คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 764 ความทรงจำฟื้นคืน พลังกลับมา!

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 764 ความทรงจำฟื้นคืน พลังกลับมา!

สมาพันธ์แฮกเกอร์ไม่เคยมีการติดต่ออะไรกับสำนักผู้วิเศษมาก่อน

หรือเพราะเพิ่งถูกโจมตีไปเลยอยากขอให้สำนักผู้วิเศษปกป้อง

ล้อเล่นอะไรน่ะ

ถ้าสำนักผู้วิเศษรู้เข้าว่าฉินหลิงอวี๋ก็คือผลงานล้มเหลวจากการทดลองเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ผู้วิเศษมีแต่จะลงมือด้วยตัวเอง

ไปสำนักผู้วิเศษก็แค่การรนหาที่ตาย

คณบดีคณะพันธุศาสตร์มองอุปกรณ์สะกดรอย “คนที่อยู่กับเธอคือใคร”

“น่าจะเป็นคนคุ้มกันครับ” คนสนิทพูดขึ้น “ท่านคณบดีครับ ครั้งนี้พวกเราควรส่งคนไปเท่าไรดีครับ”

อัศวินดัดแปลงพันธุกรรมระดับเอสมีฝีมือการต่อสู้สูงที่สุดของสำนักวิจัย แต่กลับถูกฆ่าหมดแล้ว

อัศวินดัดแปลงพันธุกรรมระดับดับเบิลเอสก็มี แต่น้อยมากจนนับนิ้วได้

อำนาจการใช้อยู่ในมือผู้วิเศษ พวกเขาไม่มีสิทธิ์

“รายงานท่านนักมายากลแล้วกัน” คณบดีเงียบไปนานแล้วพูดต่อ “ขอให้ท่านนักมายากลสั่งการอัศวินดัดแปลงพันธุกรรมระดับดับเบิลเอส ต้องกำจัดสองพี่น้องคู่นี้ให้ได้”

เล่นงานอัศวินดัดแปลงพันธุกรรมได้ ยังจะเล่นงานผู้วิเศษได้อีกเหรอ

อย่าแม้แต่จะคิด

อีกด้านหนึ่ง

เด็กหนุ่มอ่านข่าวกรอง ขมวดคิ้ว “อัศวินดัดแปลงพันธุกรรมที่คณะพันธุศาสตร์ส่งไปไม่รอดกลับมาเลยสักคนเหรอ”

สมาพันธ์แฮกเกอร์มีแต่โปรแกรมเมอร์ที่ผมร่วง อายุขัยสั้นกว่าคนปกติ มีคนต่อสู้เก่งระดับนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

เด็กหนุ่มอีกคนลังเล “หรือพวกเขาจะจ้างนักฆ่าจากแบล็กไซต์ นักฆ่าพวกนั้นก็ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาเหมือนกัน”

“จะสนทำไมว่าเพราะอะไร ยุ่งยาก” เด็กหนุ่มแสยะยิ้ม “สุดท้ายก็ต้องให้พวกเราออกโรง หึ นักฆ่าของแบล็กไซต์งั้นเหรอ ก็แค่พวกผลงานล้มเหลวทั้งนั้น”

เขาหยิบเครื่องมือสื่อสารแล้วกดปุ่มบนนั้น “คนคุ้มกันสิบคนพอแล้ว”

ทั้งสองคนหยิบอาวุธขึ้นมาแล้วเดินออกพร้อมกัน

“จริงสิ นายจำได้หรือเปล่าว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนคนของเราเคยออกจากเมืองตามฆ่าผู้หญิงคนหนึ่ง” เวลานี้เด็กหนุ่มอีกคนถามขึ้น “ผู้หญิงคนนั้นมีลูกชายอยู่คน ตอนนี้กลับมาอยู่ตระกูลอวี้แล้ว ก่อนหน้านี้ยังเคยท้าทายพวกเราตอนที่มีการตัดสินโทษต่อหน้าคนทั้งเมือง”

“ตระกูลอวี้กระจอกกันจะตาย” เด็กหนุ่มดูถูก “พวกเราจับตาดูแค่สำนักวิจัยพอแล้ว เรื่องตระกูลอวี้ให้พวกคนอื่นๆ ดูไป”

“ไม่ๆๆ ตอนนี้ฉันสงสัยว่า มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเธอที่พาพวกเด็กทารกออกไป” เด็กหนุ่มอีกคนทำหน้าเครียด “ตอนนั้นเธอขาดอีกแค่นิดเดียวก็จะเข้าสำนักผู้วิเศษได้โดยใช้สถานะคนนอกเมือง มีสิทธิ์ใกล้ชิดเหมือนกัน ลำดับเวลาก็สอดคล้องกันด้วย”

พวกเขาไม่เคยคลุกคลีกับฟู่หลิวอิ๋ง

แต่ฟู่หลิวอิ๋งเป็นคนที่จิตใจดี ชอบช่วยเหลือสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย

ตอนนั้นสำนักวิจัยต้องการทำลายผลงานล้มเหลวทั้งหมด ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็ตั้งหลายสิบชีวิต

พอได้ยินแบบนี้เด็กหนุ่มก็เริ่มเครียด “จัดการผลงานล้มเหลวสองคนนี้ก่อน จากนั้นก็บอกข้อสันนิษฐานของพวกเราให้อีกกลุ่มรู้ ดูว่าพวกเขาอยากเล่นงานตระกูลอวี้หรือเปล่า”

ด้านนอกอาคารมีคนชุดดำสิบคนมารวมตัวกันอยู่อย่างเงียบๆ

เด็กหนุ่มกวักมือเพื่อบอกให้ตามพวกเขามา

ถึงแม้คนกลุ่มนี้จะเคลื่อนไหวเงียบมาก แต่ก็ยังหนีไม่พ้นความหูไวของอิ๋งจื่อจิน

หูของเธอขยับ อาศัยกำลังภายในวิเคราะห์ความสามารถของอีกฝ่าย สายตาจับจ้อง “ครั้งนี้เก่งมาก”

จากการประเมินขั้นต้น ความสามารถของสิบกว่าคนนี้เทียบได้กับจอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์สามร้อยปี

ไม่ใช่คณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ แต่เป็นหัวกะโหลกสีดำ

ยังดีที่วรยุทธ์ของเธอก็กลับมาถึงระดับนี้แล้ว

ไม่อย่างนั้นคงสู้ไม่ได้จริงๆ

อิ๋งจื่อจินกำมือ พลิกมือผลักฉินหลิงอวี๋

ทำให้เธอเคลื่อนที่ไปไกลห้าสิบเมตรในชั่วขณะ

“อาอิ๋ง!” ฉินหลิงอวี๋ตะลึง “ระวังตัวด้วย!”

“วางใจได้” อิ๋งจื่อจินสีหน้าเรียบเฉย “พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน ฉันจะล่อพวกเขาไป เธอต้องเข้าไปในสำนักผู้วิเศษให้ได้”

เธอหันไปแล้วใส่หน้ากาก

ใบหน้าเปลี่ยนเป็นฉินหลิงอวี๋ทันที

อิ๋งจื่อจินวิ่งไปอีกทาง

วินาทีถัดมากลับถูกขวางไว้

“คุณฉิน จะไปไหนเหรอ” เด็กหนุ่มยิ้ม ยกมือเลเซอร์ในมือขึ้นมา “ดวงดีจังเลยนะ มีชีวิตอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ ร่างทดลองที่รุ่นเดียวกับคุณตายเป็นวิญญาณกันหมดแล้ว”

ขณะพูดเขาก็เหนี่ยวไก

แต่ไม่สำเร็จ

ปืนที่อยู่ในมือเด็กหนุ่มระเบิดออก

ขณะเดียวกันอิ๋งจื่อจินก็ขยับ เธอยังคงใช้กระบวนท่าเรียบง่าย จัดการพวกคนชุดดำได้อย่างสบายๆ

“แย่ละ เธอแปลงโฉม!” เด็กหนุ่มสีหน้าเปลี่ยน “นักแปลงโฉมคนไหน กล้าหลอกสายตาพวกเราเชียวเหรอ!”

ฉินหลิงอวี๋ฝีมือไม่ขนาดนี้แน่นอน

นี่ไม่ใช่แค่นักแปลงโฉม ยังเป็นจอมยุทธ์ด้วย!

ช่วงนี้เมืองแห่งโลกวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ มีหลายเรื่องที่เหนือความควบคุมของพวกเขา

เหมือนที่นายท่านบอกจริงๆ ยิ่งเข้าใกล้ปีหน้า แต่ละอิทธิพลก็ยิ่งเตรียมพร้อมปะทะเต็มที่

แต่ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา

เด็กหนุ่มกดปุ่มบนเครื่องมือสื่อสารอีกครั้งเพื่อเรียกคนคุ้มกันมาอีกสองคน

เขาชี้อิ๋งจื่อจิน แสยะยิ้ม “พวกนายขวางเธอไว้ สามวินาทีก็พอ”

พูดจบเด็กหนุ่มก็หันตัวทันที ไล่ตามฉินหลิงอวี๋ที่ไปอีกทาง

เงาของเขาเหมือนผี หายไปอย่างรวดเร็ว

สายตาของอิ๋งจื่อจินเย็นชา เธอลงมือเร็วยิ่งกว่า

แต่ในเวลาสามวินาทีก็เพียงพอให้เด็กหนุ่มไล่ตามฉินหลิงอวี๋ทันแล้ว

พลั่ก อิ๋งจื่อจินใช้ศอกอัดเข้าที่ขมับของคนชุดดำ

พอเงยหน้าก็เห็นฉินหลิงอวี๋ใช้อุปกรณ์เหาะขนาดเล็กลอยขึ้นไปแล้ว

อิ๋งจื่อจินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหานอร์ตัน “นอร์ตัน”

นอร์ตันขานตอบ “อือ อยู่ ว่ามาเลยครับลูกพี่ กระผมรอฟังคำสั่ง”

“เธอเข้าไปแล้ว รอรับด้วย”

“รับทราบ”

จบการสนทนา อิ๋งจื่อจินกวาดตามองคนที่นอนอยู่บนพื้น

ต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เธอตระหนักว่าสมาชิกอิทธิพลของฝ่ายศัตรูมีเยอะกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้มาก

ลำพังแค่พึ่งเธอคนเดียวไม่พอ เธอจำเป็นต้องมีกองหนุนที่เป็นจอมยุทธ์

สองมือของอิ๋งจื่อจินล้วงกระเป๋า กระโดดฟึ่บขึ้นไปอยู่บนหลังคา

ทันใดนั้นสมองก็ปรากฏความคิดหนึ่ง

ครั้งล่าสุดที่เธอมาโลกมนุษย์เป็นเพราะแค่นึกสนุกถึงได้ถ่ายทอดวิทยายุทธ์จริงๆ เหรอ

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง หันตัวกลับสมาพันธ์แฮกเกอร์

ทางเธอถูกลอบโจมตี เกรงว่าทางสมาพันธ์แฮกเกอร์ก็เช่นกัน

ที่ด้านหน้า

เด็กหนุ่มไล่ตามฉินหลิงอวี๋จนไปถึงสำนักผู้วิเศษ และก็เห็นฉินหลิงอวี๋ใช้อุปกรณ์ไฮเทคแล้วเหาะไปถึงด้านบนสำนักผู้วิเศษ

เด็กหนุ่มอีกคนอึ้ง “เธอหนีมาที่สำนักผู้วิเศษทำไม”

เด็กหนุ่มแสยะยิ้ม “ไม่รู้สิ แต่ก็กล้ามากนะ”

“พวกเรายังจะไล่ตามไหม”

“ตามสิ สำนักผู้วิเศษเป็นอาณาเขตของพวกเรานะ เธอหนีเข้าไปก็เท่ากับรนหาที่ตาย”

ทั้งสองคนขึ้นไปทันทีพร้อมคนคุ้มกันชุดดำที่เหลืออยู่

ฉินหลิงอวี๋เป็นนักฆ่า เธอก็ว่องไวไม่แพ้กัน

แต่อย่างไรเสียเธอก็ไม่ได้ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมอย่างสมบูรณ์แบบ จึงยังด้อยกว่าหน่อย

ในเวลาไม่กี่นาที คนที่ตามฆ่าก็ไล่ตามเธอมาจนถึงชั้นสิบเก้า

สำนักผู้วิเศษมีทั้งหมดยี่สิบสามชั้น

หากตัดชั้นบนสุดออกไป แต่ละชั้นล้วนแสดงถึงผู้วิเศษหนึ่งคน

ชั้นที่สิบเก้าก็คือผู้วิเศษลำดับที่สิบเก้า พระจันทร์

“หนีเร็วจริงนะ” เด็กหนุ่มแสยะยิ้ม “แต่ก็จบแค่ตรงนี้แหละ”

เขายกปืนเลเซอร์ในมืออีกครั้ง

เวลานี้อยู่ๆ ฉินหลิงอวี๋ก็เลิกหนี

เธอหยุดและหันตัวไป

ท่ามกลางความมืด แสงจันทร์นอกหน้าต่างสาดส่องมาที่ตัวเธอ ราวกับมีม่านบางคลุมไว้หนึ่งชั้น

สูงส่ง สง่างาม มิอาจล่วงเกิน

ฉินหลิงอวี๋ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองดวงจันทร์กลมโตที่อยู่บนท้องฟ้า

ในดวงตาของเธอมีแสงวูบไหวที่ไม่อาจเอื้อม งดงามชวนตะลึง

กลายเป็นดาราชั้นแนวหน้าในวงการบันเทิงได้ อีกทั้งยังถูกตั้งฉายาว่านางมารสาวแห่งโลกมนุษย์ ความงามของฉินหลิงอวี๋จึงเป็นที่เลื่องลือมาตลอด

แม้แต่เด็กหนุ่มก็เหม่อไปชั่วขณะ แต่เขาก็ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

“ดูท่าจะรู้แล้วว่าตัวเองเลือกหนีผิดเส้นทาง” เด็กหนุ่มยิ้ม “ฉันจะส่งเธอ ผลงานล้มเหลวที่ควรตายตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อนกลับเส้นทางที่ควรแล้วกันนะ”

แม้แต่ฝีมือต่อสู้ของอัศวินดัดแปลงพันธุกรรมที่ผลิตจากคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ก็ยังห่างชั้นกับพวกเขาอีกไกล

พวกเขาได้รับประทานของขวัญจากนายท่าน อย่างน้อยก็ต้องเป็นจอมยุทธ์ที่วรยุทธ์สามร้อยปีถึงจะสูสีกับพวกเขา

แต่จอมยุทธ์ระดับนี้อยู่โลกจอมยุทธ์ และก็มีอยู่จำนวนไม่มาก

ผลงานล้มเหลวจากการดัดแปลงพันธุกรรมจะเอาอะไรมาสู้พวกเขาได้

มีชีวิตอยู่มาได้นานขนาดนี้ก็สมควรตายได้แล้ว

“คิดว่า…” ในที่สุดสายตาของฉินหลิงอวี๋ก็ค่อยๆ มองไป ริมฝีปากของเธอมีรอยยิ้มเย็นชา “ฉันตายไปแล้วหรือไง!”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “เป็นบ้าอะไร”

จะตายอยู่รอมร่อแล้วยังจะกล้าอวดดีขนาดนี้อีกเหรอ

วินาทีถัดมา เด็กหนุ่มยังไม่ทันตั้งตัว ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็ดับมืด เขาตกอยู่ในห้วงไร้ความรู้สึก

ตุบ ตัวเขากระเด็นไปกระแทกพื้น

ทุกคนที่ตามมาพอเห็นดวงตาคู่นั้นของฉินหลิงอวี๋ก็ราวกับอยู่ในห้วงความฝัน พากันล้มลงไปต่อเนื่อง

ตุบ

ตุบ

ตุบ

สลบไปหมดทุกคน!

ผู้วิเศษลำดับที่สิบเก้า ผู้วิเศษพระจันทร์

พลังพิเศษ

ควบคุมความฝัน!

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท