DND.729 – กายาอมตะ
ราชาแห่งความมืดเหม่อลอยเมื่อมองดูสมบัติวิเศษของจักรพรรดิโลหิตแต่เขาก็รู้สึกตัวในไม่นาน
เขาถามด้วยความตกใจ
“นั่นมันสมบัติอรหันต์สูงสุดรึ?”
จักรพรรดิโลหิตตอบ
“ในอดีตคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนต้องเผชิญหน้ากับอสูรแบบนี้แต่หลังจากเรื่องในอดีต ราชาเขตกลางก็เริ่มศึกษาเรื่องอสูร จากนั้นพวกข้าก็ได้เจอวิธีกำราบมันด้วยพลังอรหันต์”
“พลังอรหันต์จะรับมือกับอสูรได้ในเวลาครึ่งถ้วยชา”
จักรพรรดิโลหิตพูดและซัดมัจฉาไม้ทองออกไปเสียงบทสวดดังก้องโลก เงารูปปั้นทองคำขนาดยักษ์ยังปรากฏออกมาอีกด้วย
เงารูปปั้นทองคำนี้เปล่งแสงสีทองสว่างจ้าออกมาใบหน้าอัปลักษณ์ของอสูรแสดงถึงวามหวาดกลัว มันทำได้แค่ปล่อยพลังอสูรออกมาต้านทานและหยุดไล่ล่าจักรพรรดิโลหิต
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ราชาแห่งความมืดใจหายประตูชีวาล่องเป็นทั้งหมดที่เขาเตรียมการไว้รับมือกับจักรพรรดิโลหิต แต่จักรพรรดิโลหิตกลับมีวิธีจัดการกับมัน! ถ้าจักรพรรดิจิวโจวรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ในอดีต เขาก็คงไม่ต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้!
“จบแล้วรึ…”
ราาแห่งความมืดหัวเราะอย่างขมขื่น
“สิ่งที่ข้าทำมาหลายร้อยปีทั้งหมดกลับปกป้องท่านเฉินไม่ได้”
เขาทำได้แค่มองมัจฉาไม้ในมือจักรพรรดิโลหิตอย่างสิ้นหวัง
เวลาผ่านไปช้าๆแต่อสูรก็มิอาจเป็นอิสระได้จากแสงสีทอง เพียงไม่นาน อสูรก็ร้องคำรามอย่างโศกเศร้าก่อนจะกลายเป็นแสงวทมิฬและกระจายหายไป
จักรพรรดิโลหิตหยุดใช้สมบัติวิเศษของเขาใบหน้าเขาซีดไปบ่งบอกถึงการใช้มัจฉาไม้ที่กินพลังของเขาไป มัจฉาไม้เองก็เสียหายอย่างหนัก ตอนนี้มันเต็มไปด้วยรอยแตกที่พร้อมจะหลุดออกจากันในไม่นาน
จักรพรรดิโลหิตหายใจเข้าลึก
“ข้าดูถูกเจ้าเกินไปถ้าข้าไม่เตรียมพร้อม อุบายของเจ้าอาจจะได้ผลก็ได้!”
จักรพรรดิโลหิตปล่อยจิตสังหารไร้ขอบเขตออกมาเมื่อมองราชาแห่งความมืดผู้ที่ดวงตามีแต่ความเศร้าและหัวเราะอย่างขมขื่น
“ข้าทำให้ท่านเฉินต้องผิดหวังข้าทำตามความปรารถนาของท่านไม่ได้ ข้ายังล้างแค้นไม่ได้อีก ข้าสมควรตายจริงๆ”
จักรพรรดิจิวโจวในอดีตได้เสียฐานะตำแหน่งไปนานแล้วแต่เขาก็ยังมีคนอย่างราชาแห่งความมืดที่ภักดีและทุ่มเทเพื่อเขา! จิตใจของราชาแห่งความมืดนั้นน่านับถืออย่างมาก
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วตายไปซะเถอะ!”
จักรพรรดิโลหิตก้าวออกมาเพียงก้าวเดียวแต่ราวกับโลกทั้งใบได้หมุนตามเขา
เขามาปรากฏตัวหน้าราชาแห่งความมืดและซือหยูในพริบตาเขายื่นดัชนีไปที่หน้าผากราชาแห่งความมืด ดูเหมือนว่าทั้งร่างของราชาแห่งความมืดจะสลายไปจากดัชนีนี้ และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต่อต้านด้วยพลังวิญญาณที่หมดลงไป
“น่าชังชิงนัก!”
ราชาแห่งความมืดตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“ข้าชิงชังที่ข้าไร้พลังจนฆ่าคนทรยศชั้นต่ำอย่างเจ้าไม่ได้!”
ดวงตาที่เปล่งประกายของราชาแห่งความมืดเต็มไปด้วยเพลิงแค้นเขาจ้องมองจักรพรรดิโลหิตและประกาศก้องเมื่อรู้ตัวว่าจะตาย
“จักรพรรดิโลหิตต่อให้ต้องเป็นผี ข้าก็จะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”
จักรพรรดิโลหิตยิ้มเยาะ
“เช่นนั้นก็จงเป็นผีไปซะเถอะ!”
เขาพยายามจะใช้ดัชนีจิ้มหน้าผากราชาแห่งความมืดดวงตาของราชาแห่งความมืดทเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเพราะความรู้สึกอันขมขื่นมากมายได้เอ่อล้นออกมาจากใจ
ทุกคนในก้นบึ้งมังกรและทุกสิ่งมีชีวิตในทวีปเงียบลงพวกเขาเคยคิดว่าการมาของราชาแห่งความมืดจะช่วยเหลือพวกเขาได้ แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าคนอย่างราชาแห่งความมืดก็พ่ายแพ้!
แต่ก่อนที่ดัชนีของจักรพรรดิโลหิตจะถึงเป้าหมายก็มีเสียงสายลมพัดอย่างรุนแรงจักรพรรดิโลหิตเบิกตากว้างและดึงมือกลับ
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
“กล้าดียังไงถึงลงมือกับข้า?”
มุกสีครามอำพันลอยกลับไปที่มือซือหยู
“อะไรของเจ้า?เจ้าอยากจะให้ข้ารอคอยความตายเฉยๆรึ?”
ซือหยูแววตาเยือกเย็นเช่นทุกที
จักรพรรดิโลหิตถอนหายใจแรง
“งั้นเจ้าก็ตายไปก่อนแล้วกัน!”
ฟึ่บ!
เขาชี้ดัชนีไปทางซือหยูซือหยูที่มิได้มีสมบัติภูติจะตายแน่นอนถ้าดัชนีได้สัมผัส แต่ซือหยูกลับไม่พยายามหลบ เขาเพียงแค่อ้าปากและพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจออกมา…
“ฉิงหลิง เถียน ไน่ ไก สี…”
คำพูดเต็มไปด้วยจิตสังหารเชี่ยวกรากและพลังอสูรที่อัดรวมกันแน่นมันคือการอัญเชิญ! วิญญาณซือหยูสั่นสะเทือนเมื่อพูดภาษาเหล่านี้ ผนึกฝ่ามือที่หลับใหลอยู่ในจิตของเขามานานได้ลอยออกมาช้าๆ
“ประตูชีวาล่อง?”
จักรพรรดิโลหิตตกใจ
“เป็นไปได้ยังไงที่เจ้าจะมีมัน?”
ซือหยูได้ประตูนี้มาจากซากโบราณที่เขารัตติกาล
ราชาแห่งความมืดตกใจไม่ต่างกัน
“อะไรกัน?นั่นมันประตูของหวูชิง!”
ในอดีตจักรพรรดิจิวโจวได้สร้างทวีปใหม่ขึ้นมาและกำลังจะตาย เขาได้แจกจ่ายประตูชีวาล่องที่เหลือให้กับองครักษ์ทั้งสี่ องครักษ์เหล่านี้คือราชาแห่งความมืด ราชาโลกดับสูญ จ้าวอู๋ตง และหวูชิงแห่งเขารัตติกาล
มิใช่เพราะว่าราชาแห่งความมืดไม่ได้ไปตามหามันที่เขารัตติกาลแต่เขาพบเพียงซากปรักหักพังเมื่อไปถึงที่นั่น เขาจึงสงสัย…
ทำไมมันถึงตกไปเป็นของซือหยูได้?แล้ว…ทำไมมันถึงอยู่ในวิญญาณของเขา? เขาซ่อนไพ่ตายเขาไว้อย่างลึกล้ำนัก!
สิ่งที่เขาทึ่งยิ่งกว่าก็คือคำพูดที่ซือหยูเปล่งออกมามันคือภาษาที่แตกต่างจากตอนที่เขาพูดโดยสิ้นเชิง
“เจ้าเรียนภาษาที่เขียนไว้ของมันด้วยเรอะ?”
จักรพรรดิโลหิตสูดหายใจเข้าลึกเขาตกใจอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นราชาแห่งความมืดหรือราชาเขตกลางพวกเขาต่างลงทุนลงแรงและเสียเวลาหลายสิบปีในการทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ มันน่าสับสนที่ซือหยูเข้าใจภาษานี้ได้
ซือหยูพยักหน้า
“มันคือภาษาตระกูลอสูร”
เมื่อซือหยูรู้วิธีใช้ประตูชีวาล่องเขาได้สังเกตดูรอยฝ่ามือในดวงวิญญาณ เขาพบว่ามีบางสิ่งที่เขามองข้ามไปในอดีต
เขาคิดว่ามันเป็นเพียงรูปแบบที่ไร้ความหมายแต่เมื่อมองดูอย่างละเอียดจึงได้พบว่ามันคือภาษาตระกูลอสูร! ภาษาอสูรนั้นเป็นหนึ่งในภาษาที่หยุนย่าสีถ่ายทอดให้กับเขา เขาจึงอ่านคำในประตูชีวาล่องได้อย่างง่ายดาย
เขาท่องบทอัญเชิญรอยฝ่ามือที่ลอยออกมานั้นเปล่งแสงจ้าถึงขีดสุดและบินออกไประเบิดนภา มันทำให้เกิดรอยแยกทมิฬที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ
“หึหึ…”
เสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองดังมาจากรอยแยกทมิฬนั้นมันคืออสูรอีกตน!
ซือหยูมองจักรพรรดิโลหิต
“เจ้าเตรียมตัวเผชิญหน้ากับอสูรอยู่แล้วรี่ทำไมไม่ลองสู้กับตนนี้ดูล่ะ? ข้าอยากจะรู้ว่าฝั่งไหนจะทนได้นานกว่ากัน!”
จักรพรรดิโลหิตไม่พอใจกับคำพูดของซือหยูมันทำให้เขาเกลียดชังซือหยูยิ่งกว่าเดิม แต่เขาก็ไม่กล้าจะเสียเวลาโต้กลับ แม้อยากจะฆ่าซือหยูเพียงใด เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับอสูรตนนี้เสียก่อน
ปั้ง!
เมื่ออสูรก้าวออกมายังโลกร่างใหญ่ของมันปล่อยพลังอสูรที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิมออกมา มันหัวเราะอย่างชั่วร้ายและมองดูรูปปั้นสีทองอย่างมีเลศนัย
จักรพรรดิโลหิตอัดพลังลงในมัจฉาไม่อย่างไม่หยุดหย่อนและมองอสูรอย่างกังวลใจเมื่อเวลาผ่านไป หยดเหงื่อได้ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขาเพราะเขาใช้พลังไปมากแล้ว
อสูรกับรูปปั้นอรหันต์ได้เผชิญหน้ากันอย่างเดิมแต่ครั้งนี้ แสงสีทองได้อ่อนแอลงไป รอยแตกมากมายปรากฏขึ้นบนมัจฉาไม้ ท้ายสุดมันก็รับมืออสูรไม่ไหว
จักรพรรดิโลหิตเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงมัจฉาไม้ในมือของเขาระเบิด
รูปปั้นอรหันต์หายไปมือของอสูรได้พุ่งไปที่จักรพรรดิโลหิตเพื่อพยายามจะจับตัวเขาขณะที่หัวเราะอย่างชั่วร้าย ดูเหมือนว่ามันจะไม่พอใจจักรพรรดิโลหิตเท่าใดนัก
จักรพรรดิโลหิตรีบหันหนีแต่มือของอสูรนั้นเร็วมาก เมื่อมันพบว่าจักรพรรดิโลหิตไม่ปล่อยให้ถูกจับตัว มันจึงเปลี่ยนเป็นตบใส่เขาแทน
ปั้ง!
จักรพรรดิโลหิตถูกตบกระเด็นไปยังก้นทวีปทั้งทวีปสั่นอย่างรุนแรง จักรพรรดิโลหิตร่างกายแหลกสลายและถูกทำลายไปเพราะการตบของอสูร!
หลังจากที่อสูรฆ่าจักรพรรดิโลหิตมันได้หันมามองซือหยูและราชาแห่งความมืด มันเลียริมฝีปากและปล่อยหมัดเข้าใส่ทั้งสองคน
แต่ไม่นานมันก็ร้องคำรามออกมามันกลายเป็นลำแสงกลับไปยังรอยแยกทมิฬ! ทั้งโลกเงียบกริบเหลือเพียงเสียงลาวาเดือด ไม่มีใครเชื่อว่าจักรพรรดิโลหิตที่เป็นอสูรเนรมิตรจะถูกฆ่าตาย!
หลายคนคิดว่าตัวเองอยู่ในฝันเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันมิอาจเชื่อได้แม้แต่ราชาแห่งความมืดเองก็งุนงง จักรพรรดิโลหิตถูกฆ่าตาย…คนเฉินหลงปลอดภัยแล้ว
ราชาแห่งความมืดตาเป็นประกาย
“ไปดูว่ามันตายหรือยังกับข้าไอ้ทรยศเฒ่านี้เจ้าเล่ห์นัก…”
ซือหยูพยักหน้าและตามเขาไปยังจุดที่จักรพรรดิโลหิตถูกสังหารที่นั่นเต็มไปด้วยซากเนื้อที่แหลกเหลว เขาตายอย่างเห็นได้ชัด! แม้แต่วิญญาณของเขาก็หายไปด้วย!
เมื่อยืนยันได้ว่าจักรพรรดิโลหิตตายทั้งสองได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและผ่อนคลายลง
“ท่านเฉินจักรพรรดิโลหิตตายแล้ว”
ราชาแห่งความมืดคุกเข่าไปทางตอนเหนือของทวีปดวงตาของเขาเอ่อล้นไปทั้งน้ำตา เขาได้ยกภูเขาที่ทับหัวใจของเขามาอย่างยาวนานสำเร็จแล้ว
“ซือหยูเจ้าจะทำอย่างไรต่อรึ?”
ราชาแห่งความมืดมองซือหยู
ซือหยูมองท้องนภาที่แตกสลายและผืนปฐพีเขาส่ายหน้าด้วยความว่างเปล่า
“ข้าไม่รู้”
หัวใจของเขาตายไปแล้วไม่ว่าโลกจะกว้างใหญ่เพียงใด เขาก็ไม่มีสิ่งใดให้สนใจอีกแล้ว
“เหตุใดไม่ติดตามข้ากับท่านเฉินเล่า?เจ้ามาบ่มเพาะพลังกับพวกเราก็ได้”
ราชาแห่งความมืดเป็นห่วงซือหยู
“เจ้าไม่ควรจะทิ้งพรสวรรค์ไปเสียเปล่า”
แต่เมื่อพูดจบเสียงเบาๆก็ได้ลอยเข้าหูของทั้งคู่ เนื้อบดรอบๆพวกเขาเริ่มขยับตัว! มันรวมตัวกันและก่อร่างเป็นจักรพรรดิโลหิตอีกครั้ง!
เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น
“หึหึไอ้แก่บัดซบเฉินอี้เจิงยังมีชีวิตอยู่จริงๆด้วย”
DND.730 – เรื่องจริงจากนางอันเป็นที่รัก
ราชาแห่งความมืดสั่นไปทั้งตัวเขามองจักรพรรดิโลหิตอย่างไม่เชื่อสายตา
“กายาเงินอมตะ!เจ้า…เจ้าบ่มเพาะมันได้เรอะ?”
กายาเงินอมตะเป็นวิชาเหนือบัญชาสวรรค์ที่จะทำให้ผู้บ่มเพาะก่อร่างขึ้นมาได้ใหม่มันเป็นวิชาที่จักรพรรดิจิวโจวเท่านั้นที่จะบ่มเพาะได้
ไม่มีใครในเขตกลางที่บ่มเพาะมันได้เลยแต่จักรพรรดิโลหิตกลับบ่มเพาะมันได้โดยที่ไม่มีใครคาดคิด!
เศษเนื้อของเขากลับมารวมตัวกันในพริบตาเดียวแสงส่องประกายเมื่อเขาลืมตา เขาปล่อยหมัดทั้งสองไปที่ซือหยูกับราชาแห่งความมืดพร้อมกัน เป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองจะหลบเพราะไม่ทันตั้งตัวและใกล้เกินไป
“ระวัง”
ราชาแห่งความมืดชักสีหน้าเขาหกหอกสังหารเทพเพื่อปกป้องซือหยูที่อยู่ด้านหลัง
แต่เขาก็มิอาจป้องกันพลังของอสูรเนรมิตรในระยะใกล้เท่านี้ได้…
ปั้ง!
ทั้งคู่กระเด็นออกไปราวกับถูกซัดด้วยอุกกาบาตราชาแห่งความมืดหน้าซีดเหมือนคนตาย เขามองซือหยูและกัดฟันอัดพลังชีวิตเพียงเสี้ยวเดียวที่เขาเพิ่งจะฟื้นฟูกลับมาให้กับซือหยู
เขาตะโกนเสียงดัง
“หลบเร็ว!ซ่อนพลังของเจ้าไว้!”
ขณะที่พูดหอกสังหารเทพในมือของเขาลดขนาดลงอย่างรวดเร็วจนเท่าฝ่ามือ จากนั้นเขาจึงยัดมันใส่ในกระเป๋าของซือหยู
“หอกสังหารเทพมีมิติของตัวเองอยู่ข้างในมันจะซ่อนพลังทั้งหมดเอาไว้ได้ เจ้าจะไม่ถูกเจอตัวถ้าไปซ่อนข้างในนี้”
ราชาแห่งความมืดรีบพูดและกระอักเลือดออกมา
“ทวีปเฉินหลงเหลือแค่เจ้าแล้วถ้าเจ้ารอดมาได้ก็อย่าลืมล้างแค้นให้พวกข้า!”
ราชาแห่งความมืดหัวเราะอย่างขมขื่นและผลักซือหยูออกไป
ซือหยูที่ยังกระเด็นอยู่จากแทงปะทะของจักรพรรดิโลหิตเริ่มบินด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเดิมราวกับลูกไฟเขาข้ามระยะทางไกลในไม่นาน
“จะตายแล้วยังสร้างปัญหาให้ข้าอีก”
จักรพรรดิโลหิตฟันมือไปยังราชาแห่งความมืดจนทำให้ร่างของเขาโชกเลือดยิ่งกว่าเดิมราชาแห่งความมืดอยู่ในสภาพปางตาย!
แต่เขาก็ต้องเอาราชาแห่งความมืดไปทรมานเพื่อสืบสวนดังนั้นเขาจึงไม่สังหารและมองไปยังซือหยูที่บินหนี
แต่ก่อนที่เขาจะได้ขยับตัวก็มีเสียงอ่อนหวานดังมาจากด้านหลัง
“ท่านผู้อาวุโสให้ข้าไปเอาชีวิตมันเองเถอะ”
จักรพรรดิโลหิตหันไปมองและพบเซี่ยจิงหยูเขาขมวดคิ้วเบาๆก่อนจะหยักหน้า
“ย่อมได้เสี้ยววิญญาณของฮงหลวนบอกเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังแล้ว พอเรื่องจบลง จงกลับไปกับข้าที่เขตกลาง ข้าจะแนะนำเจ้าให้กับท่านราชา ส่วนซือหยู เจ้าไปจัดการมันซะ เจ้าจะได้มีความดีความชอบต่อท่านราชา”
“แต่เจ้าอย่าสู้กับมันคนเดียวจงไปเอาหัวมันกับข้า”
จักรพรรดิโลหิตบินนำทางไป
เซี่ยจิงหยูยิ้มอย่างสดใสและโค้งคำนับอย่างสง่างาม
“ขอบคุณผู้อาวุโส”
นางบินตามเขาไป
เวลาผ่านไปครึ่งถ้วยชาจักรพรรดิโลหิตได้ร่อนลงบนป่าร้างที่เต็มไปด้วยภูเขามากมาย ใกล้ๆกันนั้นมีหลุมขนาดยักษ์
หลุมนี้ลุกเป็นอย่างมากมันเชื่อมต่อไปยังซากโบราณที่เป็นซากใต้เขารัตติกาล
เซี่ยจิงหยูยิ้มอย่างซุกซน
“เขาอยู่ที่นี่รึ?ในอดีตเขาก็ช่วยชีวิตข้าที่นี่ ตอนนี้ข้าจะได้ฆ่าเขาที่นี่ หึหึ…”
นางตามหลังจักรพรรดิโลหิตกระโดดไปยังหลุมซากใต้ดินมิได้มีพื้นที่กว้างนัก ซือหยูกำลังเอนกายอยู่กับที่กำบังขนาดใหญ่และถูกรายล้อมไปด้วยลาวาเดือด
เมื่อรับรู้ถึงการมาของจักรพรรดิโลหิตและเซี่ยจิงหยูเขาลืมตาอันเยือกเย็นขึ้นมา
“มาเอาชีวิตข้าสินะ?”
เซี่ยจิงหยูตอบอย่างใจเย็น
“ใช่แล้ว”
ซือหยูไม่พยายามจะต่อต้านสายไปแล้วที่เขาจะซ่อนตัวในมิติของหอกสังหารเทพ
จักรพรรดิโลหิตยืนมือไพล่หลัง
“กึ่งภูติกระจอกอย่างเจ้ากลับทำให้ข้าต้องใช้กายาเงินอมตะเจ้าคือคนแรกที่ทำเช่นนี้ได้ จงภูมิใจและตายไปอย่างสงบซะเถอะ”
จักรพรรดิโลหิตเริ่มระแวงซือหยูอย่างมากหลังจากที่เผชิญหน้ากันมาหลายครั้งเขาจึงต้องฆ่าซือหยูโดยที่ทิ้งระยะห่างเอาไว้
ดัชนีของเขามีพลังกระบี่ที่แข็งแกร่งที่ซือหยูมิอาจต้านทานได้
ซือหยูแววตาเยือกเย็นแม้แต่ในตอนนี้เขาหลับตาช้าๆและมองเซี่ยจิงหยูเป็นครั้งสุดท้าย
“ลาก่อนคนรักของข้า…”
พลังดัชนีอันน่ากลัวพุ่งตรงไปยังลำตัวของซือหยูแต่แม้จะผ่านไปนาน ซือหยูก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่กลับมีของเหลวอุ่นๆบางอย่างหยดลงที่ใบหน้าของเขา
เขาลืมตาขึ้นและพบกับหญิงสาวงดงามที่มายืนขวางทางนางมีพลังที่เขาคุ้นเคยและจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต คราบโลหิตเต็มแผ่นหลังของนางในตอนนี้และกำลังแผ่เป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ
นางขาสั่นและล้มลงไปในอ้อมกอดของซือหยูปากนางเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าบ่งบอกถึงความรู้สึกผิด สิ่งเหล่านี้สะท้อนในแววตาของซือหยู
“เซี่ยจิงหยู?”
ซือหยูสับสนจนแทบคลั่ง…
ทำไมเซี่ยจิงหยูที่ชิงชังข้าและอยากจะฆ่าข้าถึงช่วยชีวิตข้าในตอนนี้เล่า?นางกำลังจะตายเพื่อข้า!
ทำไมกัน?
“พี่…ซือหยู…ข้าขอโทษ”
เซี่ยจิงหยูที่กำลังจะหมดลมหายใจทำได้แค่กระซิบเบาๆ
นางที่มิอาจพูดต่อไปได้มากกว่านี้ยกมือขึ้นด้วยความยากลำบากและจับมือซือหยูเอาไว้ทั้งคู่มีฎีกาสวรรค์แบบเดียวกัน การจับมือกันได้ส่งผ่านความคิดของกันและกัน
“พี่ซือหยูข้าขอโทษที่หลอกพี่”
เซี่ยจิงหยูอ่อนแอลงอย่างรวดเร็วดวงตาที่เคยเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งเต็มไปด้วยความอบอุ่นและน้ำตา
“ข้าซ่อนเซี่ยนเอ๋อไว้ในตำหนักดยุคเซี่ยนหยูในที่ที่ความสัมพันธ์ของพวกเราเริ่มขึ้น ข้าไม่ได้ทำลายร่างของนาง”
คำพูดของนางทำให้ซือหยูแววตาว่างเปล่า…
นางไม่ได้ทำลาย!เซี่ยจิงหยูไม่ได้ทำลายร่างเซี่ยนเอ๋อ!
“พี่ซือหยู…ข้าไม่ได้หักหลังพี่”
แววตาของนางมืดหมองลงยิ่งขึ้นจิตของนางเริ่มจางหาย นางกำลังจะถึงลมหายใจสุดท้าย
ซือหยูเบิกตากว้างในใจร้อนรน
เซี่ยจิงหยูจะตายรึ?เขาคิดถึงตอนที่เขาเกลียดนาง แต่ตอนนี้นางกำลังจะตาย เขาจึงได้ร้อนรนขึ้นมาเพราะนาง
“โอสถฟื้นชะตาอยู่ไหน?รีบเอาออกมาเร็ว!”
ซือหยูรีบพูดทั้งเขาและเซี่ยจิงหยูมีโอสถฟื้นชะตาอยู่กับตัว
เซี่ยจิงหยูเพียงแค่ยิ้มอย่างโศกเศร้า
“พี่ซือหยูข้าดีใจจริงๆที่พี่ยังเป็นห่วงข้า แต่ข้าให้เซี่ยนเอ๋อไปแล้วล่ะ”
นางให้โอสถเซี่ยนเอ๋อไปแล้วรึ?ซือหยูคิดถึงเหตุการณ์ในตำหนักดยุคเซี่ยนหยูก่อนหน้านี้ เขาคิดถึงสวนที่เต็มไปด้วยบุพผางามสะพรั่ง แต่ยามนี้คือปลายใบไม้ร่วง…
ต้นท้อจะสวยงามในเวลานี้ได้ยังไง?
ภาพอันมีชีวิตชีวาในสวนจะต้องเกิดจากพลังชีวิตที่ปล่อยมาจากโอสถฟื้นชะตา!โอสถฟื้นชะตาอยู่ที่นั่นและจะต้องถูกเซี่ยนเอ๋อกินเข้าไปในตอนนั้น! นั่นก็เพราะว่าสวนมีพลังชีวิตที่หนาแน่นมาก!
“ถ้าเจ้าให้เซี่ยนเอ๋อไปแล้วแล้วตัวเจ้าเล่า?”
ซือหยูถามขณะที่แววตาเต็มไปด้วยน้ำตาเขารู้ความตั้งใจของนางแล้ว
เซี่ยจิงหยูยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“ข้าไม่ต้องการหรอกให้เซี่ยนเอ๋อไปก็พอแล้ว มันคือของขวัญวันแต่งงาน…ของพี่กับนาง แต่ข้าให้ของขวัญนี้ช้าเหลือเกิน โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”
“ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้กัน?”
เซี่ยจิงหยูหลับตาที่ไร้แวว
“ข้าเห็นจุดจบของโลกกับชะตาของเฉินหลง…ทุกคนตกตายชะตามิอาจแปรเปลี่ยน แต่โอสถฟื้นชะตาทั้งสองที่ชุบชีวิตคนตายได้ยังเปลี่ยนชะตาได้ด้วย และคนที่มีมันก็จะรอดจากภัยพิบัติครั้งนี้! เพราะเรื่องนี้ ข้าเลยให้โอสถกับเซี่ยนเอ๋อและพี่ พี่กับเซี่ยนเอ๋อจะได้อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า”
นางตากระตุก
“ข้าเย็นชาต่อพี่เพราะอยากจะกำจัดเสี้ยววิญญาณของฮงหลวนออกไปยกโทษให้ข้านะ…แค่ก! แค่ก!…เจ็บปวดนักที่ต้องทำกับพี่เช่นนั้น พี่คงจะเกลียดข้าแล้วสินะ…”
เซี่ยจิงหยูหลับตาเสี้ยวจิตที่ยังหลงเหลือยังคงส่งคำพูดถึงซือหยู น้ำตาอุ่นๆไหลอาบแก้มซือหยูขณะที่เขามือสั่น
เซี่ยจิงหยูยังคงเป็นเซี่ยจิงหยูคนเดิมในที่สุดนางเต็มใจที่จะสละชีวิตเพื่อช่วยเขากับเซี่ยนเอ๋อ!
“ข้าไม่ได้เกลียดเจ้า!ข้าไม่เคยเกลียดเจ้าเลยสักครั้ง…ข้ายังรักเจ้าอยู่…”
ซือหยูพูดเสียงสั่น
“ข้าดีใจที่ได้ยินนะ”
เซี่ยจิงหยูพยายามกระซิบบอกและยิ้มก่อนจะหมดแรงไปในอ้อมกอดของซือหยู
“ขะ…ข้าอยากให้พี่กับเซี่ยนเอ๋อ…อยู่…ด้วยกัน…มีความสุข”
นี่คือความคิดสุดท้ายที่นางส่งออกมาให้ซือหยูมือเล็กๆที่ยังจับมือซือหยูเอาไว้หมดแรงตกลงไปกับพื้น
นางสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเซี่ยนเอ๋อแม้ว่านางจะรักซือหยูและปรารถนาการอยู่ร่วมกัน
“จิงหยู”
ซือหยูกอดร่างที่เย็นลงเรื่อยๆ
เขาพลิกฝ่ามือเรียกกระโจมน้อยออกมาในกระโจมมีโอสถฟื้นชะตาที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต มันคือโอสถที่จะชุบชีวิตคนตายได้
The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 729-730
ตอนที่ 729-730
Posted by ? Views, Released on สิงหาคม 20, 2021
, The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing