คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 542 ระเบิดสามลูก!

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 542 ระเบิดสามลูก!

ก็มาแล้วงั้นเหรอ

พอได้ยินแบบนี้คนอื่นๆ ต่างมองหน้ากัน ต่างสงสัย ยกเว้นเวินเฟิงเหมียน

แม้แต่รองผู้อำนวยการสวีก็ไม่รู้ว่ายังจะมีใครมาอีกที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในตอนนี้ได้

มานูเอลเชียวนะ!

คนที่มีสถานะและตัวตนเทียบเท่าเขาในวงการวิจัยวิทยาศาสตร์ระดับโลก แค่มือเดียวก็พอนับ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าห้องทดลองของมานูเอลร่วมกับสองตระกูลมหาเศรษฐีแห่งยุโรปอย่างตระกูลเทเลอร์กับตระกูลแพชช์ยื่นข้อเสนอที่ดีแบบนี้ให้ตระกูลจี้

ยังจะมีอะไรมาแก้เกมได้อีก

ผู้อำนวยการก็สงสัย แต่สุดท้ายก็ออกคำสั่งอีกครั้ง “ไปเปิดประตู”

ประตูถูกเปิดออกทันที มีคนเดินเข้ามา

เป็นผู้ชายใบหน้าตะวันตกเหมือนกัน แต่ไม่ได้สวมชุดสูท สวมชุดนักวิจัยสีขาว

ผู้ช่วยของเกอร์เวน

เกอร์เวนไม่เหมือนมานูเอล ไม่ค่อยชอบเปิดเผยตัวต่อหน้าสาธารณชน

งานแถลงโปรเจ็กต์นั้นเมื่อเดือนมิถุนายนถือเป็นครั้งแรกที่เขาเปิดตัวโปรเจ็กต์ของตัวเองให้ทั้งโลกได้รับรู้

แม้จะเป็นพวกศาสตราจารย์ดอกเตอร์หรือนักวิจัยในแวดวงวิจัยวิทยาศาสตร์ เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ก็เคยเห็นเขาแค่ในข่าว

กอปรกับห้องทดลองมีความลับสูงมาก ส่วนใหญ่จึงไม่มีใครเคยเห็นผู้ช่วยของเกอร์เวนเช่นกัน

ทางประเทศจีนยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“อิ๋งจื่อจิน ฉันเตือนแล้วนะ อย่าทำอวดดีให้มากนัก” เหยียนรั่วเสวี่ยย่อมไม่เคยเจอ เธอเอานิ้วเคาะโต๊ะ แสยะยิ้ม “เธอคงไม่ได้คิดว่าหาคนยุโรปมาสักคนก็จะมาสู้ศาสตราจารย์มานูเอลได้หรอกนะ”

คิดว่าเป็นเกอร์เวนหรือไง

น่าตลกสิ้นดี

เธอรู้จักกับทางห้องทดลองมานูเอลมานานแล้ว รู้ว่าเกอร์เวนเป็นพวกคลั่งวิทยาศาสตร์ ไม่แคร์เรื่องชื่อเสียงหรือผลประโยชน์ มีเหรอจะมายุ่งเรื่องในตระกูลจี้

แต่สีหน้าของดุ๊กเปลี่ยนไปทันที เรียกได้ว่าตะลึง

“ขอผมแนะนำตัวหน่อยนะครับ ผมเป็นผู้ช่วยของศาสตราจารย์เกอร์เวนครับ” ผู้ช่วยมองเหยียนรั่วเสวี่ยด้วยสายตาตกใจนิดหน่อย จากนั้นก็หันไปพยักหน้าให้อิ๋งจื่อจิน “ทุกท่านคงทราบว่าสถานะของศาสตราจารย์มีความพิเศษ มาด้วยตัวเองไม่ได้ ก็เลยส่งแค่ผมมา ขออภัยด้วยครับ”

“…” ชื่อเกอร์เวนเป็นเหมือนลูกระเบิดดัง ‘ตูม’ อยู่ข้างหูทุกคน

คราวนี้ไม่ใช่แค่ผู้อำนวยการ คนที่อยู่ในห้องประชุมต่างยืนขึ้น

ผู้อำนวยการกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พูดอย่างยากลำบาก “คุณบอกว่าคุณเป็นผู้ช่วยของศาสตราจารย์เกอร์เวนเหรอครับ!”

ผู้ช่วยยิ้มอีกครั้ง “แต่ผมติดต่อศาสตราจารย์ให้แล้ว ให้เขาทักทายทุกท่านหน่อยนะครับ”

เขาเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่พกติดตัว

ผู้อำนวยการมือสั่น รีบเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ขึ้นหน้าจอยักษ์ทันที

ทุกคนเงยหน้ามองไป

บนหน้าจอเป็นชายสูงวัยอายุเกินห้าสิบปี ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะมีรอยเหี่ยวย่น แต่ก็ดูสดชื่นมีชีวิตชีวา มีสง่าราศี

รองผู้อำนวยการสวีมือสั่น ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาค้นหารูปถ่ายของเกอร์เวน จากนั้นก็นั่งตัวแข็งบนเก้าอี้ สบถออกมาด้วยความตกใจ “xx…”

เขาตาบอดเอง!

พวกนักวิจัยที่อยู่ด้านนอกก็ตะลึงกันหมด

“ศาสตราจารย์เกอร์เวน! ใช่ศาสตราจารย์เกอร์เวนจริงด้วย!”

“เหมือนในรูปเปี๊ยบเลย!”

“สวัสดีทุกคนในตระกูลจี้ครับ” เกอร์เวนพูดภาษาอังกฤษ เขาเรียนภาษาจีนแล้วไม่ได้จริงๆ “ผมคือเกอร์เวน โกดอลฟิน ดีใจที่ได้พบทุกคนที่นี่ครับ”

“นักศึกษาอิ๋งจื่อจินเป็นผู้ร่วมงานของผม ผมไม่เคยรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ แต่อุตส่าห์มาขอให้ผมช่วย ผมก็เลยขอเอาใบหน้าแก่ๆ มาพบทุกคนหน่อยครับ”

“…”

เกิดความเงียบขึ้นในห้องประชุมอีกครั้ง

แม้แต่เวินเฟิงเหมียนก็ค่อยๆ หันไปมองอิ๋งจื่อจิน

อิ๋งจื่อจินมีสีหน้าใจเย็น เธอมองเกอร์เวนที่อยู่บนหน้าจอพลางเลิกคิ้ว “เลิกแกล้งเถอะค่ะศาสตราจารย์”

“ผมไม่ได้แกล้ง ผมพูดความจริงนะ” ศาสตราจารย์เกอร์เวนทำหน้าจริงจัง “ได้ช่วยคุณสักครั้ง ผมดีใจมากนะ”

บุญคุณที่ช่วยชีวิต ต่อให้ทำมากกว่านี้ก็ยังไม่พอตอบแทน

ภายในห้องประชุมเงียบจนถึงขั้นที่ว่าแค่เข็มหล่นก็ยังได้ยินเสียง

รองผู้อำนวยการสวีเอามือทาบอก มืออีกข้างปาดเหงื่อ สบถออกมาอีกครั้ง “XX…”

อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่พวกศาสตราจารย์ของทางยุโรปเวลาเจอเกอร์เวนยังต้องให้ความเคารพ

แน่นอนว่าจะได้เจอตัวจริงไหมนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่อิ๋งจื่อจินล่ะ

ทักทายอย่างสนิทสนมกับเกอร์เวนอยู่ตรงนี้

โลกจะแตกแล้วหรือเปล่า!

เหยียนรั่วเสวี่ยตัวสั่น ดวงตาเบิกโพลง ไม่อยากจะเชื่อ

สีหน้าของเธอเริ่มซีดลง เหงื่อออกเต็มหลัง

เกอร์เวน!

ไม่ว่ายังไงเธอก็คาดไม่ถึงว่าคนที่อิ๋งจื่อจินเรียกมาจะเป็นคนของห้องทดลองเกอร์เวนจริงๆ!

เป็นไปได้ยังไง

เหยียนรั่วเสวี่ยพยายามสงบสติอารมณ์ แสยะยิ้ม “วิดีโอนี้ของปลอมแน่นอน! อันเหอบอกฉันว่า อิ๋งจื่อจินมีฝีมือด้านคอมพิวเตอร์ ไม่แพ้นักศึกษาป.โทของสาขาคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยตี้ตูเลยด้วยซ้ำ!”

“ทำคลิปปลอมก็เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ใช่เหรอ”

หินก้อนเดียวตีคลื่นได้พันชั้น

ทุกคนเริ่มพากันซุบซิบ แต่กลับไม่ได้ผลลัพธ์แบบที่เหยียนรั่วเสวี่ยต้องการ

“คุณอิ๋งยังเก่งคอมพิวเตอร์ด้วยเหรอ”

“จะเก่งเกินไปแล้ว เธอร่วมทำการทดลองชีวเคมีด้วยนะ เก่งทุกอย่างเลยเหรอ”

“สาขาคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยตี้ตู ป.โทสอบเข้ายากกว่าอีก”

“ศาสตราจารย์เวินมีลูกสาวเก่งมากจริงๆ เดี๋ยวเลิกประชุมฉันจะกลับบ้านไปอัดลูกชายตัวแสบสักยก”

เหยียนรั่วเสวี่ยฟังแล้วก็โกรธหน้าเขียว เธอกัดฟัน หันไปพูดกับดุ๊กด้วยภาษาอังกฤษ “คุณดุ๊กคะ ช่วยพูดอะไรหน่อยสิคะ! ศาสตราจารย์เกอร์เวนจะปรากฏตัวได้ยังไง!”

ดุ๊กไม่ตอบ แต่สีหน้าตะลึงของเขาคือคำตอบทั้งหมด

เหยียนรั่วเสวี่ยใจหายวาบในทันที

หรือว่า…

“ไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงคนนี้คือใคร มาหาว่าผมเป็นตัวปลอม” เกอร์เวนเข้าใจประโยคนี้ที่เป็นภาษาอังกฤษ เขาดันแว่นตา “ผมยืนยันว่าผมเป็นตัวจริงแน่นอน ถ้าสายตากับสมองของคุณผู้หญิงคนนี้มีปัญหา ผมรู้จักโรงพยาบาลที่นี่ ช่วยแนะนำให้ได้นะครับ”

“ศาสตราจารย์เกอร์เวน พวกเราเชื่อครับ เชื่อแน่นอน!” ผู้อำนวยการรีบพูดขึ้น “เธอรับไม่ได้ในชั่วขณะ อย่าไปถือสาเธอเลยครับ”

เกอร์เวนพยักหน้า “ผมยังมีอีกเรื่อง ไม่ขอพูดอะไรให้มากความแล้วกัน ถ้ามีใครสามารถเข้าห้องทดลองของผมได้ พวกเราจะได้เจอกันที่ยุโรป ยินดีต้อนรับทุกคนครับ”

จบการวิดีโอคอลเพียงเท่านี้ แต่ทุกคนยังคงตะลึงดึงสติกลับมาไม่ได้

ผู้ช่วยไม่ได้ปิดคอมพิวเตอร์ แต่กดเปิดเอกสารฉบับหนึ่ง “คุณอิ๋งเป็นนักวิจัยอันดับหนึ่งของห้องทดลองเกอร์เวน ศาสตราจารย์ย่อมช่วยธุระของเธอครับ”

“นี่เป็นเงื่อนไขของทางเราครับ”

ถึงแม้มานูเอลกับเกอร์เวนต่างก็เป็นศาสตราจารย์ชั้นแนวหน้าของโลก แต่ก็ยังมีความแตกต่างอยู่บ้าง

ช่องทางหาซื้อส่วนประกอบการทดลองที่ห้องทดลองมานูเอลสามารถเปิดเผยได้ ทางเกอร์เวนก็มีเช่นกัน

รวมถึงโควตาทดสอบเข้าห้องทดลอง

แต่นี่ยังไม่ใช่ทีเด็ด

ผู้ช่วยยิ้มอีกครั้ง “ทุกท่านน่าจะทราบอยู่แล้วว่าห้องทดลองของศาสตราจารย์มีสองฝ่ายที่มาร่วมลงทุน”

“สำหรับตระกูลจี้ พวกเราก็ตัดสินใจจะนำเงินจำนวนหนึ่งมาลงทุน ซึ่งก็ได้รับอนุญาตจากสองสปอนเซอร์แล้วครับ”

นี่เป็นเอกสารฉบับที่สอง หนังสือสัญญาการโยกย้ายเงินทุน มีลายเซ็นของเกอร์เวน

ด้านล่างยังมีสองสัญลักษณ์

ตระกูลลอเรนท์!

วีนัสกรุ๊ป!

ตระกูลอันดับหนึ่งของโลกกับเครือบริษัทอันดับหนึ่งของโลก

ระเบิดสามลูก สมองกระจุยกันไปเลย

แบบนี้ยังจะต้องเลือกอีกเหรอ

ผู้อำนวยการไม่แม้แต่จะมองเหยียนรั่วเสวี่ยที่หน้าซีด พูดขึ้นทันที “ตระกูลจี้กับศูนย์วิจัย ให้ศาสตราจารย์เวินเฟิงเหมียนรับช่วงต่อครับ มีใครไม่เห็นด้วยไหม”

ไม่มีใครพูดอะไร

เหยียนรั่วเสวี่ยปากสั่น หัวใจแทบหยุดเต้น

สมองตื้อไปหมด

เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!

ทั้งๆ ที่คนกุมชัยชนะเป็นเธออยู่แท้ๆ

เธอทำอะไรไปตั้งมากมายเพื่อเชิญคนของห้องทดลองมานูเอลมาให้ได้

“ผู้อำนวยการครับ” เวลานี้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งรีบร้อนเดินเข้ามากระซิบข้างหูผู้อำนวยการ

ผู้อำนวยการสีหน้าเปลี่ยน “ไม่รั่วไหลใช่ไหม”

“ไม่มีครับ” เจ้าหน้าที่คนนั้นส่ายหน้า “มีแฮกเกอร์ช่วยขวางไว้ให้ครับ”

“งั้นก็ดีๆ” ผู้อำนวยการโล่งอก จากนั้นสีหน้าก็บึ้งลง “เหยียนรั่วเสวี่ย คุณใจกล้ามากนะ คิดจะหักหลังตระกูลจี้ จับตัวไว้!”

เหยียนรั่วเสวี่ยยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกคนคุ้มกันสองคนของตระกูลเดิมควบคุมตัวไว้

เกิดความวุ่นวายขึ้นในห้องประชุม

ดุ๊กอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสนใจรีบเก็บกระเป๋าแล้วค่อยๆ ย่องออกไปข้างนอก

เขาโทรศัพท์ พูดด้วยน้ำเสียงลนลาน “ทะ ท่านครับ รู้ไหมครับ ในที่สุดผมก็ได้เจอนักวิจัยอันดับหนึ่งของห้องทดลองเกอร์เวนแล้ว เธอคือ…”

ยังไม่ทันพูดจบทันใดนั้นเสียงของปลายสายก็หายไป

ดุ๊กมองโทรศัพท์มือถือในมือที่ถูกกำลังภายในระเบิดหักเป็นสองท่อน เขาตะลึง

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “จับตัวไว้”

เธอยังไม่ได้เอาเรื่องที่คราวก่อนตระกูลเทเลอร์จ้างทหารรับจ้าง

ดุ๊กตัวเย็นเฉียบ “บะ บอดี้การ์ดของฉัน…”

บอดี้การ์ดของเขาไม่มีความเคลื่อนไหว ถูกจัดการหมดแล้วงั้นเหรอ!

เขามองอิ๋งจื่อจิน อยู่ๆ ก็นึกถึงคลิปวิดีโอครั้งก่อน

เวลานี้เขาเผชิญหน้ากับเงานั้นแล้ว

ดุ๊กตกใจหน้าถอดสี “ที่แท้คุณ…”

เขาพูดต่อไม่ได้อีก ถูกปิดด้วยหน้ากากเหล็กคาดปิดปาก ต่อไปไม่สามารถพูดความจริงออกมาได้อีก

ดุ๊กกับเหยียนรั่วเสวี่ยถูกเอาตัวไปแล้ว

“พ่อคะ” อิ๋งจื่อจินถึงได้หันมา บอกค่ายาที่เธอซื้อจากโลกแพทย์แผนโบราณอย่างใจเย็นเมื่อไม่กี่วันก่อน “เงินที่หนูซื้อยาไป ถือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือเปล่าคะ”

เวินเฟิงเหมียนที่เห็นตัวเลขยาวเป็นพรวน “…”

เขาตกอยู่ในห้วงแห่งความเงียบ

จากนั้นก็เริ่มคิดว่าสาเหตุที่ลูกสาวอยากให้เขาสืบทอดตระกูลจี้กับศูนย์วิจัยเพราะมีจุดประสงค์อื่นหรือเปล่า

“อืม” เวินเฟิงเหมียนพับบิลค่ายา พยักหน้า “น่าจะต้องอีกสองสามวัน รอตระกูลจี้เรียบร้อยทั้งหมดก่อนถึงจะเอาไปเบิกกับฝ่ายการเงินได้”

จะไล่คนของทางสายเหยียนรั่วเสวี่ยออกไปจากตระกูลจี้ ต้องเชิญนักสะกดจิตมาล้างความทรงจำของพวกเขาที่เกี่ยวข้องกับตระกูลจี้ทั้งหมด

โดยเฉพาะเหยียนรั่วเสวี่ย เมื่อครู่จับได้ว่าเธอกับทางยุโรปมีข้อตกลงที่ทุจริต

เอาศูนย์วิจัยไปขายเพื่อแลกกับการสนับสนุนจากทางยุโรป

ไม่อย่างนั้นด้วยความสามารถของเธอ ยังไม่เพียงพอให้คนของห้องทดลองมานูเอลมาที่นี่เป็นการเฉพาะ

นี่ถือเป็นความผิดข้อหากบฏ

จากสัญญาที่เหยียนรั่วเสวี่ยเซ็นไว้กับตระกูลจี้ในตอนนั้น ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ต้องทำการผ่าตัด

เรื่องบางอย่างมีคนจัดการโดยเฉพาะ เวินเฟิงเหมียนไม่ต้องสนใจ

เขารับกุญแจมาจากผู้อำนวยการ ไปสถานที่ลับของศูนย์ใน

ระหว่างทางเวินทิงหลานวิดีโอคอลมา

“พ่อครับ เดือนนี้ผมระเบิดห้องทดลองไปสองครั้ง” เด็กหนุ่มถือบัตรของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน “ถูกหักทุนการศึกษาของสองเดือนนี้เกลี้ยงแล้วครับ”

เวินเฟิงเหมียน “ตอนนี้พ่อไม่อยากเห็นเงิน”

เวินทิงหลาน “…”

เวินเฟิงเหมียนถอนหายใจเบาๆ

คนอย่างเขาที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องเงินและไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อย ตอนนี้กลับรู้สึกหลอนเพราะสองพี่น้อง

เหยียนอันเหอไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการเลือกผู้สืบทอด อย่างไรเสียเธอก็ไม่ใช่นักวิจัยของตระกูลจี้

เธอรอฟังข่าวดีจากเหยียนรั่วเสวี่ยอยู่ที่บ้าน

รออยู่หนึ่งชั่วโมงเหยียนอันเหอก็ยังไม่เห็นเหยียนรั่วเสวี่ย แต่กลับเห็นผู้อำนวยการกับพวกคนคุ้มกัน

“ป้าหนูล่ะคะผู้อำนวยการ” เหยียนอันเหอลุกขึ้น ยิ้มพลางพูด “ตอนนี้หนูเข้าศูนย์ในได้หรือยังคะ”

มหาวิทยาลัยตี้ตูไม่เอาเธอไม่เป็นไร ยังมีตระกูลจี้อยู่

ศักยภาพของศูนย์ในก็ไม่ได้แย่

“เข้าศูนย์ในงั้นเหรอ” ผู้อำนวยการแสยะยิ้ม “ฝันกลางวันอยู่หรือไง เธอกับเหยียนรั่วเสวี่ยเป็นพวกเดียวกัน ใครจะไปรู้ว่าเธอทำเรื่องอะไรไว้หรือเปล่า จับตัวไว้”

คนคุ้มกันเดินเข้าไปจับตัวเหยียนอันเหอ

เหยียนอันเหองงเป็นครั้งแรก พยายามดิ้น “จับหนูทำไมคะ มีสิทธิ์อะไร!”

ผู้อำนวยการไม่เสียเวลาพูดกับเธอ ให้คนคุ้มกันเอาตัวเธอออกไป

เหยียนอันเหอก็ถูกพาไปที่ศูนย์วิจัย เห็นอิ๋งจื่อจินออกมาพอดี

เธอเม้มริมฝีปาก “ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ เธอไม่ใช่หนึ่งในผู้เข้าชิงผู้สืบทอด!”

ใครได้เป็นผู้สืบทอดกันแน่

ทั้งๆ ที่ป้าของเธอมีทางยุโรปหนุนหลัง

“ทำไมคุณอิ๋งจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้” ผู้อำนวยการพูด มองเธอด้วยสีหน้าเย็นชา “เธอเป็นนักวิจัยอันดับหนึ่งของห้องทดลองเกอร์เวน สิทธิ์ไม่ด้อยไปกว่าผู้สืบทอดตระกูลจี้”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท