ตอนที่ 785 ผู้วิเศษมาเป็นเกียรติให้เอง
“…”
เกิดความเงียบขึ้นในห้องรับแขก
อย่าว่าแต่เจียงหรานเลย แม้แต่ฟู่อวิ๋นเซินก็เงยหน้ามองไป
สีหน้าของเขาชะงัก ก้มมองอีกครั้ง หัวเราะเบาๆ “เด็กน้อย เป็นแม่เหล็กเหรอ ตามกลับมาได้อีกคนแล้ว”
“ฉันก็กำลังคิดอยู่ว่าตัวเองเป็นแม่เหล็กหรือเปล่า” อิ๋งจื่อจินยังคงซบอกเขา เธอเลิกคิ้ว “แต่ดูเหมือนฉันจะดึงดูดคนติงต๊องได้มากกว่า”
ฟู่อวิ๋นเซินทำหน้าเนือย “งั้นพวกเราก็พอกัน”
“โอ้โห!” หลังจากผ่านไปสามนาทีเต็มๆ เจียงหรานถึงตั้งสติได้ สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ “พะ…พะพะพี่ไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม”
พี่สาวของเขาเก่งถึงขั้นพิสดารน่ะเรื่องจริง แต่ทำไมเพียงชั่วพริบตากลายเป็นผู้วิเศษไปได้
ผู้วิเศษเป็นถึงคนที่ชาวเมืองแห่งโลกยกย่องเทิดทูนเลยนะ
อีกทั้งแต่ละคนมีพลังพิเศษ ต่อต้านภัยพิบัติ
“เปล่านี่” หลิงเหมียนซีกะพริบตาปริบๆ “เมื่อคืนฉันเข้าไปเดินในสำนักผู้วิเศษกับอาอิ๋งมารอบนึง จากนั้นความทรงจำกับพลังก็ฟื้นกลับมา”
ก่อนหน้านี้เธอยังรู้สึกเหลือเชื่อว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษกลับชาติมาเกิด
เจียงหรานยังคงรับไม่ได้ เขากุมหัว อดเงยหน้าโอดครวญไม่ได้ “สวรรค์!”
เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงเหมียนซีอยู่แล้ว คราวนี้ยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่
สักพักเจียงหรานถึงพอจะดีขึ้นมาบ้าง เขาตัดสินใจเด็ดขาด “ผมก็จะไปสำนักผู้วิเศษบ้าง”
หลิงเหมียนซีมองเขา “ไปทำอะไร”
เจียงหรานตอบอย่างแน่วแน่ “ผมจะไปเดินวนที่นั่นหน่อยเผื่อจะกลายเป็นผู้วิเศษด้วย”
พอได้ยินแบบนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง พูดเสียงยานคาง “รู้หรือเปล่าว่าคนล่าสุดที่พูดแบบนี้ตอนนี้ทำอะไรอยู่”
“ยังเคยมีคนพูดแบบนี้ด้วยเหรอ” เจียงหรานอึ้ง “แล้วเขาทำอะไรอยู่”
“กินบะหมี่ถ้วยอยู่ในสมาพันธ์แฮกเกอร์”
“…”
เจียงหรานตัวแข็ง
งั้นเขาด่ากับชาวเน็ตต่อดีกว่า
“อ้อจริงสิ” หลิงเหมียนซีทิ้งไว้อีกคำพูด “อาอิ๋งรู้จักผู้วิเศษเยอะกว่าที่นายคิดอีกนะ”
“เรื่องเล็กน้อยอย่างคัดเลือกหัวหน้าตระกูล นายไม่ต้องกังวลหรอก”
ขนาดผู้วิเศษจักรพรรดินียังถูกอิ๋งจื่อจินจับกดเข้ากำแพงได้ ต่อให้ไชโลห์เป็นลูกศิษย์ของผู้วิเศษหอคอยยังจะเก่งได้สักแค่ไหน
พวกเขาจะช่วยอิ๋งจื่อจินอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่สำหรับซาโรห์แล้ว ไชโลห์เป็นแค่หมากที่จะโยนทิ้งเมื่อไรก็ได้
คราวนี้เจียงหรานฮึกเหิมขึ้นมาทันที
[แอทพ่ออิ๋งเก่งที่สุด : แค่นี้เหรอ แค่สามคน ฉันจะบอกพวกเธอให้นะ ทางพ่ออิ๋งของฉันมีเจ็ดแปดคน แถมยังเป็นเพื่อนสนิทกับพ่ออิ๋งด้วย ไชรูของพวกเธอสู้ไม่ได้หรอก พ่ออิ๋งฉันจะบิน]
คราวนี้สร้างกระแสต่อต้านให้พวกชาวเมืองอยู่ไม่น้อย
[ตลกว่ะ เป็นเพื่อนสนิทกับผู้วิเศษเจ็ดแปดคน ทำไมไม่บอกว่าเธอเป็นผู้วิเศษไปด้วยเลยล่ะ]
[แยกย้ายๆ ทุกคนแยกย้ายเถอะ ฉันมองออกแล้ว แอคเคาท์ระดับเอสแอคเคาท์นี้มาเพื่ออวยอิ๋งจื่อจิน กล้าพูดได้ทุกอย่าง]
[รอชมคุณไชโลห์บดขยี้คุณหนูใหญ่ตอนแข่งคัดเลือกหัวหน้าตระกูล จะตบหน้านายให้หันกลับมาไม่ได้เลย]
คราวนี้คนลงฝั่งที่คิดว่าอิ๋งจื่อจินแพ้กลับมีมากขึ้น
เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเชื่อคำพูดของเจียงหราน
เจียงหรานหยิบบัตรที่ฟู่อวิ๋นเซินให้ออกมา เอาเงินในนั้นทุ่มโหวตให้อิ๋งจื่อจินทั้งหมด ทำเสียงฮึดฮัด
คอยดูเถอะ อีกเดี๋ยวคนพวกนั้นได้หน้าหงาย
เจียงหรานสะใจมาก เขาถามต่อ “พี่เป็นผู้วิเศษคนไหน”
พี่สาวของเขาเป็นผู้วิเศษ งั้นเขาก็เดินกร่างในเมืองแห่งโลกได้แล้วสิ
“คู่รัก” คนกันเองทั้งนั้น หลิงเหมียนซีจึงไม่ปิดบัง เธอลูบหัวเจียงหรานด้วยความเอ็นดู “ถ้านายดื้อนัก ฉันจะทำให้นายหาแฟนไม่ได้ไปทั้งชาติ”
เจียงหราน “!”
นี่มันพลังอะไรฟระ
“พ่ออิ๋ง” เจียงหรานกัดฟัน หันไปเรียก “บอกฉันมาสิว่าพ่ออิ๋งก็เป็นผู้วิเศษ ฉันรับได้ พ่ออิ๋ง?”
ดูเหมือนอิ๋งจื่อจินเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าแถวนั้นยังมีหมาหงอยด้วยตัวหนึ่ง เธอเงยหน้าขึ้นมาจากอกของฟู่อวิ๋นเซิน “นายว่าไงนะ”
เจียงหราน “…ไม่มีอะไร”
เขาน่าจะรู้นะว่าเขาไม่มีสถานะอะไรในบ้านเลย
หลิงเหมียนซีสังเกตเห็นเนี่ยอี้นั่งเงียบมาตลอด
เขาขมวดคิ้วแน่น ริมฝีปากก็เม้มแน่น
หลิงเหมียนซีจิ้มหน้าเขา “เป็นอะไรไป”
ในที่สุดเนี่ยอี้ก็พูดขึ้น น้ำเสียงแหบแห้ง “ผมอยู่กับคุณไปตลอดชีวิตไม่ได้”
เป็นครั้งแรกที่เขาหวาดกลัว
ผู้วิเศษอาจไม่ได้เป็นอมตะ แต่อายุขัยก็ยืนยาวกว่าจอมยุทธ์มาก
สักวันหนึ่งในอนาคต เธอยังคงเป็นสาว แต่เขากลับแก่แล้ว
“ไม่เป็นไร ฉันผูกด้ายของพวกเราไว้แล้ว” หลิงเหมียนซียกมือ ยิ้มตาหยี “ฉันมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดไหน คุณก็อยู่ได้นานขนาดนั้น”
เนี่ยอี้อึ้ง “ผูกด้ายเหรอ”
“ก็ฉันเป็นผู้วิเศษคู่รักนี่” หลิงเหมียนซีลูบคาง “ถึงแม้พลังพิเศษของฉันจะไม่ค่อยมีค่าในบรรดาผู้วิเศษ แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียว”
คิ้วของเนี่ยอี้คลายออก ยิ้มเล็กน้อย ยังคงพูดห้วน “อืม”
ทันใดนั้นเขาก็นึกเรื่องที่สำคัญที่สุดออก แววตาเปลี่ยนไปทันที “เสี่ยวเหมียน คุณดับสูญได้ยังไง”
ผู้วิเศษต้องดับสูญเท่านั้นถึงจะเปลี่ยนภพได้
นี่ก็แสดงว่าหลิงเหมียนซีตายมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
หลิงเหมียนซีเงียบไปชั่วขณะ “ช่วยคนสองคน”
พอพูดถึงตรงนี้เธอก็ไม่พูดต่อ สีหน้าเหม่อลอย
ฟู่อวิ๋นเซินรู้สึกได้ เขาหันไป
ในดวงตาสีอำพันราวกับมีดวงดาวกำลังเปล่งแสง งดงามเหลือเกิน
จนกระทั่งมีเสียงเรียกเขา
“ผู้บัญชาการ”
“หืม?”
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง
“เมื่อคืนฉันกับเหมียนซีไปสำนักผู้วิเศษ เจอผู้วิเศษดวงดาวด้วย” สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง “ฉันเดาว่าเธอน่าจะอยู่ในอิทธิพลของหัวกะโหลกสีดำ อีกทั้งสถานะของนักมายากลก็ยังต่ำกว่าเธอ”
และที่สำคัญที่สุดคือ พลังพิเศษของผู้วิเศษดวงดาวอันตรายมาก
เหมือนฉินหลิงอวี๋ที่ควบคุมความฝัน หลงกลได้อย่างไม่รู้ตัว
ในสายตาของเธอ รับมือยากยิ่งกว่าภัยพิบัติของหอคอย
“ไม่ใช่แค่เธอ” ฟู่อวิ๋นเซินหรี่ตาลงเล็กน้อย “ยังมีอีกแน่นอน”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าช้าๆ “แต่พลังของพวกเราก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ”
“ต้องชนะแน่” ฟู่อวิ๋นเซินกอดเธอ “ไม่ต้องเป็นห่วง พี่ชายรับรอง”
เขาไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองสูญเสียเธอไปอีกครั้ง
…
อีกด้านหนึ่ง ภายในคฤหาสน์ส่วนตัวของไชโลห์
ไชโลห์ดูคะแนนโหวตจากชาวเมืองในเน็ต รวมถึงคอมเมนต์ด้านล่าง จากนั้นก็แสยะยิ้ม
คอมเมนต์ของเจียงหรานถูกดันจนมีความนิยมสูงสุด
มีคนมาตอบกลับหลายหมื่น ส่วนใหญ่มีแต่คนมาแดกดัน
อิ๋งจื่อจินมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ในสายตาของชาวเมือง เมื่อเทียบกับผู้วิเศษที่สั่งสมบารมีมานาน คนหนึ่งฟ้าอีกคนหนึ่งดิน
ไชโลห์ก็แค่คิดว่าคอมเมนต์นี้พูดเกินจริง
เธอกวาดตาดูเปอร์เซ็นต์โหวต
เธอยังคงนำอยู่ไกล
“คุณไชโลห์ครับ” มีเสียงเคาะประตู “ผมเอาบัตรเชิญของตระกูลอวี้มาให้ รวมถึงคำสั่งของท่านจักรพรรดินีด้วยครับ”
ไชโลห์ลุกขึ้นทันที “เข้ามาสิ”
คนดูแลเปิดประตูแล้วยื่นบัตรเชิญให้ “นี่เป็นบัตรเชิญงานเลี้ยงที่พวกเขาจัดให้คุณชายใหญ่ เชิญแขกสูงศักดิ์ที่มีชื่อเสียงมีเกียรติทั่วทั้งเมืองครับ”
ไชโลห์รับมาแบบไม่สนใจ “ท่านจักรพรรดินีมีคำสั่งอะไร”
“ท่านจักรพรรดินีบอกว่า หลังจากที่คุณไชโลห์ได้ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลแล้ว ต้องกำจัดคนที่พ่ายแพ้ก่อน” คนดูแลตอบ “โดยเฉพาะอิ๋งจื่อจิน ห้ามปล่อยไว้ เพื่อรักษาชื่อเสียงของท่านสังฆราชครับ”
“เข้าใจแล้ว” ไชโลห์พยักหน้า ดวงตาฉายแววโหดเหี้ยม “ต่อให้ท่านจักรพรรดินีไม่สั่งฉันก็จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว”
อิ๋งจื่อจินเป็นระเบิดเวลาจริงๆ
ไม่กำจัดทิ้งจะกลายเป็นหายนะแน่นอน
คนดูแลออกไป
ไชโลห์เก็บบัตรเชิญ คิดว่าพรุ่งนี้เธอว่างอยู่พอดี ไปดูหน่อยก็ได้
…
วันต่อมา
บัตรเชิญของตระกูลอวี้ถูกส่งไปยังตระกูลและอิทธิพลใหญ่ในเมืองแห่งโลก
มีแขกเหรื่อมาไม่น้อย
แบบนี้คุณนายผู้เฒ่าอวี้พอใจมาก
ถึงขั้นที่แม้แต่พวกผู้บัญชาการหน่วยอัศวินก็มา
คุณนายผู้เฒ่าอวี้รีบเข้าไปต้อนรับ โน้มตัวย่อเข่า “สวัสดีค่ะทุกท่าน”
ผู้บัญชาการหน่วยอัศวินเหรียญแห่งดาวได้ยินก็หันมามองคุณนายผู้เฒ่าอวี้ “มาตามคำสั่งของท่านผู้วิเศษ บรรดาท่านผู้วิเศษอาจมาด้วยตัวเอง เตรียมตัวให้พร้อมด้วย”
คุณนายผู้เฒ่าอวี้เกร็งขึ้นมาทันที “ค่ะ ได้ค่ะ!”
ผู้วิเศษจะมาเองเลยเหรอ
นี่เป็นเรื่องใหญ่
คุณนายผู้เฒ่าอวี้รีบสั่งพวกคนรับใช้ไปจัดเตรียม ส่วนเธอก็ยืนรับแขกอยู่ตรงประตู
ไม่ไกลออกไป
เจียงหรานทำหน้าบอกบุญไม่รับ “ถ้าไม่ใช่พ่อฟู่ของผม ผมไม่มาที่นี่หรอก”
“เอาน่า มากินข้าวฟรี” หลิงเหมียนซียักไหล่ “หาอะไรอยู่”
เจียงหรานหันไป “พ่ออิ๋งล่ะ”
“คุณอิ๋งไปสำนักวิจัยแล้ว” อวี้เสวี่ยเซิงยิ้มบาง “อวิ๋นเซินไปรับเธอ เดี๋ยวก็มา”
ระหว่างที่พวกเขาคุยกันก็ได้เดินมาถึงทางเข้าสวนหย่อม
คุณนายผู้เฒ่าอวี้มองหลิงเหมียนซี ฉินหลิงอวี๋ และอวี้เสวี่ยเซิงด้วยสายตาสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า
ยิ่งมองเธอก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น ถามบริกรที่อยู่ด้านข้าง “พวกเขามาจากไหน”
ไม่มีตราสัญลักษณ์ตระกูล ไม่มีคนคุ้มกันกับคนรับใช้ พวกชาวบ้านธรรมดา
บ้านตระกูลอวี้ใช่สถานที่ที่คนพวกนี้นึกจะเข้าก็เข้าได้เหรอ
คุณนายผู้เฒ่าอวี้ส่ายมือโดยไม่แม้แต่จะมอง “ไล่ออกไป”
เธอยังต้องเตรียมต้อนรับพวกผู้วิเศษอีก ไม่ว่างสนใจชาวบ้านพวกนี้