คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 539 โหวตเลือกผู้สืบทอด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 539 โหวตเลือกผู้สืบทอด

ฟู่อวิ๋นเซินเป็นคนทำสุสานกับป้ายหน้าหลุมที่ไร้อักษรของฟู่หลิวอิ๋งด้วยตัวเอง

เขาซื้อภูเขาลูกนี้ไว้โดยเฉพาะ ยามปกติทางเข้าออกทั้งหมดจะถูกล็อกไว้ ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามา

ฮู่เฉิงเทียบไม่ได้กับตี้ตู ที่นี่ไม่มีโลกจอมยุทธ หากจอมยุทธจะมาที่นี่ก็ต้องได้รับอนุญาตจากศาลสถิตยุติธรรมก่อน

ยิ่งไปกว่านั้นไม่เหมือนทางยุโรป เป็นไปไม่ได้ที่ทหารรับจ้างจะอุกอาจบุกเข้ามาในฮู่เฉิง บางครั้งบางคราวมีนักล่าปะปนเข้ามาบ้าง แต่ก็ไม่มีทางเล็ดลอดการตามล่าของไอบีไอไปได้

ทางฮู่เฉิงมีการต่อสู้ที่ต่ำมาก เรียกได้ว่าแทบจะไม่มี เป็นเพียงเมืองที่ปรับเข้าสู่สากลตามแบบเมืองทั่วไป

แต่เนื่องจากครั้งก่อนที่เกอร์เวนถูกลักพาตัว ทำให้ฟู่อวิ๋นเซินยกระดับการป้องกัน

เขาให้ลิซิเนียสโยกย้ายนักสืบระดับสูงของไอบีไอมาทีมหนึ่งเป็นการเฉพาะ เพื่อรับหน้าที่เฝ้าภูเขาลูกนี้ไว้ ห้ามมีใครเข้าออกเป็นอันขาด

ทุกครั้งที่ทำความสะอาดหลุมศพ เขาจะหยุดหนึ่งวันหนึ่งคืน

ต่อให้ป้ายหน้าหลุมศพที่ไร้อักษรถูกลมฝนจนแตกร้าวหนึ่งรอย ฟู่อวิ๋นเซินก็มองออก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ดินรอบป้ายหน้าหลุมศพนี้ถูกขุดอย่างเห็นได้ชัด

ดวงตาหงส์ของอิ๋งจื่อจินหรี่ลงทันที

“คนพวกนั้นทำเหรอ”

มือของเธอลูบหลุมศพ หลับตาลงเล็กน้อย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเขาลูกนี้ในหนึ่งเดือนนี้ปรากฏขึ้นทั้งหมด

มีพายุฝนแค่ไม่กี่ครั้ง ส่วนใหญ่อากาศปลอดโปร่ง

ไม่มีใครขึ้นมา

แสดงว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

แต่หลุมศพของฟู่หลิวอิ๋งไม่ได้ถูกทำลาย

กำลังภายในของเธอแทรกซึมลงไปในดิน สัมผัสได้ว่าโลงไม้ยังปกติดี

มือของฟู่อวิ๋นเซินจับป้ายหน้าหลุมศพ พูดเสียงทุ้มต่ำเย็นชา “ถามนักสืบที่อยู่ในฮู่เฉิงเดี๋ยวนี้ว่าช่วงไม่กี่เดือนมานี้มีคนขึ้นมาบนเขาหรือเปล่า”

ลิซิเนียสไม่เคยได้ยินฟู่อวิ๋นเซินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแบบนี้มาก่อน เขาอึ้ง สุดท้ายก็ตอบรับ

“ครับ ผู้บัญชาการ”

เขาติดต่อนักสืบที่อยู่ในฮู่เฉิงทั้งหมดด้วยความเร็วสูงสุด จากนั้นก็รวบรวมข้อมูลส่งให้ฟู่อวิ๋นเซิน

ไม่มีนักสืบคนไหนเห็นว่ามีคนขึ้นเขา ต่างบอกว่าทุกอย่างปกติดี

ฟู่อวิ๋นเซินข่มความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ เขาเอามือลูบดินตรงจุดที่ถูกขุด สีหน้าชะงัก ดวงตาดอกท้อหรี่ลง

เขาเห็นเศษธูปจางๆ

เห็นได้ชัดว่าเศษธูปเหล่านี้ถูกเช็ดไปแล้ว แต่ยังมีร่องรอยหลงเหลืออยู่บ้าง

สาเหตุที่ดินถูกขุดเป็นเพราะเพื่อกลบเศษธูป

อิ๋งจื่อจินจับบ่าของเขา แววตาขรึมลงเล็กน้อย

“พี่ชาย ใจเย็นๆ หลุมศพไม่ได้ถูกแตะต้อง”

“ใช่ ไม่ได้มีการขุดศพ” ดวงตาของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง น้ำเสียงทุ้มต่ำ คล้ายโล่งอก “แต่มีการกราบไหว้”

แต่คนที่รู้ว่าฟู่หลิวอิ๋งถูกฝังไว้ที่นี่นอกจากเขาก็มีแค่ผู้เฒ่าฟู่

ผู้เฒ่าฟู่จากไปแล้วยังจะมีใครมาไหว้ได้อีก

แม้แต่เจียงฮว่าผิงก็ยังไม่รู้ว่าหลุมศพของฟู่หลิวอิ๋งอยู่ที่นี่

ฟู่อวิ๋นเซินกลบเศษธูปพวกนั้นเงียบๆ แววตากลับเย็นชายิ่งกว่าเดิม

ในสมองของเขาอยู่ๆ ก็ปรากฏเค้าโครงที่เลือนรางของผู้ชายคนหนึ่ง

คำว่าพ่อ ไม่เคยมีอยู่ในชีวิตของฟู่อวิ๋นเซิน

เขาอยากแก้แค้นให้ฟู่หลิวอิ๋งมาตลอด แต่ไม่เคยคิดจะไปตามหาว่าผู้ชายที่ตอนนั้นคบกับฟู่หลิวอิ๋งคือใคร

ไม่ว่าจะถูกบังคับหรือไม่ ผลลัพธ์ก็คือฟู่หลิวอิ๋งหอบเด็กคนหนึ่งกลับมาฮู่เฉิงคนเดียว

ผู้ชายคนนั้นไม่เคยปรากฏตัวเลย

เขาทอดทิ้งฟู่หลิวอิ๋ง

ฟู่หลิวอิ๋งรับกระดาษมาจากมืออิ๋งจื่อจินแล้วเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมาพลางพูด

“มิน่าช่วงหลายวันมานี้พี่ชายฝันร้ายอีกแล้ว”

เรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนเหมือนเงาตามตัว

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “เดาได้แล้วเหรอว่าใคร”

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะของเธอ ยิ้มพลางพูด “ความเป็นไปได้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์คือผู้ชายที่ตอนนั้นทอดทิ้งแม่ไป เธอว่าเขามาทำไม”

ถ้าพวกคนที่ตอนนั้นฆ่าฟู่หลิวอิ๋งมาเจอเข้าแล้วจะต้องขุดศพแน่นอน

โทรศัพท์มือถือดังขึ้นในเวลานี้

[ลิซิเนียส : ผู้บัญชาการครับ นี่เป็นภาพบันทึกที่ถ่ายได้จากโดรน แสดงให้เห็นว่าเมื่อสองเดือนก่อนมีกลุ่มคนขึ้นเขามา พวกเขาถือตะกร้าผลไม้กับของไหว้ขึ้นไป ค้างอยู่บนนั้นหนึ่งวันแล้วถึงลงไปครับ ผู้บัญชาการครับ ต้องเพิ่มกำลังคนไหมครับ]

ฟู่อวิ๋นเซินตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

[ไม่จำเป็น รักษาความปลอดภัยให้คนทั้งโลกเป็นพอ]

นักสืบระดับสูงของไอบีไอต่างผ่านการฝึกมาหลายระดับ นอกจากฝีมือในการต่อสู้แล้ว ความสามารถไปการสืบค้นก็สูงมาก

ขนาดพวกเขายังไม่สังเกตเห็น ก็แสดงว่าคนที่มาเยือนไม่ธรรมดา และพวกคนที่มากราบไหว้นั้นก็หลบเลี่ยงการถ่ายภาพของโดรนอย่างรู้ทัน ไม่เห็นแม้แต่ใบหน้า

แต่บนชุดของพวกเขาไม่มีสัญลักษณ์หัวกะโหลกสีดำ

คนของอิทธิพลนั้นทำตัวเหิมเกริมมาก ถ้าไม่เอาสัญลักษณ์ไว้บนเสื้อผ้าก็จะทิ้งร่องรอยแบบที่ให้รู้ตัวตนเอาไว้

อย่างเช่นหลังจากเกิดเหตุระเบิดที่เมืองมหาวิทยาลัยได้ทิ้งเศษเสื้อผ้าไว้

สายตาของอิ๋งจื่อจินอยู่ที่ตัวชายชุดดำที่เดินนำ

ด้านหลังของผู้ชายคนนั้นดูน่าเกรงขาม ก้าวเดินอย่างหนักแน่น

เห็นได้ชัดว่าเขาสะสมบุคลิกที่น่าเกรงกลัวแบบนี้มานาน

เธอครุ่นคิดชั่วขณะ “จะใช่เขาเหรอ”

ฟู่อวิ๋นเซินดูคลิปเสร็จ แน่ใจแล้วว่าหลุมศพไม่ได้ถูกทำลาย เขาถึงพูดขึ้นด้วยท่าทีเฉยเมย “พี่ชายไม่สนใจ”

หยุดเล็กน้อย “เยาเยา กล้องจิ๋วที่หนุ่มหน้าเด็กให้เธอยังมีอีกไหม”

“มี” อิ๋งจื่อจินหยิบออกมาจากกระเป๋าเป้

ฟู่อวิ๋นเซินรับไป ติดลงบนป้ายหน้าหลุมศพในจุดที่ซ่อนเร้น

เขาย่อตัวนั่งลงอีกครั้ง “ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว พี่ชายจะย้ายหลุมศพแม่”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “ไปโลกจอมยุทธเหรอ”

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินกดโทรหาสองสาย “โลกจอมยุทธเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว”

ในนั้นไม่มีวัตถุเทคโนโลยีขั้นสูง อย่างมากก็แค่ไวไฟกับอุปกรณ์ปล่อยสัญญาณ แฮกเกอร์แฮกเข้ามาก็ไม่มีประโยชน์

เขาหันมายิ้มดวงตาดอกท้อโค้งมน

“เยาเยา ช่วยพยากรณ์ให้ได้ไหมว่าวันนี้ย้ายได้หรือเปล่า”

การย้ายหลุมศพก็ต้องดูฤกษ์ยามด้วย เขาเองก็ไม่อยากทำให้ฟู่หลิวอิ๋งตกใจ

อิ๋งจื่อจินเงียบไปสักพัก หรี่ตาลงพยากรณ์ “เหมาะมาก ห้าทุ่มถือเป็นฤกษ์ดี”

ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้า สั่งให้คนขึ้นมาตามเวลาที่บอก

อิ๋งจื่อจินพักอยู่กับผู้เฒ่าจงที่ฮู่เฉิงสองวันแล้วกลับโลกจอมยุทธ

เธอช่วยฟู่อวิ๋นเซินเลือกที่ที่ฮวงจุ้ยดีแล้วฝังฟู่หลิวอิ๋งลงไปอีกครั้ง

หลังกลับถึงบ้านตระกูลเยี่ย นายใหญ่ตระกูลเยี่ยกำลังจัดการคนในครอบครัว

สายของอารองเยี่ยถูกถอนกำลังภายในทั้งหมดแล้วไล่ออกจากบ้านตระกูลเยี่ย

ตอนนี้กำลังเคลียร์เรื่องทรัพย์สิน

เท้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก เธอเดินเข้าไป

“คุณอิ๋ง” เยี่ยหลิงเห็นอิ๋งจื่อจินมาก็เข้าไปหาทันที “คุณอิ๋งไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”

วันนั้นอิ๋งจื่อจินกับเธอแยกกัน แต่ทิ้งอวิ๋นซานไว้

ระหว่างทางกลับบ้านตระกูลเยี่ย เยี่ยหลิงถูกลอบฆ่า

แต่วรยุทธของจอมยุทธพวกนั้นไม่เกินสามสิบปี อวิ๋นซานรับมือได้สบาย

จับยัดใส่กระสอบแล้วเอาไปโยนไว้ที่เรือนของอารองเยี่ย

อารองเยี่ยนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจอมยุทธที่เขาจ้างมาไม่เพียงแต่จะพ่ายแพ้ไม่เป็นท่าทั้งหมด ยังถูกหยามศักดิ์ศรีมากขนาดนี้

ถึงแม้อารองเยี่ยจะเล็งตำแหน่งนายใหญ่มาตลอด แต่เขามีอำนาจอยู่ในมือไม่มาก ได้แค่แอบลงมือลับหลัง

แต่เมื่อเรื่องแดงขึ้นมาก็ต้องถูกกำจัดแล้ว

นายใหญ่ตระกูลเยี่ยไม่เมตตาแม้แต่น้อย

จอมยุทธเดิมทีก็เด็ดขาด

“ฉันไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเล็กน้อย เธอหันไปมองอวิ๋นซานแล้วพูดชมแบบที่เห็นได้ยาก

“ฝีมือไม่เลว”

อวิ๋นซานดีใจมาก

เขารีบวิ่งกลับห้องทันที หยิบชุดผู้หญิงที่ซื้อไว้ออกมาทาบกับตัว

สีหน้าเคร่งขรึม ไม่มีท่าทีล้อเล่นแม้แต่น้อย

“คุณอิ๋งครับ ถ้าผมใส่ชุดนี้ดูเป็นไงครับ”

อิ๋งจื่อจินหลับตา ไม่พูดอะไร หันตัวเดินออก

เธอกลัวว่าถ้าอยู่ต่ออีกวินาทีเดียวจะอดถีบอวิ๋นซานเข้ากระสอบไม่ได้

อีกด้านหนึ่ง

ทางตระกูลจี้

ศูนย์วิจัย

วันเลือกผู้สืบทอดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทุกคนในตระกูลจี้เตรียมพร้อมแล้ว

แต่ก็มีบางคนที่หวาดหวั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้

ตระกูลจี้แบ่งออกเป็นหลายฝักหลายฝ่าย ต่อให้ฝ่ายไหนได้รับตำแหน่งก็หมายความว่าจะต้องเกิดการข่มขวัญแน่นอน

เวลาเที่ยง พวกนักวิจัยออกมาจากห้องทดลอง จับกลุ่มกันสองสามคนไปที่โรงอาหาร

“รองผอ.หลิวกับรองผอ.เฉินเตรียมโหวตให้เวินเฟิงเหมียน” นักวิจัยคนหนึ่งพูด “บอกว่าใครจะเป็นผู้สืบทอดได้ก็จริง แต่ยังไงนี่ก็ตระกูลจี้ อย่าให้คนนอกเลยดีกว่า”

“นั่นสิ สำหรับตระกูลเดิมไม่แตกต่างอะไร แต่สำหรับพวกเรามันต่างกันมากเลยนะ”

“ถ้าศาสตราจารย์เหยียนไม่ถูกมหาวิทยาลัยตี้ตูไล่ออก ฉันก็อาจโหวตให้เธอนะ”

เหยียนรั่วเสวี่ยได้ยินทั้งหมด ชักสีหน้าทันที

นักวิจัยทุกคนมีคนละหนึ่งคะแนนเสียง

ช่วงหลายวันมานี้เธอสูญเสียฐานคะแนนไปมาก

ถ้ารองผู้อำนวยการพวกนั้นโหวตให้เวินเฟิงเหมียน เธอก็สืบทอดศูนย์วิจัยไม่ได้แล้ว

เหยียนรั่วเสวี่ยแสยะยิ้ม

พอเธอเข้าไปในศูนย์วิจัยก็ตรงไปที่ห้องทำงานของรองผู้อำนวยการสวี

“รองผอ.สวีคะ” เหยียนรั่วเสวี่ยวางกระเป๋า พูดอย่างเชิดๆ “ท่านน่าจะรู้จุดประสงค์ที่ฉันมานะคะ”

รองผอ.สวีขมวดคิ้ว พูดเสียงแข็ง “ขอโทษด้วย ผมไม่เข้าใจความหมายที่ศาสตราจารย์เหยียนอยากสื่อ”

เรื่องที่เหยียนรั่วเสวี่ยถูกมหาวิทยาลัยตี้ตูไล่ออก เฉินจวิ้นเซียนส่งหนังสือมาที่ตระกูลจี้ คนทั้งศูนย์วิจัยรู้กันหมดแล้ว

พวกเขาไม่รู้ว่าเหยียนรั่วเสวี่ยไปทำอะไรไว้กันแน่ แต่ถึงขนาดถูกมหาวิทยาลัยตี้ตูไล่ออก จะใช่เรื่องดีได้เหรอ

“รองผอ.สวีคะ คนฉลาดไม่ต้องเล่นละครใส่กันหรอกค่ะ” เหยียนรั่วเสวี่ยพูด “ท่านมีอำนาจมากในศูนย์ใน รองผอ.คนอื่นยังต้องฟังท่าน ท่านกับพวกเขาแค่โหวตให้ฉันเป็นผู้สืบทอดก็พอแล้วค่ะ”

เธอพูดเสียงเบา “ขอแค่ท่านโหวตให้ฉัน ฉันจะให้เหยียนอันเหอเชิญหมอแผนโบราณมารักษาภรรยาของท่าน รับรองว่าหายแน่ค่ะ”

มือของรองผอ.สวีชะงัก เงยหน้าทันที “หมอแผนโบราณเหรอ”

ภรรยาของรองผอ.สวีเป็นคนตระกูลจี้ และก็เป็นนักวิจัย ได้รับรังสีจนร่างกายอ่อนแอ

นี่ถือเป็นโรคทางใจของรองผอ.สวี

“รองผอ.สวีก็น่าจะรู้นะคะ ถึงอันเหอจะถูกมหาวิทยาลัยตี้ตูไล่ออกแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เป็นคนของสมาพันธ์โอสถ” เหยียนรั่วเสวี่ยยิ้ม “เธอย่อมรู้จักหมอแผนโบราณอยู่ไม่น้อย”

รองผู้อำนวยการสวีไม่พูดอะไรแล้ว

เหยียนรั่วเสวี่ยรู้ว่าเขาเริ่มหวั่นไหว จึงไม่พูดอะไรให้มากความ “ฉันจะรอข่าวดีจากรองผอ.สวีนะคะ”

ขอแค่เธอได้คะแนนเสียงจากรองผู้อำนวยการสวี นักวิจัยคนอื่นก็จะโหวตตามรองผู้อำนวยการสวีไปด้วย

ตำแหน่งผู้สืบทอดต้องตกเป็นของเธอแน่

รองผู้อำนวยการสวีหวั่นไหวจริง ความคิดของเขาตีกันอยู่สักพัก สุดท้ายก็ยอมแพ้ให้กับแพทย์แผนโบราณ

แต่เขาก็ยังติดค้างอยู่ในใจ เขาลุกออกไปที่เขตบ้านพัก

เขาไปที่บ้านของพ่อคุณนายจี้

หลังจากที่พ่อคุณนายจี้หายดี เดินเหินคล่องแคล่ว ก็จะออกไปเดินเล่นรดน้ำต้นไม้ทุกวัน

พอเห็นรองผู้อำนวยการสวีมาหาเขาก็วางบัวรดน้ำลง “เสี่ยวสวีมาเหรอ”

“ท่านผู้อาวุโส ขอโทษจริงๆ ครับ” รองผู้อำนวยการสวีเม้มริมฝีปาก ถอนหายใจ

“เรื่องเลือกผู้สืบทอดครั้งนี้ เกรงว่าผมจะช่วยพวกท่านไม่ได้แล้วครับ”

พอได้ยินแบบนี้ชายชราก็ขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”

รองผู้อำนวยการสวีเป็นคนที่เขาปลุกปั้นขึ้นมา ถือเป็นคนสนิทของเขา

ช่วงหลายปีมานี้ก็ได้รองผู้อำนวยการสวีแอบช่วยอยู่หลายเรื่อง ไม่อย่างนั้นจี้อี้หางกับคุณนายจี้ได้ถูกจี้อี้หยวนเล่นงานไปนานแล้ว

“ท่านก็รู้เรื่องอาการป่วยของภรรยาผม…เฮ้อ” รองผู้อำนวยการสวีไม่พูดอะไรมาก

“ขอโทษจริงๆ ครับ ศาสตราจารย์เหยียนบอกว่า เธอช่วยเชิญหมอแผนโบราณมารักษาภรรยาผมให้หายได้ครับ”

สีหน้าของชายชราขรึมลง

เขากะแล้วว่าต้องเกี่ยวข้องกับเหยียนรั่วเสวี่ย

แต่หมอแผนโบราณเหรอ

“หมอแผนโบราณเหรอ” ชายชราครุ่นคิด “นายแค่ต้องการหมอแผนโบราณเหรอ”

รองผู้อำนวยการสวีอึ้ง “อะไรคือแค่ต้องการเหรอครับ”

สมัยนี้ในเมืองตี้ตูไปหาหมอแผนโบราณได้ตามสะดวกแล้วเหรอ

รองผู้อำนวยการสวีส่ายหน้า คิดในใจ ผู้อาวุโสพอลงจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการสมองก็ไม่ค่อยปกติแล้ว

ในแวดวงชั้นยอดของตี้ตู ตระกูลจี้อยู่สูงกว่าตระกูลมู่กับตระกูลเนี่ยหนึ่งขั้น

แต่ก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดี

ตระกูลจี้อยากเชิญแพทย์แผนโบราณก็ต้องเชิญผ่านทางตระกูลเดิมในโลกจอมยุทธ

ตระกูลเดิมไม่อนุญาตให้คนในตระกูลจี้ติดต่อกับโลกจอมยุทธ และโลกแพทย์แผนโบราณ เพื่อป้องกันการหักหลัง

แม้แต่ผู้อำนวยการก็ยังไม่มีความสามารถต่อรองกับทางตระกูลเดิมได้ เพื่อให้ตระกูลเดิมช่วยเชิญแพทย์แผนโบราณมา

อย่างไรเสียเขาก็ถึงวัยที่ใกล้เกษียณเต็มที แถมเขาไม่ได้แซ่จี้ ใครจะเป็นนายของตระกูลจี้ก็ไม่ได้ส่งผลต่อเขามากนัก

งั้นเขาจะโหวตให้เหยียนรั่วเสวี่ย

รองผู้อำนวยการสวีลุกขึ้น ไม่พูดอะไรอีก “ขอตัวนะครับผู้อาวุโส”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท