คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 643 ลูกนอกสมรส ไม่มีความสามารถนั้น

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 643 ลูกนอกสมรส ไม่มีความสามารถนั้น

เรย์เดินอยู่หลังสุด อีกทั้งเขาเป็นอัศวินของสำนักผู้วิเศษ

อัศวินของสำนักผู้วิเศษย่อมมีสถานะที่สูงกว่าอัศวินของตระกูลอวี้กับตระกูลเรนเกล

คนอื่นๆ รวมถึงลั่วเฟิงต่างไม่กล้ามองไปทางเขา

กระดาษขาวอักษรแดง

ดูแล้วชวนสะพรึง

[ปลิดชีพ เอาเลือด]

เรย์ดูเสร็จก็หรี่ตามอง

ค่อยๆ ฉีกกระดาษใบนี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วโปรยทิ้ง

ประตูใหญ่ของเมืองแห่งโลกเปิดออก กลุ่มคนหายออกไป

ในเวลาเดียวกันที่คฤหาสน์ตระกูลอวี้

จูซานั่งอยู่บนระเบียงดาดฟ้า ดื่มชาด้วยท่วงท่าสง่างาม

เธอเงยหน้ามองไปทางประตูใหญ่ของเมืองแห่งโลก เม้มริมฝีปากเบาๆ

มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เป็นอัศวินที่สวมชุดของสำนักผู้วิเศษ

เขากำมือทำความเคารพ คุกเข่าลงหนึ่งข้าง “ท่านผู้บัญชาการ ท่านจักรพรรดินีทราบข่าวจากท่านแล้ว ท่านจักรพรรดินีบอกว่าเรื่องเล็ก ทุกอย่างทำตามที่ท่านผู้บัญชาการสั่งครับ”

อย่าว่าแต่ลูกนอกสมรสที่อยู่ข้างนอกของตระกูลอวี้เลย ต่อให้เป็นตัวอวี้เซ่าอวิ๋นเองก็ยังไม่มีสิทธิ์เข้าตาสำนักผู้วิเศษ

ดุจเทพที่สูงส่ง บรรดาผู้วิเศษมีความเมตตาที่ไม่สิ้นสุด แต่ก็เย็นชาไร้เยื่อใยได้เช่นกัน

จูซารู้จุดนี้อยู่ก่อนแล้ว ถึงได้ให้พ่อบ้านเอาของแทนตัวของเธอไปขอเข้าพบผู้วิเศษจักรพรรดินี

ก่อนที่เธอจะแต่งเข้าตระกูลอวี้ เธอเป็นผู้บัญชาการสาวของหน่วยอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในสี่หน่วยอัศวินใหญ่ของสำนักผู้วิเศษ

สี่หน่วยอัศวินใหญ่แบ่งออกเป็น คฑากายสิทธิ์ ดาบอาญาสิทธิ์ เหรียญแห่งดาว และจอกศักดิ์สิทธิ์

มีเพียงหน่วยอัศวินสี่หน่วยใหญ่นี้ที่เป็นที่น่าเชื่อถือที่สุดของสำนักผู้วิเศษ

ในเวลาเดียวกัน ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้วิเศษทั้งยี่สิบสองคน สี่หน่วยอัศวินก็แสดงถึงไพ่สำรับเล็กของไพ่ทาโรต์ที่แบ่งออกเป็นสี่ชุด

ผู้วิเศษยี่สิบสองคนกับสี่หน่วยอัศวินรวมกันเป็นไพ่ทาโรต์ทั้งสำรับพอดี

แต่นอกจากเมืองแห่งโลกแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่านี่ต่างหากต้นกำเนิดไพ่ทาโรต์

“อืม” จูซายิ้ม “แต่เลือดของเขามีความพิเศษหรือไม่ก็ยังไม่รู้ นายออกไปก่อนเถอะ”

อัศวินคำนับแล้วออกไป

จูซาดื่มชาอีกสักพักแล้วค่อยๆ ยืนขึ้น เอาข้าวไปให้คุณนายผู้เฒ่าอวี้

เวลานี้

ยุโรป

ห้องทดลองมานูเอล

เขามีสีหน้าเคร่งเครียด กำลังฟังผู้ช่วยรายงานข่าว

พอฟังถึงตอนหลังมานูเอลก็ดันแว่นตา เลนส์แว่นสะท้อนแสง “ข่าวมาจากไหน เชื่อถือได้หรือเปล่า”

“มาจากทางคุกที่ฟลอเรนซ์ครับ” ผู้ช่วยตอบ “คุณหนูคนหนึ่งของตระกูลลอเรนท์ซื้อบทความจนถูกตระกูลลอเรนท์ตัดชื่อและขับไล่ออกจากตระกูลครับ”

“ต่อมาเป็นเพราะเธอถือปืนหมายจะฆ่าคนที่หน้าสนามบิน ตอนนี้เลยถูกขังไว้ในคุกสากลที่เมืองฟลอเรนซ์ พัศดีบอกว่าเธอสติไม่ค่อยดี เอาแต่พูดคำพูดเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาครับ”

มานูเอลหรี่ตามอง “เล่าต่อ”

“อิ๋งจื่อจิน นักวิจัยอันดับหนึ่ง เป็นไปได้ยังไง มีสิทธิ์อะไร” ผู้ช่วยพูดซ้ำอีกครั้ง พูดด้วยน้ำเสียงเชิงขอโทษ “ขอโทษครับศาสตราจารย์ ข้อมูลมีแค่นี้ครับ ผมว่าความน่าเชื่อถือไม่สูง อย่างมากก็มีความเป็นไปได้แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ครับ”

เอลิซาเบธสภาพเป็นแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยจะปกติแล้ว

ใครจะไปรู้ว่าเธอพูดจริงหรือแค่เพ้อ

“ไม่ ฉันกลับรู้สึกว่าเชื่อได้ร้อยเปอร์เซ็นต์” มานูเอลยิ้มเล็กน้อย “เกอร์เวนเคยถูกช่วยชีวิตไว้ที่ประเทศจีน อยู่ที่ฮู่เฉิงพอดี ถึงแม้ตอนนั้นเรื่องนี้จะถูกปิดไว้ แต่ดูจากตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าอิ๋งจื่อจินคนนี้นี่แหละที่ช่วยชีวิตเขาไว้”

“กอปรกับความรู้ของเธอเป็นที่น่าตกใจ ถึงแม้ไอเอสซีจะเป็นการแข่งขันสำหรับนักเรียนมอปลาย แต่ความเร็วขนาดนั้นในการตอบคำถาม ขนาดฉันยังไม่กล้าบอกว่าฉันเก่งกว่าเธอเลย”

ผู้ช่วยอึ้ง “ศาสตราจารย์หมายความว่า?”

“คนพวกนั้นที่คราวก่อนลักพาตัวเกอร์เวนไม่ได้ติดต่อพวกเรามาอีกเหรอ” มานูเอลขมวดคิ้ว “ไหนพวกเขาบอกว่าจะช่วยพวกเรากำจัดเกอร์เวนไม่ใช่เหรอ”

การแข่งขันในวงการวิชาการก็มีการนองเลือดเช่นกัน

เกอร์เวนเป็นหนามยอกอกสำหรับใครหลายคน

แต่เพราะมีการลงทุนจากตระกูลลอเรนท์กับวีนัสกรุ๊ป ทำให้หลายคนไม่กล้าแตะต้องเขา

ผู้ช่วยส่ายหน้า “ไม่มีเลยครับ”

มานูเอลครุ่นคิดชั่วครู่ “พวกเขาได้บอกเหตุผลไหมว่าทำไมต้องกำจัดเกอร์เวนทิ้ง”

สาเหตุที่เขาอยากฆ่าเกอร์เวนก็ไม่มีอะไรมาก แค่ไม่อยากให้เกอร์เวนเด่นกว่าเขาในวงการวิชาการ

แต่คนพวกนั้นต่างอยู่คนละมิติกับพวกเขา มีผลประโยชน์อะไรให้ต้องแย่งชิงด้วย

“ไม่ได้บอกอะไรเป็นพิเศษครับ แต่ตอนพวกเขาติดต่อเราได้พูดคลุมเครืออยู่ประโยคหนึ่งครับ” ผู้ช่วยนึก “บอกว่าของจำพวกยานอวกาศข้ามจักรวาลไม่ควรมีอยู่”

มานูเอลคิดแล้วค่อยๆ พยักหน้า “เข้าใจแล้ว พวกเขาไม่อนุญาตให้คิดค้นยานอวกาศข้ามจักรวาลออกมาได้ แม้จะมีแค่ความเป็นไปได้ก็ตาม”

การไปจักรวาลอื่นเป็นข้อห้ามสำหรับคนของเมืองแห่งโลก

ผู้ช่วยถาม “ศาสตราจารย์อยากติดต่อคนพวกนั้นเพื่อฆ่าอิ๋งจื่อจินเหรอครับ”

“ฆ่าเธอทำไม” มานูเอลส่ายหน้า “พวกเราต้องชวนเธอมาร่วมโปรเจ็กต์ทดลองของพวกเราสิ นายสืบมาได้ไม่ใช่เหรอว่าเธอยังเป็นหมอด้วย พวกเรากำลังขาดคนเก่งๆ แบบนี้”

ผู้ช่วยลังเล “แต่จะให้เธอมาร่วมโปรเจ็กต์ของพวกเราคงไม่ง่ายหรือเปล่าครับ เธอน่าจะสนิทกับเกอร์เวนมาก”

“เมืองแห่งโลก” มานูเอลพูด “นายบอกเรื่องเมืองแห่งโลกให้เธอรู้ เธอมาแน่นอน”

ดินแดนแห่งอารยธรรมขั้นสูงของมนุษย์

ใครล่ะจะไม่อยากไป

มานูเอลพูด “แน่นอนว่าถ้าเธอไม่ยอมก็กำจัดโดยเร็วจะดีกว่า”

ผู้ช่วยถึงได้เข้าใจ เขาพยักหน้าแล้วออกไปจัดการ

วันต่อมา

อิ๋งจื่อจินกลับจากฟลอเรนซ์ไปที่ประเทศเจ

เธอกลับโรงแรมเปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้วไปซูเปอร์มาร์เก็ต

และก็โชคดีที่เธอไม่ได้มีชื่อเสียงในประเทศเจ ไม่เหมือนในประเทศจีนที่ถึงขั้นไปไหนก็มีคนรู้จัก จำต้องพรางตัวออกไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ต

อิ๋งจื่อจินเข็นรถเข็นไปช้าๆ เลือกพวกขนมมาครึ่งรถเข็นก่อน

ระหว่างที่เดินซื้อของอยู่นั้นก็รับสายจากเลขา

พอคุยเสร็จเธอก็เข็นรถต่อพลางครุ่นคิดเรื่องที่บริษัท ด้วยเหตุนี้จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าตัวเองเดินถึงไหนแล้ว

“เยาเยา”

เวลานี้มีเสียงหัวเราะที่เบามากอยู่ด้านหลังเธอ

เสียงของฟู่อวิ๋นเซินเจือด้วยเสน่ห์เย้ายวน ทุ้มต่ำเซ็กซี่

เขายกมือข้างหนึ่ง อาศัยความที่ตัวสูงกว่าโอบบ่าเธอจากด้านหลังแล้วกดเธอเข้ากับชั้นวางสินค้า

หัวเราะเชิงหยอกล้อ น้ำเสียงไม่รีบร้อน “ไซส์เล็กไป เธอจะรัดพี่ชายให้ตายเหรอ”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก

ด้วยสติปัญญาของเธอ ชั่วขณะนั้นไม่เข้าใจความหมายของเขา

จนกระทั่งเธอเงยหน้า มองไปตามมือของฟู่อวิ๋นเซินที่พาดอยู่ถึงได้พบว่าเธอเข็นรถมาหยุดตรงโซนเสื้อผ้าผู้ชาย

อิ๋งจื่อจินมองกล่องที่เรียงอยู่บนชั้น รวมถึงคำว่าไซส์เอ็มบนกล่อง “…”

เป็นครั้งแรกที่เธอหน้าเหวอ

ฟู่อวิ๋นเซินใจเย็น

มือของเขาเคลื่อนไปตามชั้นวางสินค้าแล้วจับอีกไซส์หนึ่ง “อันนี้พอไหวหน่อย”

อิ๋งจื่อจินไม่แสดงอารมณ์ แค่เหลือบมองเขา “อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง ไม่ได้อยากซื้อให้เสียหน่อย”

“อืม เธอก็ไม่รู้ไซส์ แต่อีกหน่อยก็รู้แล้ว”

น้ำเสียงกล่อมเด็ก

“…”

หลังจากเงียบไปสักพัก

“ผู้บัญชาการ”

ฟู่อวิ๋นเซินหันไป

อิ๋งจื่อจินเข็นรถเดินไปข้างหน้าต่อ “เมื่อก่อนฉันไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าคุณยังเป็นคนป่าเถื่อนด้วย”

พูดออกมาได้ทุกอย่าง

“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินล้วงกระเป๋าข้างหนึ่ง เลิกคิ้ว ยิ้มบาง “เมื่อก่อนพี่ชายไม่เคยเป็นคนป่าเถื่อนนะ”

เขาตามไป แย่งรถเข็นมาจากมือเธออย่างเป็นธรรมชาติ

“พี่ชายยังอยากถามเธอหน่อย ทำไมถึงมองพี่ชายเป็นคนป่าเถื่อนล่ะ เด็กน้อย”

ยังคงเป็นน้ำเสียงหยอกเย้ากวนประสาท ไม่จริงจัง

เขาก้มตัวเล็กน้อย มองเธอด้วยสีหน้าจริงจัง

สายตาเฉียบคมมาตลอด แต่รอยยิ้มบางในดวงตาดอกท้อฉายแววอ่อนโยน ยากจะต้านทาน

อิ๋งจื่อจินเอานิ้วจิ้มแก้มเขา พูดเสียงเย็นชา “อยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต คิดจะทำอะไร”

“ปล่อยกระแสไฟฟ้าใส่เธอมั้ง”

“…”

“เอาล่ะ ไม่เล่นแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะเธอ ยิ้มบาง “เดี๋ยวกลับไปทำผัดเลือดให้กิน”

ทั้งสองคนกลับโรงแรม

โรงแรมแห่งนี้อยู่ในเครือวีนัสกรุ๊ป

มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ฟูอวิ๋นเซินถอดเสื้อคลุมออกแล้วไปที่ห้องครัว

อิ๋งจื่อจินนั่งบนโซฟา เปิดโทรทัศน์เตรียมดูละคร

มีเสียงออดประตูดังขึ้น

อิ๋งจื่อจินลุกไปเปิดประตู

พบผู้ช่วยของมานูเอลมาพร้อมบอดี้การ์ดสองคนยืนอยู่

อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย

“สวัสดีครับคุณอิ๋ง ผมเป็นผู้ช่วยของศาสตราจารย์มานูเอลครับ” ผู้ช่วยเข้าประเด็นทันที “ได้ยินว่าคุณอิ๋งเป็นหมอเทวดาหัตถ์เทวะของประเทศจีน ต้องมีความรู้ทางด้านชีววิทยาและแพทย์ดีแน่นอน ศาสตราจารย์มานูเอลเลยอยากชวนคุณอิ๋งเข้าห้องทดลองของเขาครับ”

หยุดเล็กน้อย ไม่รอให้อิ๋งจื่อจินตอบ เขาพูดต่อ “คุณอิ๋งเคยได้ยินเมืองแห่งโลก ดินแดนแห่งอารยธรรมขั้นสูงของมนุษย์ไหมครับ มาอยู่กับเราแล้วคุณถึงจะเข้าไปได้ครับ”

เกอร์เวนไม่มีทางมีความสามารถเข้าเมืองแห่งโลกได้ ยังมีชีวิตอยู่ได้ก็นับว่าดีมากแล้ว

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท