คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 557 อิ๋งจื่อจิน ‘นิก เฮอร์เชล

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 557 อิ๋งจื่อจิน ‘นิก เฮอร์เชล คงเสียใจที่มีลูกหลานแบบนี้’

“มะ…ไม่มีแล้วครับ” นักศึกษาคนหนึ่งส่ายหน้า “คนที่เหลือไม่มีใครขัดแย้งกับฮวนครับ”

ชายชราถามต่อ “พวกนายจำเรื่องเมื่อวานไม่ได้เลยจริงๆ เหรอ”

นักศึกษาสองคนมองหน้ากัน ยังคงส่ายหน้า

พวกเขาจำได้แค่ว่าพวกเขาตามฮวนขึ้นเขา เรื่องหลังจากนั้นก็ไม่รู้แล้ว

ชายชราเคาะโต๊ะ “เรียกคนมาดูความทรงจำของพวกเขาหน่อย”

พ่อบ้านที่อยู่ข้างตัวรีบออกไป จากนั้นก็กลับมาพร้อมนักสะกดจิตคนหนึ่ง

นักสะกดจิตพูดอย่างนอบน้อม “ท่านเจสัน”

“ลองดูพวกเขาว่าลืมจริงหรือเปล่า” เจสันพูด “ฟื้นความทรงจำของพวกเขา”

นักสะกดจิตมองนัยน์ตาของทั้งสองคนรวมถึงส่วนอื่นๆ ของใบหน้า จากนั้นถึงพูดขึ้น

“ลืมจริงครับ น่าจะเป็นการลืมโดยธรรมชาติเนื่องจากสะเทือนใจอย่างรุนแรงครับ”

“ฟื้นคืนก็ได้อยู่ แต่หลังจากฟื้นความทรงจำแล้วจะส่งผลต่อประสาทในระดับหนึ่ง สติปัญญาจะลดลงครับ”

เจสันขมวดคิ้ว “เอาล่ะ ออกไปเถอะ”

เขาพูดกับนักศึกษาสองคนนั้น “พวกนายเฝ้าฮวนไว้ เงินไม่ใช่ปัญหา เฮอร์เชลจะจ่ายให้พวกนาย”

หลังจบการสนทนาเจสันก็ลุกไปที่ห้องดาราศาสตร์ของตระกูล

ในนั้นมีแอสโตรแลบของนักดาราศาสตร์ ด้านข้างยังมีไพ่ทาโรต์หลายสำรับ

“พยากรณ์ได้หรือยัง” เจสันเดินเข้าไป “ยังคงไม่มีอะไรเหรอ”

“พยากรณ์รายละเอียดไม่ได้เลยครับ” นักดาราศาสตร์ส่ายหน้า “พยากรณ์ได้แค่ว่าสัตว์ตัวนั้นตายแล้วครับ ของล้ำค่าทั้งหมดที่อยู่ในนั้นก็ถูกเอาไปด้วย แต่ใครเป็นคนทำ แอสโตรแลบบอกไม่ชัดครับ”

เจสันขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม สูดลมหายใจเข้าเบาๆ

“ดูท่านักพยากรณ์ของทางประเทศจีนจะออกโรงแล้ว พวกเราแอบสังเกตการณ์ไม่ได้ มันก็สมเหตุสมผล”

โดยทั่วไป คนที่ความสามารถในการทำนายต่ำจะไม่สามารถทำนายคนที่เก่งกว่าได้

เจสันเดาออกแล้ว เกรงว่าฮวนจะแค่ซวย ไม่ใช่คนอื่นทำร้ายเขา

แต่หลานที่เลี้ยงดูมาด้วยความเอาใจใส่ แถมยังมีความสามารถในการพยากรณ์สูงขนาดนี้ ทำไมถึงเสียสติไปได้

เจสันรู้สึกไม่ยอม ต้องหาที่ระบายความโกรธ

เขาย่อมล่วงเกินพวกนักพยากรณ์อาวุโสของประเทศจีนไม่ได้

โดยเฉพาะตระกูลตี้อู่

ตระกูลตี้อู่สืบทอดกันมา ต่อให้ตอนนี้คนที่มีพรสวรรค์ด้านพยากรณ์จะลดน้อยลงเรื่อยๆ แต่ฝีมือของตระกูลตี้อู่ก็ยังล้ำเลิศจนน่ากลัว

ลูกพลับย่อมต้องเลือกเอาลูกนิ่มๆ มาบีบ

พวกเขาสืบเรื่องเวินทิงหลานมานาน รู้ว่าเขาให้ความสำคัญกับพ่อและพี่สาวที่ไม่ใช่พี่แท้ๆ คนนี้มาก

หากเกิดเรื่องขึ้นกับคนในครอบครัว เขาก็จำต้องอยู่ที่ประเทศจีน

นี่ก็เป็นแผนที่ไม่เลว

“เตรียมของให้พร้อม พาคนไปด้วย” เจสันยืนขึ้น พูดสั่งเสียงแข็ง

“เอาบัตรผ่านฉุกเฉินแล้วไปที่ประเทศจีนทันที”

ในมือของพวกเขาเหลือบัตรผ่านฉุกเฉินอยู่แค่ใบเดียวแล้ว สามารถออกจากมหาวิทยาลัยนอร์ตันได้โดยไม่ต้องแจ้งก่อน

ยามปกติ ไม่ว่าจะตระกูลเฮอร์เชลหรือตระกูลท้องถิ่นตระกูลอื่น หากสมาชิกในตระกูลจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่จะต้องรายงานให้รองอธิการบดีรับรู้

เจสันรู้ว่ารองอธิการบดีมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่เมื่อไม่กี่ศตวรรษก่อน แต่เขาไม่เห็นรองอธิการบดีอยู่ในสายตา

ทำนายดวงดาวไม่เป็น แถมเล่นแร่แปรธาตุก็ไม่ได้

ถ้าไม่ติดว่าอยู่มานาน สมควรลงจากตำแหน่งรองอธิการบดีไปนานแล้ว

ส่วนอธิการบดีน่ะเหรอ

เจสันแสยะยิ้ม

ครั้งนี้เขาก็อยากลองดูว่า คำพูดของรองอธิการบดีเป็นจริงหรือเปล่า

ถ้านอร์ตันแค่ออกไปข้างนอก เขาก็จะไม่ทำอะไร

แต่ถ้านอร์ตันหายสาบสูญหรือตายแล้ว ตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนคนขึ้นไปนั่งแล้ว

เมืองตี้ตู

การถ่ายทอดสดยังคงดำเนินต่อ

เนื่องจากคนที่เข้าไปเล่นห้องพิศวงมีแต่อัจฉริยะไอคิวสูง ทีมงานก็ไม่ได้คิดจะขังอัจฉริยะเหล่านี้ไว้ข้างในนานนัก

แต่ปริศนาที่เหล่าศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยร่วมมือกันคิดขึ้นมาก็ยากมากจริงๆ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะอยู่ในนั้นครึ่งชั่วโมง

แต่ละคนแยกไปคนเดียวตามทางเฉพาะ แต่ปริศนาเหมือนกัน

จนกระทั่งกล้องที่ตามเวินทิงหลานกับอะเดลถ่ายสองคนนี้เดินไปถึงหน้าประตูบานแรก ทั้งสองคนไม่ได้มองหาปริศนา แต่ระเบิดประตู

[???]

[ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ ทำไมเมื่อก่อนตอนฉันเล่นห้องพิศวงถึงคิดไม่ได้นะ]

[อะไรคือคิดไม่ได้ ประตูห้องพิศวงทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ต่อให้นายได้เทควันโดสายดำก็พังไม่ได้หรอก]

[นี่คือความรู้ใจของผัวเมียเหรอ อิจฉาจัง]

โปรดิวเซอร์กับผู้กำกับที่ดูอยู่เบื้องหลัง “…”

ตอนนี้พวกเขาชักกลัวมหาวิทยาลัยนอร์ตันแล้ว ในนั้นมีคนแบบไหนบ้างเนี่ย

ทางด้านอิ๋งจื่อจินไขปริศนาตามกติกา ไม่ได้ใช้กำลังพังประตู

แต่อย่าว่าแต่ครึ่งชั่วโมงเลย สิบนาทีก็เหลือเฟือ

สาเหตุที่บอกว่าสิบนาทีเป็นเพราะจากทางเข้าไปจนถึงทางออกใช้เวลาเจ็ดแปดนาที ที่เหลือเป็นเวลาที่ใช้หาโจทย์

[เห็นหรือยัง เทพอิ๋งอยากใช้กำลังตั้งหลายครั้ง แต่ก็ข่มไว้ ไขปริศนาไปตามปกติ]

[เห็นได้ชัดว่ารู้ว่าน้องชายอาจทำอะไร เธอก็เลยไม่ทำ ยังไว้หน้าทีมงานอยู่]

โปรดิวเซอร์กับผู้กำกับ “…”

พวกเขาไม่รู้สึกเหมือนได้รับคำปลอบโยน

คนอื่นๆ ยังไขปริศนาอยู่ แต่อิ๋งจื่อจินออกจากประตูบานสุดท้ายไปแล้ว การถ่ายทอดสดของเธอจึงจบลงที่ตรงนี้

เธอเข้าไปในห้องพักผ่อนห้องสุดท้าย เห็นผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟา อดชะงักไปไม่ได้ “มาได้ยังไง”

ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าอย่างสง่างาม “ติดสินบนทีมงาน”

“…”

มีเงินนี่ทำได้ทุกอย่างจริงๆ

อิ๋งจื่อจินดื่มน้ำ “ทีมงานซื่อบื้อพอสมควร”

โปรดิวเซอร์กับผู้กำกับมาจากสถานีโทรทัศน์กลาง เรื่องอื่นทางชูกวงมีเดียรับผิดชอบ

“ไปเถอะ” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะเธอ “ถ่ายมาตั้งหลายวันแล้ว กลับไปพักผ่อนหน่อย”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ฉันต้องพาเสี่ยวหลานกับพวกลุงรองไปที่โลกจอมยุทธ์หน่อย”

ตอนนี้เวินเฟิงเหมียนค่อนข้างยุ่ง ไปทั้งโลกจอมยุทธกับตระกูลจี้ ต้องจัดการเรื่องทั้งสองด้าน

ถ้าเธอพยากรณ์ไม่ผิด ตระกูลเฮอร์เชลจะมาวันนี้ เอาเวินทิงหลานไปฝากไว้ที่โลกจอมยุทธปลอดภัยกว่า

เธอไม่ค่อยกังวลเวินเฟิงเหมียนเท่าไร วรยุทธ์ห้าสิบปี ตระกูลเฮอร์เชลทำอะไรไม่ได้

สองนาทีต่อมาเวินทิงหลานกับอะเดลก็ออกมา

เขาฟังจบก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “พาอะเดลไปด้วยกันได้ไหมพี่”

อิ๋งจื่อจินหันไปมองอะเดล

อะเดลคิดแล้วพูดขึ้น “เยี่ยม ฉันไปด้วย”

อิ๋งจื่อจินส่งข้อความวีแชทหาหลีหานกับสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่ม บอกให้ช่วงสองสามวันนี้อยู่กันแค่ในมหาวิทยาลัย อย่าออกไปไหน

ถ้าไม่ใช่เพราะฮวนปรากฏตัว เธอก็เกือบลืมไปแล้วว่าตอนก่อตั้งมหาวิทยาลัยนอร์ตันยังมีคนอื่นอีกนอกจากนอร์ตัน

ตอนนั้นพวกผู้ก่อตั้งต่างก็มีการพูดคุยกัน

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสรรพอิ๋งจื่อจินก็ออกเดินทางไปโลกจอมยุทธ

เวลาห้าโมงเย็น ตระกูลเฮอร์เชลมาถึงตี้ตู

เจสันพาทุกคนตรงไปยังเขตที่พักตระกูลจี้ทันที

แต่ไม่ว่าจะเวินเฟิงเหมียนหรือครอบครัวจี้อี้หางก็ไม่มีใครอยู่สักคน

มาเสียเที่ยว

เจสันขมวดคิ้ว หงุดหงิดใจ “ไม่อยู่เลยเหรอ”

“ผู้อาวุโสใหญ่ครับ หรือจะหนีไปกันแล้ว” พ่อบ้านพูด “เพื่อนสองคนนั้นของคุณชายฮวนก็บอกไว้ไม่ใช่เหรอครับ พวกเขาเคยเตือนคนอื่นๆ ว่าครอบครัวของคุณชายฮวนมีภูมิหลังที่น่ากลัวขนาดไหน”

“พวกเขาอาจรู้ว่าจะติดร่างแหก็เลยหนีไปก่อนแล้ว”

“หนีไปแล้วเหรอ คิดว่าจะหนีได้เหรอ อิ๋งจื่อจินเป็นอัจฉริยะทุกคณะของมหาวิทยาลัยตี้ตูใช่ไหม” เจสันพูด “พวกนายไปจับนักศึกษามหาวิทยาลัยตี้ตูมาสักสองคน ทรมานหน่อย ส่งรูปให้พวกเขา ดูซิว่าจะกลับมาไหม”

“ถ้าไม่กลับมา งั้นก็ไปจับต่อ จนกว่าจะบีบให้พวกเขากลับมาได้”

พ่อบ้านตกใจ

ดูท่าเรื่องที่ฮวนเกิดเรื่องจะทำเจสันโมโหมาก

ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางลงมือกับคนทั่วไปแบบไม่สนอะไรทั้งนั้น

นี่ถ้าทางมหาวิทยาลัยนอร์ตันรู้เข้าคงถูกตำหนิ

หรือว่า…

พ่อบ้านตะลึง “ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านเตรียมจะ…”

“ถูกต้อง” เจสันเคาะโต๊ะ “มหาวิทยาลัยนอร์ตันเรียกว่านอร์ตันมานานขนาดนี้ ควรเปลี่ยนชื่อได้แล้ว”

เวลานี้เป็นเวลาเลิกเรียนของมหาวิทยาลัยตี้ตู

ทหารรับจ้างของตระกูลเฮอร์เชลผ่านการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ คนที่เป็นหัวหน้าจบระดับเอสจากคณะศิลปะการต่อสู้ ลักพาตัวนักศึกษาสองคนมาได้อย่างราบรื่น

“รู้จักอิ๋งจื่อจินกันใช่ไหม” เจสันนั่งยองมองนักศึกษาสองคน

“จำไว้นะ เป็นเพราะอิ๋งจื่อจิน พวกนายสองคนถึงได้ถูกจับมา ต้องเกลียดเธอ ยิ่งเกลียดยิ่งดี”

นักศึกษาสองคนถึงได้รู้ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร

นักศึกษาคนหนึ่งโมโหจนหัวเราะ

“ไม่ใช่เพราะแกจับพวกเรามาแล้วโยนความผิดให้เทพอิ๋งหรอกเหรอ”

ตรรกะผิดเพี้ยนอะไรกัน

“รู้จักกันสินะ” เจสันพยักหน้า “รู้หรือเปล่าว่าเธออยู่ไหน”

นักศึกษาสองคนไม่ตอบ

ข้อแรกคือพวกเขาไม่รู้จริงๆ ข้อสองคือคนพวกนี้มีเจตนาไม่ดี

พวกเขาเรียนรุ่นเดียวกับอิ๋งจื่อจิน ผ่านการคัดเลือกหลายขั้นตอนจนได้เข้าร่วมการแข่งขันไอเอสซีรอบชิงชนะเลิศ

เหตุระเบิดครั้งนั้น ถึงแม้จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไร

แต่เรื่องเดียวที่แน่ใจได้ก็คือ ถ้าไม่ได้อิ๋งจื่อจิน พวกเขาคงถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังไปแล้ว จะมีชีวิตรอดจนถึงตอนนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้

รออยู่หลายนาทีไม่ได้คำตอบ เจสันชักหมดความอดทน “ลงมือ ตัดสองนิ้วก่อน”

ทหารรับใช้สองคนเดินขึ้นหน้า แยกไปหานักศึกษาฝั่งละคน

ยังไม่ทันที่พวกเขาจะลงมือก็เกิดเสียงดัง “โครม” ประตูถูกถีบออก

อิ๋งจื่อจินยืนย้อนแสง ร่างกายของเธอแผ่ซ่านรังสีอำมหิต

เจสันหรี่ตาลง ยกมือบอกให้ทหารรับจ้างสองคนหยุด

นักศึกษาสองคนล้มไปกองบนพื้น ยังคงหวาดผวา แต่ต่างพูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“เทพอิ๋ง พวกเขาจะมาหาเรื่องเทพอิ๋ง รีบไปสิ!”

อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไป สายตาเย็นชา “ไม่เป็นไร ฉันตั้งใจกลับมา”

ตัวแปรกับตัวกำหนดไม่เหมือนกัน ตัวแปรยากจะคาดเดา

กอปรกับทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก หลายเรื่องล้วนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ต่อให้พยากรณ์ก็ใช่ว่าจะแน่ใจได้เต็มร้อยว่าใครจะถูกทำร้าย

โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ตัวเลือกเป้าหมายมีเยอะมาก เธอไม่รู้จักแม้กระทั่งนักศึกษาสองคนนี้ แค่พอจำได้ว่าเคยรวมแข่งขันไอเอสซีรอบชิงชนะเลิศด้วยกัน

เรื่องในโลกจอมยุทธ์ทำเสียเวลาไปหน่อย โชคดีที่มาทัน

“ในที่สุดก็กลับมาแล้ว” เจสันมองสำรวจอิ๋งจื่อจินตั้งแต่หัวจรดเท้า “คิดว่าเธอหนีไปจากประเทศจีนแล้วเสียอีก กล้ากลับมา มีความกล้าหาญน่าดู”

เวินทิงหลานเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยนอร์ตัน มีทะเบียนนักศึกษาคุ้มครอง ตระกูลเฮอร์เชลไม่กล้าเล่นงานโจ่งแจ้ง

แต่อิ๋งจื่อจินไม่เหมือนกัน เธอไม่ได้เลือกมหาวิทยาลัยนอร์ตัน และมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็ไม่มีทางปกป้องเธอ

“เอาล่ะ ฉันจะไม่แตะต้องพวกเขาแล้ว เดิมทีก็ไม่ได้อยากแตะ แต่เรื่องฮวน เธอต้องรับผิดชอบ” เจสันยืนขึ้น เอามือไพล่หลัง มองหน้าเธอ “ไปโรงพยาบาลกับฉันเดี๋ยวนี้”

อิ๋งจื่อจินตรวจดูสภาพร่างกายของนักศึกษาสองคนนั้น หลังจากแน่ใจว่าพวกเขาไม่เป็นอะไรแล้วก็ไม่พูดอะไร

เธอยกเท้าถีบทันที

เจสันสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ยังคงแสยะยิ้ม

“ใช้ได้นี่ แต่นี่ยังไม่พอ ยังมีอะไรอยากพูดอีกไหม”

ทหารรับจ้างสองคนนี้อ่อนแอที่สุดในบรรดาคนที่เขาพามา

ก่อนมาเขาสืบแน่ชัดแล้ว รู้ว่าอิ๋งจื่อจินต่อสู้เป็น การที่เธอเอาชนะสองคนนี้ได้ก็สมเหตุสมผล

อิ๋งจื่อจินถึงหันหน้าไป สายตาหยุดที่เจสัน “นิก เฮอร์เชลคงเสียใจที่มีคนรุ่นหลังแบบคุณ”

“ว่าไงนะ” เท้าของเจสันหยุดชะงักทันที พูดเสียงแข็ง “รู้จักชื่อนี้ได้อย่างไร”

นิก เฮอร์เชล เป็นคนศตวรรษเดียวกับนอร์ตัน และยังเป็นคนก่อตั้งตระกูลเฮอร์เชล

แม้แต่เขาก็เพิ่งรู้สายตระกูลหลังจากได้เป็นผู้อาวุโสใหญ่

เพียงแต่ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถใช้การเล่นแร่แปรธาตุดัดแปลงร่างกายได้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแบ่งเซลล์ ต่ออายุขัยให้ตัวเอง

และก็เพราะอยู่ในวงการดาราศาสตร์ เหมือนนักพยากรณ์ของทางประเทศจีน อายุสั้น นิก เฮอร์เชลตายไปนานแล้ว

พวกตระกูลท้องถิ่นของมหาวิทยาลัยนอร์ตันก็ถูกสืบทอดมาจากผู้คนที่ร่วมกับนอร์ตัน ฟรานซิส ก่อตั้งมหาวิทยาลัยนอร์ตันขึ้นมา

เนื่องจากสร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงกับมหาวิทยาลัยนอร์ตัน คนนามสกุลเฮอร์เชลจึงมีสถานะที่สูงมากในมหาวิทยาลัย

เจสันถึงรู้สึกไม่ยอม ทั้งๆ ที่เป็นผู้ก่อตั้งเหมือนกัน ทำไมอธิการบดีถึงเป็นนอร์ตัน

“รู้ชื่อบรรพบุรุษก็ไม่มีประโยชน์” เจสันส่ายหน้า ข่มความสงสัยในใจ “บรรพบุรุษตายไปแล้ว เธอเองก็ไม่ได้รู้จัก อย่าคิดว่าฉันจะเมตตา”

เขาตบมือ ยิ้มพลางพูด “ในเมื่อเธอไม่ไป งั้นได้ จับตัวไว้”

ทหารรับจ้างกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาทางประตู

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท