คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 743 ตัวตนเปิดเผยต่อเนื่อง ช็อกหนัก

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 743 ตัวตนเปิดเผยต่อเนื่อง ช็อกหนัก

จงมั่นหวากับอิ๋งลู่เวย สองคนนี้เมื่อเปรียบเทียบกันมีแค่การเทียบว่าใครแย่ที่สุด

ซีนายรู้เรื่องชั่วของตระกูลอิ๋งตั้งแต่ตอนที่เพิ่งรู้จักกับอิ๋งจื่อจิน

แค่ตอนนั้นเธอก็เกลียดจงมั่นหวากับอิ๋งลู่เวยเข้าไส้แล้ว

แต่จดหมายที่ชิงหลางส่งกลับมาฉบับนั้นทำให้ซู่เวิ่นกับซีนายตระหนักได้ว่า อิ๋งจื่อจินเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่งตอนถูกบังคับให้เลือดอิ๋งลู่เวย

แม้จะมีตัวล็อกพันธุกรรมปกป้องไว้ แต่นั่นก็หนึ่งชีวิต

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลงเล็กน้อย

เธอรู้แล้วว่าทำไมเวรกรรมระหว่างเธอกับตระกูลอิ๋งถึงได้หมดเร็วขนาดนี้

จงมั่นหวาอุ้มเธอกลับไปเลี้ยงเหมือนลูกสาวแท้ๆ ก็ถือเป็นการช่วยชีวิตเธอไว้ครั้งหนึ่ง

จงมั่นหวาเลี้ยงดูเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีก่อนเธอจะถูกอิ๋งลู่เวยอุ้มออกจากบ้านตระกูลอิ๋งเอาไปทิ้ง

แต่ต่อมาชีวิตนี้ก็หักล้างกัน

อิ๋งลู่เวยจับซี่กรง ความอิจฉาภายในใจมีมากขึ้น เธอกัดริมฝีปาก “เธอพูดเพ้อเจ้ออะไรน่ะ มีเหรอที่ฉันจะจำหลานสาวตัวเองไม่ได้”

“ตื่นได้แล้ว หลานสาวของเธอน่ะ เพิ่งเกิดได้ไม่นานก็ถูกพี่สะใภ้ใหญ่ของเธอที่อาการซึมเศร้ากำเริบโยนตกตึกตายไปแล้ว” ซีนายพูด “อาอิ๋งเป็นลูกของพี่สะใภ้ฉัน และยังเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเราด้วย”

“อย่ามาทำเป็นตีสนิท เข้าใจ?”

ริมฝีปากของอิ๋งลู่เวยเริ่มสั่น ตัวก็สั่น “เธอ…เธอพูดอะไรอยู่กันแน่”

“มา ดูนี่หน่อย นี่เป็นหนึ่งในบ้านที่อยู่ในอาณาเขตของคฤหาสน์เรา” ซีนายปรับที่นาฬิกาข้อมือเพื่อฉายภาพสามมิติ “ใหญ่กว่าบ้านเธอทั้งหลังอีกใช่ไหมล่ะ”

“นี่ห้องของอาอิ๋ง นี่เป็นห้องทดลองที่พี่สะใภ้ฉันเตรียมไว้ให้อาอิ๋ง”

อิ๋งลู่เวยตะลึงในความร่ำรวยของตระกูลเรนเกลอย่างสิ้นเชิง

เธอไม่เคยเห็นอาคารที่ใหญ่โอ่อ่าเท่านี้มาก่อน

และของพวกนี้เป็นของอิ๋งจื่อจินทั้งนั้น!

อิ๋งลู่เวยรับไม่ได้

“ส่วนเธอ มีดีอะไร คู่ควรให้อาอิ๋งเสียสละชีวิตเพื่อช่วยเธอด้วยเหรอ” ซีนายกระชากคอเสื้อนักโทษของอิ๋งลู่เวย ยิ้มเย็นชา “ตระกูลอิ๋งบ้าบอนั่น ไม่มีค่าให้พูดถึงสักนิดเมื่อเทียบกับตระกูลของพวกเรา”

ก็แค่ตระกูลเรนเกลอยู่ในเมืองแห่งโลกมาตลอด

ตระกูลลอเรนท์ก็ยังต้องด้อยกว่าเมื่อเทียบความร่ำรวยและศักยภาพ

เป็นตระกูลใหญ่ชั้นแนวหน้าระดับโลกอย่างแท้จริง

“กรี๊ดดด!” อิ๋งลู่เวยกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง “ฉันไม่เชื่อ! ฉันไม่เชื่อ!”

“หุบปาก” ซีนายง้างมือตบหน้าไปหนึ่งฉาด สายตาเย็นชา “หนวกหู”

อิ๋งลู่เวยไม่กล้าร้องแล้ว ทำได้เพียงสะอึกสะอื้น

ซีนายปล่อยมือ “อาอิ๋ง เอาตัวยัยคนนี้ไปเมืองแห่งโลก คนที่เคยทำร้ายเธอ ปล่อยให้ในคุกมันจะสบายไป”

อิ๋งจื่อจินรู้ว่าคนในครอบครัวต้องการล้างแค้นให้เธอ

แววตาของเธออ่อนลง ยิ้มพลางพูด “ค่ะอา”

อิ๋งลู่เวยเบิกตาโพลง โวยวายอีกครั้ง “ไม่! ฉันไม่ไป!”

ถ้าเธอไป เธอยังจะมีชีวิตรอดเหรอ

“พวกคุณจะเอาตัวนักโทษไปเหรอครับ” หัวหน้าผู้คุมขมวดคิ้ว “เธอเป็นนักโทษที่เบื้องบนดูแลเป็นพิเศษ ถ้าไม่มีคำสั่งจากท่านประธานก็พาไปไม่ได้ครับ”

ฟู่อวิ๋นเซินได้ฟังก็เหลือบตาขึ้น

เวลานี้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

หัวหน้าผู้คุมชะงัก รีบเข้าไปต้อนรับด้วยความนอบน้อม “ท่านประธานลิซิเนียส!”

พอเห็นลิซิเนียส แววตาของอิ๋งลู่เวยก็เริ่มมีความหวังอีกครั้ง

มีประธานไอบีไออยู่ เธอก็ไม่มีทางถูกคนพวกนี้เอาตัวไปได้

เธอยอมอยู่ในคุกของไอบีไอดีกว่าไปเมืองแห่งโลกอะไรนั่น

ทว่าวินาทีถัดมาลิซิเนียสก็เดินตรงเข้าไปหาฟู่อวิ๋นเซิน

เขาทำความเคารพ “ผู้บัญชาการ”

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันมาเอาคน นายก็สังเกตการณ์ของนายต่อไป อย่าเอาเรื่องงานมารบกวนฉัน”

ลิซิเนียส “…”

เขาเป็นเพียงคนทำงานที่ต่ำต้อย

บทสนทนานี้ไม่เพียงแต่จะทำหัวหน้าผู้คุมตะลึง ฝันหวานของอิ๋งลู่เวยก็แหลกสลายไปหมดด้วย

สะเทือนใจอย่างต่อเนื่อง ทำให้อิ๋งลู่เวยแทบเสียสติ “แกเป็นผู้บัญชาการไอบีไอเหรอ!”

“อ่อ ลืมบอกไป ฟู่น้อยก็เป็นลูกชายคนโตของตระกูลอวี้ด้วย” ซีนายหันหน้าไป “คู่หมั้นตระกูลเจียงอะไรของเธอนั่นก็มีคดีติดตัว ตระกูลเจียงขับไล่เขาออกไปนานแล้ว แค่เทียบยังเทียบไม่ได้เลย เข้าใจ?”

ประโยคแล้วประโยคเล่า เหยียบย่ำจุดเจ็บปวดของอิ๋งลู่เวยอย่างไร้ความปรานี

อิ๋งลู่เวยถูกโจมตีจนไม่เหลือเรี่ยวแรงเลยสักนิด พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

ฟู่น้อยเหรอ

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองซีนาย

อีกเดี๋ยวไม่รู้ว่าใครต่างหากที่ตัวน้อย

ช่างเถอะ ใครใช้ให้ผู้หญิงคนนี้เป็นอาเล็กของเด็กน้อยของเขาล่ะ

ฟู่อวิ๋นเซินใช้คางชี้ “เอาตัวไป”

มีนักสืบเข้าไปจับตัวอิ๋งลู่เวยทันที

อิ๋งจื่อจินกับซีนายเดินเคียงข้างกันไป เธอหันมา “ขอบคุณค่ะอา”

“ฟึ่บ”

พอเธอพูดจบ ซีนายที่กำลังเดินอยู่ก็กลับมาสูงหนึ่งเมตรยี่สิบเซนติเมตร

เสื้อผ้าชุดผู้ใหญ่แทบบังตัวเธอมิด เธอทรุดลงไปนั่งบนพื้น

อิ๋งจื่อจิน “…”

เธอนั่งยองลง หยิบชุดเด็กจากกระเป๋าออกมาใส่ให้ซีนาย

จากนั้นก็หิ้วเด็กหกขวบด้วยมือข้างหนึ่งเอาไปวางบนพื้นที่สะอาด

“ถึงแม้นอกเมืองจะไม่ค่อยมีอันตราย แต่เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่อยู่ๆ ตัวก็หดกลับ” อิ๋งจื่อจินนวดหัว “เลิกกินยาถอนพิษชั่วคราวไปก่อนดีกว่า”

แม้ยาจะดีแต่ก็มีผลข้างเคียง

ซีนาย “…”

คราวนี้เธอกลายเป็นอาเล็กของจริงแล้ว

น่าเบื่อชะมัด

ซู่เวิ่นไม่ได้ตามมาด้วยกัน แต่ไปขอบคุณเวินเฟิงเหมียนที่ตี้ตูด้วยตัวเอง

อิ๋งลู่เวยถูกคนคุ้มกันของตระกูลเรนเกลเอาตัวกลับเมืองแห่งโลกไปก่อนแล้ว

หลังจากอิ๋งจื่อจินถึงตี้ตูก็ไปที่บ้านตระกูลตี้อู่ก่อน เล่าเรื่องทั้งหมดให้ตี้อู่เย่ว์ฟัง

“โอ้โห!” ตี้อู่เย่ว์ฟังจบก็ตะลึงงัน “มีที่แบบนี้ด้วยเหรอ”

เธอเป็นหมอดูทำไมไม่เห็นทำนายออกมาได้เลยล่ะ

“อืม อยู่คนละมิติกับเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทร” อิ๋งจื่อจินตอบ “ที่นั่นมีผู้วิเศษ ความสามารถของเธอห่างชั้นกับผู้วิเศษมาก อยู่ข้างนอกไม่มีทางทำนายเรื่องในเมืองได้”

“ฉันเลยอยากให้เธอไปที่เมืองแห่งโลกหน่อย ช่วยทำนายว่าพ่อฉันอยู่ที่ไหน”

“อื้อ อาจารย์ พ่อของอาจารย์ก็เท่ากับเป็นผู้อาวุโสของฉัน ฉันต้องทำนายให้อยู่แล้ว” ตี้อู่เย่ว์เกาหัว “กลัวแค่ว่าอาจารย์เก่งขนาดนี้ฉันจะทำให้ทำนายคนใกล้ตัวของอาจารย์ยาก”

อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ

นี่ก็เป็นปัญหาเหมือนกัน

“ฉันจะลองดูแล้วกัน” ตี้อู่เย่ว์มองโลกในแง่ดีอีกครั้ง “อาจารย์ ฉันไม่ได้แอบขี้เกียจ ฉันท่องตำราไปหลายเล่มมาก”

“พี่ๆ สามคนสู้ฉันไม่ได้แล้ว คราวก่อนแข่งสร้างค่ายกลกับปู่ ปู่ยังแพ้ฉันเลย”

คราวนี้อิ๋งจื่อจินหยิบทองให้หนึ่งก้อน “เก่งจริงๆ”

“ใช่ไหมล่ะ” ตี้อู่เย่ว์มีความสุข “ฉันต้องกลายเป็นนักทำนายที่เก่งที่สุดในโลกให้ได้ จะว่าไปเมืองแห่งโลกหน้าตาเป็นยังไงเหรอ”

ซีนายก้าวขาน้อยๆ เข้ามาเปิดคอมพิวเตอร์ที่พกติดตัว “เอาให้ดู”

เมืองที่มีขนาดใหญ่มากค่อยๆ ปรากฏแก่สายตา

ตี้อู่เย่ว์ “ว้าว เมืองที่เหมาะแก่การต้มตุ๋นนี่เอง”

อิ๋งจื่อจิน “…”

เธอเริ่มคิดแล้วว่าจะให้ตี้อู่เย่ว์กับซีนายอยู่ด้วยกัน เอาพิษล้างพิษจะสำเร็จไหม

“อาอิ๋ง เวลานี้พวกคนคุ้มกันพาผู้หญิงคนนั้นไปที่ศาลตัดสินแล้ว” ซีนายดูเวลา “ต้องได้รับการลงโทษที่โหดร้ายที่สุดแน่”

เดิมทีสัญญาณของเมืองแห่งโลกไม่มีทางเชื่อมต่อกับเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรได้

แต่พวกเขามีนอร์ตันกับซิวผู้วิเศษติดบัคสองคนนี้อยู่ ทำให้ดูไลฟ์สดที่นอกเมืองได้อย่างสบายๆ

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ดูหน่อยแล้วกัน”

ซีนายเปิดช่องไลฟ์สดของศาลตัดสินบนเว็บดับบลิว

ในนั้นเป็นภาพที่อิ๋งลู่เวยถูกใส่กุญแจมือไฟฟ้า เดินไปข้างหน้าท่ามกลางสายตาที่มองด้วยความรังเกียจของชาวเมืองสองข้างทาง

มือเท้าของอิ๋งลู่เวยเย็นเฉียบ หูก็อื้ออึง

ตกต่ำกลายเป็นนักโทษ คนที่เธอดูถูกแท้จริงแล้วเป็นคนที่น่ากลัวขนาดนี้

ตอนนี้คนในครอบครัวอิ๋งจื่อจินมาคิดบัญชีกับเธอ ไม่มีใครปกป้องเธอได้

เป็นครั้งแรกที่อิ๋งลู่เวยรู้สึกได้ว่าแบบไหนที่เรียกความแตกต่างของอำนาจและสถานะ

พวกชาวเมืองพากันซุบซิบ

“ผู้หญิงคนนี้ชื่ออะไร”

“ไม่รู้สิ จะสนทำไม เกือบทำให้คุณหนูใหญ่ตายแล้ว อย่าคิดจะรอดเลย”

“ประหารด้วยการชำแหละเถอะ เอ๊ะ เมื่อกี้เห็นบอกว่าเป็นโรคฮีโมฟีเลียด้วยหรือเปล่า งั้นฟันไม่กี่ทีเลือดคงหมดตัวแล้ว”

“งั้นเปลี่ยนเป็นวิธีอื่นเหรอ จึ๊ ผู้หญิงคนนี้หลงตัวเองเกินไป ไม่รู้จักดูบ้างว่าคุณหนูใหญ่เป็นใคร”

อิ๋งลู่เวยได้ฟังก็รู้สึกเลือดในกายเย็นเฉียบ

ที่แท้ก็ยังมีสถานที่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคุกนักโทษอุกฉกรรจ์ของไอบีไอ

ในขณะที่ชาวเมืองกำลังดูการตัดสินโทษอยู่นั้นก็มีข้อความปรากฏบนเว็บดับบลิวอย่างเงียบๆ

อีกทั้งยังแท็กเรียกบรรดาอิทธิพลใหญ่

[@เทียนเยียน : ขอแจ้งร้องเรียนอิ๋งจื่อจินนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ เธอได้ขโมยความลับทางวิศวกรรมไปแล้วหนีออกจากเมืองแห่งโลกไปแล้ว!

ความลับนี้มีมูลค่าสูงมาก หากแพร่ออกไปที่นอกเมืองอาจถึงขั้นช่วยเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรขับเคลื่อนเทคโนโลยีให้เจริญก้าวหน้าขึ้นได้ห้าสิบปี

นี่เป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้เด็ดขาด!

มิฉะนั้นอะไรจะประจวบเหมาะขนาดนี้ ความลับถูกขโมยไป เธอก็ออกจากเมืองพอดีอย่างนั้นเหรอ

ถ้าไม่ได้ทำผิด กล้าบอกทุกคนไหมว่าเธอออกจากเมืองไปทำอะไร]

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท