คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 773 แตกแล้ว! บิลพ่ายแพ้หมดรูป

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 773 แตกแล้ว! บิลพ่ายแพ้หมดรูป

ด้วยความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในเมืองแห่งโลก แอคเคาท์ของเว็บดับบลิวไม่มีความเป็นไปได้ที่จะถูกแฮกเอาไปใช้

โดยเฉพาะแอคเคาท์ระดับสูง เมื่อตรวจพบความผิดปกติก็จะมีการพิสูจน์อัตลักษณ์ เช่น ใบหน้า ม่านตา ลายนิ้วมือ เป็นต้น

อิ๋งจื่อจินซ่อนคำว่า ‘แอคเคาท์ผู้ก่อตั้ง’ ไว้ อีกทั้งยังตั้งค่าให้เป็นแอคเคาท์ระดับเอ

ทุกคนสามารถมองเห็นระดับของแอคเคาท์ที่ตั้งไว้

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหลายคนถึงเดาว่าเอสวายเป็นอาจารย์ระดับสูงของคณะวิศวกรรมศาสตร์

วินาทีที่ใบหน้าอันงดงามหมดจดของอิ๋งจื่อจินมองกล้อง ข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอก็หายเกลี้ยง

พวกชาวเน็ตที่เข้าห้องไลฟ์มาแต่แรกต่างอยู่ในอาการตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ยังไม่ได้สติกลับมา

“…”

เงียบกันไปสามสิบวินาทีเต็มๆ ในที่สุดเครื่องหมายตกใจอันแรกก็ลอยผ่านหน้าจอ

[โอ้โห!]

[หัวใจฉันเกือบระเบิด ขอถามหน่อย ใครบ้างที่เห็นใบหน้าระยะใกล้ของคุณหนูใหญ่แล้วยังใจเย็นอยู่ได้]

[ฮ่าๆ คำตอบเต็มเปา เปิดเผยใบหน้าเท่ากับเป็นการตบหน้าจริงๆ ไม่รู้ว่าตบโดนใครบ้าง]

[เมื่อเช้าคุณชายเซ่าอิ่งก็บอกแล้วว่าเอสวายคือคุณหนูใหญ่ พวกเธอก็ไม่เชื่อ ตระกูลเรนเกลจำเป็นต้องสร้างข่าวลือแบบนี้ด้วยเหรอ]

[นั่นสิ เธอเอาผลงานตัวเองไปส่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ถึงคราวต้องให้ชาวบ้านที่ว่างจัดอย่างพวกเธอมาสั่งสอนด้วยเหรอ]

[เทพอิ๋งของฉันก็คือเอสวาย สำนักวิจัยก็ออกประกาศแล้ว! รีบไปดูเร็ว!]

เห็นได้ชัดว่าคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็รู้แล้วว่ามีเหตุการณ์นี้บนเว็บดับบลิว ครั้นแล้วจึงติดผลประเมินของเดือนกันยายนลงบนเว็บไซต์ทางการ

คนที่ได้เลื่อนเป็นนักวิจัยระดับเอสในเดือนนี้มีแค่อิ๋งจื่อจินคนเดียว

ระดับเอมีสองคน ระดับบีสิบสองคน

ด้านล่างของผลประเมินยังมีข้อความกำกับโดยเฉพาะ

[การประเมินเป็นไปอย่างยุติธรรม ไม่มีการทุจริตใดๆ ทั้งสิ้น ขอความกรุณาผู้ร้องเรียนต่อไปช่วยสืบให้กระจ่างก่อนค่อยร้องเรียน]

คราวนี้บรรดาชาวเน็ตตาไวได้สังเกตเห็นจุดบอด

[คนที่ไปร้องเรียนคณะกรรมการประเมินก็ต้องมีแค่คนในคณะวิศวะเองหรือเปล่า]

[ใครร้องเรียน]

[ยังจะมีใครอีก ต้องเป็นบิลแน่นอน คุณหนูใหญ่ได้เลื่อนเป็นนักวิจัยระดับเอส เป็นภัยต่อใครมากที่สุด ไม่ต้องให้บอกหรือเปล่า]

อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้ ขณะที่กำลังจะปิดไลฟ์สดก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น หยุดลงที่ด้านหลังเธอ

กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้กฤษณาตามมา

“ไลฟ์สดอีกแล้วเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินเห็นหน้าจอ “ห้ามคนอื่นมอง”

เนื่องจากตำแหน่งที่เขายืนถ่ายเห็นแค่หน้าอกของเขา

เสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีดำก็ยากจะปิดบังรูปร่างอันสมบูรณ์แบบของเขาได้

สามารถมองเห็นเอวที่ผอมแต่ดูแข็งแรงกับแขนเรียวยาว

น้ำเสียงก็ไพเราะน่าฟัง

แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยต้านทานเขาที่ใช้โทนเสียงอบอุ่นแบบนี้ยั่วยวนได้เลย

อิ๋งจื่อจินนวดหู “อืม พิสูจน์ความจริงเสร็จแล้ว คุณปิดแล้วกัน”

“เด็กดี” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะเธอ โน้มตัวเล็กน้อย ยังคงไม่เผยใบหน้า

ขณะเดียวกันเขาก็เหลือบมองหน้าจอ

การปรากฏตัวของเขาสร้างความตะลึงได้อีกครั้งอย่างเห็นได้ชัด

[โอ้โห! เทพอิ๋งมีเจ้าของแล้ว!]

[ใคร! ไม่ขออยู่ร่วมโลกกับศัตรูหัวใจ!]

[ทุกท่าน เทพอิ๋งเป็นสามีของฉัน ตัดใจซะนะ]

ฟู่อวิ๋นเซินสีหน้าเรื่อยเปื่อย กดปุ่มปิด

ยังจะมาสามี อยากเห็นก็ไม่ได้เห็นหรอก

หลังจากปิดไลฟ์เสร็จฟู่อวิ๋นเซินก็หันไป พูดด้วยสีหน้าไม่จริงจัง “คู่หมั้น หึงแล้วนะ”

“อืม” อิ๋งจื่อจินยืนขึ้น เอาใจเขา “ให้กอดแล้วกัน”

ผิวของอิ๋งจื่อจินอุ่น เอวก็อ่อนนุ่มจนเหลือเชื่อ

เบาพลิ้วเหมือนขนมสายไหม

ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง หัวเราะเบาๆ

ผ่านไปหลายปี เขาก็ยังคงได้กอดเธอแบบนี้อีก

“เยาเยา” ไม่กี่นาทีต่อมาซู่เวิ่นก็เรียกจากข้างนอก “กับข้าวเสร็จแล้วจ้ะ รีบลงมา วันนี้กินกันในครอบครัว กินเยอะๆ นะ”

ภายในห้องอาหารชั้นหนึ่ง

บนโต๊ะอาหารยังมีลูน่ากับเซ่าอิ่งอีกนอกจากซู่เวิ่น

สมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลไม่ได้ลงมาอย่างรู้งาน

พ่อบ้านกับหุ่นยนต์หลายตัวคอยรับใช้อยู่ด้านข้าง

เซ่าอิ่งถามด้วยความเป็นห่วง “เรื่องเรียบร้อยหรือยังครับพี่”

“เรียบร้อยแล้ว” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าพลางยิ้มบาง “ขอบใจนะที่ช่วย”

เซ่าอิ่งส่ายหน้า “ไม่ถือว่าช่วยหรอกครับ”

“น้องชาย” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น หยิบกล่องออกมาหนึ่งใบ “รู้ว่านายชอบเครื่องกลเลยซื้อชิ้นส่วนมาฝาก”

เซ่าอิ่งมองออกตั้งแต่แวบแรก

นี่เป็นของประมูลจากตลาดประมูลลอเรนท์เมื่อไม่กี่วันก่อน

ราคาต่ำสุดสูงถึงสามร้อยล้าน สุดท้ายจบการประมูลที่แปดร้อยเจ็ดสิบล้าน ถูกบุคคลลึกลับมาซื้อไป

ไม่ว่าจะตระกูลเรนเกลหรือตระกูลอวี้ต่างไม่มีทางปล่อยให้สมาชิกสายตรงใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย มีการกำหนดเงินของแต่ละเดือนไว้

หากจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่านั้นก็ต้องพึ่งความสามารถของตัวเองหามา

เซ่าอิ่งก็มีเงินเก็บของตัวเอง แต่หลายปีมานี้ก็มีแค่แปดหลัก

แม้เขาจะออกจากตระกูลอวี้มาแล้ว แต่ก็ต้องขอนับถือพี่ใหญ่คนนี้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริง

สร้างฐานะด้วยมือเปล่า แต่กลับยังคงยืนอยู่จุดสูงสุดได้

ไม่มีใครทำได้ดีไปกว่าเขาอีกแล้ว

เซ่าอิ่งหันมองอิ๋งจื่อจินแล้วถึงรับมา “ขอบคุณครับพี่ใหญ่”

“อย่าเรียกพี่ใหญ่” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น ยิ้มพลางพูด “เรียกพี่เขย”

เซ่าอิ่ง “…”

แม้แต่พี่ใหญ่เขาก็ไม่อยากเรียกแล้ว

อิ๋งจื่อจินเอามือเท้าศีรษะ ครุ่นคิดพลางพูด “ผู้บัญชาการ ชอบแกล้งพวกน้องชายของฉันใช่หรือเปล่า”

เธอรู้ว่าฟู่อวิ๋นเซินซื้อมาสองชิ้น อีกชิ้นหนึ่งจะเอากลับไปให้เวินทิงหลาน

“แกล้งเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินชะงัก ตอบเสียงเนือย “ใช้คำไม่ถูกนะ พี่ชายแกล้งเธอแค่คนเดียว กับพวกเขาก็แค่แหย่เล่น เด็กน้อย”

“อ่อ ครั้งแรกคุณก็แหย่ฉันเล่นสินะ” อิ๋งจื่อจินหยิบตะเกียบขึ้นมา “ดูสิฉันไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพล…”

ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้อย่างสิ้นเชิง “ยอมแล้ว”

พ่อบ้านยิ่งมองก็ยิ่งถูกใจฟู่อวิ๋นเซิน

คนที่คุณหนูใหญ่ชอบย่อมเป็นคนที่ดีที่สุด

พ่อบ้านเข้าสู่โหมดแฟนคลับหลงหัวปักหัวปำไปแล้ว

เขายกชาสองถ้วยเข้ามาอย่างอารมณ์ดี “เชิญครับท่านเขย”

ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มมุมปาก “รู้งาน”

เซ่าอิ่ง “…”

ครอบครัวเขาติดกับผู้ชายคนนี้หมดแล้ว

อาหารมื้อนี้กินเสร็จอย่างรวดเร็ว

เซ่าอิ่งออกไปพร้อมลูน่า บนโต๊ะอาหารเหลือแค่สามคน

“แม่คะ หนูว่าจะออกไปนอกเมืองหน่อยค่ะ” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “ตอนนี้ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าคุณพ่อไม่อยู่แล้ว งั้นแสดงว่ายังอยู่แน่นอน”

ซู่เวิ่นอึ้ง ตัวสั่นขึ้นมาทันที

แม้เธอก็บอกตัวเองแบบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็แอบยอมรับกลายๆ ว่าลูเอลจากไปแล้ว

ไม่อย่างนั้นทำไมถึงไม่มีร่องรอยเลยตลอดยี่สิบปี

ซู่เวิ่นกลืนน้ำลายสะอื้น “ได้ แต่อย่าหักโหมเกินไปนะจ๊ะ”

“แม่คะ ช่วงที่หนูออกไป แม่ไปพักอยู่กับอาเล็กนะคะ” อิ๋งจื่อจินพูด “หนูติดต่อคนไว้แล้ว ถ้าเขารังแกแม่ บอกหนูได้เลยค่ะ”

ซู่เวิ่นหัวเราะ “เอาล่ะ แม่รู้แล้ว ไม่รบกวนเราสองคนแล้ว แม่ขึ้นไปก่อนนะ”

เธอก้มหน้า เช็ดน้ำตาเดินขึ้นชั้นบน

อิ๋งจื่อจินมองรูปถ่ายของลูเอลเงียบๆ แววตาวูบไหวเล็กน้อย

“อย่าเศร้าไปเลย ต้องหาเจอแน่” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะเธอ “ลูกศิษย์คนเล็กของเธอกลับมาแล้ว”

อิ๋งจื่อจินหันตัวไปก็เห็นตี้อู่เย่ว์กอดกระเป๋าเดินย่องเข้ามา

แม้เธอจะห่อมาอย่างมิดชิด แต่ก็ยังปิดบังแสงทองอร่ามที่ลอดออกมาไม่ได้

อิ๋งจื่อจิน “…”

เธอว่าซีซาร์คงใกล้ถูกหลอกเอาทองจนหมดตัวแล้ว

ตี้อู่เย่ว์ยัดทองเก็บไว้ให้ดีแล้วเดินเข้าไปด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจารย์ ฉันคิดถึงปู่แล้ว เมื่อไรฉันจะออกจากเมืองได้เหรอ”

ถึงแม้เทคโนโลยีกับความร่ำรวยของเมืองแห่งโลกจะล้ำเกินเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรไปไกลมาก แต่ยังไงก็ไม่ใช่บ้านตัวเอง

“อีกไม่กี่วันจะออกไป” อิ๋งจื่อจินหยิบบัตรออกมาใบหนึ่ง “บัตรผ่านตลอดชีพอันนี้ให้เธอ อยากเข้ามาเมื่อไรก็มา”

ตี้อู่เย่ว์ดวงตาเปล่งประกาย “ดีเลยๆ”

เดี๋ยวเธอกลับไปจะเอาทองไปทำให้พี่ๆ ตกใจเล่น

“แล้วก็อันนี้” อิ๋งจื่อจินหยิบพวงกุญแจออกมา “นี่เป็นยานที่อาจารย์ให้ฉันมา เอากลับไปให้ผู้เฒ่าชวนใช้ก่อน”

ตี้อู่เย่ว์ก็รับมา สีหน้ากลับหม่นลงเล็กน้อย

เธอรู้ว่าปู่ของเธอใกล้หมดอายุขัย อยู่ได้อีกไม่นานแล้ว

นี่เป็นเพราะผลพวงจากการเปลี่ยนผลกรรม ใช้ยาอะไรมายืดอายุก็ไม่ได้

แต่ในแต่ไรคนวงการพวกเขาก็อายุสั้นมาตลอด

“คุณหนูใหญ่ สืบได้แล้วครับ” เลขารีบเดินลงมาจากห้องทำงานชั้นสอง “เป็นฝีมือคุณหนูบิลครับ”

แม้เว็บดับบลิวจะปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งาน แต่ผู้ดูแลก็สามารถเห็นข้อมูลทั้งหมดได้จากแพลตฟอร์มหลังบ้าน

การเล่นสกปรกของบิลที่สำนักวิจัย ไม่ว่าจะซู่เวิ่นหรืออิ๋งจื่อจินต่างเห็นแก่นามสกุลเรนเกล จึงไม่ได้ถือสาอะไร

แต่มีครั้งหนึ่งครั้งสอง จะปล่อยให้มีครั้งสามครั้งสี่ไม่ได้อีก

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น “ปล่อยออกไป”

เลขาพยักหน้า

เขารับใช้แค่ลูเอลกับซู่เวิ่น

ต่อให้มีการคัดเลือกหัวหน้าตระกูล ตำแหน่งนี้ก็ไม่มีทางตกถึงมือบ้านรอง

บิลคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน

เลขาเดาว่าเกรงว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเขาจะรู้จักกับผู้วิเศษ ไม่อย่างนั้นจะเอาตำแหน่งผู้ดูแลเว็บดับบลิวมาให้ได้ยังไง

ไชโลห์ก็สู้ไม่ได้

เลขาไม่ใจอ่อน ปล่อยหลักฐานทั้งหมดออกไป

อีกทั้งยังใช้แอคเคาท์ผู้ดูแลปักหมุดแฮชแท็ก

แฮชแท็กบิล เรนเกล

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท