The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 765-766

ตอนที่ 765-766

DND.763 – ผาบั่นภูติ
  ในเรื่องการจ้างทหารผาบั่นภูตินั้นสามารถจ้างภูติชั้นสูงได้ บางแหล่งที่มีอิทธิพลมากยังทำได้แม้จะจ้างจ้าวเทวะ
  เหล่าโจรรวมถึงขโมยเลื่องชื่อทั้งหลายล้วนข้องเกี่ยวกับผาบั่นภูติส่วนบ่อนกับแหล่งเงินใต้ดินก็พบได้ทุกมุมของจิวโจว
  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือองค์กรใหญ่ที่ไม่ลังเลจะได้ทั้งวิธียุติธรรมหรือสกปรกในการได้อำนาจที่มากขึ้นสาขาของพวกเขามีอยู่ทั่วทั้งจิวโจว!
  ว่ากันว่าอำนาจของผาบั่นภูตินั้นเทียบเคียงได้กับราชาทั้งเก้าเขตบางคนยังเรียกว่าพวกเขาคือราชาคนที่สิบของจิวโจว…ราชาทมิฬ!
  หยวนหวังปี่ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องเผชิญหน้ากับผาบั่นภูติด้วยตัวเองต่อหน้าต่อตาและผาบั่นภูติยังหมายตาโอสถโบราณของตระกูลหยวนมาเป็นเวลานานแล้ว
  “หึหึถ้าเจ้ารู้แล้วว่าข้ามาจากผาบั่นภูติ เจ้าก็คงจะรู้ชะตาตัวเองแล้วสินะ! คงไม่เป็นไรถ้าเจ้ารูปลักษณ์เหมือนคนทั่วไป แต่เจ้างดงาม หลายคนคงอยากซื้อเจ้าในราคาสูง!”
  เสี่ยวเถาระเบิดเสียงหัวเราะอันน่ากลัวออกมา
  ในใจหยวนหวังปี่เต็มไปด้วยความกลัวจนทั้งตัวสั่นเพราะการค้ามนุษย์ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจสกปรกของผาบั่นภูติ และตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะได้กลายเป็นสินค้าหายากเพราะรูปโฉมอันงดงาม!
  หยวนหวังปี่หน้าซีดเมื่อคิดถึงมันความโศกเศร้าเอ่อล้นในใจ นางหยุดไม่ได้ที่จะคิดว่าถ้าหากนางไม่รีบร้อนออกจากตระกูลและเชื่อใจเสี่ยวเถาอย่างง่ายดายแบบนี้ นางก็คงจะไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้!
  “นายหญิงเอ๋ยอย่าเศร้านักสิ เจ้าจะโทษใครได้นอกจากตัวเจ้า เจ้าเลือกจะไม่เชื่อใจน้องสาวที่เคารพนับถือเจ้า กลับยังวางใจคนนอกอย่างข้า”
  เสี่ยวเถาเชิดคางหยวนหวังปี่ขึ้นเยาะเย้ยราวกับมองสัตว์ป่าที่กำลังถูกจองจำ
  หยวนหวังปี่ขบริมฝีปากนางหัวเราะอย่างขมขื่น
  “นี่คือเวรกรรมรึ?ช่างตามข้ามาเร็วนัก…”
  แม้นางจะชิงชังหยวนหยิงหยิงนางก็ยอมรับในภายหลังว่าหยิงหยิงไม่เคยทำร้ายหรือมีความอาฆาตต่อนาง แต่นางก็ยังคงชิงชังเพราะหยิงหยิงช่วงชิงแสงสว่างของนางไป นางไม่พอใจถึงกับเคยวางแผนสังหารน้องสาวหลังจากที่ประสบความสำเร็จและมีกำลังอำนาจ
  “นายหญิงจากตระกูลอย่างพวกเจ้าล้วนถูกประจบเอาใจเจ้าเหยียบย่างคนอื่นที่มาขวางทาง! ถึงเป็นข้าก็สงสารน้องสาวเจ้า!”
  เมื่อเสี่ยวเถาพูดจบนางได้หยิบเอาเชือกมามัดหยวนหวังปี่และแบกขึ้นหลังราวกับคนที่กำลังแบกสุกร
  รอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้าเสี่ยวเถาดูน่ากลัวเมื่อน่าหัวเราะ
  “หึหึข้าทำภารกิจสำเร็จเสียที นอกจากจะได้สูตรโอสถแล้วยังได้หญิงงามอีก!”
  ก่อนที่เสี่ยวเถาจะพูดต่อนางได้ยิ้มอย่างน่าขยะแขยง
  “เจ้าจำวานรอสูรได้หรือไม่?เจ้าเคยสงสัยไหมว่าทำไมโอสถกลิ่นสวรรค์ถึงใช้ไม่ได้แล้วเจ้าถูกวานรนั่นตามจนเจอตัว?”
  หยวนหวังปี่ตกใจอย่างมากนางถามทันที
  “จะบอกว่า…เจ้าคือคนควบคุมวานรอสูรเรอะ?”
  ความคิดเริ่มวนเวียนในหัว…ผาบั่นภูติเล็งสิ่งมีค่าเป็นสำคัญและวานรอสูรก็มาขวางทางเพื่อปล้นผู้คน หรือว่า…ทั้งสองจะเกี่ยวข้องกัน?
  เสี่ยวเถาหัวเราะ
  “นายหญิงฉลาดนักนี่จะดียิ่งกว่า เพราะสตรีมีปัญญาจะขายได้แพงขึ้นไปอีก! จะว่าเช่นนั้นก็ไม่ผิด วานรอสูรคือสัตว์อสูรของผาบั่นภูติ ของมีค่ากับสตรีที่มันได้ตัวไปจะถูกผาบั่นภูตินำไปขาย”
  นางพูดต่อ
  “หญิงสาวที่งดงามที่สุดจะถูกพาไปยังที่ห่างไกลเพื่อประมูลคนที่ขายไม่ออกก็จะถูกคืนกลับสู่วานรอสูร”
  “ข้าอยากจะจับเจ้ากับนายหญิงสองตั้งแต่ตอนนั้นน่าเศร้าใจนักที่จ้าวเทวะเข้ามาพังแผนข้า แต่อย่างไรเจ้าก็ตกมาอยู่ในมือข้าแล้ว ข้ายังได้สูตรโอสถโบราณของตระกูลเจ้าอีก! ภารกิจข้าจึงถือว่าลุล่วง”
  เสี่ยวเถาตีก้นหยวนหวังปี่และพูด
  “สบายใจเถอะเจ้าทำดีกับข้ามาตั้งหลายปี ข้าจะขายเจ้าให้ลูกค้าดีๆแน่”
  หยวนหวังปี่มองเมืองเขาครามที่ห่างสายตาไปเรื่อยๆอย่างหมดอาลัยนางใจสลาย
  แม้นางจะฉลาดและพยายามอย่างหนักในชีวิตสุดท้ายนางก็ลดระดับเป็นเพียงทาส หากนางได้โอกาสใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง นางจะปฏิบัติต่อญาติพี่น้องอย่างดี แต่น่าเสียดายที่สายไปแล้ว
  “เอาเถอะนี่คือชะตาข้า ข้าต้องยอมรับให้ได้”
  หยวนหวังปี่ไม่คิดต่อต้านนางหลับตาก้มหน้าลงต่ำ
  ในตอนนั้นเองเสียงเบาๆได้ดังมาจากขอบนภา
  “หืม?วานรอสูรถูกคนควบคุมอยู่จริงๆด้วย! เจ้าปิดบังได้แนบเนียน น่าสนใจยิ่งนัก!”
  “เจ้าเป็นใคร?”
  เสี่ยวเถาตกใจนางร้องถามออกไปทันที นางพยายามจะหาทิศทางของต้นเสียง
  แต่ก่อนที่นางจะได้เคลื่ือนไหวทั้งนางกับหยวนหวังปี่ก็ถูกพลังมิติระเบิดเข้ากลืนกิน!
  “อ๊ะ!แย่แล้ว! พลังมิติ!”
  ความหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้าเสี่ยวเถานางอยากจะทิ้งหยนหวังปี่แล้วหนีไป แต่นางก็มิอาจเป็นอิสระได้ นางถูกพลังมิติกลืนเข้าไปแล้ว!
  เมื่อสิ่งรอบข้างสงบลงเสี่ยวเถาได้หยิบมีดออกมาและมองไปยังรอบๆ ในตอนนั้นเอง มีดในมือของนางได้สะบัดลอยออกจากมือโดยบางอย่าง…หรือบางคน
  นางมองรอบๆอีกครั้งและพบว่าหยวนหวังปี่อยู่ข้างทะเลสาบนางยังเห็นชายแก่ที่ท่าทางไม่เหมือนผู้ใด เขาคือคนที่ปัดมีดนางทิ้ง
  “ซือหยูเซี่ยน?นั่นเจ้ารึ?”
  เสี่ยวเถาตกใจมากเพราะพลังมิติอันน่าอัศจรรย์นี้มิใช่สิ่งที่คนธรรมดาครอบครอง ชายแก่ผู้นี้ไม่ใช่แค่มนุษย์ธรรมดา
  หยวนหวังปี่ก้าวถอยหลังเช่นกันนางรู้สึกว่าซือหยูที่นางชิงชังนักหนาในอดีตนั้นดูอัธยาศัยดีขึ้นมา
  “ดั่งตั๊กแตนแบกจักจั่นทั้งๆที่ไม่รู้ว่านกขมิ้นกำลังบินตาม!เสี่ยวเถา เจ้าตื่นเต้นเร็วไปแล้วล่ะ”
  หยวนหวังปี่หัวเราะอย่างขมขื่นเพราะนางรู้ว่าพลังของซือหยูนั้นน่ากลัวเพียงใด
  “หุบปาก!”
  เสี่ยวเถากระทุ้งหยวนหวังปี่ด้วยข้อศอกนางร้องครางด้วยความเจ็บปวด
  เสี่ยวเถาหันไปมองซือหยู
  “ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใครแต่จำไว้ว่าเจ้ากับข้าไม่ได้มีเรื่องราวระหว่างกัน นังนี่กลับอยากฆ่าเจ้า! เจ้าไม่ต้องมาช่วยนาง”
  ซือหยูพยักหน้า
  “เจ้าพูดถูกข้าไม่มีเหตุต้องช่วยนางเลย”
  หยวนหวังปี่กัดปากนางชิงชังเขาไม่ได้อีกแล้ว เพราะทุกอย่างคือความผิดของนางเอง นางมิอาจโทษใครอื่นได้เลย
  “ไม่ต้องห่วงข้าดูแลหยิงหยิงก็พอแล้ว ได้โปรดอย่างบอกนางว่าข้าเป็นอย่างไร บอกแค่ว่าข้าออกจากตระกูลแล้วเท่านั้น ได้โปรดขอโทษนางแทนข้าที…”
  หยวนหวังปี่พูดอย่างขื่นขมนางไม่คิดว่าซือหยูจะปล่อยเสี่ยวเถาไป แต่แม้กระนั้น นางก็ไม่ขอให้เขาช่วยนาง
  เสี่ยวเถายิ้มจางๆ
  “ขอบคุณ!”
  นางแบกหยวนหวังปี่พร้อมกับเริ่มถอยไปช้าๆ
  แต่ซือหยูก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
  “แต่ถึงนางจะไม่เกี่ยวข้องกับข้านางก็เป็นพี่น้องกับหยิงหยิง ใช่สิ…ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้…นายหญิง ถ้าเจ้าอยากจะขอโทษนาง เจ้าต้องทำด้วยตัวเจ้าเอง”
  สีหน้าของเสี่ยวเถาหม่นหมอง
  “เจ้าจะเข้ามายุ่งกับเรื่องของคนอื่นทำไมกัน?ข้ามาจากผาบั่นภูติ เจ้าไม่รอดแน่ถ้าฆ่าข้า”
  ซือหยูยิ้ม
  “ข้าไม่กลัวแม้คำขู่ของราชาเขตกลางข้ามั่นใจว่าจะไม่เป็นอะไรเพราะคำขู่ของพวกโทษค้าทาสอย่างเจ้า!”
  แสงสีขาวปรากฏในดวงตาก้อนเพลิงวิญญาณพุ่งออกไป ฐานพลังของเสี่ยวเถาเป็นเพียงกึ่งภูติ วิญญาณของนางมอดไหม้ไม่เหลือก่อนจะได้กรีดร้อง นางล้มตัวลงไปกับพื้นเมื่อไร้ซึ่งแรง
  หยวนหวังปี่ที่อยู่บนไหล่นางล้มลงมาเช่นกันซือหยูเข้าไปรับตัวนางได้ทันเวลา จากนั้นจึงแก้มัด เขาหันไปมองเสี่ยวเถาและปล่อยเพลิงเผานางเป็นเถ้าถ่าน มีเพียงแหวนมิติกับตราสีม่วงที่หลงเหลืออยู่
  ซือหยูมองดูแหวนมิติและเห็นของไม่กี่อย่างในนั้นนางมิได้นำสิ่งพิเศษติดตัว เพราะถ้าหากมี นางจะต้องซ่อนจากหยวนหวังปี่มาโดยตลอด
  แต่ซือหยูพบเข็มทมิฬในแหวนมิติที่เป็นแบบเดียวกับที่เขาพบในถ้ำวานรอสูรในตอนนั้นเขารู้สึกว่าวานรถูกบางอย่างควบคุมอยู่เพราะเข็มทมิฬนี้ได้จุ่มพิษที่ใช้ควบคุมวิญญาณเอาไว้
  แต่เขาไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือว่าจะมาจากองค์กรลับที่เรียกว่าผาบั่นภูติ!ซือหยูทุบแหวนมิติกับของที่เหลือและตราสีม่วง
  ซือหยูจำได้ว่าจิงหยูเคยบอกให้เขาสนใจสิ่งของสีม่วงทุกอย่างเพราะมันจะเปลี่ยนชะตาและเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของเขา ดังนั้นเขาจึงเริ่มคิด…ตราสีม่วงนี่คือสิ่งที่นางพูดถึงรึ?
  เขามองดูตราใกล้ๆเขาไม่พบว่ามีสิ่งใดพิเศษนอกจากวัตถุดิบที่ไม่เป็นปกติกับข้อความ‘ผาบั่นภูติ’ ที่สลักเอาไว้
  “ขอบคุณ…”
  หยวนหวังปี่ยืนขึ้นสีหน้าของนางดูซับซ้อนเมื่อโค้งคำนับให้ซือหยู
  แต่ซือหยูไม่ได้สนใจนางแต่มองดูตราสีม่วงต่อไป เขาพยายามจะหาคุณสมบัติของมัน
  “มันคือหนึ่งในตราของผาบั่นภูติลือว่าตรามีสีต่างกัน สื่อถึงระดับที่ต่างออกไป ตราทั้งหมดมีเจ็ดสีคือแดง ส้ม เหลือง เขียว คราม น้ำเงิน และม่วง สีม่วงเป็นสีที่ระดับต่ำสุด เสี่ยวเถาคงมีฐานะที่ต่ำต้อยในผาบั่นภูติ…”
  หยวนหวังปี่กล่าว
  ตราแสดงตัวตนรึ?ซือหยูพลิกตราดูอีกด้าน
  “ทำไมถึงไม่มีชื่อนางล่ะ?”
  หยวนหวังปี่ตื่นเต้นโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อซือหยูสนใจนางนางรีบตอบ
  “เพราะว่านางยังไม่ผ่านการทดสอบ”
  “เมื่อตราสีม่วงถูกแจกจ่ายมันจะกลายเป็นของคนที่ได้รับเพราะเป็นตราไร้นาม คนที่ได้ตราสีม่วงจะต้องพยายามทำภารกิจให้สำเร็จเพื่อที่จะได้กลายเป็นสมาชิกสีม่วงอย่างเป็นทางการของผาบั่นภูติ เมื่อทำภารกิจสำเร็จเท่านั้น คนผู้นั้นจึงจะมีชื่อบนตรา”
  ซือหยูแปลกใจเขาถาม
  “ไม่ประมาทไปหน่อยรึ?พวกมันไม่กลัวคนชิงตราไร้นามแล้วแทรกซึมเข้าไปรึไง?”
  หยวนหวังปี่ส่ายหน้า
  “พวกมันไม่กังวลเรื่องนั้นแม้จะมีคนนอกกลายเป็นสมาชิก คนผู้นั้นก็จะไม่มีทางไปถึงต้นตอขององค์กรได้”
  ซือหยูจึงถาม
  “ข้ายังไม่เข้าใจตรานี้มีดีอะไรนัก? มันไร้ค่าไม่ใช่รึ?”
  “ไม่ใช่!มันมีประโยชน์มาก!”
  หยวนหวังปี่ตอบ
  “หากได้เป็นคนของผาบั่นภูติจริงๆภารกิจจะปรากฏบนตราทุกเดือน ถ้าทำภารกิจสำเร็จก็จะได้คะแนนกับรางวัล”
  นางพูดเสริม
  “เช่นหากภารกิจเดือนนี้คือการสังหารและรางวัลคือโอสถระดับสี่กับสามคะแนนคนที่ทำภารกิจสำเร็จก็จะได้รางวัลทั้งสองอย่าง โอสถจะถูกวางไว้ในตำแหน่งเฉพาะที่ตราจะนำพาไป”
  โอ้…นี่มันยอดไปเลย!ซือหยูตื่นตกใจ ดูเหมือนว่าผาบั่นภูติจะมีอำนาจและกำลังที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ถ้าส่งรางวัลได้ทั้งจิวโจวแบบนี้ เขาไม่แปลกใจเลยถ้าเมืองเขาครามจะมีคนจากผาบั่นภูติปะปนอยู่!
  “แล้วคะแนนใช้ทำอะไรล่ะ?”
  หยวนหวังปี่ตอบ
  “มันเอาไว้สะสมการเลื่อนระดับตราสีม่วงเป็นน้ำเงินต้องใช้ร้อยคะแนน จากน้ำเงินเป็นครามใช้อีกพันคะแนน เป็นอย่างนี้เรื่อยไป การเลื่อนแต่ละขั้นจะใช้คะแนนสูงกว่าก่อนหน้าสิบเท่า และยิ่งได้ตราระดับสูงเท่าไหร่ ระดับของรางวัลก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
  “คะแนนสะสมสามารถลดลงได้หากคนที่รับภารกิจไปขอให้คนอื่นจากผาบั่นภูติไปทำภารกิจแทนดังนั้นคะแนนกับรางวัลที่ได้จะลดลงไป”
DND.764 – วิหคกินคน
  ซือหยูเข้าใจทุกอย่างแล้วเมื่อได้ฟังคำอธิบายจากหยวนหวังปี่มันเป็นระบบภารกิจที่น่าประทับใจอย่างมาก
  คนระดับสูงในผาบั่นภูติจะแจกจ่ายภารกิจให้สมาชิกจัดการด้วยเหตุนี้ แม้จะมีคนมีจุดมุ่งหมายอื่นให้การเข้าร่วม คนผู้นั้นก็จะไม่มีทางเข้าถึงสมาชิกอื่นๆ ซือหยูค่อนข้างชอบพอในระบบ…
  มหาบุรุษเช่นใดกันที่อยู่เบื้องหลังองค์กรที่เข้มงวดเช่นนี้?
  “ท่านผู้อาวุโสท่านสังหารเสี่ยวเถาไปก็คงไม่เป็นไร เพราะนางมิใช่สมาชิกที่แท้จริงของผาบั่นภูติ แต่ท่านควรจะระวังตัว เพราะผาบั่นภูติมีอิทธิพลมาก ราชาทุกเขตที่พยายามจะกำจัดล้วนล้มเหลว แม้แต่จักรพรรดิจิวโจวก็ถูกบังคับให้ออมชอม…”
  นางกล่าว
  ซือหยูพยักหน้าและเก็บตราสีม่วงเอาไว้เขาคาใจว่ามันคือสิ่งที่จิงหยูพูดถึงหรือไม่ เพราะมันมีสีม่วงและเกี่ยวข้องกับผาบั่นภูติที่ทรงอำนาจ
  “ไปกันเถอะ”
  ซือหยูหันหลังบินขึ้นหยวนหวังปี่ตามหลังเขาไป
  หยวนหยิงหยิงที่อยู่นอกเรือนเริ่มเป็นกังเวลเพราะรอมานานส่วนเจ้าตระกูลหยวนกับทหารสองคนที่ติดตามหยวนหวังปี่ได้ตายบนถนน เป็นเวลาเดียวกับที่ได้รับรายงานว่านางหายตัวไป นั่นทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากกว่าที่ควรจะเป็น
  ในตอนนั้นเองหยวนหยิงหยิงตาเป็นประกายเมื่อเห็นทั้งสองกลับมา นางแทบจะลืมเรื่องราวทุกอย่างก่อนจะวิ่งไปกอดพี่สาว
  “พี่ท่านไม่เป็นอะไรนะท่านพ่อกับข้ากลัวว่าท่านพี่จะเจอเรื่องร้าย!”
  หยวนหวังปี่ตัวแข็งทื่อนางรู้แล้วว่าความบริสุทธิ์และความใจดีของหยวนหยิงหยิงล้ำค่าเพียงใดหลังจากถูกเสี่ยวเถาหักหลังอย่างร้ายกาจ นางรู้สึกอบอุ่นในหัวใจและยื่นมือกอดหยวนหยิงหยิงจนแน่น
  นางละอายใจยิ่งนัก
  “หยิงหยิงข้าขอโทษ ข้าขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับเจ้า..และ…”
  เมื่อคิดถึงอดีตที่เคยทำนางจึงได้ตระหนักว่านางน่าขันและโง่เขลาเพียงใด นางหน้าแดงและอับอายเกินกว่าจะพูดต่อ
  หยวนหยังหยิงนิ่งเงียบไปเพราะการเปลี่ยนแปลงของหยวนหวังหปี่นี่เป็นครั้งแรกที่หยวนหวังปี่กอดนาง นางสุขใจอยู่ในอ้อมกอดของพี่สาว หัวใจของนางอบอุ่นขึ้นมา
  “พี่ไม่ต้องพูดแล้วข้าเข้าใจ นับจากวันนี้ไป พวกเรามาช่วยเหลือกันและกันเถอะ…”
  นางเงยหน้ามองพี่สาว
  ควารู้สึกต่างๆถาโถมในใจหยวนหวังปี่นางมองดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ของอีกฝ่าย…ตอนนั้นข้าถูกอสูรเข้าสิงหรืออย่างไร? ใยข้าใจร้ายกับนางได้ลงคอ?
  นางละอายใจอีกครั้งเมื่อคิดถึงอดีตน้ำตาสองสายไหลพราก หยวนหยิงหยิงเองก็ร้องไห้ เพราะในที่สุดนางก็ได้รับความรักจากพี่สาวแล้ว
  พี่น้องทั้งสองกอดกันอยู่นานก่อนจะแยกจากใบหน้าหยวนหวังปี่เต็มไปด้วยความละอายใจ นางโค้งคำนับแก่คนตระกูลหยวน
  “ข้าขอโทษที่ทำให้ทุกท่านเป็นห่วง”
  เจ้าตระกูลหยวนมองอย่างอบอุ่น
  “ไม่เป็นไรแต่ต่อไปนี้ เจ้าจะต้องยอมรับน้องสาวเจ้า”
  เจ้าตระกูลนั้นให้อภัยนางแล้วอยู่ในใจหยวนหวังปี่มองไปรอบๆและเห็นชางก่วนหยุนซื่อ ครั้งนี้ นางไม่ปรารถนาที่จะคลุกคลีกับคนที่แข็งแกร่งร่ำรวยอีกต่อไป
  “ชางก่วนข้ายังเยาว์และโง่เขลาจนทำเรื่องผิดพลาดมามาก ข้าละอายเกินกว่าจะเป็นภรรยาเจ้า ถอนหมั้นอย่างที่ท่านพ่อข้าพูดเถอะ ขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบาก”
  หลังจากนางขอโทษนางรู้สึกว่าตัวนางได้เบาบางและผ่อนคลาย ราวกับว่าได้เกิดใหม่
  แต่สิ่งที่นางตกใจก็คือคำตอบของชางก่วนหยุนซื่อเขายิ้มถาม
  “ใครพูดว่าพ่อตาข้าขอให้ถอนหมั้นกันเล่า?”
  เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
  “การยอมรับความผิดพลาดและปรับปรุงตัวคือการประสบความสำเร็จสูงสุดข้าคิดว่าเจ้าจะพยายามใช้พลังของข้าสังหารน้องสาวเจ้า แต่ท้ายสุด เจ้าก็ล้มเลิกอุบายนั้น เจ้ายังมีความดีเหลืออยู่ในหัวใจ”
  เขามองนางอย่างอบอุ่นและพูดต่อไป
  “ตอนนี้เจ้าถึงกับก้าวข้ามความเจ็บปวดในใจและมาคืนดีกับน้องสาวเจ้า หัวใจเจ้าในตอนนี้คงสุขสงบแล้วใช่หรือไม่?”
  เขาสรุปโดยไม่รอให้นางตอบ
  “ข้าชางก่วนหยุนซื่อมิใช่คนที่จะมองอดีตของผู้คนสิ่งสำคัญคือเจ้าในตอนนี้คือใคร และเจ้าตอนนี้ก็เหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้ตระกูลชางก่วนในอนาคต ข้าให้ของหมั้นกับตระกูลเจ้าไปแล้วด้วย จะอย่างไรงานวิวาห์ก็ต้องเกิดขึ้น!”
  เรื่องนี้ทำให้นางตกใจมากการหมั้นที่นางวางอุบายมาเนิ่นงานในอดีต ได้กลับเข้าหานางด้วยตัวของมันเองเสียอย่างนั้น!
  “ทุกอย่างจบลงแล้วสินะ”
  เจ้าตระกูลหยวนเป็นสุขไร้กังวลเขาเป็นอิสระจากความกังวลเรื่องบุตรสาวทั้งสองที่กัดกินเขามานานกว่าสิบปี
  “ฮ่าๆๆๆวันนี้ข้าได้ข่าวดีถึงห้าเรื่อง เราต้องดื่มฉลองแล้ว!”
  ชางก่วนหยุนซื่อเริ่มสงสัยเขาถาม
  “ข่าวดีทั้งห้าคืออันใดรึ?”
  เจ้าตระกูลหยวนปรบมือพูดด้วยรอยยิ้ม
  “เรื่องแรกตระกูลหยวนมิได้เป็นรองผู้ใดอีก ตอนนี้เราได้ปกครองทั่วทั้งเทือกเขาคราม เรื่องที่สองก็คือหยวนหยิงหยิงได้เป็นศิษย์ตำหนักชิงวิญญาณ!”
  เขาปรบมืออีกครั้ง
  “เรื่องที่สามคืองานแต่งของหวังปี่กับตระกูลหชางก่วนได้ตกลงเรียบร้อยเรื่องที่สี่คือมีนักปรุงยาชั้นกลางปรากฏในตระกูลหยวน และสุดท้าย…ลูกสาวของข้าได้คืนดีกันเสียที”
  ข่าวดีทั้งห้าทำให้ทุกคนดีใจเป็นอย่างยิ่งซือหยูพูดด้วยรอยยิ้ม
  “ท่านเจ้าตระกูลข้าอยากจะแจ้งท่านอีกสักเรื่อง อาจจะนับได้ว่าเป็นข่าวดีเรื่องที่หก…”
  ทุกสายตาหันมาจับจ้องซือหยูเพื่อรอคอยคำต่อไปของเขา
  “เรื่องที่หกก็คือนักปรุงยาชั้นกลางที่ท่านกำลังหาอยู่น่ะก็คือหยวนหยิงหยิงลูกสาวท่าน!”
  คำพูดของเขาทำให้ตระกูลแตกตื่นแม้แต่เจ้าตระกูลหยวนก็ไม่อยากเชื่อหู!
  ซือหยูหยิบชวนหยกที่มีโอสถขยายภูติระดับสี่ขึ้นมา
  “นายปรุงโอสถระดับสี่มาแล้วสามเม็ดเม็ดแรกหม้อระเบิดกระเด็นหาย อีกสองเม็ดได้แบ่งเป็นของนางกับข้า”
  เจ้าตระกูลหยวนชักสีหน้ามองหยวนหยิงหยิง
  “หยิงหยิงเจ้าเป็นนักปรุงยาชั้นกลางจริงรึ? เจ้าเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
  หยวนหวังปี่เอามือป้องปากด้วยความตกใจ
  “ท่านพ่อข้ารู้ว่าหยิงหยิงพยายามปรุงยามาตั้งแต่สองปีก่อน แต่ข้าไม่เคยรู้เลยว่านางปรุงโอสถระดับสี่ได้!”
  ทุกคนในตระกูลหยวนส่งเสียงดังพวกเขากล่าวชื่นชม…
  “คุณพระช่วย!มิเพียงนายหญิงสองจะเป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ แต่นางยังมีพรสวรรค์การปรุงยาจนน่าตกตะลึง!”
  ทุกคนทำตัวไม่ถูกและยืนรายล้อมหยวนหยิงหยิงพวกเขาเริ่มถามนาง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีเด็กเช่นนางได้เป็นนักปรุงยาชั้นกลางที่ปรากฏตัวในเทือกเขาคราม!
  หยวนหยิงหยิงรีบอธิบาย
  “ปู่ซือช่วยข้าความจริงคือ วิชาปรุงยาของข้า…เดี๋ยวสิ…ปู่ซือไปไหนล่ะ?”
  ทุกคนมองไปรอบๆและไม่พบเขาราวกับว่าเขาหายตัวไปท่ามกลางหมู่คน
  หยวนหวังปี่รู้สึกว่างเปล่าโดยเหตุบางอย่างราวกับว่าเสียอะไรไป นางพูดเบาๆ
  “เขาไปแล้ว”
  “ไม่!ปู่ไปไม่ได้นะ! ข้าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีปู่!”
  หยวนหยิงหยิงวิ่งร้องไห้ออกจากตระกูลหยวนและเริ่มตามหาซือหยู
  ในถนนเปลี่ยวชายแก่ผมขาวเดินมือไพล่หลังหายตัวไปท่ามกลางหมอกควัน
  “น้องชายออกมาอย่างนี้ดีแล้วรึ?”
  เสียงดังมาจากห้องบางแห่งบนถนน
  ซือหยูเงยหน้ามองและพบนายน้อยรูปหล่อที่สวมชุดขาวงดงามเขาอยู่ใต้เงาจันทร์กระจ่างเอนกายพิงกำแพง
  ซือหยูถามด้วยความใจเย็น
  “น้องชายรึ?เจ้าควรจะเรียกข้าว่าปู่ไม่ใช่รึไง?”
  ชายหนุ่มหัวเราะลั่น
  “ฮ่าๆๆเจ้าหนู เจ้าอ่อนวัยกว่าข้า แต่เจ้ากลับฉวยโอกาสกับข้าอย่างนี้รึ?”
  ซือหยูแปลกใจ
  “เช่นนั้นเจ้ารู้ว่าข้าอายุเท่าใดรึ? หรือเจ้าเคยเห็นภาพเขียนของข้า?”
  ความเยือกเย็นแผ่แววตาซือหยู
  ชายหนุ่มส่ายหน้าและหัวเราะต่อไป
  “ข้าไม่เคยเห็นหรอกแต่สายโลหิตตระกูลชางก่วนน่ะพิเศษ ข้ารู้อายุผู้คนได้อย่างแม่นยำ ข้าสัมผัสว่าร่างกายเจ้าเสียอายุขัยไปมาก เจ้าเลยแก่เฒ่าในข้ามคืน เจ้าไม่น่าจะแก่ไปกว่าสิบเก้าปี ข้าไม่ได้เข้าใจผิดสินะ?”
  ซือหยูตอบ
  “แต่…แล้วอย่างไร?เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพียงเพื่อจะคุยกับข้าใต้แสงจันทร์สินะ? เวลานี้ไปอยู่กับคู่หมั้นเจ้าจะไม่ดีกว่ารึ?”
  ชายที่เอนหลังพิงกำแพงผู้นี้ก็คือชางก่วนหยุนซื่อ!
  “หึหึข้าย่อมมีเหตุผลให้ตามเจ้ามาอยู่แล้ว ข้ารู้เรื่องในเดือนก่อนของตระกูลหยวน…เรื่องจ้าวเทวะ โอสถขยายภูติในเมือง การเปลี่ยนแปลงจากนายหญิงสองเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทาน การทำลายล้างพันธมิตรปรุงยา…ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีเงาเจ้าอยู่เบื้องหลัง”
  เขาส่ายหน้า
  “ยากนักที่ข้าจะเชื่อว่าเจ้าอายุเพียงสิบเก้าแถมยังเด็กกว่าข้าแต่กลับมีความสามารถเช่นนั้น! ข้าหวังว่าเจ้าจะกลับตระกูลชางก่วนไปกับข้าได้ ข้าจะแนะนำเจ้าให้กับตำหนักโลหิต”
  ตำหนักโลหิตรึ?ซือหยูเลิกคิ้ว เพราะมันคือหนึ่งในสองตำหนักที่ใหญ่ที่สุดและปกครองดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปด!
  “ข้าจะเชิญหยวนหยิงหยิงไปด้วยนางเป็นนักปรุงยาชั้นกลางที่ยังอายุน้อย นักปรุงยาเฒ่าแห่งตำหนักโลหิตคงจะต่อสู้แย่งชิงนางเป็นแน่…”
  เขาให้สัญญากับซือหยู
  ซือหยูหรี่ตาเบาๆเขาสนใจกับข้อเสนอนี้ เพราะไม่นานมานี้เขารู้สึกถึงอันตรายใหญ่หลวงมาจากขอบนภา การเข้าร่วมสำนักที่ทรงอำนาจและซ่อนตัวบ่มเพาะพลังที่นั่นควรจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
  และตำหนักโลหิตก็เป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปดมันจะปลอดภัยกว่าโลกภายนอกหลายเท่าตัว การเข้าร่วมตำหนักโลหิตคือสิ่งที่เขาต้องการพอดิบพอดี!
  “เจ้ามีเหตุอันใดกับข้อเสนอที่ใจกว้างนี้กัน?เจ้าคงไม่ได้เชิญข้าอย่างไร้เหตุผล…”
  ซือหยูถามกลับไป
  ชางก่วนหยุนซื่อหัวเราะ
  “น้องซือเจ้าคิดเยอะไปแล้ว! แนะนำคนมีพรสวรรค์สู่ตำหนักโลหิตเป็นหน้าที่ของทุกสำนักในดินแดนพรสวรรค์อยู่แล้ว เหมือนเทือกเขาครามที่ส่งคนไปในตำหนักชิงวิญญาณ ตระกูลชางก่วนของข้าก็ต้องแนะนำคนมากพรสวรรค์ที่สุดให้ตำหนักโลหิต”
  “หากเจอคนมีคุณสมบัติเหมาะสมและแนะนำสนเข้าตำหนักได้สำเร็จพวกเราก็จะได้รางวัลจากตำหนักโลหิต รางวัลเหล่านี้อาจจะไร้ค่าในสายตาผู้บ่มเพาะเร่ร่อนอย่างเจ้า แต่มันคือสายเลือดแห่งตระกูลชางก่วน”
  ซือหยูโล่งใจเมื่อได้ยินคำอธิบายเขาถาม
  “ย่อมได้ข้ายอมรับ แล้วเราจะเดินทางเมื่อไหร่?”
  ชางก่วนหยุนซื่อหัวเราะ
  “หลังจากเราดื่มจนอิ่มท้องคืนนี้!”
  ซือหยูจึงยอมกลับไปยังตระกูลหยวน
  เมื่อกลับมาถึงงานเลี้ยงชางก่วนหยุนซื่อได้ประกาศข่าวดีเรื่องที่เจ็ด นั่นก็คือการแนะนำหยวนหยิงหยิงสู่ตำหนักโลหิต เรื่องนี้ได้ทำให้ทุกคนตกตะลึงและยินดีเป็นอันมาก พวกเขาส่งเสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นและดื่มฉลองจนถึงเที่ยงคืน
  ที่ชายเมืองยามรุ่งสางเจ้าตระกูลหยวนกับหยวนหวังปี่ได้อำลาชางก่วนหยุนซื่อ ซือหยู และหยวนหยิงหยิงที่กำลังจะไปที่ทะเลสาบเมฆขาว เมื่อเจ้าตระกูลหยวนเห็นว่าซือหยูไปกับคนเหล่านั้นด้วยก็ค่อนข้างแปลกใจ
  “หวังปี่ทำไมหยิงหยิงถึงเอาชายแก่นั่นไปกับนางด้วยล่ะ?”
  หยวนหวังปี่หัวเราะเมื่อได้ยินคำถาม
  “ท่านพ่อท่านควรจะถามว่าเหตุใดท่านผู้นั้นถึงพาหยิงหยิงไปด้วยจะดีกว่า!”
  เมื่อเห็นใบหน้าผู้เป็นพ่อที่สับสนหยวนหวังปี่จึงได้อธิบาย
  “ท่านพ่อท่านพ่อคิดจริงๆรึว่าการเปลี่ยนแปลงของหยิงหยิง กับการทำลายล้างพันธมิตรปรุงยา ทั้งสองเกิดจากอาจารย์จ้าวเทวะของนาง? ทั้งหมดเป็นฝีมือชายแก่ผู้นั้น ซือหยูเซี่ยน!”
  นางพูดเสริม
  “เขาคือยอดฝีมือไร้เทียมทานที่ซุกซ่อนพลังเอาไว้!หากไม่ใช่เพราะเขา ชางก่วนหยุนซื่อก็คงจะไม่พาหยวนหยิงหยิงกลับไปด้วย!”
  เจ้าตระกูลหยวนตัวแข็งทื่อเขาเบิกตากว้าง
  “อะไรนะ?ฝีมือเขารึ? ชายแก่ที่มักจะเทียมตัวอยู่เสมอ อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้รึ?”
  เจ้าตระกูลหยวนรู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางคนบงการเรื่องทั้งหมดอยู่ข้างหลังในตลอดเดือนที่ผ่านมาเขาแต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นชายแก่คนนั้น!
  หยวนหวังปี่มองแผ่นหลังซือหยูอย่างลึกซึ่งและหัวเราะเบาๆ
  “ขอบคุญมากท่านผู้เฒ่า…”
  ที่นอกเมืองชายแก่ผ้าคลุมดำได้เดินทางเข้าไปในป่า เขาคือผู้เฒ่าเหลียวที่กำลังทำภารกิจลับที่ซือหยูสั่ง ตอนนี้เขากำลังพยายามรวบรวมวัตถุดิบปรุงวารีผงกลั่นดวงใจ
  ในตอนนั้นเองก็มีสาวงามยืนที่โถงของพันธมิตรปรุงยาที่ล่มสลายเป็นซากมันคือสถานที่ที่เฉาหยิน เฉาหยินห่าวและชายกลางคนจมูกแดงติดอยู่ในห้วงเวลาและถูกสังหารในกระบวนท่าเดียว
  นางตัวสูงแต่ก็มีส่วนโค้งเว้าน่ามองชุดคลุมสีม่วงปลิวไสวแต่มิอาจปกปิดเสน่ห์ยั่วยวนของนางได้ นางดูเหมือนเป็นเพียงเด็กสาวที่งดงามอย่างมาก แต่เพลิงแห่งความชิงชังก็แผดเผาอยู่ในดวงตานั้น
  นางยื่นดัชนีออกไปและรวบรวมพลังเวลาอ่อนๆที่ยังหลงเหลือ
  “พลังนี้…มันคือซือหยูที่ฆ่าลุงจักรพรรดิโลหิต…”
  หญิงสาวเงยหน้ามองไปในทิศทางของทะเลสาบเมฆขาวอย่างเยือกเย็น
  “ข้าหาเจ้าเจอแล้ว…”
  ยอดฝีมือตระกูลหยวนที่มาปกป้องที่นี่เข้ามาทันทีเมื่อได้ยินเสียงบางอย่าง
  “ใครน่ะ?”
  พวกเขาถามพร้อมกัน
  แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าภายในโถงนั้นว่างเปล่ามีเพียงกลิ่นหอมหวานของสตรีหลงเหลืออยู่
  …
  เมื่อเดินทางมาห้าวันซือหยูกับคนอื่นๆได้มาถึงทะเลสาบเมฆขาว ในห้าวันที่ผ่านมานี้ ซือหยูรักษาสายพลังโลหิตของเขาจนสมบูรณ์พร้อม ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องการสถานที่ที่จะฝ่าด่านทะลวงพลังเท่านั้น
  “ที่นี่ยิ่งใหญ่จริงๆ!”
  หยวนหยิงหยิงมองดูทะเลสาบสีขาวกว้างใหญ่ตรงหน้า
  ชางก่วนหยุนซื่อเหยียดตัวอย่างขี้เกียจ
  “เราต้องเดินทางอีกวันแต่ลงไปกันเถอะ มีจุดเปลี่ยนวิหคของตระกูลชางก่วนอยู่ที่นี่ เราจะไปแลกวิหคกัน”
  วิหคที่พวกเขาใช้ในตอนนี้เหนื่อยล้าอย่างมากเพราะบินมาห้าวันเต็มความเร็วช้าลงจนสัมผัสได้ ถ้าหากจะไปตระกูลชางก่วนโดยเร็วก็ต้องเปลี่ยนตัวสัตว์พาหนะเท่านั้น
  วิหคของพวกขเาร้องเสียงดังเมื่อพุ่งลงพวกมันมองเห็นเกาะบนทะเลสาบสีเงินขาวที่ไม่ใหญ่นักแต่มีผลไม้วิญญาณมากมายปลูกอยู่ พลังวิญญาณบนเกาะนี้หนาแน่นอย่างมาก
  มีกองไม้ที่ถูกจัดเรียงทุกมุมบนเกาะมันเป็นสถานที่ที่ให้วิหคหลากหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่ได้
  ซือหยูมองเกาะด้วยความตกใจเขาสัมผัสพลังวิหคที่แข็งแกร่งได้มากมาย ที่อ่อนแอที่สุดเป็นภูติระดับหนึ่ง ส่วนที่แกร่งสุดคือภูติระดับเจ็ด!
  “ตระกูลชางก่วนเลี้ยงพวกมันมากับมือมีคนทำหน้าที่ดูแลที่นี่ เขาจะมาเปลี่ยนวิหคของคนตระกูลชางก่วนที่ใช้เดินทาง ทะเลสาบเมฆขาวมีจุดพักเช่นนี้สิบจุด ที่นี่คือจุดที่เล็กสุด…”
  ชางก่วนหยุนซื่ออธิบายกับซือหยู  “คนที่จัดการที่นี่คือหนึ่งในผู้เฒ่าตระกูลข้าชื่อลุงหลานเขาจะมาเปลี่ยนสัตว์พาหนะให้เรา”
  เขาลงจากหลังวิหคและตะโกน
  “ลุงหลาน?ท่านอยู่หรือไม่?”
  เมื่อไร้ซึ่งคำตอบเขาขมวดคิ้ว
  “แปลกจริง”
  ไม่มีร่องรอยของลุงหลานเลย
  เมื่อมองโดยรอบก็เห็นเพียงเหล่าวิหคที่นอนอยู่ในรังไม่เคลื่อนไหวพวกมันหลับอยู่! บนเกาะนั้นเงียบกริบ
  “ทำไมพวกมันหลับหมดลเยล่ะ?”
  หยวนหยิงหยิงรู้สึกว่าเกาะแห่งนี้เงียบจนน่ากลัว
  ชางก่วนหยุนซื่อยักไหล่
  “เจ้ายังต้องถามอีกรึ?พวกมันมียันต์ควบคุมในร่างกาย หากใช้ยันต์ พวกมันก็จะหลับ หากมีใครต้องการ มันจึงจะตื่นขึ้นมาได้”
  “ถ้าหากไม่ทำให้มันหลับพวกมันหลายตัวที่ยังมีความเป็นสัตว์ป่าก็คงจะก่อความวุ่นวาย มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว มันได้ฆ่าคนที่ดูแลพวกมัน พวกเราเลยต้องควบคุมมันอย่างเข้มงวด”
  ซือหยูหรี่ตาเกาะนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเลย พร้อมกับตอนนั้นเองที่กลิ่นโลหิตได้โชยมาที่จมูก
  เขาตกใจเล็กน้อยเขามองเห็นวิหคสีน้ำเงินที่ไม่ได้แตกต่างจากตัวอื่น มันนอนลงกับพื้นและดูเหมือนหลับ
  ซือหยูใช้เนตรวิญญาณที่มองทะลวงทุกสิ่ง
  “ชางก่วนลุงหลานเจ้ามีฐานพลังเท่าใด?”
  ชางกวนหยุนซื่อแปลกใจกับคำถาม
  “เขาแข็งแกร่งอย่างน้อยก็น่าจะเป็นภูติระดับแปด มิเช่นนั้นจะควบคุมวิหคพวกนี้ได้รึ?”
  ภูติระดับแปดรึ?
  ซือหยูสีหน้าหม่นหมองเขาจับมือหยวนหยิงหยิงและรีบบินหนีทันที มันเกิดขึ้นเร็วมากจนไม่มีใครตั้งตัวทัน
  แต่เสียงของซือหยูก็ดังมาถึงชางก่วนหยุนซื่อ
  “หนีเร็วพวกมันตื่นอยู่ทุกตัว! มันแกล้งทำเป็นหลับ! มันกินลุงหลานของเจ้าไปแล้ว!”
  เมื่อซือหยูมองวิหคตัวนั้นด้วยเนตรวิญญาณเขาเป็นหัวมนุษย์อยู่ในท้องขนาดใหญ่ของมัน ยังมีชิ้นส่วนมนุษย์อยู่ในท้องของวิหคตัวอื่นๆอีก!
  และที่ซือหยูหวาดกลัวยิ่งกว่าก็คือวิญญาณของพวกมันยังตื่นและรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันแค่แกล้งรอให้คนที่ไม่รู้ตัวเข้าใกล้ราวกับเหยื่อ! มีวิหคมากกว่าร้อยตัวบนเกาะนี้ แม้แต่ภูติระดับแปดยังถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย!

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท