คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 771 เอาผลงานตัวเองไปส่ง มีปัญหาเหรอ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 771 เอาผลงานตัวเองไปส่ง มีปัญหาเหรอ

ถึงแม้คนที่ศรัทธาในตัวอิ๋งจื่อจินจะมีอยู่ไม่น้อย แต่เธอไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน จึงไม่มีอิทธิพลมากเท่าเอสวาย

โดยเฉพาะหลังจากที่ตระกูลเรนเกลรับอิ๋งจื่อจินกลับไป มีหลายคนที่แอบเล่นสกปรกลับหลัง

ตอนนี้สบโอกาสนี้ย่อมไม่มีทางปล่อยไป เยาะเย้ยถากถางเต็มที่

[ตอนนี้ฉันมีเหตุผลจะสงสัยแล้วว่า โปรเจ็กต์ยานอวกาศครั้งก่อน ไม่แน่ว่าคุณหนูใหญ่คนนี้อาจใช้เงินซื้อของสำเร็จมาก็ได้นะ]

[ก็จริง คิดดูนะ เธออยู่ประเทศจีนที่นอกเมืองแห่งโลกมาตลอด เทคโนโลยีของเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรล้าหลังขนาดไหนคงไม่ต้องให้บอกแล้วนะ เธอเพิ่งเรียนได้นานเท่าไร ถ้าไม่ได้อาศัยเงินมีเหรอจะสู้บิลได้]

[เหนื่อยแล้วๆ ตระกูลเรนเกลรุ่นนี้ทำไมถึงแย่ขนาดนี้นะ]

[นั่นสิ สู้รุ่นที่แล้วไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าพวกเธอเคยได้ยินชื่อคุณไชโลห์หรือเปล่า นั่นต่างหากอัจฉริยะตัวจริง]

พอเห็นประโยคนี้บิลก็เม้มริมฝีปาก เหมือนถูกทิ่มแทงหัวใจ

แต่ตราบใดที่ฉุดอิ๋งจื่อจินให้ลงต่ำได้ เธอถูกด่าก็ไม่เป็นไร

บิลแสยะยิ้ม เปลี่ยนไปใช้แอคเคาท์ทั่วไป แกล้งตีเนียนร่วมคอมเมนต์

[ได้ยินว่าตระกูลเรนเกลจะเลือกหัวหน้าตระกูลคนใหม่แล้ว ฝีมือแค่นี้ เธอคู่ควรเหรอ]

มีคนมาคอมเมนต์ร่วมผสมโรงเต็มไปหมด

บิลกวาดตาอ่านคอมเมนต์ด้านล่าง รู้สึกพอใจมาก

คณะกรรมการประเมินนิ่งเฉย งั้นเธอจะทำให้อิ๋งจื่อจินโด่งดังเอง

หากตระกูลเรนเกลคิดจะลบแฮชแท็กพวกนี้ มีแต่จะเป็นการ ‘ทำให้ใหญ่โตมากขึ้น’ กระแสต่อต้านกับวิพากษ์วิจารณ์ก็ยิ่งรุนแรง

อีกด้านหนึ่ง

สมาพันธ์แฮกเกอร์

อิ๋งจื่อจินเพิ่งดูละครน้ำเน่าเรื่องใหม่จบไป เธอรับสาย

“เทพอิ๋ง คณะกรรมการประเมินเพิ่งส่งคนมาหาเธอ” เยี่ยซือชิงพูดเสียงเครียด “บอกว่าผลโปรเจ็กต์ของเธอมีปัญหา อยากเรียกเธอไปถามหน่อย”

“มีปัญหาเหรอ” แววตาของอิ๋งจื่อจินขยับเล็กน้อย “ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

เธอหยิบหมวกเบสบอลขึ้นมาใส่เพื่อบดบังแสงแดดที่แยงตา จากนั้นก็หยิบน้ำผลไม้ที่ฟู่อวิ๋นเซินทำให้ขึ้นมาหนึ่งขวด

“เอ๊ะ อาอิ๋ง” ฉินหลิงอวี๋เห็นเธอ “จะไปไหนเหรอ ไหนว่าตอนเย็นจะไปกินเบียร์กินของย่างกับซิวกันไง”

พอได้ยินคำว่ากินเบียร์ อวี้เสวี่ยเซิงก็พูดขึ้น “เสี่ยวอวี๋”

ฉินหลิงอวี๋เอามือไพล่หลัง หันข้าง ยอมแพ้แล้ว “ก็ได้ พวกคุณกินเบียร์ ฉันจะแค่กินของย่าง”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองสองคนนี้แล้วพูดขึ้น “ตอนนี้พวกเธอตัวติดกันแล้ว”

พระอาทิตย์ พระจันทร์

ส่องแสงให้กันและกัน คู่สร้างคู่สม

ฉินหลิงอวี๋จริงจัง “หลายสิบศตวรรษ พวกเราเป็นคู่ผัวเมียเก่าแก่แล้ว”

ต้องพูดเลยว่า การเปลี่ยนภพก็เป็นเรื่องสนุก ได้ความรู้สึกแปลกใหม่

“อืม ไม่รู้ว่าใครเคยพูดกับฉันว่า…” อิ๋งจื่อจินพูดอย่างไม่รีบร้อน ทั้งยังแกล้งดัดเสียง สำเนียงเปลี่ยนไป “ฉันไม่รู้จักเขาเสียหน่อย จะไปหาเขาทำไม”

ฉินหลิงอวี๋ “…”

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น เลิกคิ้ว

คราวนี้ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่มีจุดอ่อนแล้ว

สาวน้อยของเขาก็น่าสนใจจริงๆ ชอบจำแต่อะไรแบบนี้

อวี้เสวี่ยเซิงไม่พูด แค่ยิ้มบาง

ฉินหลิงอวี๋อดชื่นชมจากใจไม่ได้ “อาอิ๋ง เธอไปเล่นละครได้เลยนะ ฉันรับรองเลยว่าเธอได้รางวัลตุ๊กตาทองเป็นราชินีภาพยนตร์ได้แน่ๆ”

เธอจำการเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติเมื่อหลายครั้งก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย มีเพียงชาตินี้ที่จดจำฝังลึก

เมื่อเทียบกับเป็นผู้วิเศษ เธอชอบเล่นกับแฟนคลับมากกว่า ชอบช่วยตรวจการบ้านของพวกเขา

“ขอบคุณที่ชม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “น่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ เดี๋ยวฉันกลับมา อีกเดี๋ยวเจอกันที่บาร์นะ”

ฟู่อวิ๋นเซินหยิบกุญแจรถ “เดี๋ยวไปส่ง”

เขารู้ความฝันของเธอ เขาไม่ก้าวก่าย มีแต่จะสนับสนุน

สามสิบนาทีต่อมารถหรูก็ไปถึงสำนักวิจัย

อิ๋งจื่อจินลงจากรถ เพิ่งไปถึงห้องทำงานของคณะกรรมการประเมินก็ได้ยินเสียงคนกำลังโวยวาย

เป็นคณบดีนอร์แมน

“โถ่ เรื่องแค่นี้ ก็คิดว่าอะไร” คณบดีนอร์แมนพูดเสียงดัง ทั้งยังเจือไปด้วยความภูมิใจ “พวกคุณไม่รู้ใช่ไหมล่ะ ลูกศิษย์ของผมนี่แหละเอสวาย”

“เป็นไง สุดยอดใช่ไหม อยากแย่งใช่ไหมล่ะ เฮอะ พวกคุณแย่งไม่ได้หรอก ไม่มีทาง”

อิ๋งจื่อจิน “…”

เธอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นพวกคณะกรรมการเหมือนกำลังอึ้งคำพูดของคณบดีนอร์แมนอยู่ งุนงงกันเล็กน้อย

อิ๋งจื่อจินอยากทำเป็นไม่รู้จัก แต่สุดท้ายก็เรียก “อาจารย์คะ”

“อ๊ะ ลูกศิษย์ มาแล้วเหรอ” คณบดีนอร์แมนดีใจมาก “สุดยอดๆ สร้างเกียรติให้อาจารย์แล้ว รู้หรือเปล่าว่าอาจารย์พวกนี้คิดว่าเอสวายเป็นอาจารย์สักคนที่มีประสบการณ์สอนอย่างน้อยยี่สิบปีเชียวนะ”

แค่คำพูดไม่กี่ประโยค อิ๋งจื่อจินก็พอจะเดาต้นสายปลายเหตุได้แล้ว

เธอพยักหน้าเบาๆ “หนูยังขายพวกปืนเลเซอร์ตอนไลฟ์สดด้วยค่ะ”

คณะกรรมการประเมินถึงได้สติกลับมา

ในเมื่ออิ๋งจื่อจินก็คือเอสวาย งั้นผลโปรเจ็กต์ก็ไม่ติดขัดอะไรแล้ว

ประธานกรรมการหยิบตราประทับออกมาแล้วปั๊มลงลงบนหนังสือคำร้องเลื่อนขั้นอิ๋งจื่อจินเป็นนักวิจัยระดับเอส

คณบดีนอร์แมนรับมาอย่างมีความสุข “เยี่ยมเลยๆ ไม่แน่อีกไม่นานก็เป็นระดับดับเบิลเอสแล้ว”

เขาก็พลอยได้มีเกียรติไปด้วย

“นักศึกษาอิ๋ง” ประธานกรรมการมองอิ๋งจื่อจินด้วยสายตาชื่นชม อดถามไม่ได้ “นึกยังไงถึงไลฟ์สดเหรอ”

ช่วงไม่กี่ปีมานี้เป็นช่วงรุ่งเรืองของบิลก่อนที่อิ๋งจื่อจินจะเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์

อาจารย์กิตติมศักดิ์หลายคนก็รู้ แค่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเท่าไร แต่พวกเขาพอได้ยินข่าวมาบ้าง

บิลเลือกไลฟ์สดในเว็บดับบลิวก็แค่อยากได้ชื่อเสียง

อิ๋งจื่อจินนึก “ตอนนั้นอยากได้เงินมั้งคะ”

ด้านหนึ่งเป็นเพราะเงินตราของนอกเมืองใช้ในเมืองแห่งโลกไม่ได้ เท่ากับเริ่มต้นตั้งแต่ศูนย์

อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะเธอค่อนข้างชอบหาเงิน มองเป็นเรื่องสนุก

คณะกรรมการ “…”

พวกเขาพากันหันหน้าไปมองคณบดีนอร์แมนที่ยิ้มแหย

“นอร์แมน” ประธานกรรมการพูดแฝงความนัยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นายปล่อยให้เด็กลำบากแบบนี้ได้ยังไง ปกตินายงกกับพวกเราบ้างมันไม่เท่าไร แต่นี่นายงกกับเด็กตัวเองด้วยเหรอ”

ควรทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดให้เมล็ดพันธุ์ชั้นดีของคณะวิศวกรรมศาสตร์

พวกเขาก็รู้ว่านอร์แมนเป็นคนที่ค่อนข้างตระหนี่ ปกติอยากได้ชุดเกราะจากเขาชุดหนึ่งต้องต่อรองกันเป็นเดือน

“เอ๊ะ พี่ครับ” กรรมการอีกคนหนึ่งพูด “ให้นอร์แมนใจกว้าง งั้นก็เท่ากับเฉือนเนื้อของเขา น่าสงสารเด็กนะครับ”

“แบบนี้มันได้ที่ไหนกัน เดี๋ยวสรุปผลปลายปีผมต้องตั้งใจประเมินนอร์แมนหน่อยแล้ว!”

คณะกรรมการผลัดกันพูด สีหน้าจริงจัง

ทันใดนั้นคณบดีนอร์แมนก็ตั้งสติได้ “หา?”

“ไม่เป็นไรแล้ว เด็กคนนี้เป็นนักวิจัยระดับเอสแล้ว ต่อไปถ้าอยากได้เงินก็ไปขอทางคณะได้” ประธานกรรมการส่ายมือ “นายมันไม่จำเป็นแล้ว”

คณบดีนอร์แมนเดินออกไปด้วยสีหน้างุนงง ผ่านไปสักพักก็ยังไม่เข้าใจ

นี่เขาพลาดฟังอะไรไปเพราะดีใจมากไปหรือเปล่า

ช่างเถอะ ไม่สนแล้ว

คณบดีนอร์แมนรู้สึกภาคภูมิใจอีกครั้ง “ลูกศิษย์ เธอเก่งมากเลยนะ เก่งกว่าอาของเธออีก นี่เพิ่งสองเดือนกว่าเธอก็ได้เลื่อนเป็นนักศึกษาระดับเอสแล้ว”

เขาดูแลคณะวิศวกรรมศาสตร์มาสามสิบกว่าปี รู้ดีว่าวงการนี้มันยากขนาดไหน

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด เพิ่งเรียนกับเขาได้สองเดือน แต่ความรู้กับผลงานกลับพุ่งทะยานไปเร็วมาก

“อาจารย์คะ” อิ๋งจื่อจินหันไป “เคยคิดจะไปนอกเมืองบ้างไหมคะ”

คณบดีนอร์แมนรู้ว่าเมื่อก่อนเธออาศัยอยู่ที่ประเทศจีนมาตลอด

เขาเงียบไปชั่วครู่ “ก็คิดอยู่หรอก แต่ด้วยตำแหน่งของอาจารย์มีหลายคนจับตาดูอยู่ อีกอย่าง ตอนอาจารย์เข้าสำนักวิจัยก็ได้มีการเซ็นสัญญาไว้ ออกไปไม่ได้”

ออกไปก็เท่ากับเป็นกบฏ

จุดจบของคนทรยศก็มีแค่ตายสถานเดียว

แล้วเขาจะรับมือกับสำนักผู้วิเศษได้ยังไง

“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ” คณบดีนอร์แมนถอนหายใจ “ไปๆๆ อาจารย์มีสิ่งประดิษฐ์ที่คิดค้นระยะนี้ให้เธอ เอาไปลองดูเองนะ”

กระแสวิจารณ์ในเน็ตกำลังได้ที่โดยมีบิลคอยผลักดัน

เลขาถือแอคเคาท์ของตระกูลเรนเกล ระดับผู้ดูแล เขาได้ระงับแอคเคาท์ไปไม่น้อยแล้ว

ตอนนี้แฮชแท็กขึ้นอันดับสามแล้ว เลขาชักร้อนใจ “คุณนายใหญ่ครับ พวกเราลบแฮชแท็กดีกว่าครับ ผมยังติดต่อคุณหนูใหญ่ไม่ได้เลย”

ซู่เวิ่นขมวดคิ้ว กำลังจะพูดก็มีคนพูดขึ้นก่อน

“ไม่ต้องลบทิ้งหรอกครับ” เซ่าอิ่งพูด “การลบทิ้งจะไม่เป็นผลดีกับพี่ ออกมาพูดความจริงก็ได้แล้ว”

ซู่เวิ่นอึ้ง “พูดความจริงเหรอ”

“เพราะพี่ก็คือเอสวายครับ” เซ่าอิ่งหยิบคอมพิวเตอร์ออกมาแล้วล็อกอินแอคเคาท์ตัวเองท่ามกลางสายตาตะลึงงันของเลขา

เขามีแอคเคาท์ระดับเออยู่สองแอคเคาท์

แอคเคาท์หนึ่งได้มาจากตระกูลอวี้ อย่างไรเสียอวี้เซ่าอวิ๋นก็เลี้ยงดูเขามาสิบกว่าปี เห็นเป็นลูกชายแท้ๆ ของตัวเอง ไม่ได้ยึดสิทธิพิเศษคืนกลับไป

อีกแอคเคาท์ลูน่าให้มาหลังกลับเข้าตระกูลเรนเกล

เซ่าอิ่งเคยยื่นคำร้องไปที่ระบบ ขอรวมสองแอคเคาท์นี้เลื่อนขั้นเป็นแอคเคาท์ระดับเอส

ถึงแม้แอคเคาท์ระดับเอสจะไม่เหมือนระดับดับเบิลเอสที่พอล็อกอินก็จะแจ้งไปทั่วทั้งเว็บ

แต่ป้ายสีทองก็โดดเด่นสะดุดตามาก

เมื่อไรที่โพสต์ข้อความก็จะขึ้นเป็นลำดับแรกของหัวข้อนั้น อีกทั้งยังจะไปขึ้นหน้าแรกของเว็บบอร์ดเว็บดับบลิวของทุกคน

[แอทเซ่าอิ่ง : เอสวายเอาผลงานที่ตัวเองคิดค้นไปส่งเป็นโปรเจ็กต์มันมีปัญหายังไงเหรอ พวกคุณว่าเธอรู้หรือเปล่าล่ะ]

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท