ตอนที่ 576 รังแกเด็กจะไปสนุกอะไร เรามาแข่งกันดีกว่า
เมิ่งชิงเสวี่ยมีชีวิตอยู่มายี่สิบสี่ปียังไม่เคยถูกทำร้ายหรือทำให้เสียใจเท่านี้มาก่อน
ไข่มุกที่ตระกูลเมิ่งประคองไว้ในมือจะปล่อยให้ถูกคนนอกรังแกได้อย่างไร
แต่ก็อยู่ในการแข่งขันจริงๆ ทั้งยังมีคนตั้งมากมายดูอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น ที่เมิ่งชิงเสวี่ยแพ้ไม่ใช่เพราะอิ๋งจื่อจินจงใจทำยาพิษที่ถึงแก่ชีวิต
ทั้งหมดเป็นเพราะเธอมองข้ามจุดบอดที่อิ๋งจื่อจินสลับลำดับการใส่สมุนไพร ก็เลยทำยาถอนพิษผิด
ยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพราะร่างกายของเธอทนความเย็นไม่ได้ ยาสลายกำลังที่มีฤทธิ์เย็นจึงยิ่งทำให้สุขภาพแย่ลง
หลักการนี้ตระกูลเมิ่งทราบดี แต่ไม่มีใครในตระกูลเมิ่งทนความโกรธแค้นนี้ได้
เมิ่งหว่านก็เห็นเมิ่งชิงเสวี่ยมาตั้งแต่เด็กจนโต
ตอนนั้นที่คุณนายเมิ่งตั้งท้องเมิ่งชิงเสวี่ยได้โชคร้ายไปเจอแพทย์ผิดจรรยาบรรณเข้า สุดท้ายไม่ถูกจับตัว แต่ร่างกายก็เสียหายไปมาก
ตอนเมิ่งชิงเสวี่ยเกิดผอมแห้งบอบบาง พวกผู้อาวุโสของตระกูลเมิ่งเอ็นดูมาก เลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมมาจนถึงทุกวันนี้
“ไม่แข่งก็ได้” เมิ่งหว่านเคาะโต๊ะ วางยาเม็ดหนึ่งลงบนโต๊ะ “เธอกินยาเม็ดนี้ซะ ทนไปสามนาทีแล้วฉันจะให้ยาถอนพิษ”
อิ๋งจื่อจินค่อยๆ หันไป
เธอมีใบหน้าที่งดงามเหนือใคร สีหน้ากลับเย็นชาห่างเหิน
ดวงตาหงส์เหลือบขึ้นเล็กน้อย เจือไปด้วยเสน่ห์
งามจนชวนให้จิตใจล่องลอย
สายตาของเมิ่งหว่านชะงัก
เธอเองก็รู้เรื่องที่เมิ่งชิงเสวี่ยชอบฟู่อวิ๋นเซิน ตอนนี้จำต้องยอมรับว่าอิ๋งจื่อจินมีรูปโฉมที่ดีมากจริงๆ
“ผู้อาวุโสเมิ่งหว่านครับ แบบนี้มันเกินไปนะครับ” อาจารย์หลี่สีหน้าเปลี่ยน “คุณอิ๋งเธอผิดอะไร ทำไมต้องกินยาเม็ดนี้ด้วย”
ถ้าเขาดูไม่ผิด ยาเม็ดนี้คือยาบีบหัวใจ
ถ้ากินเข้าไปจะต้องเจ็บปวดนานขนาดไหน
“ฉันไม่ได้บอกว่าเธอผิด ตรงกันข้าม ฉันกลับชื่นชมความสามารถในการปรุงยาของเธอด้วยซ้ำ” เมิ่งหว่านไม่ใส่ใจ “แต่ชิงเสวี่ยทุกข์ทรมานเพราะเธอ ฉันทนดูไม่ไหว ไม่ได้หรือไง”
ขณะพูดเธอก็หันไปมองอิ๋งจื่อจินอีกครั้ง ยิ้มให้ “แน่นอนว่าถ้าเธอมีผู้อาวุโสมาหนุนหลังให้ฉันก็ยินดี แต่ประเด็นคือเธอมีหรือเปล่าล่ะ”
เมิ่งหว่านอายุร้อยยี่สิบปีแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่ที่อายุมากสุดในสมาพันธ์โอสถก็มีอายุแค่แปดสิบปี
ฝีมือการรักษาสู้เธอได้เหรอ
อิ๋งจื่อจินพับแขนเสื้อขึ้น “ผู้อาวุโสของฉันไม่ได้หน้าด้านเหมือนคุณ”
สีหน้าของเมิ่งหว่านบึ้งลงทันที
แต่ไหนแต่ไรมาเธอเป็นที่นับหน้าถือตา เด็กรุ่นหลังล้วนต้องให้ความเคารพเธอ มีใครกล้าพูดแบบนี้กับเธอบ้าง
ขณะที่เมิ่งหว่านกำลังจะพูดสั่งสอนกลับมีคนขัดจังหวะ
“เมิ่งหว่าน แก่แล้วหน้าด้านจริงๆ สินะ” มีเสียงหัวเราะดังมา เจือไปด้วยเสียงเย้ยหยัน “เธออายุร้อยกว่าปี ใกล้ลงหลุมแล้ว ตอนนี้จะมาประลองฝีมือกับเด็กสาวเหรอ”
“รังแกเด็กไม่สนุกหรอก ไม่สู้มาแข่งกับฉันดีกว่า”
เมิ่งหว่านขมวดคิ้ว เงยหน้ามองไป
ตรงนั้นเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าราวสามสิบต้นๆ หน้าตาใจดี รูปโฉมงดงาม
อาจารย์หลี่รู้สึกเซอร์ไพรส์มาก รีบคุกเข่าคำนับ “ท่านประธานสมาพันธ์!”
ประธานสมาพันธ์โอสถ ชิวมั่น ปีนี้ก็อายุหนึ่งร้อยยี่สิบปีเช่นกัน
เธอเป็นนักปรุงยาระดับเจ็ด และยังแสดงถึงความล้ำเลิศในฝีมือการรักษาของสมาพันธ์โอสถ!
แพทย์แผนโบราณที่อายุเกินร้อยปีมีไม่มาก ทั่วทั้งโลกแพทย์แผนโบราณรวมกันไม่เกินร้อยคนแน่นอน
เมิ่งหว่านสีหน้าเปลี่ยน พูดเสียงลอดไรฟัน “เธอยังมีชีวิตอยู่อีก”
ประธานสมาพันธ์โอสถไม่ปรากฏตัวหลายปีแล้ว ทางสมาพันธ์โอสถให้เหตุผลว่าประธานสมาพันธ์เก็บตัว
“เธอยังไม่ตายแล้วฉันจะตายได้ยังไง” ชิวมั่นเหลือบมองเมิ่งหว่าน “อยากแข่งปรุงยาไม่ใช่เหรอ เอาสิ! แข่งกันตอนนี้เลย!”
“ให้ทุกคนได้ดูคนระดับเดียวกันแข่งกัน เธอยังจะกล้าอวดดีอีกไหม”
ชิวมั่นกลับมาครั้งนี้ คณะผู้อาวุโสกับรองประธานสมาพันธ์ก็ตามเข้ามาด้วย
ถูกคนล้อมไว้เยอะขนาดนี้ เมิ่งหว่านก็หน้าแดง ใบหน้าร้อนผ่าว
เธอทนอยู่ไม่ไหวอีกต่อไป เดินหน้าบึ้งออกไปทันที
“จึ๊ แค่ยาบีบหัวใจเม็ดเดียวเนี่ยนะ ฉันก็นึกว่าสุดยอดยาอะไร” ชิวมั่นแสยะยิ้ม “ถ้ามีคนตระกูลเมิ่งมาอีกก็บอกไปว่าฉันกลับมาแล้ว ให้พวกเขามาได้เต็มที่”
อิ๋งจื่อจินเป็นคนของสมาพันธ์โอสถ ทางสมาพันธ์ขาดแคลนคนเก่งๆ มาตลอด
ถึงแม้หลินชิงจยาก็เป็นสมาชิกของสมาพันธ์โอสถ แต่อย่างไรเสียก็เป็นคนตระกูลหลิน
ทางสมาพันธ์โอสถเลยต้องปกป้องอิ๋งจื่อจินให้ดี
ชิวมั่นให้คนนำสมุนไพรจากคลังออกมาให้อิ๋งจื่อจิน จากนั้นก็ถามขึ้น “เธอขอลาหยุดหนึ่งเดือนจะไปทำอะไรเหรอ”
อิ๋งจื่อจินตอบสั้นๆ “ดูซีรีส์ค่ะ”
เธอถอยหลังหนึ่งก้าว พยักหน้าเล็กน้อย “ไปก่อนนะคะ”
ชิวมั่นพยักหน้า จากนั้นก็เหม่ออยู่สักพัก “ซีรีส์มันคืออะไรเหรอ”
อาจารย์หลี่ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยความลังเล “ก็คือสิ่งนี้ครับ”
ชิวมั่นขมวดคิ้ว “คนคนนี้เข้าไปอยู่ในนี้ได้ยังไง”
อาจารย์หลี่รีบบอก “ไม่ใช่ครับท่านประธาน นี่เป็นภาพบันทึก เป็นเทคโนโลยีของโลกข้างนอกครับ”
ชิวมั่นส่ายมือ “ยุ่งยาก ฉันจะไปห้องปรุงยาแล้ว”
…
อิ๋งจื่อจินรับสมุนไพรเสร็จก็ไปเจอฟู่อวิ๋นเซิน จากนั้นถึงไปหาฉาเซิ่ง
ฉาเซิ่งกำลังบังคับเด็กน้อยผู้ช่วยให้ย่างปลาให้กิน
พอเห็นอิ๋งจื่อจิน ฉาเซิ่งก็ดีใจมาก “มาๆๆ ยัยหนูอิ๋ง นั่งสิ”
ชี้ไปที่หนึ่งแล้วพูดกับฟู่อวิ๋นเซิน “นายน่ะไปตรงนู้น”
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “ครับ แค่ดีกับเธอก็พอแล้ว”
ฉาเซิ่งทำเสียงหึ “เพ้อเจ้อ”
สถานะของฉาเซิ่งไม่เหมือนกับแพทย์แผนโบราณทั่วไป
พูดสั้นๆ ก็คือ ถึงแม้หมอเทวดาจะสร้างคุณูปการไว้มากในศาสตร์มืดสิบสามเข็ม และก็เป็นหมอเทวดาระดับปรมาจารย์ของสำนักเทียนอี
แต่เขาตายไปแล้ว อีกไม่กี่ปีให้หลังก็จะมีหมอเทวดาคนที่สองปรากฏ หรืออาจจะเก่งกว่าเขาด้วยซ้ำ
แต่ถ้าฉาเซิ่งตาย อย่าว่าแต่ไม่กี่ปีให้หลังเลย ต่อให้ผ่านไปหลายสิบปีหรือร้อยปีก็ใช่ว่าจะมีอัจฉริยะที่ปลูกสมุนไพรได้ถึงขั้นสุดยอดแบบนี้ปรากฏอีก
ฉาเซิ่งมีวรยุทธ์ติดตัวอยู่ไม่เท่าไร ไม่ถึงสิบปี
แต่ไม่ว่าจะจอมยุทธ์หรือแพทย์ผิดจรรยาบรรณต่างก็ไม่มีทางทำร้ายฉาเซิ่งแม้แต่น้อย
เพราะสมุนไพรบางอย่างมีแค่ฉาเซิ่งเท่านั้นที่ปลูกได้
บ้านฉาเซิ่งจึงเป็นที่ที่ปลอดภัยมาก
อิ๋งจื่อจินเข้าไปรักษาให้หญิงชรา ฟู่อวิ๋นเซินกับเด็กน้อยผู้ช่วยเฝ้าอยู่หน้าบ้าน
หลังจากที่อิ๋งจื่อจินฝังเข็มเสร็จก็เขียนใบสั่งยา “กินยาตามเวลา เจ็ดวันก็หายแล้วค่ะ”
หญิงชรารับใบสั่งยาไปแล้วพูด “ได้ ได้”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “โรคทางใจของคุณยายคืออะไรเหรอคะ”
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก” ฉาเซิ่งเงียบไปสักพัก “สามีของยายตายด้วยน้ำมือของแพทย์ผิดจรรยาบรรณเมื่อแปดสิบปีก่อน สภาพกระดูกไม่สมบูรณ์ ถูกเอาไปทำยาเหมือนกัน”
แววตาของอิ๋งจื่อจินชะงัก
แพทย์ผิดจรรยาบรรณอีกแล้ว
ฝูซีก็เคยเล่าให้เธอฟัง เมื่อหลายสิบปีก่อนแพทย์ผิดจรรยาบรรณทำตัวเหิมเกริม ตายไปคนก็ยังมีคนที่สอง กำจัดไม่เคยหมด
“พี่ชายใหญ่ พี่เก่งมากเลย” อีกด้านหนึ่ง เด็กน้อยพูดอย่างมีความสุข “ในที่สุดผมก็ผ่านด่านได้สักที”
“หนุ่มน้อย ว่ากันว่าคนฉลาดมักหัวล้าน” ฟู่อวิ๋นเซินเขกหัวโล้นๆ ของเด็กน้อย ยิ้มมุมปาก “เราไม่มีผมสักเส้นทำไมยังโง่ได้ขนาดนี้ล่ะ”
เด็กน้อยไปนั่งร้องไห้เสียใจตรงมุมแล้ว
ฟู่อวิ๋นเซินเอียงหน้า ดวงตาดอกท้อโค้งมน ยิ้มพลางพูด “เยาเยา”
อิ๋งจื่อจินหันมา “หืม”
ฟู่อวิ๋นเซินพูด “พวกเรามีลูกสาวแล้วกันนะ”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “ทำไมคิดไปไกลขนาดนั้น อีกอย่าง ลูกชายไม่ดียังไง”
“พี่ชายอาจอดใจแกล้งลูกชายไม่ได้ แกล้งจนร้องไห้มันจะไม่ดี”
“…”
เหตุผลข้อนี้ประหลาดจนเกินกว่าจะเถียง
…
อีกด้านหนึ่ง
บ้านตระกูลฝู
อันหลิงมาหาฝูเฉิน
ฝูเฉินโยนงานปรุงยาให้เขาอีกแล้ว ส่วนตัวเองไปนั่งบนเก้าอี้โยก เตรียมหลับ
อันหลิงพูด “เมื่อกี้ก่อนผมมา เห็นตระกูลเมิ่งส่งคนออกไปด้วย”
ฝูเฉินเหม่อ “เกิดอะไรขึ้น”
“ตระกูลเมิ่งขาดแคลนสมุนไพร ฉาเซิ่งออกจากเขาแล้ว พวกผู้อาวุโสก็เลยไปขอยาที่เขานั่น” อันหลิงตอบ “พวกผู้อาวุโสไปขอด้วยตัวเอง ฉาเซิ่งน่าจะเห็นแก่หน้าอยู่บ้าง”
ฉาเซิ่งก็ใช่ว่าจะขายสมุนไพรเสียทีเดียว ก็แค่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ
พออารมณ์ดีก็มาเปิดแผงที่หน้าสมาพันธ์โอสถ เร่ขายแบบถูกๆ
ครั้งนี้ฉาเซิ่งออกจากเขาก็มีคนจำนวนไม่น้อยเตรียมเข้าแถวไปขอพบ
“อ้อจริงสิ วันนั้นที่ล่าสัตว์ฤดูหนาวฉันได้เจอฉาเซิ่งด้วย” พอพูดถึงเรื่องนี้ฝูเฉินถึงได้นึกออก “หญิงชราคนนี้ชอบกินน่าดู ไม่สิ ต้องเรียกว่ากินเก่ง”
เย็นวันนั้นอวิ๋นซานกับอวิ๋นอู้ฆ่าหมูกับแพะมาอย่างละตัว ไหนจะกระต่ายกับไก่อีกหลายตัว
ฝูเฉินคิดว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็น่าจะได้แบ่งขากระต่ายสักข้าง ปรากฏว่าสุดท้ายส่วนที่นุ่มอร่อยถูกฉาเซิ่งแย่งเอาไปหมด
ฉาเซิ่งมากับเด็กอีกคน นั่นก็กินจุ
สุดท้ายฝูเฉินกินหัวกระต่ายรสหมาล่าไปเจ็ดแปดหัว ปากชาไปหมด
“พี่ได้เจอแล้วเหรอ” อันหลิงอึ้งก่อน จากนั้นก็ตื่นเต้น “เจอที่ไหนเหรอ หรือว่าทางตระกูลหลินพาพี่ไปเจอ”
เขาก็แค่เคยได้ยินมาว่าหลินชิงจยารู้จักกับฉาเซิ่ง
แต่อันหลิงมาคิดดูก็รู้สึกว่าไม่ถูก
งานล่าสัตว์ฤดูหนาวของโลกแพทย์แผนโบราณ ถึงแม้จะส่งบัตรเชิญไปให้หลินชิงจยาแล้ว แต่หลินชิงจยาไม่ได้มา
คิดๆ ดูก็จริง
หลินชิงจยาเป็นจอมยุทธ์ คาดคะเนแบบกลางๆ วรยุทธ์ของเธอก็น่าจะเกินห้าสิบปีแล้ว
หัวหน้าทีมคุ้มกันของตระกูลขนาดกลางก็มีวรยุทธ์เท่านี้ แต่พวกหัวหน้าทีมคุ้มกันก็อายุร่วมเจ็ดสิบกันเข้าไปแล้ว
เรื่องอย่างล่าสัตว์ฤดูหนาวมันง่ายเกินไปสำหรับเธอ ไม่มีความท้าทาย
ถ้าเธอมาก็อยู่เหนือใครทั้งสนาม
ฝูเฉินตั้งสติ หาวต่อเนื่อง “ไม่ใช่ คุณอิ๋งพาฉันไปเจอ เธอกับฉาเซิ่งเป็นเพื่อนต่างวัยกัน”