ตอนที่ 574 เมิ่งชิงเสวี่ยซวยแน่ ไม่มีใครสู้ได้
อันหลิงร้อนใจ
แต่การจับฉลากเป็นไปอย่างยุติธรรมแน่นอน
ใส่กระดาษที่เขียนชื่อของแต่ละคนลงในกล่อง ผู้อาวุโสใหญ่ของสมาพันธ์โอสถจับขึ้นมาด้วยตัวเอง
ในที่สุดฝูเฉินก็ตื่นขึ้นมาบ้าง แม้จะยังง่วงอยู่ “อะไรแย่”
“พี่ฝู ตื่นสักทีนะ” อันหลิงเขย่าบ่าของฝูเฉินสุดฤทธิ์ “การแข่งไง คุณจื่อจินได้แข่งกับชิงเสวี่ย”
“อ่อ” ฝูเฉินกลอกตา พลิกตัว “งั้นเมิ่งชิงเสวี่ยก็ซวยแล้ว ก็ต้องดูว่าเธอเตรียมแข่งจริงจังหรือเปล่า ยอมๆ หน่อยก็รอดไป”
อันหลิงขมวดคิ้ว “พี่ฝู นอนมากจนเลอะเลือนเหรอ พูดสลับกันหรือเปล่า”
เมิ่งชิงเสวี่ยเนี่ยนะซวย
ต่อให้ฝูเฉินไปแข่งด้วยตัวเอง อย่างมากก็ได้แค่เสมอกับเมิ่งชิงเสวี่ย
“ไม่ได้พูดกลับกัน” ฝูเฉินพยายามฝืนตื่น “ฉันจะบอกนายให้นะ ท่านปร…ไม่มีใครสู้คุณอิ๋งได้หรอก”
ต่อให้ผู้นำตระกูลของพวกเขามาเองก็สู้เรื่องวิชาการแพทย์ไม่ได้
ทั่วทั้งโลกแพทย์แผนโบราณ หากว่ากันด้วยเรื่องปรุงยา ใครจะสู้อิ๋งจื่อจินได้
อันหลิงพูดเสียงเบา “พี่ฝู พูดมาตามตรง พี่ชอบคุณจื่อจินใช่ไหม”
“โอ้โห” คำพูดนี้ทำเอาฝูเฉินตาสว่าง พัดในมือร่วงลงพื้น รีบอุดปากอันหลิง “หุบปากไปเลย!”
ข้างๆ นี่มีปรมาจารย์จอมยุทธ์นั่งอยู่นะ
ที่นี่เป็นโลกแพทย์แผนโบราณ วรยุทธ์ของพวกคนคุ้มกันที่อยู่ที่นี่ก็สู้ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้
เขาอยากตายหรือไง
ฝูเฉินพูดขึ้นทันที “ฉันสาบานเลยนะว่าฉันไม่เคยคิดเกินเลยกับคุณอิ๋งแม้แต่นิดเดียว ฟ้าดินเป็นพยาน”
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “นายก็ไม่กล้าหรอก”
“…”
…
เนื่องจากเป็นคู่แรก อิ๋งจื่อจินขึ้นเวทีไปแล้ว
อีกด้านหนึ่ง คนคุ้มกันของตระกูลเมิ่งเข็นเมิ่งชิงเสวี่ยขึ้นไป
“ชิงเสวี่ย” อันเมี่ยวเมี่ยวจับเสื้อของเมิ่งชิงเสวี่ย “เดี๋ยวตอนแข่งเธออย่าจริงจังมากนะ”
“เธอพูดอะไรน่ะ” เมิ่งชิงเสวี่ยขมวดคิ้ว “นี่เป็นการแข่งขัน จะทำเป็นเล่นๆ ได้ยังไง ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างยุติธรรม”
อันเมี่ยวเมี่ยวสงสัย “นี่ไม่ใช่การแข่งขันสำคัญอะไรสักหน่อย ฉันหมายความว่า เธอทำพิษที่ฤทธิ์อ่อนหน่อยนะ อย่าทำคุณอิ๋งบาดเจ็บ”
เมิ่งชิงเสวี่ยเม้มริมฝีปาก กำมือแน่น “ไม่ว่าจะสำคัญหรือไม่สำคัญ แต่นี่คือการแข่งขัน”
อันเมี่ยวเมี่ยวอดกลั้น โมโหเกือบระเบิด
เธอพบว่าตัวเองทนคุยกับเมิ่งชิงเสวี่ยไม่ได้อีกต่อไป
ทำไมเป็นคนหัวแข็งแบบนี้ ไม่รู้จักปรับเปลี่ยนบ้างเหรอ
ผู้อาวุโสใหญ่ที่อยู่บนเวทีขมวดคิ้ว พูดเสียงเบา “คุณอิ๋งครับ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ถอนตัวกลางคันได้นะครับ”
โลกแพทย์แผนโบราณเคยจัดการแข่งขันแบบนี้หลายครั้ง ใช่ว่าเมื่อก่อนจะไม่เคยมีคนเสียชีวิต
อิ๋งจื่อจินเป็นสมาชิกของสมาพันธ์โอสถ ทั้งยังอยู่ในช่วงฝึกฝน อนาคตยังอีกยาวไกล
ไม่ว่าอย่างไรสมาพันธ์โอสถจะไม่มีทางยอมสูญเสียอัจฉริยะที่ในอนาคตจะกลายเป็นนักปรุงยาชั้นยอดแน่นอน
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ฉันรู้จักประมาณตนค่ะ”
ผู้อาวุโสใหญ่ก็ยังคงไม่วางใจ หันไปมองด้านข้าง
สมุนไพรวางอยู่บนโต๊ะเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้เลือก
เมิ่งชิงเสวี่ยไอเล็กน้อย “คุณอิ๋งเลือกก่อนเลยค่ะ คุณอยากได้โสมหยกหิมะมากเลยเหรอคะ”
อิ๋งจื่อจินหันไป
เมิ่งชิงเสวี่ยพูดต่อ “ถ้าฉันชนะ ฉันยกให้คุณก็ได้ค่ะ”
สุขภาพที่แข็งแรงพ่อแม่ให้มา แข่งกันไม่ได้
แต่เรื่องปรุงยายังพอแข่งกันได้
เธอยังมีความสามารถที่แข่งกับอิ๋งจื่อจินได้
อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ เลือกสมุนไพรเสร็จก็เดินไปนั่งที่หน้าเตาด้านซ้าย
พวกแพทย์แผนโบราณก็เห็นบรรดาสมุนไพรที่เธอเลือกมาแล้ว
สมุนไพรเหล่านี้ทำยาพิษออกมาได้ชนิดเดียว นั่นก็คือ ยาสลายกำลัง
หลังจากกินเข้าไป กำลังภายในก็จะถูกผนึกไว้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เมิ่งชิงเสวี่ยก็เริ่มเลือกสมุนไพร
ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้ว รีบวิเคราะห์อย่างรวดเร็วว่าเมิ่งชิงเสวี่ยจะทำยาพิษอะไร
ยาตัดชีพจร
ยาพิษชนิดนี้อันตรายมาก
ถือว่าถอนพิษได้ยากสำหรับความสามารถของอิ๋งจื่อจินในตอนนี้
ทั้งสองฝ่ายจะต้องทำยาออกมาสามตัว
คือ ยาพิษ ยาถอนพิษ และยาถอนพิษของอีกฝ่าย
คนที่อยู่ที่นั่นกำลังตั้งหน้าตั้งตาดู
ระหว่างนั้นเริ่มมีคนสังเกตเห็นความผิดแปลก
“พี่ฝู แย่แล้ว!” อันหลิงตีบ่าฝูเฉินอย่างแรง ดวงตาเริ่มเบิกโพลง “ชิงเสวี่ยไม่ได้ทำยาตัดชีพจร แต่เป็นยาทำลายชีพจร”
ยาทั้งสองชนิดนี้ใช้สมุนไพรเหมือนกัน ก็แค่ปริมาณต่างกัน
แต่อย่างหลังกลับมีความเป็นพิษมากกว่าถึงห้าสิบเท่า
เมื่อกินยาทำลายชีพจรเข้าไปแขนขาจะเจ็บปวดในหนึ่งนาที
สามนาทีต่อมาความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปที่หัวใจและปอด
หากไม่ได้รับยาถอนพิษในห้านาที ชีพจรหัวใจก็จะขาดสะบั้น
แน่นอนว่ายาทำลายชีพจรก็ไม่ใช่ยาที่ถอนพิษไม่ได้อะไรขนาดนั้น และไม่จัดอยู่ในยาพิษระดับสูง
สำหรับแพทย์แผนโบราณรุ่นอาวุโสสามารถถอนพิษได้อย่างง่ายดาย อย่างไรเสียพวกเขาก็ศึกษาแพทย์แผนโบราณมานานแล้ว ไม่ใช่ว่าเด็กรุ่นหลังจะมาเทียบได้
แต่สำหรับรุ่นหนุ่มสาว ยาทำลายชีพจรอยู่ในระดับที่ถอนพิษไม่ได้
อัจฉริยะอย่างฝูเฉินก็ไม่มีทางทำยาถอนพิษของยาทำลายชีพจรได้
“คุณชายฟู่ครับ หยุดการแข่งไม่ได้แล้ว” อันหลิงมองฟู่อวิ๋นเซิน “การแข่งขันไม่มีแบ่งแยก ทำไงดีครับ”
ดวงตาของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง น้ำเสียงเย็นชา “ในสนามแข่งขันไม่มีการแบ่งแยกจริงๆ”
แพทย์แผนโบราณคนอื่นๆ ก็เริ่มซุบซิบ
“ยาทำลายชีพจรเลยนะ ฉันจำได้ว่า ในสมาพันธ์โอสถยังมีผู้อาวุโสที่ทำยาถอนพิษของมันไม่ได้ด้วย”
“แบบนี้แสดงว่าฝีมือการแพทย์ของคุณชิงเสวี่ยก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยเลยนะ”
“ถึงคุณจื่อจินจะเก่ง แต่สุดท้ายก็ยังติดตรงที่ประสบการณ์น้อยเกินไป ไม่รู้ว่าเธอเคยได้ยินยาทำลายชีพจรหรือเปล่า”
ผู้อาวุโสใหญ่ก็สังเกตเห็นแล้ว เขาขมวดคิ้ว “ผู้อาวุโสสี่ ทำไงดี”
การแข่งขันเริ่มแล้ว พวกเขาเข้าไปยุ่งไม่ได้
ใครจะไปคิดว่าเมิ่งชิงเสวี่ยจะเอาจริง
มีเพียงอิ๋งจื่อจินที่นั่งใจเย็นอยู่หน้าเตาปรุงยา ไม่สะทกสะท้าน
มีแค่มือของเธอที่คนยา
เดิมทีเธอต้องการหยิบดอกไม้สีน้ำเงินที่อยู่ด้านข้าง แต่เธอหยิบใบหญ้าสีเขียวขึ้นมาก่อน ค่อยๆ ใช้มือบดให้ละเอียดแล้วเอาใส่หม้อ
ท่าทางของเธอดึงดูดสายตาของบรรดาแพทย์แผนโบราณอยู่ไม่น้อย
คนที่ได้รับเชิญมาเข้าร่วมการล่าสัตว์ในฤดูหนาวล้วนเป็นคนเก่งของสามตระกูลชั้นยอด ย่อมมองเห็นความแตกต่าง
อันหลิงขมวดคิ้ว “พี่ฝู เธอเรียงลำดับการใส่สมุนไพรผิดหรือเปล่า ผมจำได้ว่าต้องใส่ดอกเทียนหลานก่อนค่อยใส่ใบลี่ว์ซิง ทำไมเธอทำสลับกันล่ะ”
ลำดับการใส่สมุนไพรสำคัญมากในการปรุงยา
ถ้าสลับกันยาก็อาจไม่ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง
ฝูเฉินก็จ้องดูอยู่
ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจ แต่เชื่อว่าด้วยความสามารถของอิ๋งจื่อจิน ไม่มีทางเปลี่ยนลำดับการใส่สมุนไพรส่งเดชแน่นอน “น่าจะเป็นยาพิษชนิดใหม่แหละมั้ง”
ขณะพูดทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ถึงปัญหาหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขารู้ว่าอิ๋งจื่อจินเก่งมากก็เลยไม่กังวล
แต่อันหลิงกับอันเมี่ยวเมี่ยวไม่รู้ จึงเป็นห่วงและกลุ้มใจมาก
แต่เมิ่งชิงเสวี่ยก็ไม่รู้เหมือนกันกลับมาถึงก็ปรุงยาพิษที่แม้แต่เขาก็ถอนไม่ได้
อิ๋งจื่อจินแสดงความสามารถออกมาไม่มาก ดังนั้นในสายตาคนอื่น ในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน อิ๋งจื่อจินก็ยังห่างชั้นกับฝูเฉิน เมิ่งชิงเสวี่ย และอันเมี่ยวเมี่ยวอยู่ไม่น้อย
ต่อให้เป็นยาตัดชีพจรก็ยังน่าจะยากสำหรับเธอ
แต่นี่เมิ่งชิงเสวี่ยถึงขั้นทำยาทำลายชีพจร
ถ้าอิ๋งจื่อจินมีฝีมือแค่ระดับที่เธอแสดงออกจริงๆ ต่อให้ยาพิษชนิดนี้ไม่ทำให้เธอต้องถึงแก่ชีวิต แต่เรื่องเสียสุขภาพก็เป็นสิ่งที่แน่นอน
สีหน้าของฝูเฉินดูหนักใจเล็กน้อย
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ยาเริ่มส่งกลิ่นหอมอบอวล
“หมดเวลา…” ในที่สุดผู้อาวุโสใหญ่ก็ลุกขึ้น “ทั้งสองฝ่ายเก็บยาถอนพิษไว้แล้วส่งยาพิษมาครับ”
เมิ่งชิงเสวี่ยเช็ดเหงื่อ หน้าซีดเล็กน้อย ส่งยาพิษให้คนคุ้มกันที่อยู่ด้านข้าง
คนคุ้มกันเอาไปมอบให้ผู้อาวุโสใหญ่
“นี่เป็นยาทำลายชีพจร ส่วนนี่เป็น…”ผู้อาวุโสใหญ่ลังเล
อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนลำดับการใส่สมุนไพร ใครจะไปรู้ว่ายังเป็นยาสลายกำลังอยู่หรือเปล่า
เมิ่งชิงเสวี่ยมองอิ๋งจื่อจิน “คุณอิ๋งคะ คุณก่อนหรือฉันก่อนดีคะ”
เธอย่อมไม่มีทางปล่อยให้อิ๋งจื่อจินเป็นอะไรไป เธอมียาถอนพิษอยู่ในมือ ถ้ากินทันเวลาร่างกายก็จะไม่เป็นไร
เธอก็แค่อยากพิสูจน์ว่า เธอเก่งกว่าอิ๋งจื่อจิน
โดยเฉพาะต่อหน้าฟู่อวิ๋นเซินที่นั่งอยู่ด้านล่าง
อิ๋งจื่อจินตอบ “ได้หมดค่ะ”
ผู้อาวุโสใหญ่ยังไม่ทันได้ห้าม อิ๋งจื่อจินก็หยิบยาทำลายชีพจรไปแล้ว
เธอกินยาถอนพิษแล้วตามด้วยยาทำลายชีพจร
บรรยากาศเริ่มตึงเครียด ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่อิ๋งจื่อจิน
ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่กล้าหายใจแรง
ถ้าอิ๋งจื่อจินมีอาการไม่ดี ทางสมาพันธ์โอสถจะเข้าช่วยเหลือทันที
แต่หนึ่งวินาที สองวินาที…รออยู่หนึ่งนาทีเต็มๆ อิ๋งจื่อจินก็ยังคงไม่เป็นอะไร
แถมเธอยังหาวออกมา เริ่มง่วง
เกิดความเงียบขึ้นในสนามแข่ง
“…”
เป็นที่ทราบกันดีว่า ทำยาถอนพิษนั้นยากกว่าทำยาพิษ
โลกแพทย์แผนโบราณก็ให้ความสนใจพวกนักปรุงยาพิษที่ติดชาร์ตบนเว็บบอร์ดเอ็นโอเค ก็เลยรู้ว่านักปรุงยาพิษหลายคนจะทำพิษชนิดใหม่ขึ้นมาก่อนแล้วถึงเริ่มทำยาถอนพิษ
พิษประหลาดหลายตัวบนโลกนี้ แม้แต่ตัวนักปรุงยาพิษเองก็ยังหายาถอนพิษไม่ได้
แต่ตอนนี้อิ๋งจื่อจินกินยาทำลายชีพจรที่เมิ่งชิงเสวี่ยทำ อย่าว่าแต่ชีพจรขาดสะบั้นเลย ไม่เกิดอาการอะไรแม้แต่น้อย
นี่ไม่เท่ากับเป็นการพิสูจน์ว่า ฝีมือการแพทย์ของเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าเมิ่งชิงเสวี่ยหรอกเหรอ!
อันหลิงหันมาอย่างอึ้งๆ “พี่ฝู ที่แท้พี่ก็พูดเรื่องจริง”
ฝูเฉินมองบน “ไร้สาระ”
เมิ่งชิงเสวี่ยเม้มริมฝีปาก
ยาทำลายชีพจรถูกถอนแล้วเหรอ
เป็นไปได้ยังไง
เธอหันไปมองด้านล่างเวที หัวใจหดเกร็ง เจ็บปวดราวกับมีเข็มทิ่มแทง
ผู้อาวุโสใหญ่ก็โล่งอก มองเมิ่งชิงเสวี่ย “คุณชิงเสวี่ย ตาคุณแล้วครับ”
ถึงแม้เมิ่งชิงเสวี่ยจะร่างกายอ่อนแอ แต่นายใหญ่เมิ่งก็ไม่เชื่อว่า นักปรุงยาที่เพิ่งเผยความสามารถได้ไม่นานจะเอาชนะเมิ่งชิงเสวี่ยได้
ก็แค่น่าเสียดายที่ยาพิษทำอะไรอิ๋งจื่อจินไม่ได้
สายตาที่นายใหญ่เมิ่งมองอิ๋งจื่อจินฉายแววคิดหนัก
เมิ่งชิงเสวี่ยกินยาถอนพิษที่ตัวเองทำลงไปก่อน จากนั้นถึงรับยาพิษที่อิ๋งจื่อจินทำมาจากคนคุ้มกันแล้วกลืนลงไปต่อหน้าทุกคน