คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 608 ตระกูลเรนเกล แม่แท้ๆ ของอิ๋งจื่อจิน

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 608 ตระกูลเรนเกล แม่แท้ๆ ของอิ๋งจื่อจิน

ตอนนั้นริต้าบอกเธอว่า นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งนัดเจอพวกเขาที่ประเทศจีน เธอก็คิดมาตลอดว่าทำไมตัวปลอมต้องเลือกประเทศจีนด้วย

แต่ตอนนั้นเธอบอกริต้าว่าไม่มีทางเป็นแพทย์แผนโบราณแน่นอน

พอกลายเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณแล้วย่อมยุ่งเกี่ยวกับแพทย์แผนโบราณไม่ได้อีก

“…”

เกิดความเงียบอยู่สักพัก ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจถี่เร็ว

ชิวมั่นตะโกนเสียงแหลมขึ้นมาทันที “เธอล้อฉันเล่นเหรอ!”

ถึงแม้เธอจะพูดไปแบบนั้น แต่ร่างกายกลับสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เลือดไหลออกจากมุมปากไม่หยุด “เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้!”

นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งอยู่ที่ยุโรปชัดๆ จะเกี่ยวข้องกับโลกแพทย์แผนโบราณได้อย่างไร

แต่ความจริงก็ประจักษ์อยู่ตรงหน้า

ในความเป็นจริงชิวมั่นติดต่อกับโลกภายนอกอยู่ตลอด เธอเองก็รู้จักเทคโนโลยีต่างๆ อยู่ไม่น้อย

เธอได้ทราบว่านายใหญ่เบวินป่วยหนัก ครั้นแล้วจึงส่งแพทย์ผิดจรรยาบรรณที่เป็นลูกน้องเธอปลอมตัวเป็นนักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งแล้วติดต่อริต้า เบวิน

โลกแพทย์แผนโบราณกับโลกจอมยุทธ์แทรกซึมได้ยาก สี่ตระกูลมหาเศรษฐีของยุโรปก็เช่นกัน

เจตนาเดิมของชิวมั่นคือต้องการให้ตัวปลอมฆ่านายใหญ่เบวินทิ้ง แต่นึกไม่ถึงว่าตัวปลอมยังไม่ทันเคลื่อนไหวก็ตายเสียก่อน

ต่อมาเธอก็ระมัดระวังมาก ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรอีก

จากนั้นเธอก็ได้ยินเรื่องที่นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งปรากฏตัวอีกครั้ง โชคดีที่เธอวางมือเร็ว

“งั้นเธอก็เป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ เธอต่างหากที่เป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ!” ชิวมั่นโมโหหัวร้อน “เธอเป็นนักปรุงยาพิษ เธอไม่เคยจับคนไปทำยาหรือไง อีกอย่าง อยู่ว่างๆ เธอจะทำยาพิษไปทำไม!”

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “ไม่เคย ทำเพราะสนุก”

พิษที่เธอทำ พอสำเร็จก็ทำลายทิ้ง

คำตอบนี้ทำให้ชิวมั่นสติแตกอย่างสิ้นเชิง

เธอกระอักเลือดสีดำออกมา

“อิ๋งจื่อจิน เธอมันเก่งจริงๆ นะ” ชิวมั่นหัวเราะเสียงดัง “แต่ต่อให้เธอเก่งแค่ไหนก็เป็นแค่มนุษย์ เธอจะอายุยืนไม่แก่ได้เหรอ”

“ฮ่าๆๆ วันนี้เธอฆ่าฉัน ท่านนักมายากลไม่มีทางปล่อยเธอไว้แน่ เครือข่ายของพวกเขาใหญ่มาก หาเธอเจอได้ในไม่ช้าก็เร็ว เธอก็อยู่ได้อีกไม่นานหรอก อยู่ได้อีกไม่…”

ชิวมั่นยังไม่ทันพูดจบก็คอตก หมดลมหายใจ

แววตาของฝูซีเต็มไปด้วยความอาฆาต “ชิวมั่นฆ่าตัวตายแล้วค่ะอาจารย์”

อิ๋งจื่อจินยกมือห้ามฝูซี “ไม่ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งแตะต้อง”

เธอยื่นมือออกไปหยิบเข็มเงินออกมาสามเล่มแล้วปักเข้าที่จุดลมปราณของชิวมั่นตามลำดับ

จากนั้นก็ใช้มีดผ่าตัดผ่าท้องชิวมั่นแล้วปักเข็มทองอีกสองเล่ม ค่อยๆ หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากในร่างกายของชิวมั่น

อิ๋งจื่อจินวางเข็มทองลง บนฝ่ามือมีของแข็งที่ขนาดเท่าหนึ่งในสี่ของเล็บ

สีดำสนิท บนนั้นมีเส้นขนาดเล็กมากมายที่เชื่อมต่อกันเป็นวงจร

ช่วงนี้ฝูซีรู้จักเทคโนโลยีต่างๆ อยู่บ้าง แต่ยังไม่รู้จักของสิ่งนี้ “มันคืออะไรเหรอคะอาจารย์”

“มันคือชิป ถ้าฉันเดาไม่ผิด มันสามารถอ่านอุณหภูมิในร่างกายคนได้ เช็กจำนวนเซลล์คงเหลือ เป็นต้น เพื่อนำมาใช้ประมวลหาความแข็งแรงของร่างกาย หรือวินิจฉัยว่าตายหรือยัง”

ต่อให้เป็นฝูซีก็ยังอดตะลึงไม่ได้ “มหัศจรรย์ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

เทคโนโลยีพัฒนาได้ถึงขั้นนี้เลยเหรอ

“ใช่ ต่อให้แค่จามหนึ่งทีชิปก็อ่านความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายออก ส่งข้อมูลกลับไปที่ศูนย์บัญชาการได้” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง ค่อยๆ หักชิปทิ้ง “แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ยังทำออกมาไม่ได้ วีนัสกรุ๊ปก็ไม่มี”

เธอตรวจสอบชิปอันนี้แล้ว ละเอียดมาก

วงจรจิ๋วในชิปก็ซับซ้อนพอสมควร บนพื้นที่ไม่กี่ตารางมิลลิเมตรนี้มีลอจิกเกตกับตัวจับสัญญาณไม่รู้ตั้งเท่าไร

ตามคาด

เหมือนที่นอร์ตันพูดไว้ไม่มีผิด ที่นั่นเป็นสถานที่ที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกลมาก

ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเอาชิประดับนี้มาใช้กับชิวมั่น

เพราะในระดับโลก หากมีศาสตราจารย์คนไหนวิจัยชิประดับนี้ออกมาได้ก็จะฮือฮาไปทั้งโลก เป็นหลักชัยความก้าวหน้าของอารยธรรมมนุษย์

แต่สำหรับคนที่นั่นแล้ว ชิปแบบนี้เป็นของธรรมดามาก ผลิตได้เป็นจำนวนมาก

“กลับสมาพันธ์โอสถก่อน” อิ๋งจื่อจินยืนขึ้น “ยังเหลือแพทย์ผิดจรรยาบรรณอีกพันกว่าคนที่เคยฆ่าคน ต้องจัดการทันที คนที่ยังไม่ถึงขั้นนั้นก็ต้องล้างความทรงจำเรื่องแพทย์ผิดจรรยาบรรณ”

“แต่ถ้ากลับมาเดินบนเส้นทางปกติไม่ได้ก็คงต้องฆ่าทิ้ง”

ฝูซีพยักหน้า “ค่ะ อาจารย์”

เธอหิ้วศพของชิวมั่นแล้วกลับสมาพันธ์โอสถพร้อมอิ๋งจื่อจิน

เวลาเดียวกันกับที่ชิวมั่นตาย ณ ที่แห่งหนึ่งบนโลก

ภายในห้อง

ที่นี่มีเครื่องมือที่กำลังทำงานอยู่หลายเครื่อง

มีเครื่องหนึ่งส่งเสียง ติ๊ดๆๆ จากนั้นหน้าจอสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศ

บนนั้นมีรูปและข้อความ

คนในรูปก็คือชิวมั่น

[ข้อมูลร่างกายรหัส 9802 หายสาบสูญ เสียชีวิต]

เจ้าหน้าที่ที่รับหน้าที่คุมเครื่องเหล่านี้สีหน้าเปลี่ยน ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาทันที โทรแจ้งเบื้องบน

ไม่นานก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาด้วยความรีบร้อน

เขามองรูปชิวมั่น สีหน้าขรึมลง “เธอตายแล้วเหรอ”

ทั้งๆ ที่เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนชิวมั่นยังโทรคุยกับเขาอยู่ บอกให้เขาส่งกำลังเสริมไป

เขาเองก็เพิ่งยื่นหนังสือขอบัตรผ่าน

ทำไมแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียวชิวมั่นก็ตายแล้วล่ะ

ชายหนุ่มพูดเสียงเย็นชา “ดึงภาพตอนเธอตายขึ้นมาดูหน่อยว่าใครฆ่าเธอ”

เจ้าหน้าที่เช็ดเหงื่อ “ท่านครับ ชิปถูกทำลายไปแล้ว ส่งภาพตอนตายกลับมาไม่ทันครับ”

นอกจากตรวจจับสภาพภายในร่างกายมนุษย์ได้แล้ว ชิปแบบนี้ยังบันทึกภาพได้ด้วย

พอได้ยินแบบนี้ชายหนุ่มก็สีหน้าเปลี่ยน “ยังจะมีใครรู้อีกว่ามีชิปอยู่ในร่างกายเธอนอกจากพวกเรา”

ตอนที่พวกเขากับชิวมั่นร่วมมือกันก็ได้ใช้วิธีพิเศษฝังชิปเข้าไปในร่างกายของเธอ

แม้แต่ตัวชิวมั่นเองก็ยังไม่รู้ ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเธอล้วนถูกชิปบันทึกไว้หมด

อีกทั้งชิปเล็กขนาดนั้น คนปกติที่ไหนจะสังเกตเห็น

เจ้าหน้าที่ไม่กล้าพูด

“โลกแพทย์แผนโบราณกับโลกจอมยุทธ์ไม่ธรรมดาจริงๆ” ชายหนุ่มพึมพำ “มิน่านายท่านถึงได้อยากควบคุมสองที่นี้มาตลอด ถ้าจอมยุทธ์พวกนั้นเชื่อฟังคำสั่งของพวกเราได้ พวกเราก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น”

แม้แต่พวกเขาก็วิจัยกันมาตลอดว่า จอมยุทธ์กับแพทย์แผนโบราณปรากฏขึ้นได้อย่างไร ก็แค่ยังไม่เคยได้ข้อสรุป

เพราะจอมยุทธ์มหัศจรรย์มากจริงๆ

ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่านอกจากพวกเขาแล้วจะยังมีคนที่รังสรรค์สิ่งมหัศจรรย์แบบนี้ขึ้นมาได้ ขยายขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ พัฒนาความเร็วและพลังให้สูงขึ้น

พอชิวมั่นตายไปแบบนี้ แผนแทรกซึมโลกจอมยุทธ์กับโลกแพทย์แผนโบราณก็จำต้องพักไว้ก่อนแล้ว

“ฉันจะไปรายงานเรื่องนี้ให้นายท่านทราบ” ชายหนุ่มพูดขึ้น “นายเฝ้าต่อไป ถ้ามีคนตายอีกต้องรายงานทันที”

เจ้าหน้าที่หน้าเครียด “ครับ”

ชายหนุ่มเปิดประตูออกไป

สิบนาทีต่อมาเขาก็ไปถึงหน้าอาคารที่คล้ายโบสถ์

เจอกับพวกชนชั้นสูงที่แต่งตัวหรูหรา ชายหนุ่มลอบมอง จากนั้นก็พูดกับอัศวินที่เฝ้าอยู่หน้าประตู “พวกเขามาทำอะไร”

“คุณนายใหญ่ของตระกูลเรนเกลหมดสติมาสิบเก้าปีแล้วครับ” อัศวินตอบด้วยความนอบน้อม “พวกเขามาเอายาครับ”

ชายหนุ่มพยักหน้า

ที่แท้ก็คนของตระกูลเรนเกล

เขาไม่ได้สนใจอีก เดินตรงเข้าไปด้านในอาคาร

ด้านหน้า

ผู้หญิงคนหนึ่งครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น “เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ใช่หนทางแก้ไข อาศัยยาช่วยประคองชีวิตคุณนายใหญ่ไว้ แต่คุณนายใหญ่ก็ไม่ฟื้นสักที พวกเราเชิญนักสะกดจิตมาดูหน่อยดีกว่า”

“แต่จากสภาพของคุณนายใหญ่ตอนนี้ก็เคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้” พ่อบ้านลังเล “พวกเราพาเธอออกไปพบนักสะกดจิตไม่ได้ครับ คุณนายสาม ไม่สู้เชิญนักสะกดจิตคนก่อนมาที่ตระกูลเราดีกว่าครับ”

“พอถึงตอนนั้นค่อยลบความทรงจำของเขา แบบนี้เขาก็เอาเรื่องสถานที่ของพวกเราไปเล่าให้ใครฟังไม่ได้แล้ว”

“ล้อเล่นอะไรน่ะ” คุณนายสามพูดเสียงเย็นชา “ลบความทรงจำของนักสะกดจิตงั้นเหรอ ล้อเล่นหรือเปล่า”

“นั่นเป็นถึงนักสะกดจิตที่พวกคุณบอกว่าเป็นอันดับสองในโลกภายนอก ถ้าเขาไม่เก่งจริงจะติดอันดับนั้นเหรอ”

พ่อบ้านก็รู้ว่าตัวเองพูดผิดพลาดไป กระอักกระอ่วน “งั้นคุณนายสาม พวกเราควรทำไงดีครับ”

คุณนายสามครุ่นคิดชั่วครู่ “ฉันถามหน่อย พ่อบ้านอยู่ในตระกูลมานาน ลูกสาวของคุณนายใหญ่ตายแล้วจริงเหรอ”

ตอนที่เธอแต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลเรนเกล คุณนายใหญ่ก็หมดสติไปแล้ว

ได้ยินว่าสะเทือนใจอย่างหนัก ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว สูญเสียสติสัมปชัญญะอย่างสิ้นเชิง

“พวกเราเห็นศพทารกถูกฝังกับตา ตอนนั้นหมอกับพยาบาลห้องคลอดก็มีแต่มืออาชีพทั้งนั้น ยืนยันว่าเป็นศพทารกอย่างไม่ต้องสงสัยครับ” พ่อบ้านอึ้ง แต่ก็ตอบ “คุณนายใหญ่ก็เลยสะเทือนใจจนเสียสติไปทั้งแบบนี้ นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นครับ”

เขาสงสัย “ทำไมคุณนายสามถามแบบนี้ครับ”

“ก็แค่สงสัย” คุณนายสามตอบ “คุณนายใหญ่เก่งขนาดนั้นแต่กลับกลายเป็นแบบนั้นเพราะลูกตัวเองตาย น่าเสียดายจริงๆ”

พ่อบ้านไม่พูดอะไร ได้แต่ถอนหายใจ

ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้

พวกเขากลับไปยังอาณาเขตของตระกูลตัวเอง

พ่อบ้านถือยาแยกออกไป

คุณนายสามไปที่สวนด้านหลัง

เวลานี้มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน “คุณนายสาม แย่แล้วครับ คุณหนูห้าหายไปแล้ว!”

สีหน้าของคุณนายสามเย็นชาลงทันที ครึ้มหนักเหมือนเมฆฝน “หายไปแล้วมาบอกฉันมีประโยชน์อะไร ยังไม่รีบส่งข่าวไปที่ประตูเมืองอีก บอกให้ล็อกประตูเมือง ต่อให้มีบัตรผ่านก็ห้ามปล่อยเธอออกไป!”

เธอไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมคุณหนูห้าถึงได้มั่นใจขนาดนั้นว่าลูกสาวของคุณนายใหญ่ยังมีชีวิตอยู่

แต่คุณหนูห้าก็ไม่ใช่คนโง่

คุณหนูห้าพูดแบบนี้ได้จะต้องมีหลักฐานอะไรที่แม้แต่พวกเราก็ไม่รู้แน่นอน

ถ้าลูกสาวของคุณนายใหญ่ยังมีชีวิตอยู่จริง แบบนั้นก็ยุ่งยากแล้ว

บอดี้การ์ดคุกเข่าลง ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้ “คุณนายสาม ล็อกประตูเมืองก็ไม่ทันแล้วครับ กว่าพวกเราจะพบว่าคุณหนูห้าหายตัวไปก็ผ่านมาห้าชั่วโมงแล้วครับ”

“เวลาเท่านี้เพียงพอให้เธอออกจากเมือง เธอน่าจะไปยุโรปอีกแล้วครับ”

ในจดหมายเขียนท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว

[ฉันไม่เล่นสนุกกับพวกคุณแล้ว คิดว่าจะขังฉันได้เหรอ โง่น่า แบร่ๆๆ]

ด้านล่างยังมีรูปหมาแลบลิ้น

คุณนายสามอ่านจบก็ยกมือตบหน้าบอดี้การ์ดหนึ่งฉาด “ไม่ได้เรื่อง!”

บอดี้การ์ดเอามือจับหน้า “คุณนายสามครับ พวกเราต้องเอาบัตรผ่านออกไปข้างนอกเพื่อตามจับคุณหนูห้าไหมครับ”

“จับยังไง” คุณนายสามหายใจแรงด้วยความโมโห “ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นคุณหนูห้า เป็นเจ้านาย คราวก่อนพวกเราโชคดีถึงจับเธอขังได้ คนอื่นๆ ในตระกูลยังไม่รู้ คิดว่าเธอแค่ออกไปเที่ยวเล่น”

“ถ้าตอนนี้พวกเราส่งคนไปจับ ไม่เท่ากับเป็นการประกาศให้คนอื่นรู้เหรอว่าต้องการทำร้ายสมาชิกสายตรงของตระกูลเรนเกล”

เธอโมโหมาก

คุณนายใหญ่หมดสติ หัวหน้าตระกูลหายสาบสูญ

แม้แต่คุณหนูห้าก็ยังตัวหดเหลือหกขวบเพราะยาชนิดหนึ่ง

เธอไม่เชื่อหรอกว่าคนพวกนี้จะสร้างเรื่องอะไรให้ตระกูลเรนเกลได้อีก

อีกด้านหนึ่ง

สมาพันธ์โอสถในโลกแพทย์แผนโบราณ

ตอนนี้เป็นกลางดึก แต่แสงไฟยังสว่างอยู่

บุคคลระดับสูงของโลกแพทย์แผนโบราณมารวมตัวกัน ทีมคุ้มกันของศาลสถิตยุติธรรมที่ทราบข่าวก็มาด้วย

ทุกคนต่างตะลึง

เพราะไม่มีใครคาดคิดว่า ประธานสมาพันธ์โอสถจะเป็นตัวบงการแพทย์ผิดจรรยาบรรณ

ขณะเดียวกันทุกคนก็ได้ทราบเรื่องที่ฝูซีมีวรยุทธ์ด้วย

อิ๋งจื่อจินยกเรื่องแพทย์ผิดจรรยาบรรณให้ฝูซีและคนอื่น

เรื่องหลังจากนั้นก็ไม่ต้องให้เธอจัดการแล้ว

กำจัดแพทย์ผิดจรรยาบรรณได้ โลกแพทย์แผนโบราณก็จะสงบสุขไประยะหนึ่ง เธอก็จะได้พักผ่อนหน่อย

พออิ๋งจื่อจินเดินออกมาก็เจอกับคนตระกูลเซี่ย

เธอเพ่งมอง เห็นเซี่ยเฟิง

คุณชายรองตระกูลเซี่ย คนที่ตอนนั้นไปตี้ตูเพื่อจับเธอ

นายใหญ่เซี่ยเดินเข้ามา ใบหน้ามีรอยยิ้ม “คุณอิ๋งครับ คราวก่อนล่วงเกินไปมาก เจ้าลูกคนนี้ไปจับคุณ ปรากฏว่ากลับถูกศาลสถิตยุติธรรมจับไปขัง ก็ถือว่าสมควรรับโทษแล้ว”

“คุณอาจไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ผมก็ยังอยากพาเขามาขอโทษคุณครับ”

พูดจบนายใหญ่เซี่ยก็เตะเซี่ยเฟิงหนึ่งที พูดเสียงเย็นชา “ยังไม่ขอโทษอีก”

เซี่ยเฟิงกัดฟัน สุดท้ายก็ยอมก้มหัว “ขอโทษครับคุณอิ๋ง”

“แต่พวกเรายังไม่ยอมแพ้เรื่องเกี่ยวดองนะครับ” นายใหญ่เซี่ยพูดต่อ “คุณอิ๋งเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของโลกแพทย์แผนโบราณ ส่วนอวี้เอ๋อร์ก็เป็นอัจฉริยะของโลกจอมยุทธ์ ผนึกกำลังแข็งแกร่งย่อมเป็นเรื่องดี คุณอิ๋งคงไม่ปฏิเสธใช่ไหมครับ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท