คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 526 เผยตัวตนบอสต่อหน้าคนมากมาย

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 526 เผยตัวตนบอสต่อหน้าคนมากมาย

คำพูดสั้นๆ ไม่มีใส่อารมณ์ เรียบเฉย แต่กลับไม่ให้ตั้งตัว

รอยยิ้มที่มุมปากเหยียนอันเหอเริ่มแข็งทื่อ แทบจะไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน “อวี่เจ๋อ นายพูดอะไร”

เธอรู้ว่าที่เธอได้คบกับหนิงอวี่เจ๋อเป็นเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

อย่างไรเสียหนิงอวี่เจ๋อเลือกหน่วยอีจื้อ โอกาสที่จะได้เจอคนต่างเพศก็แทบจะไม่มี

และกว่าเขาจะออกจากหน่วยอีจื้อก็ตั้งอายุสามสิบกว่าแล้ว

เหยียนอันเหอย่อมชอบหนิงอวี่เจ๋อ

อย่างไรเสียหนิงอวี่เจ๋อก็ฝีมือดี ถึงแม้บางครั้งจะซื่อบื้อไปบ้าง แต่ก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี

เธอมีคุยกับพวกสมาชิกในทีมของหนิงอวี่เจ๋อบ้างเป็นบางครั้ง หยอกล้อบ้าง แต่เธอไม่เคยคิดเลิกกับหนิงอวี่เจ๋อ

เธอกับเขาคบกันมาสามปีแล้ว แฟนอย่างหนิงอวี่เจ๋อหาได้ยากมาก

โดยเฉพาะหลังจากที่เหยียนอันเหอรู้ว่าหนิงอวี่เจ๋อจะเข้าหน่วยอีจื้อ มีโอกาสสูงที่จะได้ไปไอบีไอ เธอยิ่งดีใจมาก

แต่ตอนนี้

“เลิกกันเถอะ” หนิงอวี่เจ๋อพูดซ้ำอีกครั้ง ดวงตาขรึมลงกว่าเดิม แต่ครั้งนี้เขาพูดเสริม “เหยียนอันเหอ คุณรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป นับจากนี้เป็นต้นไปพวกเราจบกันแล้ว”

พูดจบเขาก็ไม่มองว่าเหยียนอันเหอทำสีหน้าอย่างไร หันตัวเดินออก

คนรอบตัวพากันซุบซิบอีกครั้ง

สารพัดคำพูดลอยเข้าหูเหยียนอันเหอ

“รุ่นพี่เหยียนทำอะไรไปน่ะ หัวหน้าหนิงถึงกับบอกเลิกเลยเหรอ”

“ไม่รู้สิ แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้ตอนฉันไปช่วยอาจารย์ฝ่ายดูแลนักศึกษาดูรุ่นน้องที่สนามกีฬาก็ได้รู้จักหัวหน้าหนิงมากขึ้น เขาเถรตรงมาก มีความรับผิดชอบสูง ถ้าไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น มีเหรอจะบอกเลิกก่อน”

“จึ๊ๆ ไม่แน่อาจสวมเขาให้หัวหน้าหนิงก็ได้ ครั้งก่อนนางจงใจให้รุ่นน้องอิ๋งประลองกับครูฝึก ฉันก็ว่ากลิ่นมันทะแม่งๆ อยู่ น่าสะเอียดสะเอียนจริงๆ”

“นั่นสิ โชคดีที่รุ่นน้องอิ๋งเก่ง เก่งทุกอย่างจริงๆ ไม่อย่างนั้นไม่ถูกรังแกไปแล้วเหรอ”

เหยียนอันเหอกำมือแน่น ความหงุดหงิดในใจพุ่งขึ้นถึงขีดสุด

เธอหันไป กวาดตามองพวกนักศึกษาที่อยู่รอบๆ “เรื่องส่วนตัวของคนอื่นมีอะไรน่าดูนักเหรอ”

เสียงซุบซิบหยุดลงทันที

แต่มีคนที่ใจกล้ามากพูดขึ้น

“ไม่ใช่เพราะเธออยากอวดแฟนให้พวกเราดูหรอกเหรอ จงใจให้พวกเรายืนดูอยู่ข้างๆ นึกไม่ถึงสินะว่าจะผิดคาด สมน้ำหน้า”

เหยียนอันเหอโกรธหน้าเขียว

แถวนั้นมีคนอยู่ไม่น้อย แถมฟ้าก็มืดแล้ว ไม่รู้ว่าคนพูดคือใคร

เหยียนอันเหอโกรธตัวสั่น เธอกลับเข้าห้องพักด้วยความหงุดหงิด

คิดอยู่นานก็ยังคิดไม่ออกว่าทำไมหนิงอวี่เจ๋อถึงมาบอกเลิกเธอ

เหยียนอันเหอเม้มริมฝีปาก ติดต่อเว่ยจื่อซวี่ที่เธอสนิทที่สุด

[จื่อซวี่ หัวหน้านายเลิกกับฉันแล้ว บอกฉันมาว่าตอนเขาฝึกไม่ได้มีผู้หญิงมาเกาะแกะใช่ไหม]

พอเว่ยจื่อซวี่ได้รับข้อความนี้ก็อดตกใจไม่ได้

[พี่สะใภ้ ใจเย็นๆ ครับ ผมจะช่วยถามหัวหน้าหนิงให้]

เหยียนอันเหอกำโทรศัพท์มือถือด้วยความร้อนใจ

ใช่ว่าเธอจะไม่ส่งข้อความหาหนิงอวี่เจ๋อ แต่หนิงอวี่เจ๋อบล็อกเธอไปแล้ว

ไม่กี่นาทีต่อมาอยู่ๆ หนิงอวี่เจ๋อก็ส่งข้อความหาเธอ

เหยียนอันเหอโล่งอก กดอ่าน

[หนิงอวี่เจ๋อ : เหยียนอันเหอ เห็นแก่ที่พวกเรารู้จักกันมาหลายปี ผมจะไม่ส่งรูปพวกนี้ให้พ่อแม่ของพวกเรา]

[หนิงอวี่เจ๋อ : (รูปภาพ)]

[หนิงอวี่เจ๋อ : คุณไปคิดดูเอาเองแล้วกัน]

พอเหยียนอันเหอเห็นรูปภาพบันทึกสนทนาที่เธอคุยกับพวกสมาชิกฝึกหัด เลือดในกายก็เย็นเฉียบ หูตื้อไปหมด

หรือพวกสมาชิกฝึกหัดจะเอามาแลกเปลี่ยนคุยกันเอง

มีผู้ชายทำแบบนั้นที่ไหนกัน

ไม่เท่ากับสมองมีปัญหาเหรอ

เหยียนอันเหอไม่เข้าใจ พอเธอส่งข้อความไปถามก็ถูกบล็อกอีกครั้งแล้ว

เธอจำต้องโทรหาเหยียนรั่วเสวี่ย พอเอ่ยปากน้ำตาก็ไหล “ป้าคะ หนิงอวี่เจ๋อเลิกกับหนูแล้ว ทำไงดีคะ”

เวลานี้เหยียนรั่วเสวี่ยยังอยู่ในห้องทดลอง รู้สึกประหลาดใจมาก “เลิกเหรอ เกิดอะไรขึ้น”

เหยียนอันเหอเอาแต่สะอึกสะอื้น ไม่พูดอะไร

“ช่างเถอะ เลิกก็ดี เขาเองก็เป็นแค่สมาชิกฝึกหัด จะได้เลื่อนเป็นสมาชิกทางการหรือเปล่าก็ไม่รู้” เหยียนรั่วเสวี่ยตอบ “ไว้เธอมีสถานะมั่นคงในสมาพันธ์โอสถเมื่อไรก็จะได้พบเจอพวกจอมยุทธ์อีกมาก”

เหยียนอันเหอยังคงอัดอั้นตันใจเหลือเกิน

แต่ไหนแต่ไรมามีแต่เธอทิ้งคนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกทิ้ง แถมต่อหน้าคนมากมาย

ในเว็บบอร์ดมหาวิทยาลัยตี้ตูเริ่มมีกระทู้แล้ว แถมยังมีคนด่าเธอว่าเป็นกะหรี่ ถึงขั้นที่มีคนแนบบันทึกสนทนาที่เธอคุยกับพวกรุ่นน้องผู้ชาย

เหยียนอันเหอโมโหจนอกจะแตกตาย

คนเราพอล้มก็มีแต่คนซ้ำเติม

“สมาพันธ์โอสถ…” เหยียนอันเหอเม้มริมฝีปาก “ป้าคะ เรื่องผู้สืบทอดตระกูลจี้เป็นไงบ้างแล้วคะ”

ในสมาพันธ์โอสถเธอยังถือเป็นศิษย์นอกสำนัก ตอนนี้ไม่มีแม้แต่อาจารย์

การได้เลื่อนไปอยู่ในสถานะที่สูงขึ้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

“ก็ต้องเป็นป้าอยู่แล้ว ไม่ต้องคิดเลย” เหยียนรั่วเสวี่ยมั่นใจ “ถึงแม้แต้มผลงานของเวินเฟิงเหมียนจะเยอะกว่าป้ามาก แต่เขาไม่รู้จักคนระดับโลก และก็ไม่รู้จักคนในโลกจอมยุทธ์”

“พอถึงเวลาโหวตผู้สืบทอด คนของห้องทดลองศาสตราจารย์มานูเอลก็จะมาช่วยป้า แถมเธอยังรู้จักคนในสมาพันธ์โอสถ พวกเรามีคนหนุนหลังเยอะขนาดนี้ ยังต้องกลัวเวินเฟิงเหมียนอีกเหรอ”

คราวนี้เหยียนอันเหอสบายใจแล้ว

เดือนหน้าจะมีการโหวตครั้งสุดท้าย ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องช่วยเหยียนรั่วเสวี่ยเอาตระกูลจี้มาอยู่ในกำมือให้ได้

นี่คือที่พึ่งสุดท้ายของพวกเธอแล้ว

การฝึกระเบียบทหารวันที่เหลือพวกนักศึกษาต่างกระตือรือร้น เพราะไม่ใช่ทีมฝึกที่น่าเบื่ออีกแล้ว

หน่วยอีจื้อมีสนามฝึกสำหรับนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยตี้ตูโดยเฉพาะ ด้านหลังมีภูเขาโอบล้อมทะเลสาบ คุณภาพอากาศดีมาก

วันแรกเป็นขึ้นเขา และยังมีการตั้งแคมป์กับงานเลี้ยงตอนเย็น

วันที่สองเป็นการฝึกยิงเป้า

หลังจากที่พวกนักศึกษาได้ปืนปลอมก็ดีใจกันมาก

หัวหน้าทีมสองบอกข้อควรระวังเสร็จก็ให้ครูฝึกของแต่ละหมู่พาพวกนักศึกษาแยกกันไปฝึก

การฝึกยิงเป้าของที่นี่เป็นขั้นพื้นฐาน ห่างชั้นกับการฝึกของเหล่าสมาชิกฝึกหัดอีกเยอะ

แต่ก็ยังมีความผิดพลาดอยู่เสมอ แม้แต่หนิงอวี่เจ๋อก็ทำไม่ได้ร้อยคะแนนเต็ม

เวลานี้หมู่สิบเก้าได้กลายเป็นเป้าหมายที่หมู่อื่นอิจฉา

เพราะในบรรดาครูฝึกทั้งหมด มีแค่ฟู่อวิ๋นเซินที่ได้ร้อยคะแนนเต็มทุกครั้งของการสาธิต

เขาอยู่ในชุดเครื่องแบบ ดวงตาลุ่มลึกจริงจัง

ยืนอยู่ตรงนั้นในท่าสบายๆ แต่ดึงดูดสายตาได้ไม่น้อย

“นักศึกษาหญิงคนนั้นออกมาหน่อย” ฟู่อวิ๋นเซินยื่นปืนปลอมในมือ เลิกคิ้ว พูดเสียงเนือย “เธอเป็นสมาชิกยอดเยี่ยมของหมู่นี้ น่าจะยิงเป็นแล้ว มา สาธิตให้เพื่อนดูหน่อย”

อิ๋งจื่อจินเหล่มองเขา สุดท้ายก็ก้าวออกมารับปืนปลอมจากมือของเขา

ฝ่ามือของเขานุ่มและอบอุ่น แต่ปลายนิ้วกลับเย็นนิดหน่อย แตะถูกมือของเธอชวนให้ขนลุก

เปลือกตาของอิ๋งจื่อจินขยับเล็กน้อย

เธอถอยหลังหนึ่งก้าว ยกปืนขึ้น ยิงปืนใส่เป้าที่อยู่ไกลๆ อย่างต่อเนื่อง

ปังๆ สิบนัด ร้อยคะแนนเต็ม

เกิดเสียงดนตรีแสดงความยินดีขึ้นในสนามฝึก

พวกนักศึกษาพากันอึ้งสนิท “อื้อหือ!”

จี้หลีเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แต่ก็ยังคงตะลึง

เดิมทีหนิงอวี่เจ๋อก็แค่มองผ่านๆ แต่สายตากลับจับจ้องขึ้นมาทันที ลืมดื่มน้ำไปแล้ว มือชะงัก

“หะ หัวหน้าหนิง…” ครูฝึกสิงที่อยู่ข้างๆ กลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ดูการจับปืนและท่ายิงของเธอสิ คล้าย คล้ายวันนั้น…”

ครูฝึกอีกคนหันมาเงียบๆ พูดอย่างยากลำบาก “บอกว่าคล้ายไม่ได้ เรียกได้ว่าเหมือนกันเปี๊ยบ”

“…”

บรรดาสมาชิกฝึกหัดต่างตะลึง

อยู่ๆ พวกเขาก็นึกถึงคำพูดของหัวหน้าทีมสองในวันนั้น…

‘ก็เพราะพวกนายมาฝึกระเบียบทหารถึงจะได้เจอเธอยังไงล่ะ’

แต่ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอแบบนี้

พวกสมาชิกฝึกหัดเหวอกันไปหมด

ตอนนั้นอิ๋งจื่อจินแต่งตัวมิดชิดมาก พวกเขารู้แค่ว่าเป็นหญิงสาว แต่ไม่คิดว่าจะเด็กขนาดนี้

ยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ

แถมยังเป็นนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยตี้ตู

พวกเขาคู่ควรสอนเธอเหรอ

ไม่คู่ควร

ครูฝึกสิงที่ช็อกไปสักพักจนเริ่มตั้งสติได้ก็นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง เขาตีหัวตัวเอง “เหล่าเว่ยไม่เป็นตัวตลกเลยเหรอเนี่ย ไปสู้กับคุณอิ๋ง”

เป็นคนระดับสูงของหน่วยอีจื้อได้ มีเหรอที่ฝีมือจะธรรมดา

“สงสัยสมองเขาจะมีปัญหา เที่ยวไปท้าสู้ส่งเดช” สมาชิกฝึกหัดอีกคนส่ายหน้า “ช่างเถอะ ไม่ว่าเขาดีกว่า เพราะฉันก็ถูกต้มเหมือนกัน”

“หัวหน้าหนิง เลิกกับแฟนก็ดีนะ” ครูฝึกสิงย่อมรู้เรื่องเหยียนอันเหอ “ฉันจำได้ว่าพอเลื่อนขั้นเป็นสมาชิกทางการแล้วสามารถยื่นขอสวัสดิการอย่างหนึ่งได้ นายไปขอเป็นแฟนคุณอิ๋งเลย!”

สมาชิกฝึกหัดคนอื่นๆ เริ่มมีกำลังใจ “ฉันๆๆ ฉันจะยื่นขอด้วย”

แฟนเหรอ ดีจัง พวกเขายังไม่เคยมีเลย

หนิงอวี่เจ๋อ “…”

ประสาท

ตอนเย็นหัวหน้าทีมสองกับหัวหน้าทีมสามเข้าไปจับไก่ เป็ด และปลาในเขา

อันที่จริงภูเขาแห่งนี้หน่วยอีจื้อเปิดพื้นที่ไว้โดยเฉพาะ สัตว์ปีกเหล่านี้พวกเขาก็เลี้ยงไว้ให้อยู่ตามธรรมชาติ รสชาติเด็ดกว่าที่เลี้ยงแบบกักขัง

พวกนักศึกษาเริ่มปิ้งย่างกันอย่างสนุกสนาน

อิ๋งจื่อจินดูโทรศัพท์มือถือ เดินออกจากสถานที่ฝึก ทะลุเข้าป่าไปจนถึงพื้นที่ว่างที่กว้างใหญ่หน้าภูเขา

ตรงหน้ามีเตาย่างอยู่หนึ่งเตา

ฟู่อวิ๋นเซินนั่งอยู่บนก้อนหินข้างๆ พอได้ยินเสียงฝีเท้าก็เหลือบตาขึ้น ยิ้มมุมปาก “ฟ้ามืดแล้ว แฟนผมหายไป สูงร้อยเจ็ดสิบกว่า หน้าตาน่ารัก รูปร่างดีมาก ว่านอนสอนง่าย คุณเห็นบ้างไหมครับ”

อิ๋งจื่อจินนั่งลง หันไปมองเขา “อยู่นี่ไง”

“อืม เยาเยา มีเรื่องจะบอก” ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า ตั้งใจย่างปีกไก่กับน่องไก่ “พอเธอฝึกระเบียบทหารเสร็จการเลือกก้งเฟิ่งของศาลสถิตยุติธรรมก็จะเริ่มขึ้นพอดี แต่ครั้งนี้การแข่งขันสูงมาก”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “ไม่ได้รับเลือกก็ไม่เป็นไร”

หยุดเล็กน้อย เธอถามต่อ “สามยักษ์ใหญ่ของโลกจอมยุทธ์มันเรื่องอะไรกัน”

เธอรับลูกศิษย์ไว้แค่คนเดียว การก่อตั้งและพัฒนาโลกจอมยุทธ์ในเวลาต่อมาไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเธอ

โลกแพทย์แผนโบราณก็เช่นกัน

“สามยักษ์ใหญ่เหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินเงียบไปชั่วขณะ “ศาลสถิตยุติธรรมคงไม่ต้องพูดถึงแล้ว สมาพันธ์โอสถเป็นของโลกแพทย์แผนโบราณ ส่วนสหพันธ์จอมยุทธ์…”

“ฝีมือการต่อสู้ของพวกเขาโดยรวมแข็งแกร่งที่สุด แต่พี่ชายไม่เคยเห็นประธานสหพันธ์ แต่คิดว่าวรยุทธ์ของประธานสหพันธ์คนนี้น่าจะเกินสามร้อยปีขึ้นไป”

วรยุทธ์สามร้อยปี มีแค่ผู้นำของสามตระกูลใหญ่อย่างหลิน เซี่ย เย่ว์กับตระกูลขนาดใหญ่เท่านั้นถึงจะมีวรยุทธ์ขนาดนี้

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า เข้าใจแล้ว “ไว้เดี๋ยวฉันลองไปป้วนเปี้ยนแถวสหพันธ์จอมยุทธ์ดู”

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินยื่นอันที่ย่างเสร็จแล้วให้เธอ “กินสิ”

การฝึกระเบียบทหารจบลงไปอย่างรวดเร็ว เหล่าสมาชิกฝึกหัดก็กลับหน่วย

หนิงอวี่เจ๋อเก็บของแล้วออกจากมหาวิทยาลัยตี้ตู ตอนเดินออกประตูบังเอิญเจอเว่ยจื่อซวี่

เว่ยจื่อซวี่ออกจากหน่วยอีจื้อแล้ว แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้ป้วนเปี้ยนอยู่แถวหน้ามหาวิทยาลัยตี้ตูอยู่ตลอด เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้เจอตัวหนิงอวี่เจ๋อ

หนิงอวี่เจ๋อขมวดคิ้ว “มีเรื่องอะไรเหรอ”

เมื่อก่อนเขาคาดหวังในตัวเว่ยจื่อซวี่ เพราะเว่ยจื่อซวี่เป็นกลุ่มสมาชิกฝึกหัดที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม

แต่เว่ยจื่อซวี่ก็ชอบหัวร้อนทำอะไรบุ่มบ่าม

“หัวหน้าหนิง ทำไมเลิกกับพี่สะใภ้ล่ะ” เว่ยจื่อซวี่ข่มอารมณ์ “ช่วงนี้พี่สะใภ้ร้องไห้ทุกวันเลยนะ ทำไมหัวหน้าหนิงเป็นคนไม่รับผิดชอบแบบนี้”

“ฉันไม่ใช่พี่ชายของนาย และนายก็ไม่มีพี่สะใภ้” หนิงอวี่เจ๋อพูดเสียงเย็นชา “ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัว”

เว่ยจื่อซวี่โมโหมากกว่าเดิม “หัวหน้าหนิง เห็นๆ อยู่ว่าพี่สะใภ้ไม่ถูกกับอิ๋งจื่อจิน ทำไมหัวหน้ายังจะช่วยคนนอกอีก”

ฟังถึงตรงนี้หนิงอวี่เจ๋อก็หยุดเดิน ถามกลับ “รู้หรือเปล่าว่าคุณอิ๋งจื่อจินเป็นใคร”

เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเว่ยจื่อซวี่เห็นบันทึกสนทนาพวกนั้นของเหยียนอันเหอแล้วยังจะหัวรั้นได้ขนาดนี้

เว่ยจื่อซวี่รู้สึกเหลือเชื่อ “หัวหน้าหนิง บ้าไปแล้วเหรอ เธอเก่งก็จริง แต่ทำไมหัวหน้าต้องเรียกอย่างให้เกียรติแบบนั้นด้วย หรือหัวหน้าเลิกกับพี่สะใภ้เพราะเธอจริงๆ”

ขณะพูดสายตาของเขาก็เย็นชาลง “จริงสิ ทำไมผมนึกไม่ถึงความเป็นไปได้นั้นนะ ถ้าหัวหน้าบอกหัวหน้าสองก็เปลี่ยนผมออกได้เหมือนกัน”

อย่างไรเสียหนิงอวี่เจ๋อก็เป็นหัวหน้าทีม มีอำนาจมาก

“เธอเป็นผู้บัญชาการระดับสูงของหน่วยอีจื้อ คนที่วันนั้นสาธิตยิงปืนให้พวกเราดู เดิมทีนายก็ควรได้เห็นกับตา” หนิงอวี่เจ๋อโมโหจนหัวเราะ พูดเสียงเย็นชา “เธอจำเป็นต้องรายงานใครด้วยเหรอ เธอต้องเข้าหาผู้ชายเพื่อให้หนุนหลังด้วยเหรอ หืม นายบอกฉันซิ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท