คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 622 ตายแล้วของจริง คนหนุนหลังของอิ๋งจื่อจิน

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 622 ตายแล้วของจริง คนหนุนหลังของอิ๋งจื่อจินมีมากมายนับไม่ถ้วน

ครั้งนั้นที่หลิงฉงโหลวไปฮู่เฉิงก็เคยเจอเวินเฟิงเหมียนครั้งหนึ่ง

เขาจดจำภาพในตอนนั้นของเวินเฟิงเหมียนได้ดี

การกระทำและคำพูดของเวินเฟิงเหมียนไม่เหมือนคนที่เติบโตมาในหมู่บ้านแร้นแค้น

ต่อมาก็ได้ข่าวว่าเวินเฟิงเหมียนเคยเป็นอัจฉริยะอายุน้อยของตระกูลจี้ เคยทำการทดลองมามากมาย

แต่ก้งเฟิ่งศาลสถิตยุติธรรมเหรอ

ต่อให้เป็นหลิงฉงโหลวก็คิดตามไม่ทันเหมือนกัน

“คุณหลิง” เวินเฟิงเหมียนพยักหน้า “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”

หลิงฉงโหลวอึ้งไปชั่วขณะ “คุณเวินเป็น…ก้งเฟิ่งของศาลสถิตยุติธรรมเหรอครับ”

เวินเฟิงเหมียนยิ้มเล็กน้อย “ดวงดีสอบผ่านน่ะครับ”

หลิงฉงโหลวอึ้ง นึกถึงเรื่องที่หลิงตงชิงใส่ร้ายเขา

เวินเฟิงเหมียนเป็นก้งเฟิ่งฝ่ายตรวจตรา ฝ่ายตรวจตรายังจะส่งคนมาจับเขาที่ตระกูลหลิงได้อย่างไร

หลิงฉงโหลวกระจ่างแล้ว

มิน่าล่ะ

ศาลสถิตยุติธรรมมีความเป็นธรรม ต่อให้เขารู้จักกับเวินเฟิงเหมียน แต่เมื่อมีหลักฐานอยู่ตรงหน้าก็จะลำเอียงไม่ได้

อิ๋งจื่อจินเป็นลูกสาวของเวินเฟิงเหมียน แม้แต่เธอยังเลือกที่จะมาศาลสถิตยุติธรรมด้วยตัวเอง

อิ๋งจื่อจินก้าวไปด้านหน้า “พ่อคะ”

“เยาเยา ลูกจะกลายเป็นแขกประจำของที่นี่แล้วนะ” เวินเฟิงเหมียนรู้สึกขำและจนปัญญาในคราวเดียวกัน “ครั้งนี้มาทำไมล่ะ”

“อ๋อ ฆ่าคนค่ะ”

“…”

ทั้งสองคนคุยกันอย่างสนิทสนม

โดยเฉพาะคำเรียกว่า ‘พ่อ’ ที่เล่นเอาคนแถวนั้นตะลึง

เกิดความเงียบขึ้นตรงระเบียงทางเดิน

สีหน้าของเซี่ยเนี่ยนค้างอยู่แบบนั้น รอยยิ้มที่มุมปากเริ่มหายไป

เธอคิดมาตลอดว่าอิ๋งจื่อจินเป็นแค่แพทย์แผนโบราณ คนหนุนหลังก็มีแค่โลกแพทย์แผนโบราณ

ทำไมตอนนี้ถึงมีก้งเฟิ่งของศาลสถิตยุติธรรมโผล่มาได้ล่ะ

แถมยังเป็นพ่อของอิ๋งจื่อจินด้วยเหรอ

ล้อเล่นอะไรน่ะ!

ขนาดเธอยังไม่มีเลย

เซี่ยเนี่ยนนึกถึงคำพูดของตัวเองเมื่อครู่นี้ ใบหน้าแสบร้อนขึ้นมาทันที

ชั่วขณะนั้นทั้งโมโหทั้งอาย อยากหันตัวเดินหนี

“หึ มิน่าเธอถึงไม่กลัวที่จะมาศาลสถิตยุติธรรม ที่แท้ก็มีคนรู้จัก!” นายใหญ่ฝานตะลึงเสร็จก็ตั้งสติได้ ยิ้มประชด “ศาลสถิตยุติธรรมคงไม่ทำผิดหลักการของตัวเอง ใช้อำนาจในทางส่วนตัวใช่ไหม”

เขาพูดเสียงดังจนหัวหน้าฝ่ายอีกสามคนก็ได้ยินและออกมา

หัวหน้าฝ่ายตัดสินมาถึงเห็นหลิงฉงโหลวมาอีกก็ตกใจ “ทำไมคุณมาอีกแล้วล่ะ”

หลิงฉงโหลว “ฆ่าคนครับ”

“…”

หัวหน้าฝ่ายตัดสินสีหน้าไร้ความรู้สึก ไม่อยากสนใจหลิงฉงโหลวอีก หันไปทักทายเวินเฟิงเหมียน “น้องนิทรา”

อิ๋งจื่อจินจับหัว

เธอไม่อาจมองข้ามฉายานี้ของพ่อไปได้

“ศาลสถิตยุติธรรมย่อมให้ความเป็นธรรมอยู่แล้วครับ” เวินเฟิงเหมียนพูด “ไปเชิญคนมาชันสูตรศพก่อนค่อยรวบรวมหลักฐาน”

“ใช่” หัวหน้าฝ่ายตัดสินพยักหน้า “ทุกคนเห็นคุณหนูอิ๋งฆ่าคุณหนูฝานเหรอ”

“เห็นครับ!”

“เหลวไหล จื่อจินยังไม่ได้แตะแม้แต่ชายเสื้อของเธอเลยด้วยซ้ำ!”

สองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน

คนหนึ่งคือนายใหญ่ฝาน อีกคนคือหลิงฉงโหลว

หัวหน้าฝ่ายตัดสินขมวดคิ้ว “ใครก็ได้มานี่หน่อย”

ศาลสถิตยุติธรรมมีแผนกชันสูตรศพโดยเฉพาะ

แพทย์แผนโบราณคนหนึ่งหิ้วกล่องยาเดินมาด้วยความรีบร้อน

นายใหญ่ฝานไม่ยอมให้แพทย์แผนโบราณเข้าไป พูดเสียงดุดัน “คนตายไปแล้ว หลักฐานนี้ยังไม่พออีกเหรอ”

“ต้องชันสูตรให้แน่ชัดว่าตายยังไง” หัวหน้าฝ่ายตัดสินสายตาเย็นชา “กรุณาอย่าขัดขวางการทำคดีของศาลสถิตยุติธรรมครับ”

นายใหญ่ฝานกำหมัด ทำได้เพียงถอยออก ภาวนาอย่าให้ตรวจเจออะไร

ห้านาทีต่อมาแพทย์แผนโบราณก็ชันสูตรเสร็จ

หัวหน้าฝ่ายตัดสินถาม “เป็นไงบ้าง”

“เข็มทองสามเล่มนี้ถูกปักตั้งแต่เมื่อวานเย็นครับ” แพทย์แผนโบราณยืนขึ้น พูดด้วยความนอบน้อม “แต่ว่าไม่ลึก ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งจะแทงเข้าถึงเส้นเลือดครับ”

“แต่ไม่ใช่การบาดเจ็บภายนอก เป็นภายใน ซึ่งก็หมายความว่าคุณหนูท่านนี้เป็นคนใช้กำลังภายในผลักเข็มทองสามเล่มนี้ให้เข้าสู่ร่างกายครับ”

“ส่วนเวลาตายของเธอก็ไม่ใช่ตอนเข็มทองถูกดันเข้าไป แต่เป็นสิบนาทีให้หลังครับ” แพทย์แผนโบราณส่ายหน้าถอนหายใจ “น่าเสียดาย ถ้าคุณหนูอิ๋งดึงเข็มทองสามเล่มนี้ออกมา คุณหนูท่านนี้ก็ยังมีชีวิตรอดได้ ตอนนี้…”

เขาส่ายหน้า “ต่อให้เป็นท่านฝูซีก็ช่วยไม่ได้แล้วครับ”

พอได้ยินแบบนี้นายใหญ่ฝานก็สีหน้าเปลี่ยนไปมาก “เหลวไหล พูดเพ้อเจ้อ! เธอก็แค่แกล้งตาย! ทำไมจะช่วยไม่ได้”

“แกล้งตายเหรอ” หัวหน้าฝ่ายตัดสินทำหน้าขรึม “สรุปว่าพวกคุณยอมรับแล้วใช่ไหมว่าใส่ความคนอื่น”

นายใหญ่ฝานถึงตระหนักได้ว่าตัวเองหลุดปากพูดความจริงออกไป

สีหน้าของเขาบึ้งตึง

เวินเฟิงเหมียนพูด “เจตนาใส่ร้ายมีความผิดยังไงบ้างครับ”

“ตัดสินไปตามระดับของการใส่ร้าย” หัวหน้าฝ่ายตัดสินพูดเสียงเย็นชา “ถ้าพวกคุณใส่ร้ายสำเร็จ ผู้ถูกใส่ร้ายก็จะถูกตัดสินประหารชีวิต เรื่องนี้รุนแรงมาก ต้องจับขังคุก”

เวลานี้นายใหญ่ฝานกลับไม่มีเวลาฟังคำพูดของหัวหน้าฝ่ายตัดสินแล้ว เพราะเขาสังเกตเห็นว่าฝานจื่อซีไม่มีลมหายใจหลงเหลือแม้แต่น้อย

ร่างกายก็เริ่มเย็นลง

แม้เขาจะใช้กำลังภายในเค้นเข็มทองสามเล่มออกจากตัวฝานจื่อซีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ขยับเลยสักนิด

“จื่อซี!” นายใหญ่ฝานร้องเสียงหลง “จื่อซี!”

เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าฝานจื่อซีจะตายแล้วจริงๆ

“คุณหนูเซี่ย ทำไมจื่อซีถึงตาย” นายใหญ่ฝานพูดเสียงสั่น ตะโกนดังลั่น “ไหนคุณบอกว่าก็แค่ตายหลอกไงล่ะ ไม่มีทางเป็นอะไร!”

เซี่ยเนี่ยนหงุดหงิดเรื่องอิ๋งจื่อจินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งรำคาญเข้าไปใหญ่ “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง อีกอย่าง เธอจะตายหรือไม่ตายเกี่ยวอะไรกับฉัน มันเรื่องของฉันเหรอ”

เธอมองนายใหญ่ฝานด้วยสายตาเย็นชา แสยะยิ้ม “ฉันขอเตือนนะ อย่ามาทำให้ฉันหงุดหงิด ไม่อย่างนั้นตระกูลฝานของพวกคุณก็รอซ้ำรอยตระกูลหลิ่วได้เลย!”

พอคำพูดนี้ออกมาทุกคนในศาลสถิตยุติธรรมก็สีหน้าเปลี่ยนไปมาก

นายใหญ่ฝานเบิกตาโพลง ใบหน้าแดงก่ำ “เซี่ยเนี่ยน!”

ตระกูลหลิ่วมีจุดจบอย่างไร คนในโลกจอมยุทธ์ต่างรู้ดี

สาเหตุเป็นเพราะตระกูลหลิ่วไปทำเซี่ยเนี่ยนหงุดหงิด เซี่ยเนี่ยนได้รับบาดเจ็บระหว่างที่สู้กันสองคน

แต่ด้วยนิสัยของเซี่ยเนี่ยน ใครผิดกันแน่ไม่ต้องบอกก็รู้

“เอาล่ะ” เซี่ยเนี่ยนเสยผมอย่างไม่แคร์ “ตระกูลฝานของพวกคุณรนหาที่ตายเอง อย่าดึงฉันไปเกี่ยว เข็มทองนี่จื่อซีก็ปักเข้าไปเอง”

ยังไม่ต้องพูดเรื่องมีหรือไม่มีหลักฐาน ต่อให้มีหลักฐาน ศาลสถิตยุติธรรมกล้าจับกุมเธอเหรอ

เฟิงซิวไม่ปรากฏตัวก็ไม่มีใครต่อกรกับเซี่ยฮ่วนหรานได้

ต่อให้เป็นตระกูลหลิน เซี่ยฮ่วนหรานก็กำจัดได้ ก็แค่ต้องเปลืองแรงหน่อย มีความเป็นไปได้สูงที่จะเจ็บหนักจนวรยุทธ์ถดถอย

เซี่ยฮ่วนหรานไม่อยากเสี่ยง

“เซี่ยเนี่ยน!” นายใหญ่ฝานตะคอก “เซี่ยเนี่ยน แกจะต้องชดใช้กรรม จุดจบของแกจะต้องอนาถกว่าจื่อซีพันเท่าหมื่นเท่า!”

“ได้ ฉันจะรอ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าฉันจะต้องชดใช้กรรมยังไง รอดูนะว่าฉันจะต้องชดใช้กรรมก่อนหรือพวกคุณตายก่อน” เซี่ยเนี่ยนแสยะยิ้มแล้วเดินออกไปอย่างไม่แคร์

หลิงฉงโหลวฟังแล้วก็เส้นเลือดปูดบนหน้าผาก “เซี่ยเนี่ยน!”

แต่ก็จนปัญญา

ใครจะสู้เซี่ยฮ่วนหรานได้

เซี่ยฮ่วนหรานคนเดียวก็สามารถกำจัดผู้นำตระกูลทั้งหมดของตระกูลอื่นได้

จอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์แบบเซี่ยฮ่วนหรานก็ถึงขั้นอยู่เหนือคนอื่นแล้ว

หลิงฉงโหลวกำหมัดแน่น “ถ้าเฟิงซิวยังอยู่ก็คงดี”

อิ๋งจื่อจินสายตาจับจ้อง “เขาต้องอยู่”

หลิงฉงโหลวอึ้ง “จื่อจิน?”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินมุ่งมั่นแบบที่เห็นได้ยาก “หนูจะหาเขาให้เจอ”

หลิงฉงโหลวถอนหายใจ “เรื่องแบบนี้ปล่อยให้เป็นลิขิตสวรรค์เถอะ”

“พ่อคะ” อิ๋งจื่อจินพูดเสียงเบา “หนูจะไปสหพันธ์จอมยุทธ์ค่ะ”

เวินเฟิงเหมียนพยักหน้า “ดูแลตัวเองด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงทางศาลสถิตยุติธรรม”

นายใหญ่ฝาน ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝาน รวมถึงผู้นำตระกูลฝาน ทั้งหมดถูกศาลสถิตยุติธรรมจับกุมตัวไว้

คณะผู้อาวุโสทำการสอบสวนด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ยังได้ตั้งข้อหาหลายกระทง

ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝานทำความผิดหนักสุด ถูกตัดสินโทษตาย

ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝานดวงตาเบิกโพลง แสยะยิ้ม “ศาลสถิตยุติธรรม พวกคุณศักดิ์สิทธิ์จริงเหรอ วิญญาณคนตระกูลหลิ่วร่วมพันคนมองดูพวกคุณจากหลุมศพอยู่นะ!”

“พวกคุณมันไม่ได้เรื่อง บอกว่าพวกคุณกลัวตระกูลเซี่ย ปกป้องโลกจอมยุทธ์ไม่ได้ พวกคุณยังจะปฏิเสธอยู่ไหม”

พอคำพูดนี้ออกมา สายตาของบรรดาผู้อาวุโสก็เปลี่ยนไปมาก

ผู้อาวุโสรองกำมือแน่น ดวงตาแดงก่ำ

จอมยุทธ์พากันถอนตัวกลับโลกจอมยุทธ์ในศตวรรษที่ยี่สิบ

นอกจากเป็นเพราะการแพร่หลายของอาวุธระยะไกลกับความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีแล้ว ยังเป็นเพราะสมัยนั้นมีรุ่นผู้นำตระกูลตายกันไปเยอะมาก

มีนักพยากรณ์ทำนายว่า โลกจอมยุทธ์จะต้องมีเคราะห์ใหญ่

ด้วยเหตุนี้ทางโลกจอมยุทธ์จึงหารือกันแล้วสั่งให้จอมยุทธ์ที่อาศัยอยู่ข้างนอกทั้งหมดกลับเข้าโลกจอมยุทธ์

หลังจากที่ผู้นำตระกูลเหล่านั้นตายไป เซี่ยฮ่วนหรานก็ไม่ได้ปิดบังความสามารถอีกต่อไป แสดงให้เห็นวรยุทธ์อันน่าตกใจของตัวเอง

ตระกูลเซี่ยก้าวกระโดดขึ้นเป็นผู้นำของสามตระกูลใหญ่

เรื่องตระกูลหลิ่วเมื่อสิบปีก่อนถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

เลือดไหลนองดุจสายน้ำ

ไม่มีใครลืมลง

ตระกูลหลินกับตระกูลเย่ว์ก็ไม่ยุ่ง กลัวจะเดือดร้อนถึงตัวเอง

สหพันธ์จอมยุทธ์ยิ่งไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ไม่มีใครขยับ

ศาลสถิตยุติธรรมที่เป็นเพียงฝ่ายเดียวที่ออกขวางก็ได้สูญเสียผู้อาวุโสสามไป แต่ก็ทำได้แค่มองเซี่ยฮ่วนหรานทำตัวเหิมเกริม

หลังจากที่ผู้นำตระกูลรุ่นเดียวกับเซี่ยฮ่วนหรานรวมถึงรุ่นที่อาวุโสกว่านั้นตายไป ศักยภาพโดยรวมของศาลสถิตยุติธรรมและอิทธิพลอื่นๆ ก็ลดลงไปมาก

ศาลสถิตยุติธรรมยังได้บาดเจ็บเสียหายไปมากจากการปกป้องผู้คนในโลกจอมยุทธ์จากสงครามในแต่ละครั้ง

ความเสียหายนี้เยอะเกินกว่าจะบรรยาย

เพราะเป็นหน่วยงานแบบเดียวกับหน่วยอีจื้อและไอบีไอ การตายเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยในระหว่างที่พิทักษ์ความสงบสุข

ไม่ใช่ทุกคนที่จะไม่เกรงกลัวความตาย

จอมยุทธ์ส่วนใหญ่เห็นแก่ตัว ขอแค่ไม่เกิดเรื่องกับตัวเองเป็นพอ ไม่มีทางสนใจคนอื่น

ดังนั้นคนที่เข้าร่วมกับศาลสถิตยุติธรรมจึงมีน้อยลงเรื่อยๆ

ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝานเห็นคณะผู้อาวุโสพากันเงียบก็ชักได้ใจ

เขามองด้วยสายตาดูถูก “ทำไมไม่พูดล่ะ พวกคุณก็กล้าจับแค่ผม เก่งนักก็ไปจับเซี่ยฮ่วนหรานสิ!”

“เขาทำลายตระกูลหลิ่ว ไม่เห็นต้องรับโทษเลยสักนิด ผมก็แค่ฆ่าคนไม่กี่คน ยังสู้เขาไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกคุณมันขยะ ไม่ได้เรื่อง!”

เขาเพิ่งพูดจบก็มีบางอย่างมากระแทกหัว

พลั่ก!

ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝานร้องโอดครวญ ยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกล็อกตัวไว้

เขาลองขัดขืน แต่กลับพบว่าใช้กำลังภายในไม่ได้แม้แต่น้อย

วินาทีถัดมาก็มีเสียงดัง เป๊าะ แขนสองข้างของผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝานถูกหักทิ้ง

ฟู่อวิ๋นเซินพิงประตูทางเข้า

เขายังอยู่ในชุดคลุมกันลมสีดำ พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนหยอกล้อ แต่ดวงตาดอกท้อกลับเย็นชา “หนวกหูจริง”

อวิ๋นซานถือปืนจ่อหลังศีรษะของผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝาน แสยะยิ้ม “หมารับใช้ของตระกูลเซี่ย คู่ควรสงสัยในการทำงานของศาลสถิตยุติธรรมเหรอ”

ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝานถูกจับกดลงบนโต๊ะ แถมยังถูกฟู่อวิ๋นเซินผนึกวรยุทธ์ไว้ ร่างกายขยับไม่ได้แม้แต่น้อย

เขาแยกเขี้ยวยิงฟัน ใบหน้าแดงก่ำ

ฟู่อวิ๋นเซินนั่งอยู่ด้านบน ขยับข้อมือ ดวงตาหลุบลง ท่าทีสุขุม “เอาของเข้ามา”

อวิ๋นอู้รีบถือกล่องไม้ที่หนักมากเข้ามา

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “เอาให้เขาดู”

อวิ๋นซานบังคังให้ผู้อาวุโสใหญ่เงยหน้าขึ้นเพื่อมองพวกเอกสารที่อยู่ในกล่อง “ไอ้แก่ แหกตาดูซะ ในขณะที่เมื่อก่อนแกใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย คนอื่นทำอะไรอยู่!”

“เมื่อก่อนแกอาศัยอยู่ที่ฝั่งตะวันออกใช่ไหม ฮู่ฝ่ากู่มู่ยังเคยช่วยชีวิตแกตอนเด็กเอาไว้ด้วย ถ้าไม่มีศาลสถิตยุติธรรมดูแลความเรียบร้อยในโลกจอมยุทธ์ ไอ้แก่อย่างแกจะมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้เหรอ”

“แกบอกว่าศาลสถิตยุติธรรมทำอะไรผู้นำตระกูลเซี่ยไม่ได้ วรยุทธ์ต่ำ งั้นพวกเขาเหล่านี้ไปไหนแล้วล่ะ แกไม่รู้เหรอ”

อวิ๋นซานพูดเสียงเย็นชายิ่งกว่าเดิม “พวกเขาตายเพื่อใคร แกก็ไม่รู้เหรอ”

“ถ้าพวกเขาไม่ใช่คนของศาลสถิตยุติธรรมจะไม่สนใจแกก็ได้ ไปเก็บตัวฝึกวรยุทธ์ให้กลายเป็นอันดับหนึ่งของโลกจอมยุทธ์ไม่ดีกว่าเหรอ”

ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝานไม่ละสายตา ตาแดงหนักกว่าเดิม

[ปีพันหกร้อยเก้าสิบ เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ทางตะวันตกของโลกจอมยุทธ์ แรงสั่นสะเทือนรุนแรงมาก มีคนถูกฝังสองแสนหนึ่งพันคน

คณะผู้อาวุโสออกปฏิบัติการพร้อมกันเพื่อช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ ทำให้ตายไปหนึ่งเจ็บหนักสอง

ผู้อาวุโสสองคนที่เจ็บหนักเดิมทีร่างกายก็ไม่ได้แข็งแรงอยู่แล้ว วรยุทธ์ถดถอยไปหลายปี หมดแรงจะสู้ต่อ จึงถูกให้เกษียณ]

[ปีพันแปดร้อยยี่สิบสาม มีคนเลวออกอาละวาด วรยุทธ์สูงถึงสองร้อยห้าสิบปี ฆ่าคนบริสุทธิ์มาตลอดทาง

ผู้อาวุโสใหญ่ในตอนนั้นออกไปจับตัวมาดำเนินคดีด้วยตัวเอง สามวันให้หลังผู้อาวุโสใหญ่ก็เจ็บหนักจนเสียชีวิตโดยที่ยังไม่ได้รักษา ทุกคนต่างไว้อาลัย]

[ปีพันแปดร้อยเก้าสิบหก ทางตะวันออกของโลกจอมยุทธ์เกิดสงครามใหญ่ ตระกูลขนาดเล็กและกลางถูกระราน

ศาลสถิตยุติธรรมส่งทีมคุ้มกันออกไปยี่สิบทีมเพื่อให้ความช่วยเหลือ ช่วยชีวิตคนไว้ได้ทั้งหมดแปดหมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยสามสิบสี่คน

ทีมคุ้มกันตายหมด

ฮู่ฝ่าแปดคน ตายหกเจ็บหนักสอง]

ตรงก้นกล่องยังมีจดหมายยินยอมเข้าร่วมสงครามที่เปื้อนเลือดอยู่

[ผมได้ทราบข่าวฝั่งตะวันออกเกิดสงคราม ชาวบ้านเดือดร้อน จึงมีความยินดีขอเข้าร่วม

ตราบใดที่เป็นส่วนหนึ่งของศาลสถิตยุติธรรม ก็จะขอภักดีต่อศาลสถิตยุติธรรมไปจนตาย

หากครั้งนี้ไปแล้วไม่ได้กลับมาอีก ขอผู้อาวุโสใหญ่โปรดช่วยดูแลครอบครัวของผมด้วย พาพวกเขาไปอยู่โลกปุถุชน ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในบั้นปลาย

ฮู่ฝ่าศาลสถิตยุติธรรม กู่มู่ยินดีเข้าร่วมสงคราม!]

[ผมเป็นฮู่ฝ่าของศาลสถิตยุติธรรม พร้อมปกป้องคนในโลกจอมยุทธ์ ปกป้องความสงบสุขในโลกจอมยุทธ์ ชาตินี้ตายก็ไม่เสียดาย หวังเพียงสงครามจะจบลงสักที โลกจอมยุทธ์ได้กลับคืนสู่สภาวะปกติ ชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข

ฮู่ฝ่าศาลสถิตยุติธรรม สวี่อวิ๋นเฟิงยินดีเข้าร่วมสงคราม!]

ตัวหนังสือเปื้อนเลือด ทั้งหมดนี้คือนักรบที่ยอมพลีชีพ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน