอิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวาเป็นหัวเรือใหญ่ ฉันก็จะต่อต้านอิ๋งซื่อกรุ๊ปต่อไป พอฉันคิดว่าเงินที่จ่ายออกไปต้องไปอยู่ในมือคนที่น่าขยะแขยงสองคนนี้ ช่วยพวกเขาทำร้ายอิ๋งจื่อจิน ฉันก็ทนไม่ไหวแล้ว]
[ต่อต้านอิ๋งซื่อกรุ๊ป เริ่มที่ตัวเรา]
แฮชแท็กร่วมกันต่อต้านอิ๋งซื่อกรุ๊ป
นี่เป็นแฮชแท็กยอดนิยมที่แปด
เวยปั๋วไม่มีเรื่องฮือฮาต่อเนื่องแบบนี้มานานแล้ว คราวก่อนที่ปรากฏเหตุการณ์แบบนี้ก็คือตอนดารายอดนิยมประกาศอำลาวงการ
อิ๋งเย่ว์เซวียนยิ่งอ่านก็ยิ่งหน้าซีด มือจับโทรศัพท์ไม่อยู่แล้ว
เธอไม่เคยคาดคิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้
มิน่าอิ๋งเจิ้นถิงถึงได้หมดสติไปอย่างกะทันหัน
อยู่ดีๆ บริษัทที่บริหารมากับมือก็ถูกแบน ถูกตัดขาดทุกช่องทาง ใครยังจะรับได้
ตอนนี้ทำไงดี…
อิ๋งเย่ว์เซวียนลนลานมาก
หากตระกูลอิ๋งสูญเสียแหล่งรายได้ก็จะหลุดจากตำแหน่งสี่ตระกูลเศรษฐีแห่งฮู่เฉิงอย่างรวดเร็ว
พอถึงเวลาตกอับขึ้นมา เธอยังจะเป็นคุณหนูใหญ่ไฮโซได้ยังไงอีก
โทรศัพท์มือถือดังขึ้นในเวลานี้
เป็นเบอร์แปลกโทรมา
แต่อิ๋งเย่ว์เซวียนท่องจำเบอร์นี้จนขึ้นใจแล้ว
นี่เป็นเบอร์มือถือของจิ่งหงเจิน
อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ยินดียอมรับว่าคุณหนูแห่งฮู่เฉิงที่ตกอับนานแล้วคนนี้เป็นแม่ของเธอ แต่เวลานี้เธอกลับเรียกคำนั้นออกมา “ทำไงดีคะแม่”
“โง่เง่า…โง่เง่าจริงๆ” จิ่งหงเจินก็โมโหมาก
“อิ๋งจื่อจินรู้จักคนเยอะขนาดนั้นได้ยังไง เธอเข้าหายังไง”
ถึงแม้อันดับหนึ่งที่ได้คะแนนเต็มกับแชมป์ไอเอสซีจะควรค่าให้ตระกูลใหญ่ทั้งหมดอยากได้ตัว
แต่นั่นก็แค่อยากได้เอาไปอยู่ในสังกัดของตระกูลเท่านั้น
การทำแบบนี้ของตระกูลมู่กับตระกูลเนี่ย เห็นได้ชัดว่ายกให้อิ๋งจื่อจินอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่เกินกว่าพวกลูกหลานสายตรงด้วยซ้ำ
มู่เฮ่อชิงกับเนี่ยอวิ๋นเจี้ยนออกมาพูดด้วยตัวเอง!
ถ้าแค่อยากดึงตัวคนมีความสามารถ ใครบ้างจะได้รับการปฏิบัติถึงขนาดนี้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีมหาวิทยาลัยนอร์ตันอีก
อิ๋งเย่ว์เซวียนก็งงมากเหมือนกัน ในใจหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม พูดเสียงสะอื้น “หนูไม่รู้…”
จนถึงวันนี้เธอถึงได้พบว่าเธอก็แค่ตัวตลกที่กระโดดโลดเต้น
เธอกระโดดไปมาอยู่ตรงหน้าอิ๋งจื่อจิน อิ๋งจื่อจินจะต้องดูถูกเธอมากแน่นอน
“หลายตระกูลของตี้ตูร่วมมือกัน ตระกูลอิ๋งอย่าได้คิดจะอยู่ในแวดวงธุรกิจอีกเลย” หน้าอกของจิ่งหงเจินกระเพื่อมแรง “ฉันจะไปย้ายทรัพย์สินเดี๋ยวนี้”
ตระกูลอิ๋งถูกแบนแล้ว หุ้นก็ทิ้งดิ่ง แต่ยังมีเงินสดและอสังหาริมทรัพย์อีกไม่น้อย
จิ่งหงเจินต้องต้องโยกเงินพวกนี้ทั้งหมดก่อนที่อิ๋งเจิ้นถิงจะฟื้น
สิ้นหวังแล้วกับตระกูลอิ๋ง เธอเตรียมกลับไปอยู่ยุโรปอีกครั้ง
อย่างน้อยเงินที่เหลือก็เพียงพอให้เธอกินใช้ทั้งชีวิตแล้ว
อิ๋งเย่ว์เซวียนอ้าปากค้าง ขณะที่กำลังจะพูดอะไรต่อจิ่งหงเจินก็ตัดสายทิ้ง
เธอมองเตียงผู้ป่วยสีขาว สายตาแน่นิ่ง
…
บ้านตระกูลเนี่ย
ผู้เฒ่าเนี่ยดันแว่นตา อ่านคอมเมนต์ใต้โพสต์เวยปั๋วด้วยความสงสัย ยกโทรศัพท์ขึ้น
“มู่เฮ่อชิง คู่จิ้นคืออะไร ทำไมมีคนอยากให้พวกเราสองคนเป็นคู่จิ้นด้วย”
“ฉันไม่ได้เล่นเน็ต ฉันชอบออกไปท่องเที่ยวมากกว่า” มู่เฮ่อชิงดื่มชาพลางเหลือบมองผู้เฒ่าเนี่ย
“แล้วแกมาถามฉันเรอะ”
ในเน็ตวุ่นวาย เขากลัวว่าถ้าเขาเล่นเน็ตแล้วเจอพวกคนที่เหมือนอิ๋งเจิ้นถิง เขาจะอดยกปืนขึ้นไม่ได้
“ปู่ เลิกดูได้แล้ว เลิกดู” เนี่ยเฉาแย่งโทรศัพท์มือถือมาจากผู้เฒ่าเนี่ย
“ไม่ใช่คำดีอะไร ไม่ต้องดูแล้ว”
เขาเหงื่อแตกไม่หยุด
ให้ตายเถอะ พวกชาวเน็ตนี่ว่างกันเหลือเกิน กล้าล้อเล่นแบบนี้
“ไอ้หลานบ้า” ผู้เฒ่าเนี่ยตีหัวเนี่ยเฉาไปหนึ่งที
“แกไม่อธิบายยังพอทน แต่แย่งมือถือของฉันไปทำไม”
เขาอุตส่าห์กำลังเล่นเน็ตอย่างสนุกๆ ยังเล่นไม่พอเลยนะ
เนี่ยเฉาลำบากใจที่จะพูด
“คู่จิ้นก็คือคู่หูครับ” ฟู่อวิ๋นเซินนั่งอยู่ที่โซฟา เหลือบตาขึ้น ยิ้มมุมปาก
“ผู้เฒ่าเนี่ยครับ ชาวเน็ตรู้สึกว่าท่านกับผู้เฒ่ามู่เข้าขากันดี ก็เลยบอกว่าพวกท่านเป็นสุดยอดคู่หู”
“อย่างนั้นเหรอ” ผู้เฒ่าเนี่ยพยักหน้า จากนั้นก็โมโหใหญ่
“ใครเข้าขากับเขากัน ถุย ฉันไม่เอาคู่จิ้นแบบนี้”
มู่เฮ่อชิงวางถ้วยชา ไม่สบอารมณ์เหมือนกัน
“ถ้าไม่ใช่เพื่อเสี่ยวอิ๋ง คิดว่าฉันจะยอมเหรอ”
เพื่อนตัวร้าย!
แก่แล้วก็ยังเหมือนเดิม
ภายในห้องนอน
อิ๋งจื่อจินกำลังตรวจซ้ำให้ซิวอวี่ หลังจากจับมือซ้ายของซิวอวี่ก็พยักหน้า
“หายแล้ว ตอนบ่ายลองไปออกหมัดดูว่าตอนนี้เธอมีแรงแค่ไหน สามารถฟื้นฟูกลับไปเท่าเมื่อก่อนได้หรือเปล่า”
“น่าจะเก่งกว่าเมื่อก่อน” ซิวอวี่สะบัดมือ “ฉันจะยี่สิบแล้ว แรงต้องเยอะกว่าเมื่อห้าปีก่อนสิ”
“อืม” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า วางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ
“มีอยู่เรื่อง จะให้ฉันจัดการผู้หญิงคนนั้นหรือเธอจะจัดการเอง”
ซิวเหยียนทำได้แนบเนียนมาก ถ้าไม่สืบให้ละเอียดไม่มีทางเจอร่องรอยของเธอแม้แต่น้อย
เทียนสิงมีเดียถูกซื้อกิจการเรียบร้อยแล้ว จึงได้รู้ข้อมูลสำคัญของตระกูลซิวจากพนักงานที่แจ้งข่าวลั่วเหวินปิน ต่อให้ผู้เฒ่าซิวจะเลอะเลือนแค่ไหนก็ไม่มีทางบุ่มบ่ามในขณะที่ตระกูลเนี่ย ตระกูลมู่ และตระกูลตี้อู่ร่วมมือกัน
มีแค่คนคนเดียวแล้ว
“ซิวเหยียนอีกแล้ว” ซิวอวี่ขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชา
“ยัยนั่นอยู่วงการบันเทิงมานานเกินไป ถึงได้ชอบใช้วิธีต่ำๆ แบบนี้ ฉันว่ายัยนี่มีหัวแค่เพื่อเพิ่มส่วนสูง”
หยุดเล็กน้อยแล้วแสยะยิ้มพูดต่อ “ฉันจัดการดีกว่า ยัยนั่นไม่กล้าทำอะไรเธอมาก แต่กล้ากับฉัน เอาฉันเป็นเหยื่อล่อยัยนั่นออกมา”
ในเมื่อเธอตัดสินใจกลับบ้านตระกูลซิวแล้ว ก็ต้องกำจัดซิวเหยียนที่เป็นเหมือนระเบิดเวลา
ลำพังแค่หลักฐานเล็กน้อยพวกนั้นยังไม่เพียงพอทำให้ซิวเหยียนออกไปจากบ้านตระกูลซิวพร้อมแม่กับน้องชายได้
เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าซิวกับผู้อาวุโสคนอื่นๆ ปกป้องพวกซิวเหยียน บอกว่าซิวเซ่าหนิงจำเป็นต้องมีลูกชายสักคนสืบสกุล
ตระกูลเนี่ยกับตระกูลมู่ก็ยุ่งเรื่องในตระกูลซิวไม่ได้
อิ๋งจื่อจินหลับตา สิบกว่าวินาทีต่อมาถึงลืมตาขึ้น พยักหน้าเล็กน้อย
“ได้…จะมีคนทางตระกูลหลิงช่วยเธอ”
ตอนนี้ในตระกูลซิวก็มีแค่ผู้เฒ่าซิวที่รู้ถึงการมีอยู่ของโลกจอมยุทธ
เพียงแต่ก็เหมือนกับตระกูลมู่ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลในโลกจอมยุทธ
ตระกูลเนี่ยเป็นเพราะมีเนี่ยอี้
ไม่อย่างนั้นด้วยสถานะของซิวเหยียนในตระกูลซิว อย่าว่าแต่โลกจอมยุทธเลย แม้แต่การมีอยู่ของจอมยุทธเธอก็ไม่มีสิทธิ์จะได้รู้
“ตอนนั้นที่เธอเกิดอุบัติเหตุ” อิ๋งจื่อจินดันเอกสารฉบับหนึ่งไปตรงหน้าซิวอวี่แล้วเงยหน้าขึ้น
“อาจมีคนทำ”
พอได้ยินแบบนี้ซิวอวี่ก็ใจหายวาบ “คนทำเหรอ”
เธอจำได้ว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นเธอเพิ่งอายุครบสิบห้าปี
งานแข่งรถระดับโลกที่มาตรฐานสูงสุดคือเอฟไอเอ ฟอร์มูลาวัน ชิงแชมป์โลก หรือเรียกสั้นๆ ว่าเอฟวัน
ตระกูลซิวให้ความสำคัญกับการแข่งขันรายการนี้มาก
ตระกูลแมนสันหนึ่งในสี่ตระกูลมหาเศรษฐีของยุโรปก็คือหัวเรือใหญ่ของการแข่งขัน
หัวหน้าตระกูลหลายรุ่นของตระกูลแมนสันต่างชื่นชอบการแข่งรถ
ตระกูลซิวสร้างทีมแข่งรถก็เพราะมีกิจการหลายอย่างของตระกูลที่สอดรับกับตระกูลแมนสันได้
แน่นอนว่าซิวอวี่ไม่มีทางไป แต่เธอจะตามทีมไปร่วมฝึกซ้อมด้วย
หรือก็คือในการซ้อมสนามสุดท้ายก่อนแข่งเอฟวันได้เกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรงตอนเธอเป็นเนวิเกเตอร์ให้นักแข่งมือหนึ่งของทีมแข่งรถตระกูลซิว