คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 541 อิ๋งจื่อจิน ‘คนของฉันก็มาแล้วค่ะ’

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 541 อิ๋งจื่อจิน ‘คนของฉันก็มาแล้วค่ะ’

นอกจากนี้ยังมีแพทย์แผนโบราณอีกสองคนที่มีชื่อเสียงพอๆ กับเธอ ฝีมือการรักษาล้ำเลิศเช่นกัน

คนหนึ่งคือเมิ่งชิงเสวี่ยจากตระกูลเมิ่ง ปีนี้อายุยี่สิบสี่ปี

อีกคนหนึ่งคือฝูเฉินจากตระกูลฝู ปีนี้อายุยี่สิบหกปี

อัจฉริยะของโลกแพทย์แผนโบราณเหล่านี้ ไม่ว่าอย่างไรก็อายุเกินยี่สิบปีแล้ว อีกทั้งยังได้ซึมซับอยู่ในตระกูลแพทย์แผนโบราณ

รองผู้อำนวยการสวีย่อมรู้จักอิ๋งจื่อจิน รู้ว่าเธอเป็นลูกบุญธรรมของเวินเฟิงเหมียน เมื่อก่อนเคยใช้ชีวิตอยู่ที่อำเภอยากแค้นกับเวินเฟิงเหมียนมาตลอด

เกรงว่าจะไม่เคยเข้าไปแม้แต่โลกแพทย์แผนโบราณด้วยซ้ำ แล้วจะรักษาได้อย่างไร

“เสี่ยวสวี นี่ก็คือคุณอิ๋งที่ฉันพูดถึง” ชายชรามีท่าทีให้เกียรติอิ๋งจื่อจินมาก “เธอรักษาภรรยาของนายได้”

รองผู้อำนวยการสวีอดยิ้มเศร้าไม่ได้ “ผู้อาวุโสครับ ท่านกำลังล้อผมเล่นเหรอครับ เชิญทั้งทีก็ช่วยเชิญหมออาวุโสมาหน่อยสิครับ”

“ล้อเล่นงั้นเหรอ ล้อเล่นที่ไหนกัน” ชายชราถลึงตาใส่ ชักโมโห

“ฉันบอกแล้วว่าฝีมือการรักษาของคุณอิ๋งไม่ด้อยไปกว่าหมอในโลกแพทย์แผนโบราณ”

“รองผอ.สวีครับ เข้าไปลองดูก่อนก็ได้นะครับ” เวินเฟิงเหมียนพูด

“เยาเยาอายุน้อย รองผอ.กังวล ผมเข้าใจครับ”

รองผู้อำนวยการสวีพยักหน้า รีบพูดขึ้น “คุณอิ๋ง ผมไม่ได้ตั้งแง่ใส่คุณนะครับ ก็แค่…”

“เข้าใจค่ะ” อิ๋งจื่อจินไม่เก็บมาใส่ใจ “เข้าไปก่อนแล้วกันค่ะ”

เรื่องอายุของเธอชวนให้น่าสงสัยจริงๆ

แต่แบบนี้ก็ดี ขจัดความยุ่งยากไปได้ไม่น้อย

ศูนย์วิจัยของตระกูลจี้รวยมาก ไม่อย่างนั้นไม่มีทางมีอุปกรณ์ทดลองเยอะแยะขนาดนั้น

เพื่อให้พ่อของเธอเบิกค่ายาให้เธอได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้พ่อของเธอเป็นผู้สืบทอดให้ได้

ทุกคนเดินเข้าไป

คุณนายสวีเพิ่งผ่านความทุกข์ทรมานเจ็บปวดหัวใจ กินยาแล้วหลับไป

อิ๋งจื่อจินจับชีพจรของคุณนายสวี ถ่ายทอดกำลังภายในที่เบาบางมากเข้าไป ผ่านไปสักพักเธอก็พูดขึ้น

“ช่วงเวลาที่เธอทรมานมีสามช่วง แปดโมงเช้าถึงเก้าโมงเช้า บ่ายสามถึงบ่ายสี่ ตอนเย็นสี่ทุ่มถึงห้าทุ่ม”

“บางครั้งตอนตีสองจะตื่นมาอ้วกเป็นเลือด”

รองผู้อำนวยการสวีตกใจมาก แทบไม่อยากเชื่อ “คุณอิ๋ง เทพมากเลยครับ!”

ตอนนี้เขาเชื่ออย่างสิ้นเชิงแล้ว

“ไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร” อิ๋งจื่อจินหยิบยาที่ทำมาก่อนแล้วในโลกแพทย์แผนโบราณ

“แบ่งกินสามครั้งค่ะ”

รองผู้อำนวยการสวีรับกล่องยานั้นมาอย่างระมัดระวัง “ป้อนตอนนี้ได้ไหมครับ”

“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “จะช่วยให้เธอตื่นขึ้นมา”

รองผู้อำนวยการสวีได้ฟังก็ยกน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ขึ้นมาทันที ป้อนยาให้คุณนายสวีกินหนึ่งเม็ด

ยังไม่ถึงหนึ่งนาทีคุณนายสวีก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

พอเธอลืมตาก็เห็นเด็กสาวที่นั่งอยู่ขอบเตียงกำลังจับชีพจรของเธออยู่ เธอตกใจ

“เหล่าสวี เหมือนฉันจะเห็นนางฟ้า”

รองผู้อำนวยการสวี “…”

คุณนายของเขาเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า

“อย่างอื่นไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วค่ะ” อิ๋งจื่อจินพูด “พักผ่อนสองสามวัน”

“คุณอิ๋ง ขอบคุณมากเลยครับ” รองผู้อำนวยการสวีพูดขอบคุณหลายครั้ง

“นักวิจัยที่อยู่สายผมกับรองผู้อำนวยการคนอื่นจะโหวตให้เฟิงเหมียนแน่นอนครับ แต่ว่า…”

เขาขมวดคิ้ว “เหยียนรั่วเสวี่ยไม่ธรรมดาจริงๆ คิดว่าสุดท้ายคะแนนอาจเสมอกันก็ได้”

“ไม่เป็นไรค่ะ” อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “เจอกันวันศุกร์ค่ะ”

เหยียนรั่วเสวี่ยรออยู่สองสามวันก็ยังไม่ได้คำตอบจากรองผู้อำนวยการสวี อดหงุดหงิดในใจไม่ได้

แต่อาการป่วยของคุณนายสวีก็มีแค่แพทย์แผนโบราณที่รักษาได้

เหยียนรั่วเสวี่ยไม่กลัวรองผู้อำนวยการสวีกลับคำ

นักวิจัยทางการของตระกูลจี้มีทั้งหมดสองพันสองร้อยเจ็ดสิบเก้าคน รองผู้อำนวยการเจ็ดคน

คะแนนโหวตของรองผู้อำนวยการหนึ่งเสียงเท่ากับคะแนนของนักวิจัยสิบเสียง

การโหวตครั้งสุดท้ายจะจัดขึ้นที่ศูนย์ใน นอกจากตัวเลือกผู้สืบทอดแล้วก็มีแค่ผู้อำนวยการกับรองผู้อำนวยการที่อยู่

พวกนักวิจัยจะอยู่ด้านนอก โหวตผ่านอุปกรณ์แล้วนำไปรวมกันในตอนท้าย

ทางตระกูลเดิมของตระกูลจี้ส่งมาแค่หัวหน้าทีมคุ้มกันมาคนเดียว

หัวหน้าทีมคุ้มกันไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แค่มีหน้าที่สังเกตการณ์

อิ๋งจื่อจินตามเวินเฟิงเหมียนเข้าไปนั่งด้านขวา เธอดูเวลา เตรียมพักผ่อนสักครู่ก่อน

“ตุบ” หนังสือเล่มหนึ่งถูกโยนลงบนโต๊ะ

“รู้เรื่องที่ฉันกับอันเหอถูกมหาวิทยาลัยตี้ตูไล่ออกแล้วใช่ไหมล่ะ ภูมิใจมากใช่ไหม” เหยียนรั่วเสวี่ยนั่งลงฝั่งตรงข้าม ยิ้มอย่างเย็นชา “หวังว่าอีกเดี๋ยวเธอยังจะอวดดีแบบนี้ได้อีกนะ””

เมื่อเธอได้ตำแหน่งผู้สืบทอด เรื่องแรกที่จะทำก็คือไล่พวกคนที่ขวางหูขวางตาเธอออกจากตระกูลจี้

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น ไม่สนใจ หันไปพูด “พ่อมีที่อุดหูไหมคะ”

เวินเฟิงเหมียนนวดขมับ จนปัญญา “ไม่มี เยาเยา อยากกลับไปนอนไหม”

อิ๋งจื่อจินเงียบ

เธอเคยชินกับการถามหาที่อุดหูจากฟู่อวิ๋นเซินแล้ว ช่างเถอะ

อิ๋งจื่อจินพิงเก้าอี้ พักสายตา

ไม่นานคนก็มากันครบ ผู้อำนวยการนั่งหัวโต๊ะ

“ประกาศกฎกติกาไปหมดแล้ว งั้นผมก็จะไม่พูดอะไรมากแล้ว เริ่มโหวตเลยแล้วกัน รองผอ.หลิว เริ่มจากคุณ”

รองผู้อำนวยการหนึ่งคนดูแลหนึ่งพื้นที่

พอพวกรองผู้อำนวยการโหวตเสร็จ บรรดานักวิจัยของแต่ละพื้นที่ก็จะลงคะแนนโหวต

บนหน้าจอแสดงผลโหวตอย่างรวดเร็ว

อันดับหนึ่ง เหยียนรั่วเสวี่ย 789 คะแนน

อันดับสอง เวินเฟิงเหมียน 569 คะแนน

ห่างกันสองร้อยกว่าคะแนน ถือว่ามากทีเดียว

อีกสี่คนที่เหลือไม่มีแรงแข่งขันอะไรแล้ว

เหยียนรั่วเสวี่ยแสยะยิ้ม

เธอสะสมบารมีในตระกูลจี้มาหลายปีย่อมซื้อใจคนได้มากมาย

เวินเฟิงเหมียนเพิ่งกลับมายังคิดจะเทียบกับเธออีกเหรอ

“รองผู้อำนวยการสวี” ผู้อำนวยการยกมือให้สัญญาณ “ตาคุณแล้ว”

เหยียนรั่วเสวี่ยยิ้ม “รองผู้อำนวยการสวีโหวตให้ฉัน คงไม่ต้องโหวตแล้วล่ะค่ะ”

ขอแค่เธอได้คะแนนโหวตเกินพันก็จะชนะอย่างไม่ต้องสงสัย

ตัวเลือกผู้สืบทอดคนอื่นกับพวกรองผู้อำนวยการที่เลือกเวินเฟิงเหมียนต่างมองหน้ากัน ขมวดคิ้วเล็กน้อย

รองผู้อำนวยการสวีเหลือบมองเหยียนรั่วเสวี่ย มือชะงัก จากนั้นก็กดเลือก

คะแนนขยับอีกครั้ง

อันดับหนึ่ง เวินเฟิงเหมียน 892 คะแนน

อันดับสอง เหยียนรั่วเสวี่ย 858 คะแนน

คะแนนพลิกแบบนี้ทำให้รอยยิ้มของเหยียนรั่วเสวี่ยเริ่มชะงัก

“รองผอ.สวี!” เธอมองด้วยสายตาเย็นชา แสยะยิ้ม “อยากให้เมียตัวเองตายเหรอคะ”

กล้าหลอกเธอ!

“ขอบคุณศาตราจารย์เหยียนที่เป็นห่วง” รองผู้อำนวยการสวีพูดเสียงแข็ง

“ภรรยาของผมหายดีแล้ว ผมย่อมไม่กลัวคำขู่ของคุณ ผมจะเลือกใครมันก็เรื่องของผม”

เหยียนรั่วเสวี่ยสีหน้าเปลี่ยน “หายแล้วเหรอ ล้อฉันเล่นเหรอคะ”

อาการป่วยของคุณนายสวีจะมีใครรักษาได้อีกนอกจากแพทย์แผนโบราณ

ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องที่ลืมไปสนิท…

จี้อี้หยวนเคยบอกเธอเรื่องที่จี้อี้หางได้บัตรเชิญงานประมูลครั้งนั้น แถมยังได้นั่งบนห้องส่วนตัว

แต่เธอไม่เคยเห็นจี้อี้หางคลุกคลีกับแพทย์แผนโบราณคนไหนมาก่อน

ใครกัน?

“ศาสตราจารย์เหยียน รักษามารยาทด้วย” ผู้อำนวยการพูดขึ้นอีกครั้ง

“สุดท้ายถึงตาคุณแล้ว รองผู้อำนวยการหลี่”

รองผู้อำนวยการหลี่พยักหน้า โหวตตามความคิดของตัวเอง

คะแนนรวมขยับเป็นครั้งสุดท้าย

อันดับหนึ่ง เวินเฟิงเหมียน 984 คะแนน

อันดับสอง เหยียนรั่วเสวี่ย 984 คะแนน

เสมอตามคาด

ทุกคนพากันซุบซิบ

“นี่คือคะแนนผลงานของศาสตราจารย์เวินกับศาสตราจารย์เหยียน” ผู้อำนวยการไม่แปลกใจ เปิดแฟ้มเอกสารแล้วชี้บนหน้าจอยักษ์ “คะแนนผลงานของศาสตราจารย์เวินสูงกว่าศาสตราจารย์เหยียน”

“เดือนล่าสุดศาสตราจารย์เวินได้ตีพิมพ์ไปหลายบทความ ทั้งยังได้ขึ้นวารสารวิทยาศาสตร์หมด ในด้านนี้ก็ไม่ด้อยไปกว่าศาสตราจารย์เหยียน”

“ตามกฎ หากคะแนนเสมอกันก็ควรเป็นศาสตราจารย์เวิน…”

ยังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ

เหยียนรั่วเสวี่ยที่กำลังใจคอไม่ดีถึงโล่งอก ยิ้มออกมาอีกครั้ง

“ผู้อำนวยการเปิดประตูสิคะ น่าจะคนที่ศาสตราจารย์มานูเอลส่งมาช่วยฉัน”

ผู้อำนวยการหน้าเครียด ให้คนไปเปิดประตูทันที

ผู้ชายสวมชุดสูทคนหนึ่งเดินเข้ามา ในมือมีกระเป๋าเอกสาร รูปร่างสง่าผ่าเผย

“สวัสดีครับทุกท่าน” ชายหนุ่มยิ้มอย่างสุภาพ “ผมคือดุ๊ก เทเลอร์ เป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบห้องทดลองของศาสตราจารย์มานูเอลครับ”

ผู้อำนวยการรีบลุกขึ้น “คุณดุ๊ก สวัสดีครับ คุณมาที่ตระกูลจี้ได้นับเป็นเกียรติมากครับ”

ห้องทดลองของมานูเอลเป็นการร่วมลงทุนระหว่างตระกูลเทเลอร์กับตระกูลแพชช์ โด่งดังไปทั่วโลก

ไม่มีใครในวงการนักวิจัยวิทยาศาสตร์ไม่รู้จัก

“พวกเรารู้ว่าวันนี้ตระกูลจี้มีการเลือกผู้สืบทอด จึงตั้งใจมาเป็นกำลังใจให้คุณเหยียนครับ” ดุ๊กหยิบเอกสารหลายฉบับออกมาจากกระเป๋าเอกสาร “นี่เป็นเงื่อนไขพิเศษของทางห้องทดลอง ขอแค่คุณเหยียนได้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลจี้ เงื่อนไขพวกนี้ก็จะเกิดขึ้นครับ”

ผู้อำนวยการรับเอกสารไปฉายขึ้นหน้าจอยักษ์

ในเวลาเดียวกัน บรรดานักวิจัยที่โหวตอยู่ด้านนอกก็เห็นด้วย

ทุกคนแทบหยุดหายใจ

ในเอกสารเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าจะให้ส่วนประกอบการทดลองจำนวนมากแก่ตระกูลจี้ รวมถึงของหายากระดับโลกที่ไม่มีแม้แต่ช่องทางหาซื้อ

ถึงขั้นที่ว่ายังจะให้สิทธิ์นักวิจัยของตระกูลจี้เข้าร่วมห้องทดลองของมานูเอล

“ขอทุกท่านโปรดพิจารณาด้วยครับ” ดุ๊กยิ้ม “พวกเราร่วมงานแค่กับคุณเหยียน ตระกูลจี้ยังไงก็แซ่จี้ รับรองว่าตระกูลจี้จะมีสถานะที่สูงขึ้นในแวดวงวิจัยวิทยาศาสตร์แน่นอนครับ”

บรรยากาศเข้าสู่ความตึงเครียด

หลายคนเริ่มหวั่นไหว

นับตั้งแต่ดุ๊กปรากฏตัว เหยียนรั่วเสวี่ยก็ยิ้มตลอด พูดอย่างมั่นใจ

“เห็นหรือยังคะ ต่อให้คะแนนผลงานของเวินเฟิงเหมียนสูงกว่าฉัน ตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลจี้ก็ต้องเป็นของฉันอยู่ดี”

เธอติดต่อทางยุโรปไว้ก่อนแล้ว

ผู้บริหารระดับสูงของตระกูลจี้ไม่มีทางปฏิเสธเงื่อนไขแบบนี้ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของตระกูลจี้

แน่นอนว่าถ้ารองผู้อำนวยการสวีอยู่ฝั่งเธอ เธอคงไม่มีทางให้ดุ๊กเข้ามา

ผู้อำนวยการสวีรวบรวมความคิดเห็นของพวกรองผู้อำนวยการ สุดท้ายก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น

“งั้นก็ให้ศาสตราจารย์เหยียน…”

มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งในเวลานี้ ขัดจังหวะคำพูดของผู้อำนวยการ

คนที่อยู่ในห้องประชุมต่างอึ้ง

วันนี้มันอะไรกัน

อิ๋งจื่อจินที่นั่งพักสายตาอยู่ตลอดได้ลืมตาขึ้น ค่อยๆ บิดขี้เกียจ

“รอเดี๋ยวนะคะ คนของฉันก็มาแล้วค่ะ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท