ตอนที่ 512 อธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตู ‘มีธุระอะไรเหรอ’
เธอล้วงปากกาออกมาจากกระเป๋า เตรียมจดชื่อ
พวกนักศึกษาใหม่ปีหนึ่งส่วนใหญ่รู้จักเหยียนอันเหอ
เพราะในพิธีปฐมนิเทศ เหยียนอันเหอได้ขึ้นกล่าวในฐานะประธานสภานักศึกษา
กอปรกับใบหน้าที่งดงาม เรียนเก่งอันดับต้นๆ ทำให้จำง่าย
แต่ก็มีแค่พวกนักศึกษาของสาขาชีววิทยาเท่านั้นที่รู้ว่าเหยียนอันเหอยังเป็นหลานสาวของเหยียนรั่วเสวี่ย ศาสตราจารย์ในสาขาพวกเขาอีกด้วย
เหยียนอันเหอมีคนหนุนหลังที่ใหญ่พอสมควรในมหาวิทยาลัยตี้ตู
ต่อให้เป็นพวกลูกหลานตระกูลใหญ่ของตี้ตู ตราบใดที่เรียนในมหาวิทยาลัยตี้ตูก็ไม่มีทางไปล่วงเกินเธอ
อย่างไรเสียก็มีหลายเรื่องที่สภานักศึกษาดูแลอยู่
มีกิจกรรมหลายอย่างที่เพิ่มแต้มทุนการศึกษา และก็เป็นสภานักศึกษาที่จัดและมอบรางวัลให้
ในฐานะที่เหยียนอันเหอเป็นประธานสภาเธอย่อมมีอำนาจสูง
ตอนนี้นักศึกษาชายที่ยืนอยู่คนแรกเริ่มกังวล “เทพอิ๋ง รุ่นพี่เหยียน…”
ตอนนั้นเรื่องของตระกูลอิ๋งที่ว่อนในเน็ตโด่งดังพอสมควร พวกเขาก็รู้เรื่องที่ตระกูลมู่กับตระกูลเนี่ยร่วมกันหนุนหลังให้อิ๋งจื่อจิน
แต่ที่นี่คือมหาวิทยาลัยตี้ตู ไม่มีตระกูลไหนยุ่งเรื่องภายในมหาวิทยาลัยตี้ตูได้
เหยียนอันเหออยู่ปีสามแล้ว เธอย่อมรู้จักคนมากกว่าอิ๋งจื่อจิน
พวกนักศึกษาชักใจคอไม่ดี อดนึกเสียใจที่มาขวางอิ๋งจื่อจินอยู่ตรงนี้ไม่ได้
แถมยังถูกประธานสภานักศึกษาเจอเข้าพอดี จะสร้างความยุ่งยากให้เธอ
“ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินถือปากกาเซ็นชื่ออีกครั้ง ปลอบพวกนักศึกษาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เบอร์โทรอาจารย์ประจำคณะฉัน 189XXXX4673”
เหยียนอันเหอโมโหจนหัวเราะ
เหมือนที่ป้าเธอพูดไว้จริงๆ หลงตัวเองที่หนึ่ง
สภานักศึกษามีสิทธิ์หักคะแนนได้
ยังไม่เคยมีนักศึกษาคนไหนที่กล้าทำผิดกฎมหาวิทยาลัย ทำตัวอวดดีขนาดนี้
เหยียนอันเหอพยักหน้า พูดเสียงแข็ง “ได้ ฉันจะโทร”
เธอกอดสมุดบันทึกไว้ ใช้มืออีกข้างหนึ่งหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วกดเบอร์นั้น
พวกนักศึกษาที่ต่อคิวขอลายเซ็นกับถ่ายรูปเครียดหนักกว่าเดิม
เจ็ดแปดวินาทีต่อมาก็มีคนรับสาย
เหยียนอันเหอพูดอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะ หนูเหยียนอันเหอประธานสภานักศึกษานะคะ”
“ครับ นักศึกษาเหยียนอันเหอ” ปลายสายเป็นเสียงนุ่มนวล “มีธุระอะไรเหรอครับ ตอนนี้อาจารย์ค่อนข้างยุ่ง ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญไว้อาจารย์กลับเข้ามหาวิทยาลัยแล้วค่อยคุยกัน”
“ค่อนข้างสำคัญค่ะ” เหยียนอันเหอเหลือบมองอิ๋งจื่อจินที่ยังเซ็นชื่ออยู่ สายตาเจือไปด้วยความรังเกียจ เธอเล่าเรื่องให้ฟัง “ทำให้เกิดความวุ่นวายภายในมหาวิทยาลัย เธอสอบได้อันดับหนึ่งแต่กลับทำตัวตามใจชอบแบบนี้ได้เหรอคะ”
“อ๋อ เรื่องนี้เหรอ เรื่องนี้อาจารย์ทราบครับ” ปลายสายครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “วันนี้นักศึกษาอิ๋งจื่อจินมาหาอาจารย์ อาจารย์เห็นพวกนักศึกษาในมหาวิทยาลัยตื่นเต้นกันมากก็เลยบอกยามไว้ ไม่ได้บอกสภานักศึกษาล่วงหน้า ถือเป็นความผิดพลาด”
เหยียนอันเหอขมวดคิ้ว “มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่สาธารณะ ไม่ใช่แค่ของคณะใดคณะหนึ่ง ถ้ามีกิจกรรมก็ต้องแจ้งสภานักศึกษากับผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัย อาจารย์ทำแบบนี้…”
เธอยังไม่ทันพูดจบก็ได้ยินเสียงในสาย “ท่านอธิการครับ การประชุมจะเริ่มแล้วครับ”
เหยียนอันเหอสีหน้าเปลี่ยน “อะ อธิ…”
คำที่เหลือเธอกลับพูดไม่ออก
ทันใดนั้นเธอถึงตระหนักได้ว่า เบอร์ที่โทรออกมันดูคุ้นๆ
เป็นเบอร์มือถือของเฉินจวิ้นเซียน อธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตู
เหยียนอันเหอหน้าซีดในทันที
เธอเงยหน้ามองไปจุดที่อยู่ไม่ไกล มียามหลายคนกำลังหิ้วน้ำเดินมาทางนี้
“เอาล่ะนักศึกษาเหยียนอันเหอ” น้ำเสียงของเฉินจวิ้นเซียนยังคงราบเรียบ “อาจารย์จะไปประชุมแล้ว ยังมีธุระอีกไหม”
เหยียนอันเหอพยายามยิ้ม “คะ ค่ะ ไม่รบกวนแล้วค่ะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ”
ปลายสายก็ตัดไป
เหยียนอันเหอกำมือถือ รู้สึกเพียงว่าวันนี้แสงแดดแยงตาเหลือเกิน ราวกับกำลังเยาะเย้ยเธอ
เธอเม้มริมฝีปาก หันขวับมองอิ๋งจื่อจินแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไร
พวกนักศึกษาต่างทำหน้างง
อาจารย์คณะไหนกันที่ทำให้เหยียนอันเหอตกใจกลัวขนาดนี้
อิ๋งจื่อจินหมุนข้อมือ เซ็นชื่อต่อ แอบวาดรูปหมูใส่ลงไป
นักศึกษาชายพอได้ลายเซ็นก็เดินไปอย่างมีความสุข
ต่อไปเป็นนักศึกษาหญิงอีกคน
เธอลังเล แต่สุดท้ายก็กระซิบถาม “เทพอิ๋ง ไม่กลัวพี่เหยียนกลั่นแกล้งเหรอ”
“หืม?” อิ๋งจื่อจินได้ฟังก็เลิกคิ้ว “ก็ลองดูสิ”
เธอเป็นนักพยากรณ์ขั้นเทพ ทุกอย่างเป็นไปตามเวรกรรมที่สร้าง
เธอไม่มีทางเป็นฝ่ายจองเวรก่อน
“เทพอิ๋ง ไม่ว่ายังไงก็ระวังไว้บ้างนะ” นักศึกษาหญิงเก็บลายเซ็น นึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่งจึงถามด้วยความสงสัย “จริงสิเทพอิ๋ง เธอไม่ได้มาพิธีปฐมนิเทศ เธออยู่คณะไหนเหรอ”
อิ๋งจื่อจินตอบ “ฝึกระเบียบทหารเดือนหน้าฉันอยู่กับสาขาชีววิทยา”
เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองสังกัดคณะไหน
ขนาดแค่ฝึกระเบียบทหารเธอจะไปอยู่กับสาขาไหน พวกศาสตราจารย์ยังแย่งกันอย่างบ้าคลั่ง
งั้นไม่เลือกดีกว่า
…
ไม่นานเรื่องที่เกิดขึ้นตรงศูนย์กิจกรรมก็ทำให้เกิดกระทู้ที่เกี่ยวข้องในเว็บบอร์ดมหาวิทยาลัยตี้ตู เด็กจากสถาบันการละครตี้ตูก็มาด้วย
[ฉันล่ะยอมใจ ผู้หญิงที่โผล่มาวันนี้ใครกัน ไม่ถามให้รู้เรื่องก็จะมาหักคะแนนบอสฉันเหรอ คนในสถาบันการละครของเราโมโหกันมาก]
[ประธานสภานักศึกษา มีป้าเป็นศาสตราจารย์ พวกเธอเข้าใจนะ]
[เอ่อ รุ่นพี่เหยียนนางก็เป็นคนดีนะ เรียนเก่งมากด้วย สอบได้ที่หนึ่งของชั้นปีคณะแพทย์ทุกปี ได้คะแนนเต็ม ได้ทุนการศึกษาระดับประเทศ ก็แค่ชอบวางอำนาจไปหน่อย]
[เก่งไม่เก่งเกี่ยวอะไรกับที่นางจ้องเล่นงานเทพอิ๋งด้วย]
[มองออกแล้ว นางจงใจเล่นงานรุ่นน้องอิ๋ง แต่ประธานคณะอย่างพี่ขอเตือนไว้หน่อย สภานักศึกษาช่วยฝึกความสามารถในการบริหารจัดการก็จริง แต่ไม่เข้าได้ก็อย่าไปเข้าเลย เอาเวลามาเข้าชมรมวิทยาศาสตร์ดีกว่า พี่จะพาน้องๆ ไปอ๊อกเหล็กประกอบคอมพิวเตอร์ พาเข้าร่วมแข่งขันรายการใหญ่ๆ ที่ดูมีระดับ ไม่สนุกกว่าสภานักศึกษาเหรอ]
[พวกชมรมวิทยาศาสตร์คอมเมนต์บนอย่ามาตีเนียนดึงคนเข้าชมรม มาชมรมโต้วาทีสิ พี่จะพาไปลับฝีปาก ขอกระซิบเบาๆ สภานักศึกษารุ่นนี้ไม่ได้เรื่อง]
[สภานักศึกษารุ่นนี้ไม่ไหวเหรอ อยากถอนตัวละ]
[อยากถอนตัวด้วยคน]
เว็บไซต์โซเชียลอย่างเว็บบอร์ดกับเวยปั๋วทางการก็มีคนทำงานให้สภานักศึกษาของมหาวิทยาลัยดูแลอยู่ ย่อมเห็นคอมเมนต์เหล่านี้แล้ว
“ประธานครับ” รองประธานพูดด้วยความระมัดระวัง “มีหลายคนในเว็บบอร์ดบอกอยากถอนตัวจากสภานักศึกษาครับ”
“ปล่อยให้ถอนไป” เดิมทีเหยียนอันเหอกำลังโมโหมาก พอได้ยินแบบนี้ก็หน้าบึ้ง “คนไหนที่ถอนตัว ต่อไปห้ามเข้าร่วมกิจกรรมที่สภานักศึกษาจัดอีก”
การประเมินผลทุนการศึกษาในตอนสุดท้ายจะนับคะแนนผลการเรียนกับคะแนนความประพฤติ
นักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมมากจะได้คะแนนความประพฤติในหนึ่งเทอมมากถึงยี่สิบสามสิบคะแนน
รองประธานเช็ดเหงื่อ “บะ แบบนี้ไม่ค่อยดีหรือเปล่าครับ”
เหยียนอันเหอไม่ตอบ ในใจโมโหยิ่งกว่าเดิม
นักศึกษาใหม่แค่คนเดียวกล้าวางอำนาจข่มรุ่นพี่ขนาดนี้แล้ว
อีกเรื่องที่เธอไม่เข้าใจมากที่สุดคือ ทำไมอธิการบดีถึงตามใจอิ๋งจื่อจินขนาดนี้
ก็แค่คนที่สอบได้อันดับหนึ่งไม่ใช่เหรอ
ยังดีที่วันนี้เธอไม่ได้เปิดลำโพงคุย ไม่อย่างนั้นคงขายหน้าไม่เหลือ
รองประธานก็รู้ว่าเหยียนอันเหออารมณ์ไม่ดี จึงถอยออกไปอย่างรู้งาน
…
กว่าอิ๋งจื่อจินจะเซ็นชื่อใบสุดท้ายเสร็จก็ห้าโมงครึ่งแล้ว
เวลานี้ก็ใกล้หมดเวลาเรียนคาบสุดท้าย เธอเก็บของทันที สวมผ้าปิดปาก เดินออกทางประตูตะวันตกของมหาวิทยาลัยตี้ตู
ถ้าเย็นกว่านี้อิ๋งจื่อจินคิดว่าวันนี้เธอคงได้ค้างที่นี่แล้ว
เนื่องจากประตูตะวันตกค่อนข้างเปลี่ยว ออกไปก็เป็นป่าขนาดย่อม จึงมีคนอยู่ไม่เท่าไร
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้สวมผ้าปิดปาก งอขายืนพิงรถอยู่
อิ๋งจื่อจินเข้าไปนั่ง ให้เขาดูข้อมือเธอเพื่อบอกว่าเธอไม่อยากขยับตัว “เซ็นชื่อไปสามชั่วโมง มือชา”
“อืม เหนื่อยแย่” ฟู่อวิ๋นเซินสีหน้าเรื่อยเปื่อย “เธอฮอตขนาดนี้ พี่ชายชักกดดันแล้ว”
ขณะพูดเขาก็ก้มหน้ารัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ
แววตาของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง สีหน้าจริงจังมาก
หากมองจากมุมนี้ไปจะเห็นขนตางอนยาวของเขา จมูกโด่ง
อิ๋งจื่อจินเอามือซ้ายจิ้มหน้าฟู่อวิ๋นเซิน
จากนั้นก็รู้สึกว่า ดูเหมือนการจิ้มแบบนี้จะทำให้อารมณ์ดีไม่เบา
เธอเลยจิ้มต่อ
ขณะจิ้มครั้งที่สามมือก็ถูกจับไว้
นิ้วถูกกางออก มือนั้นสอดประสานมือของเธอ
เกิดกระแสไฟพลุ่งพล่าน
พื้นที่ภายในรถมีน้อยมาก ราวกับอากาศหยุดถ่ายเท
ฟู่อวิ๋นเซินโอบบ่าเธออย่างนุ่มนวล เอาหน้าผากชนหน้าผากเธอ “เด็กน้อย บอกมาตามตรงนะว่า ตอนแรกสุดที่หันมาสนใจพี่ชายแค่เพราะใบหน้านี้หรือเปล่า”
อิ๋งจื่อจินมองเขาสองสามวินาที “อืม”
“ตอนนี้ล่ะ”
“เพราะตัวคุณ”
เสียงของอิ๋งจื่อจินยังคงสุขุมเยือกเย็นเช่นเคย แต่สะกิดให้หัวใจหวั่นไหวได้ง่ายๆ
โจมตีอย่างรุนแรงประหนึ่งไม่ทันให้ตั้งตัว หัวใจหลอมละลายในชั่วพริบตา
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินโค้งมน เขาลูบศีรษะเธอ “เหมือนกันเลยนะแฟนสาว”
เขายืดตัวขึ้นแล้วหมุนพวงมาลัยขับรถ
อิ๋งจื่อจินพิงหน้าต่างรถ หลับตาพักผ่อน
ซิวอวี่ยังอยู่ยุโรป
อย่างไรเสียตระกูลซิวต้องร่วมงานระยะยาวกับตระกูลแมนสัน จึงมีหลายเรื่องที่ต้องหารือ
ส่วนทางตระกูลเบวินกำลังทุ่มเทสืบหาไส้ศึกภายใน
ขณะติดไฟแดง นิ้วของฟู่อวิ๋นเซินเคาะพวงมาลัยรถ “เยาเยา เธอจะเข้าฝึกระเบียบทหารเหรอ”
“อืม” ดวงตาหงส์ของอิ๋งจื่อจินปรือเล็กน้อย ท่าทางขี้เกียจ “วันหยุด ไปเล่นๆ”
“อย่างนั้นเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น ยิ้มมุมปาก “ขาดครูฝึกหรือเปล่า พี่ชายจะไปสมัคร”
อิ๋งจื่อจินลืมตามองเขา “ครูฝึกเหรอ”
“อืม การฝึกระเบียบทหารของมหาวิทยาลัยตี้ตูในปีก่อนๆ ร่วมมือกับหน่วยอีจื้อมาตลอด” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “ระดับการฝึกก็เลยค่อนข้างโหด”
โดยเฉพาะสมาชิกเต็มตัวของหน่วยอีจื้อล้วนเคยฝึกในโซนพิเศษที่เจ็ด ศักยภาพเต็มเปี่ยม มาฝึกระเบียบทหารให้แค่ครั้งเดียวไม่ใช่เรื่องยาก
“เอาเป็นว่าไม่ต้องการคุณ”
“…”
ได้
ไร้เยื่อใยสุดๆ
“งั้นพอถึงเวลาพี่ชายคงได้แค่ไปตรวจดูในฐานะหัวหน้าแล้วนะ” ฟู่อวิ๋นเซินเอามือคลายอกเสื้อ “ดูว่าเด็กน้อยของเราฝึกเป็นยังไงบ้าง”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา “คุณพูดแบบนี้ฉันก็ระดับหัวหน้าเหมือนกัน”
เธออยู่หน่วยอีจื้อ มีชื่ออยู่ในนั้น แถมเป็นรองแค่เนี่ยอี้
“งั้นหัวหน้า…” เขาหันไปพูดกึ่งยิ้ม “ผมมีสิทธิพิเศษอะไรบ้าง”
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาลง ยกมือขึ้น
วินาทีถัดมาแผ่นหลังของฟู่อวิ๋นเซินก็หดเกร็ง น้ำเสียงแหบแห้งลง “เยาเยา?”
“ผู้บัญชาการ” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ ชักมือกลับ ทั้งยังหาวใส่ “สัมผัสตรงกล้ามท้องใช้ได้เลยนะ”
ฟู่อวิ๋นเซินชะงัก พูดเสียงสูง “หืม?”
สัมผัสนั้นหายไปแล้ว แต่ยังรู้สึกขนลุกอยู่
ขนาดมีเสื้อเชิ้ตขวางกั้นก็ยังสามารถทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้
คนบางคนไม่เป็นฝ่ายรุก แต่พอรุกขึ้นมาก็เล่นเอาตะลึง
เป็นครั้งแรกที่ฟู่อวิ๋นเซินสงสัยความสามารถในการควบคุมตนเองอย่างรุนแรง
…
เวลาเย็น
หอพักนักศึกษาหญิงมหาวิทยาลัยตี้ตู
บรรดานักศึกษาใหม่ยังคงพูดคุยเรื่องในวันนี้อย่างตื่นเต้น คุยกันสนุกสนาน
มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งทึ้งผมนึกเรื่องบางอย่างไม่ออกสักที
“นึกอะไรอยู่” รูมเมทถือตะกร้าอาบน้ำ “ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว ไปไหม”
“ไปสิ แต่ฉันยังนึกไม่ออก” นักศึกษาหญิงเกาหัว “เธอไม่รู้สึกว่าเบอร์นั้นมันคุ้นๆ เหรอ”
“ไม่นี่ จนถึงตอนนี้ฉันยังจำเบอร์ใหม่ของตัวเองไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเบอร์คนอื่น” รูมเมทถอนหายใจ “แต่ฉันก็อยากรู้นะว่าใครกันที่ทำให้เหยียนอันเหอกลัวจนหัวหดแบบนั้น สะใจ!”
ตอนนั้นที่สภานักศึกษามารับสมัครคน มีรุ่นพี่หลายคนทำเป็นวางมาดข่ม วางอำนาจใหญ่โต
พอเข้าสภานักศึกษาไปแล้วยังถูกใช้ให้ทำงานยิบย่อย ทำไม่เสร็จก็ไม่ให้กลับหอพัก
วันนี้เหยียนอันเหอหน้าแตกเพราะอิ๋งจื่อจิน พวกเขารู้สึกสะใจสุดๆ
นักศึกษาหญิงเก็บของลงตะกร้าอาบน้ำพลางพยายามนึก
ทันใดนั้นเธอก็ตีศีรษะตัวเอง “ฉันนึกออกแล้ว”
รูมเมทหยุดเดิน “อะไรเหรอ”
นักศึกษาหญิงหยิบสมุดปฐมนิเทศออกมาจากชั้นหนังสืออย่างรวดเร็วแล้วเปิดดู
หน้าสุดท้ายมีพวกเบอร์โทรศัพท์ห้องทำงานของผู้บริหารมหาวิทยาลัยกับเบอร์มือถือ
เขียนไว้อย่างชัดเจน
เฉินจวิ้นเซียน อธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตู : 189XXXX4673