คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 553 ฮือฮาอีกครั้ง! หนุนหลังให้เด็กน้อย

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 553 ฮือฮาอีกครั้ง! หนุนหลังให้เด็กน้อย

เบิร์กลุ่มหลงในศิลปะ แบบที่เวลาเป็นบ้าขึ้นมาก็ขังตัวเองอยู่ในห้องวาดภาพหนึ่งเดือน ตัดขาดจากโลกภายนอก

การแข่งขันไอเอสซีไม่มีความเกี่ยวข้องกับศิลปะ เขาไม่รู้จักด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องให้ความสนใจ

ทว่านับตั้งแต่เขากลับจากฮู่เฉิง ระหว่างที่เขาวาดรูปก็มักจะอยากส่งข้อความหาอิ๋งจื่อจิน

หนึ่งปีกว่าที่ผ่านมานี้ เบิร์กยังไม่เคยเจอใครที่วาดภาพได้เหมือนชิโน ฟอนเท่าอิ๋งจื่อจินอีกแล้ว

เพียงแต่น่าเสียดายที่อิ๋งจื่อจินงานยุ่งตลอด พวกเขาก็เลยไม่ได้เจอกันอีก

ครั้งนี้เป็นความบังเอิญ

ดีนะที่เขาสายตาดี

“…”

พอเห็นใบหน้าขยายใหญ่ของเบิร์กก็เกิดความเงียบขึ้นในห้องไลฟ์สดและห้องประชุม

เบิร์ก ไบรอันเป็นใคร?

ต่อให้มีคนไม่รู้ แต่ก่อนหน้านี้ฉินหลิงอวี๋แนะนำให้ฟังก็น่าจะรู้แล้ว

และตอนนี้เขาพูดออกมาเองว่า เขาต้องการนับถืออิ๋งจื่อจินเป็นอาจารย์

พลังโจมตีมหาศาลมาก เล่นเอาอึ้งตาค้างไปตามๆ กัน

หลีหานหันไป สีหน้าเหมือนถูกฟ้าผ่า “ระ…รุ่นน้องอิ๋ง?”

รุ่นน้องขวัญใจชาวมหาวิทยาลัยตี้ตูทำไมอยู่ๆ ก็วาดภาพสีน้ำมันเป็นด้วยล่ะ

แบบนี้จะให้พวกรุ่นพี่คณะศิลปะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!

แม้แต่เวินทิงหลานก็คิดอยู่ชั่วครู่ ถึงนึกเรื่องเทศกาลศิลปะของชิงจื้อเมื่อปีที่แล้วออก

พี่สาวของเขากวาดรางวัลของมอปลายเรียบ ได้อันดับหนึ่งมาสิบกว่ารางวัล

พี่สาวของเขาเก่งหลายอย่าง เขายังจำได้ไม่หมด

เอาเป็นว่านี่ก็ไม่ส่งผลต่ออะไร

ฮวนทำหน้าช็อก รู้สึกเหลือเชื่อ

อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ ตอบอย่างสุภาพ “เรียนจบมหาวิทยาลัยก็อาจจะว่างนะคะ”

สำหรับเธอแล้วมันไม่ประจวบเหมาะนัก

เบิร์กมีฝีมือสูงมาก ปีนี้อายุยังไม่ถึงสี่สิบก็คลำหาแนวทางของตัวเองเจอแล้ว

เธอไปสอนกลับจะเป็นการทำร้ายเขาด้วยซ้ำ

“เฮ้อ งั้นก็ยังอีกตั้งสามปี” เบิร์กเสียดาย “ไม่อย่างนั้นช่วยวาดให้ผมอีกสักภาพได้ไหมครับ”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดเล็กน้อย “ได้ค่ะ ยกให้ฟรี”

ทั้งสองคนถามตอบ ในที่สุดชาวเน็ตก็เริ่มจะได้สติกลับมา

[อื้อหือๆ! อึ้งไปเลยครับ]

[ในขณะที่คนอื่นเรียนสองมหาวิทยาลัย เทพอิ๋งกลับกลายเป็นอาจารย์ของอาจารย์ไปแล้ว]

[ขอโทษนะ ถึงแม้เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน มันเป็นสัจธรรม แต่เห็นได้ชัดว่าใช้กับเทพอิ๋งไม่ได้]

“ปรมาจารย์อิ๋ง รอเดี๋ยวนะครับ” ทันใดนั้นเบิร์กก็นึกถึงเพื่อนสนิทของตัวเอง

“ผมจะไปเรียกบาร์ตมา บาร์ตก็ไม่ได้เจอคุณอิ๋งนานแล้ว”

อิ๋งจื่อจินยังไม่ทันพูดเบิร์กก็รีบเดินออกไปแล้ว

อาจารย์ของมหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปก็งงหนักมาก

ไม่กี่นาทีต่อมาก็มีสองคนกลับมา

บาร์ตดูเป็นผู้เป็นคนกว่าเบิร์ก แต่พอเห็นอิ๋งจื่อจินก็เข้าไปตะกุยคอมพิวเตอร์ด้วยความตื่นเต้น “ปรมาจารย์อิ๋ง เมื่อไรจะมาสอนเปียโนผมครับ”

ทุกคน “…”

ฉินหลิงอวี๋สูดลมหายใจเข้าลึก เริ่มชินแล้ว

“บาร์ต เฮเบอร์ นักเปียโนชื่อดังของยุโรป และเป็นอาจารย์กิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปด้วยค่ะ”

ฮวนหายใจไม่ทัน รู้สึกวิงเวียนขึ้นมาทันที

มีเบิร์กมายังไม่พอ ยังจะมีบาร์ตด้วยเหรอ

นี่มันโลกแฟนตาซีอะไรกัน

อะเดลตบมือ ดวงตาเปล่งประกาย “พี่สาวสุดยอดมากเลย”

เธอก็เก่ง เธอถึงได้เป็นครอบครัวเดียวกันกับอิ๋งจื่อจิน

ใช่…ตรรกะนี้แหละ

ฮวนถูกโจมตีไม่เหลือสภาพ นึกเสียใจอย่างยิ่ง ทำไมเขาถึงต้องให้ทีมงานติดต่อไปที่มหาวิทยาลัยศิลปะรอยัลแห่งยุโรปด้วย

ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ดูโดดเด่นขึ้นมา กลับถูกกดให้จมลงไปด้วยซ้ำ

“ใกล้ถึงเวลากินข้าวกลางวันแล้วค่ะ” หลังจากชมมหาวิทยาลัยเสร็จฉินหลิงอวี๋ก็พูดขึ้น “วันนี้ทีมงานไม่มีอาหารกลางวันให้ และไม่ให้เงินด้วยค่ะ ทุกคนต้องไปหาเงินกันเองนะคะ”

“พวกคุณหาเงินได้เท่าไร มื้อกลางวันก็กินด้วยเงินเท่านั้นค่ะ”

ถ้าดูแต่เนื้อหาวิชาการตลอด ชาวเน็ตก็จะเหนื่อยล้าเหมือนกัน

ให้หาเงินก็เป็นการแสดงความสามารถเฉพาะของตัวเอง

ฮวนขมวดคิ้ว “ทำไมมีเงื่อนไขแบบนี้ด้วยล่ะครับ”

นี่มันรายการเฮงซวยอะไรกัน

ทุกคนพากันไปที่ถนนตะวันตกที่เป็นเส้นของกิน ฮวนหน้าบึ้งตลอดทาง

“เตรียมพื้นที่ไว้ให้ทุกคนแล้วค่ะ” ฉินหลิงอวี๋สบายๆ “ทุกคนเริ่มได้เลยนะคะ สตาฟห้ามช่วยค่ะ”

“ฮวน พวกเราจะเอาอะไรไปหาเงินดี” นักศึกษาชายที่อยู่คณะดาราศาสตร์เหมือนกันกระซิบ

“พวกเราไม่ได้เอาอะไรมาเลย”

“ใครบอกไม่ได้เอามา” ฮวนล้วงไพ่ทาโรต์ออกมาหนึ่งสำรับ “ดูดวงหาเงิน”

นักศึกษาชายคิดๆ แล้วก็รู้สึกว่าจริง รีบตั้งป้ายอย่างรวดเร็ว

บนป้ายเขียนว่า ‘ดูดวงไพ่ทาโรต์ ครั้งละแปดร้อย’

ส่วนทางด้านทีมสอง เวินทิงหลานกับหลีหานเห็นอิ๋งจื่อจินล้วงภาพถ่ายพร้อมลายเซ็นออกมาจากกระเป๋าเป้ปึกหนึ่ง

มีของฉินหลิงอวี๋ และยังมีของซังเย่าจือ

รูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของดารายอดนิยมสองคนนี้ ตลาดมือสองในเน็ตขายกันอยู่ที่ใบละห้าร้อย

อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่ทีมงานกับตัวฉินหลิงอวี๋เองก็ยังคาดไม่ถึง

ฉินหลิงอวี๋ “…พกของพวกนี้ติดตัว ไม่หนักเหรอ”

ถึงแม้อิ๋งจื่อจินจะเป็นซีอีโอของชูกวงมีเดีย ไม่ได้ขาดแคลนพวกรูปพร้อมลายเซ็น

แต่ใครมันจะบ้าพกรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นเอาไว้ในกระเป๋าเป็นปึก

อิ๋งจื่อจินค่อยๆ จัดวางรูปถ่ายพร้อมลายเซ็น “เงินทั้งนั้น”

เงินจะหนักได้อย่างไร

พูดประหลาด

ฉินหลิงอวี๋ “…”

เวินทิงหลานเดินไปนั่งข้างอิ๋งจื่อจิน วางคิวอาร์โค้ดไว้สองอัน จ่ายผ่านอะลิเพย์กับวีแชทก็มี

อืม…เรื่องพวกนี้เขาต้องเรียนรู้จากพี่สาวอีกมาก

เกิดความฮือฮาในห้องไลฟ์สด

[อื้อหือ มีคนอยู่ถนนตะวันตกหรือเปล่า รีบไป รีบไปซื้อเร็ว!]

[มาแล้วๆ เรียกรถ สิบนาทีถึง]

[ฉันผู้ซึ่งอยู่ห่างจากตี้ตูพันกว่ากิโล หล่องห้าย]

ไม่นานถนนตะวันตกก็อัดแน่นไปด้วยผู้คน

มีทั้งชายและหญิง พวกเขาต่อแถวเป็นระเบียบเรียบร้อย

อิ๋งจื่อจินขายไม่แพง

ใบละสิบหยวน

คนที่ยอมลงทุนมาจากที่ไกลๆ ล้วนเป็นแฟนคลับเหนียวแน่นของฉินหลิงอวี๋กับซังเย่าจือ

แต่ไหนแต่ไรชูกวงมีเดียไม่มีทางหาผลประโยชน์จากแฟนคลับของดารา ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

[ฮือๆ สิบหยวน! สิบหยวนก็ซื้อรูปพร้อมลายเซ็นของลูกได้แล้ว]

[ช่วยกันจับตาดูว่าใครซื้อรูปพร้อมลายเซ็นวันนี้ไปบ้าง ห้ามเอาไปโก่งราคาขายต่อ]

อิ๋งจื่อจินขายรูปพร้อมลายเซ็นหลายร้อยใบหมดในเวลาไม่นาน

ผู้คนแยกย้าย

แต่ในเวลานี้เอง ร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งได้ปรากฏในรัศมีของกล้อง

ชาวเน็ตเห็นอย่างชัดเจน

“ขอโทษด้วยค่ะ” อิ๋งจื่อจินไม่เงยหน้า “ขายหมดแล้ว”

“อืม ผมไม่อยากได้ของพวกเขา” เสียงเนือยที่คุ้นเคยดังขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเขาพูดกึ่งหัวเราะ “ผมไม่ได้ชอบพวกเขา เทพอิ๋ง มีรูปพร้อมลายเซ็นของคุณไหม ผมจะซื้อ”

คำว่าเทพอิ๋งพอออกมาจากปากเขาดูแตกต่างจากคนอื่น

เจือด้วยอารมณ์ยั่วยวน

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า ดวงตาหงส์หรี่ลง

ถึงแม้ตัวเด่นของตอนนี้จะเป็นมหาวิทยาลัยนอร์ตัน ทว่านับตั้งแต่เมื่อวาน ความสนใจทั้งหมดกลับไปรวมอยู่ที่อิ๋งจื่อจินอีกครั้ง

มีตากล้องติดตามอิ๋งจื่อจินอยู่สองคน บันทึกเสียงของชายหนุ่มไว้อย่างชัดเจน

[โอ้โห คนนี้ใครน่ะ จีบเทพอิ๋งด้วย ร้ายกาจมาก!]

[พูดตามตรง ฉันก็อยากได้รูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของเทพอิ๋งเหมือนกัน]

[ทำไมแต่งตัวมิดชิดขนาดนั้น มองไม่เห็นอะไรเลย เสียงจะเพราะเกินไปแล้ว ไม่ได้การ ฉันต้องขุดหาให้ได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร]

“มีค่ะ” อิ๋งจื่อจินเบือนหน้าหนี เลี่ยงสายตาที่ร้อนแรงเกินไป “ต้องเพิ่มเงิน”

ฟู่อวิ๋นเซินแค่ยิ้ม “แน่นอน”

มือของอิ๋งจื่อจินชะงัก ยืมกล้องโพลารอยด์ของอะเดลมาถ่ายหนึ่งใบ เซ็นชื่อแล้วยื่นให้

“ไม่มีเงินสดติดตัว” ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง มองรูปถ่ายใบนั้น เลิกคิ้ว “ให้หมดบัตรใบนี้เลย”

ด้านข้างมีตู้กดเงิน เวินทิงหลานเอาบัตรไปกดดูยอดเงิน

มีตากล้องเดินตามไปคนหนึ่ง

จากนั้นก็ถ่ายจำนวนเงินในบัตรให้ดูชัดๆ

ตัวเลขเจ็ดหลัก เล่นเอาตะลึงกันหมด

ข้อความบนหน้าจอมีแต่เครื่องหมายตกใจ และคำว่าโอ้โห

อิ๋งจื่อจิน “…”

เธอพูดได้แค่ว่า

ตัวล้างผลาญ

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “เยอะเกินไป”

“ไม่เยอะ ให้…” ฟู่อวิ๋นเซินชะงัก นิ้วเรียวยาวจับรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นใบนั้นแล้วยิ้มพลางพูด

“ขอบคุณนะเทพอิ๋ง”

เปลือกตาของอิ๋งจื่อจินขยับ

เธอรู้ว่าเขาอยากพูดอะไรต่อ

ให้เยาเยา จะเป็นการล้างผลาญได้อย่างไรกัน

ฟู่อวิ๋นเซินถือรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นเดินออกไป

ฝีเท้าของเขาไม่รีบร้อน แต่กลับให้บุคลิกที่น่าเกรงขาม

“เร็วเข้า!” โปรดิวเซอร์ที่มองกล้องอยู่ตื่นเต้นมาก

“อาจารย์ฉิน ส่งคนตามไปถ่าย! นี่เป็นไฮไลท์เลยนะ”

ฉินหลิงอวี๋ “…”

เธอไม่กล้าหรอกนะ

สุดท้ายทีมของอิ๋งจื่อจินก็หาเงินได้ทั้งหมดหนึ่งล้านหกพันหยวน

อย่าว่าแต่กินข้าวหนึ่งมื้อเลย เปิดร้านแฟรนไชส์ยังได้

ส่วนแผงดูดวงไพ่ทาโรต์ของฮวนไม่มีใครแวะเข้าไปแม้แต่คนเดียว

ใช่ว่าที่ตี้ตูจะไม่มีร้านดูดวงด้วยไพ่ทาโรต์ แต่ในร้านก็เริ่มต้นค่าดูที่เจ็ดแปดสิบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแผงลอยข้างทาง

ร้านที่ดึงดูดลูกค้าได้ล้วนเป็นร้านเก่าแก่ของที่นี่ มีลูกค้าขาประจำอยู่แล้ว

ฮวนมาถึงก็เริ่มเก็บค่าดูที่แปดร้อย แถมยังเป็นเด็กหนุ่มต่างชาติ ไม่มีฐานลูกค้า คนโง่เท่านั้นถึงจะมาใช้บริการ

ฮวนโมโหแทบบ้า เขากำหมัดแน่น กัดฟันกรอด

“คนพวกนี้ไม่รู้จักของดี ฉันจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขาหรอก”

เขาอยู่ปีสองแล้ว ความสามารถทางดาราศาสตร์ย่อมสู้พวกรุ่นพี่ไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็พยากรณ์เป็นจริงๆ

ร้านดูดวงพวกนั้นเก่งเท่าเขาเหรอ

ก็แค่หมอดูกำมะลอที่ออกมาหลอกคน

คนอื่นๆ ที่อยู่ทีมเดียวกันพอหาเงินได้บ้าง พอใช้ซื้อข้าวกิน

เพียงแต่ร้านที่ทีมสองไปคือร้านฮั่นเก๋อ ทีมของฮวนไปได้แค่ร้านเล็กๆ ริมถนน

หลังจากกินข้าวเสร็จทุกคนก็มารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อหารือสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปในวันพรุ่งนี้

ฮวนถือแผนที่ ชี้ไปยังจุดหนึ่ง “ไปที่นี่”

อะเดลเบ้ปาก “ภูเขามีอะไรน่าไป”

“ทางที่ดีอย่าไปที่นั่น” อิ๋งจื่อจินพูด “ภูเขารกร้างป่าทึบ ไม่ปลอดภัย”

“มีอะไรไม่ปลอดภัย” ฮวนพูดเสียงแข็ง “ที่นั่นมันสถานที่ท่องเที่ยวของตี้ตูไม่ใช่เหรอ เธอบอกว่าไม่ปลอดภัยงั้นเหรอ”

เขาสืบมาแล้ว

ภูเขาลูกโดดที่ตระกูลเฮอร์เชลหาให้อยู่ด้านหลังแหล่งท่องเที่ยวจุดนั้นพอดี ก็แค่มีคนไปท่องเที่ยวที่นั่นไม่มาก

แน่นอนว่าไม่มีใครอยากไปภูเขาลูกโดด ฮวนก็แค่เอาสถานที่ท่องเที่ยวมาเป็นข้ออ้าง

พอเกิดเรื่องยืมดวง หลีหานก็เชื่อในตัวอิ๋งจื่อจินมาก

พูดให้ถูกคือ เธอเชื่อในศาสตร์เหนือธรรมชาติ เชื่อว่าโลกใบนี้มีเวรกรรมมาเกี่ยวข้อง

พ่อแม่ของหลีหานตกงานทั้งคู่ ทั้งยังต้องขายบ้าน ทำได้เพียงไปเบียดกันอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ

หลีเหวินเซวียนอยู่ในภาวะหมดสติเรียบร้อยแล้ว ทางโรงพยาบาลบอกว่ามีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วัน

นี่คือกรรมตามสนอง

ครั้นแล้วหลีหานจึงปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด

“เวินทิงหลาน อย่างไรนายก็เป็นถึงนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน” ฮวนมองเวินทิงหลาน

“นายก็เคยเรียนวิชาผจญภัย คงไม่ได้ไม่กล้าไปใช่ไหม”

นักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตันมีคนกลัวเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ

เวินทิงหลานเหลือบตาขึ้น จ้องเขม็ง

ราวกับมองออก

ฮวนใจหายวาบ

ทันใดนั้นอิ๋งจื่อจินได้พูดขึ้น “เสี่ยวหลาน ไปสิ”

เวินทิงหลานไม่ได้ถามเหตุผล เขาตอบรับทันที “อืม งั้นผมไป”

ฮวนแสยะยิ้ม “เชื่อฟังพี่สาวทุกอย่าง ไม่ได้เรื่องเล้ย”

เขาไม่รู้จริงๆ ว่าอะเดลที่เป็นลูกหลานของตระกูลนักดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน เจอคนเก่งมาตั้งมากมาย ทำไมถึงไปชอบเวินทิงหลานได้

“ทิงหลานไป งั้นฉันไปด้วย” หูของอะเดลจับใจความสำคัญได้ ยิ้มเริงร่า “ฉันช่วยระเบิดภูเขาได้นะ”

หลีหานถึงกับสำลักน้ำ

คือ?

“คุณมิลตัน พ่อฉันอยากเจอคุณค่ะ” อิ๋งจื่อจินพูด“เขาเป็นนักวิจัย การทดลองค่อนข้างเยอะ ว่างแค่พรุ่งนี้”

“ก็ได้” อะเดลทำได้เพียงยอมแพ้ “งั้นฉันจะไปพบคุณพ่อ”

เวินทิงหลาน “…”

พ่อใครกันแน่

ฮวนขัดจังหวะทันที “งั้นก็เอาตามนี้นะ”

เป้าหมายของเขามีแค่เวินทิงหลาน เขาย่อมไม่อยากให้อะเดลไปด้วย

อิ๋งจื่อจินหยิบไพ่ทาโรต์ออกมาแล้วกางออก

“เอ๊ะพี่สาว พี่ก็เล่นไพ่ทาโรต์ด้วยเหรอ” อะเดลกระโดดเข้ามาหา “ไพ่ทาโรต์ของพี่ใช้ได้เลยนะ”

อะเดลเกิดในตระกูลนักดาราศาสตร์ย่อมมองออกว่าไพ่ทาโรต์สำรับนี้เป็นของจริง

บางครั้งบางคราวจะมีไพ่ทาโรต์ของจริงหลุดไปขายตามท้องตลาดบ้าง แต่ก็น้อยมาก

กว่าจะหาซื้อได้ไม่ง่าย

“อืม” อิ๋งจื่อจินหยิบออกมาสามใบ “เล่นเป็นนิดหน่อย”

ถูกกดมาหลายวัน ในที่สุดฮวนก็ทนต่อไปไม่ไหว

พอได้ยินแบบนี้เขาก็พูดถากถาง “ทำนายไพ่ทาโรต์เป็นด้วยเหรอ รู้หรือเปล่าว่าอะไรคือไพ่ทาโรต์”

คิดจริงเหรอว่าพวกไพ่ทาโรต์ที่ขายตามท้องตลาดจะทำนายอะไรที่น่าทึ่งออกมาได้

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท