คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 479 จบการทดลอง ศูนย์ไวรัสสากลตอบกลับ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 479 จบการทดลอง ศูนย์ไวรัสสากลตอบกลับ

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินเริ่มเครียดขึ้นเรื่อยๆ

วิธีโจมตีแบบนี้เหมือนที่โจมตีมหาวิทยาลัยนอร์ตันกับวีนัสกรุ๊ป โจมตีอย่างกะทันหัน

แต่รุนแรงยิ่งกว่าสองครั้งก่อน

ถือว่าให้เกียรติเธอมากทีเดียว

อิ๋งจื่อจินกรอกโค้ดเสร็จก็กดยืนยัน

เวลานี้แถบความคืบหน้าหยุดนิ่ง ไม่ขยับต่อ

แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีหลายคนร่วมกันโจมตีเธอ อยากเจาะที่อยู่ไอพีของเธอให้ได้

ที่อยู่ไอพีของเว็บบอร์ดเอ็นโอเคเป็นแบบไม่หยุดนิ่ง จึงยากแก่การเจาะมาตลอด

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสี่ผู้ก่อตั้ง แอคเคาท์ของเธอจึงเจาะยากยิ่งกว่า

เวลาผ่านไปทีละวินาที แถบความคืบหน้าที่หยุดไปก็เริ่มขยับอีกครั้ง

“เทพอิ๋ง มาแล้ว!” เวลานี้จี้หลีวิ่งหอบเข้ามา “ฉันเปิดเครื่องให้แล้ว”

“รบกวนแล้ว” อิ๋งจื่อจินรับมาเปิดคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว ใช้บลูทูธเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ

นิ้วเรียวยาวของเธอเคาะบนแป้นคีย์บอร์ดด้วยความเร็วสูง คอมพิวเตอร์ตอบสนองไม่ทันต่อความเร็วของเธอ

หลังจากใส่โค้ดเสร็จหนึ่งแถว คอมพิวเตอร์ถึงค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนแปลง

อิ๋งจื่อจินพูด “ช้าเกินไป”

จี้หลีเห็นแล้วก็ตาลาย มีหลายสัญลักษณ์ที่เธอไม่รู้จัก

เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ขอบเขตที่เธอจะเข้าไปยุ่งได้ จึงไปทำการทดลองต่อที่ด้านข้าง

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดหน้าจอโทรศัพท์ที่มืดสนิทก็กลับมาสว่างอีกครั้ง

มีหน้าต่างเด้งขึ้นมา

[ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์]

อิ๋งจื่อจินผ่อนลมหายใจ

อีกฝ่ายโจมตีอย่างมีเป้าหมาย แต่เธออาศัยความสามารถพิเศษของตัวเอง ‘ญาณพยากรณ์’ สามารถรู้ได้ว่าต่อไปทางนั้นจะโจมตีตรงไหน

เธอก็เลยไปป้องกันที่จุดนั้นก่อน

เมื่ออีกฝ่ายเข้าโจมตี เธอก็ได้ป้องกันล่วงหน้าก่อนแล้ว

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ต่อให้เก่งคอมพิวเตอร์แค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์

อิ๋งจื่อจินนวดหว่างคิ้ว ลุกออกจากห้องทดลอง

เธอหลุบตาลง พิมพ์ตัวเลขด้วยสีหน้าเรียบเฉย ล็อกอินเข้าเว็บบอร์ดเอ็นโอเคโดยใช้โทรศัพท์มือถือ เปิดหน้าเพื่อน

แอคเคาท์เทพพยากรณ์มีเพื่อนอยู่แค่ห้าคน

นอกจากซีซาร์ ลอเรนท์ แอคเคาท์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน และ10 เพื่อนอีกสองคนก็คือแอคเคาท์ผู้ก่อตั้งเว็บบอร์ดเอ็นโอเคอีกสองแอคเคาท์

เพียงแต่สองแอคเคาท์นี้เป็นสีเทาอยู่ตลอด ไม่เคยออนไลน์

อิ๋งจื่อจินกดรูปโปรไฟล์ของ 10

[เทพพยากรณ์ : ขยะ]

[10 : ???]

[10 : ท่านเทพพยากรณ์ เกิดอะไรขึ้น ด่าผมทำไม เดี๋ยวนะ เดี๋ยวนี้พูดคำหยาบเลยเหรอ]

[เทพพยากรณ์ : ฉันหมายความว่า เว็บบอร์ดของนายมันขยะ ฉันถูกโจมตี เกือบถูกเจาะที่อยู่ไอพีได้]

[10 : !!!]

[10 : โจมตีคุณเหรอ]

[10 : เป็นไปไม่ได้ ระบบที่ผมทำไม่ได้ใช้แค่เทคนิคคอมพิวเตอร์ ยังมีความสามารถพิเศษของผมด้วย มีความเป็นส่วนตัวแค่ไหนคุณไม่รู้เหรอ จุดเด่นของสมาพันธ์ลับก็คือคำว่า ‘ลับ’ นี่แหละ]

[10 : คุณซ่อนตัวเก่งมาก แถมผมยังช่วยปิดบัง ใครยังจะโจมตีคุณได้]

[เทพพยากรณ์ : คำอธิบายก็คือการแก้ตัว ลบเพื่อนละ]

[10 : …]

[10 : ผมจะไปเพิ่มประสิทธิภาพเดี๋ยวนี้!]

[10 : พ่อจ๋า เพิ่มเสร็จผมยังมีโอกาสอีกไหม]

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ ออกจากเว็บบอร์ดเอ็นโอเค ตกอยู่ในห้วงความคิด

มีคนสืบเรื่องเธอเยอะมาก ใครกัน

ในเวลาเดียวกัน

ณ สถานที่แห่งหนึ่งบนโลก

“ปัง!”

ชายหนุ่มคนหนึ่งกำหมัดทุบโต๊ะ สีหน้าโหดเหี้ยม

“ไหนว่าเทพพยากรณ์เป็นตาแก่หัวโบราณไง ทำไมโจมตีกลับได้ด้วย พวกคุณทำงานกันยังไง”

อีกแค่นิดเดียวพวกเขาก็จะรู้พิกัดของเทพพยากรณ์แล้ว

ขอแค่รู้ว่าเทพพยากรณ์อยู่ที่ไหน พวกเขาก็จะออกจากเมืองทันที ไปพาตัวเทพพยากรณ์กลับมา

ต่อให้เทพพยากรณ์ไม่เชื่อฟังพวกเขา พวกเขาก็มีวิธีมากมาย

ขอแค่เทพพยากรณ์มาถึงที่ของพวกเขา ก็จะไม่มีใครบนโลกตามหาเจอ

พวกคนที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์คุกเข่าลงบนพื้น “ไว้ชีวิตด้วยครับ!”

“ไม่ได้เรื่อง” ชายหนุ่มพยายามระงับความโกรธ

“ตอนนี้สัญญาณในเมืองตัดขาดจากโลกภายนอกแล้ว ทำได้แค่รอเวลาเปิดครั้งต่อไป ไสหัวไปให้หมด!”

“ครั้งหน้าต้องสืบให้ได้!”

คนพวกนั้นล้มลุกคลุกคลานรีบวิ่งออกไป

ชายหนุ่มยังคงไม่หายโมโห เพราะเขามั่นใจมาตลอดว่าระดับฝีมือของพวกเขาเหนือกว่าที่ไหนบนโลกทั้งสิ้น

ต่อให้เป็นมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็เทียบไม่ได้

แต่คราวก่อนตระกูลที่มีความแค้นกับเทพพยากรณ์มาขอยืมคนจากพวกเขาเพื่อโจมตีมหาวิทยาลัยนอร์ตัน อยากสืบหาร่องรอยของเทพพยากรณ์ แต่ก็ไม่สำเร็จ

ต่อมาพวกเขาแฮกเข้าวีนัสกรุ๊ป อยากเจาะเข้าห้องปฏิบัติการความปลอดภัยทางชีวภาพพีโฟร์เพื่อปล่อยไวรัสสู่โลก ก็ไม่สำเร็จเหมือนกัน

นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว

ล้มเหลวอีกแล้ว

ชายหนุ่มกำหมัดแน่น เส้นเลือดปูดขึ้นบนหน้าผาก

ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องหาตัวเทพพยากรณ์ให้เจอ นี่เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับแผนการของพวกเขา

วันต่อมา

ตอนเช้า

ณ ศูนย์ไวรัสสากล

ภายในห้องทำงานประธานศูนย์

“ท่านประธานครับ” เลขาเคาะประตูแล้วเดินเข้ามา

“ทางตระกูลจี้ส่งบทความกับข้อมูลของไวรัสชนิดใหม่มาครับ”

“ไวรัสชนิดใหม่เหรอ” ประธานชะงัก เงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์

“เช็กกับไวรัสทั้งหมดในคลังไวรัสหรือยัง”

คลังไวรัสแบ่งเป็นสองแบบ

แบบหนึ่งเปิดเผยเป็นสาธารณะต่อห้องทดลองทั้งหมด อีกแบบเป็นของภายใน

แบบหลังคนทั่วไปเข้าไม่ถึง

“เช็กแล้วครับ” เลขาพยักหน้า

“แต่ยังไม่ได้เช็กกับคลังไวรัสของภายในครับ”

“งั้นก็เริ่มเช็กตอนนี้เลย” ประธานพยักหน้า “น่าจะไม่ใช่ไวรัสชนิดใหม่หรอก”

ขนาดไอบีไอยังไม่ค้นพบไวรัสชนิดใหม่มานานแล้ว ตระกูลจี้จะเจอได้เหรอ

เลขาขานรับ เริ่มเช็กกับคลังไวรัสอย่างรวดเร็ว ไม่กี่นาทีต่อมาเลขาก็พูดขึ้น

“ท่านประธานครับ ไม่ใช่ไวรัสชนิดใหม่จริงด้วยครับ เป็นไวรัสไคอาร่าระดับซีครับ”

ระดับซีก็แสดงว่าไม่ใช่ไวรัสรุนแรงมาก

ควันพิษเดธอยู่ในคลังไวรัสภายใน ระดับเอส

พลังทำลายล้างสูง แพร่กระจายในระดับสูง

ประธานพูด “งั้นก็ส่งกลับไปเถอะ”

เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนตระกูลจี้ไม่เคยส่งบทความมาโดยตรงแบบนี้ จะต้องขอให้ทางศูนย์ไวรัสสากลตรวจเช็กก่อน

ทำไมครั้งนี้ถึงได้บุ่มบ่ามแบบนี้

เลขาตอบรับแล้วถอยออกไป

ประธานทำภาพจำลองในคอมพิวเตอร์ต่อ จนกระทั่งมีข้อความเด้งขึ้นมา

มาจากเว็บบอร์ดเอ็นโอเค

[เชิญมากินยา : สหาย ฉันขายครีมกันแดดมากพอแล้ว ขอไปเที่ยวเล่นที่องค์กรของนายได้ไหม]

[เชิญมากินยา : อืม ฉันไม่ต้องการตำแหน่งอะไรที่มันพิเศษมากหรอกนะ พนักงานต้อนรับเป็นไง ขอฉันดูสาวสวยหน่อย]

ประธานหนังตากระตุก สูดลมหายใจเข้าลึก

ถ้าเป็นไปได้ เขาไม่อยากจะยุ่งกับนักปรุงยาพิษอันดับสามสติเพี้ยนคนนี้เลยจริงๆ

แต่นักปรุงยาพิษอันดับสามก็เก่งจริง

ถ้ามีนักปรุงยาพิษอันดับสาม พวกเขาก็จะสามารถแยกองค์ประกอบของควันพิษเดธได้เร็ว

[มาสิ มีพิษที่อยากให้ช่วยวิเคราะห์พอดี]

อีกด้านหนึ่ง

อิ๋งจื่อจินเสร็จสิ้นขั้นตอนสุดท้ายของการทดลอง

เธอ เวินเฟิงเหมียน และจี้หลีเอาการทดลองไปส่งให้ศูนย์ในด้วยกัน

ครั้งนี้สร้างความฮือฮาให้พวกรองผู้อำนวยการศูนย์ทั้งหมด แม้แต่ผู้อำนวยการศูนย์ก็มา

ศูนย์ในทุกคนต่างฟันธงว่าการทดลองนี้ไม่มีทางสำเร็จ ถึงได้ทำตามคำแนะนำของจี้อี้หยวน ยกโปรเจ็กต์ที่เละเทะนี้ให้เวินเฟิงเหมียน

เมื่อเวินเฟิงเหมียนล้มเหลวก็จะถูกผลักออกไปรับหน้าแทนพวกเขาอย่างราบรื่น

“เฟิงเหมียน” ผู้อำนวยการเดินเข้ามา “นายทำการทดลองนี้ออกมาได้ยังไง”

เวินเฟิงเหมียนยิ้มเล็กน้อย

“ขอโทษครับ ผอ. นี่เป็นความลับส่วนตัว ตระกูลจี้ดูแค่ผลลัพธ์ไม่ใช่เหรอครับ”

ผู้อำนวยการรู้สึกจุก ทำได้เพียงเปลี่ยนเรื่อง

“งั้นพวกส่วนประกอบการทดลองล่ะ นายซื้อส่วนประกอบได้เหรอ”

เวินเฟิงเหมียนตอบ “ของทดแทนกันครับ”

ผู้อำนวยการไปต่อไม่ถูก ทำได้เพียงพยักหน้า “งั้นพวกเราจะส่งผลการทดลองนี้ไปที่ยุโรป”

ผู้ช่วยสองคนเดินขึ้นหน้าไปรับขวดของเหลวในมือเวินเฟิงเหมียนมาแพ็กให้ดี

จี้อี้หยวนที่อยู่ด้านข้างทำเสียงฮึดฮัด

เขายังไม่เชื่อหรอกว่า เวินเฟิงเหมียนจะทำได้สำเร็จ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีส่วนประกอบของการทดลอง

รอทางศูนย์วิจัยของยุโรปได้ไป นั่นก็คือเวลาเผยธาตุแท้ของเวินเฟิงเหมียนแล้ว

“ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะตอบกลับ” ผู้อำนวยการพูด

“นายเป็นอัจฉริยะของตระกูลจี้ ฉันเชื่อในตัวนายเสมอ นายกับลูกสาวไปอาศัยอยู่บ้านคนอื่นตลอดมันไม่ใช่เรื่อง”

เขาหยิบกุญแจออกมา “ทางตระกูลจัดบ้านไว้ให้นายหนึ่งหลัง ถ้าครั้งนี้การทดลองของนายสำเร็จ จะคืนแต้มผลงานให้ ทรัพยากรที่ได้ก็จะมีมากขึ้น”

เวินเฟิงเหมียนรับมา “เยาเยา เสี่ยวหลี ไปเถอะ”

“ไปไหน อย่าเพิ่งไป” มีเสียงเย็นชาดังขึ้น

“ฉันหาตัวเธออยู่พอดี อิ๋งจื่อจิน”

จี้อี้หยวนตะลึง “คุณเหยียน”

เหยียนรั่วเสวี่ยเดินเหยียบรองเท้าส้นสูงเข้ามาพร้อมคอมพิวเตอร์

“เธอเคยพูดไม่ใช่เหรอว่าไวรัสซีถูกค้นพบไปแล้ว ทางศูนย์ไวรัสสากลอ่านอีเมลของฉันแล้วตอบกลับมาพอดี”

“เธอกับฉันมาอ่านด้วยกัน ดูซิว่าคำพูดของเธอมันน่าตลกแค่ไหน”

เท้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก หันหน้าไปเล็กน้อย

เหยียนรั่วเสวี่ยไม่พูดพล่ามทำเพลง เอาคอมพิวเตอร์วางบนโต๊ะ

เปิดอีเมลฉบับล่าสุดต่อหน้าผู้อำนวยการและบรรดารองผู้อำนวยการ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท