คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 797 ลูเอล เรนเกล!

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 797 ลูเอล เรนเกล!

ปีที่เกิดสงครามศักดิ์สิทธิ์ผ่านมานานมากแล้ว

นานจนถึงขั้นที่ว่าสมัยนั้นเมืองแห่งโลกยังเป็นยุคโบราณที่เทคโนโลยีล้าหลัง

นับตั้งแต่หลิงเหมียนซีดับสูญหลังสงครามศักดิ์สิทธิ์ก็ได้เปลี่ยนภพครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็ได้กลับมาในชาตินี้

ชาวเมืองแห่งโลกจึงค่อนข้างรู้สึกแปลกใหม่กับคำว่าผู้วิเศษคู่รัก

แต่บุคลิกแบบเฉพาะในตัวผู้วิเศษก็เป็นสิ่งที่เลียนแบบกันไม่ได้

มีผู้วิเศษมาอีกคนแล้ว!

เจียงหรานอวดซีซาร์ “เห็นหรือยัง นั่นพี่สาวผมเอง”

ซีซาร์เหล่มองเขาแล้วพูดขึ้น “อัศวินรถม้าเป็นเพื่อนฉันเอง”

ทั้งสองคนถูกชาวเมืองแถวนั้นมองเป็นคนติงต๊องเกินเยียวยา

ซาโรห์ก็จำหลิงเหมียนซีได้ตั้งแต่แวบแรก

หนึ่งในสองคนที่คืนนั้นถูกเธอขัดขวาง

เป็นผู้วิเศษคู่รักจริงด้วย!

“คู่รัก เธอหมายความว่ายังไง” แววตาของซาโรห์ขรึมลง “ทำไมไม่กลับสำนักผู้วิเศษก่อน”

“ก็ฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องแบบนี้นี่” หลิงเหมียนซีเอามือไพล่หลัง ยิ้มพลางพูด “หลักๆ คืออยากเป็นศัตรูกับเธอ”

พอคำพูดนี้ออกมาก็ตะลึงกันหมด

การคัดเลือกหัวหน้าตระกูลยังไม่สิ้นสุด การถ่ายทอดสดจึงยังดำเนินต่อ

ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน

ภายในใจของชาวเมืองแห่งโลกทุกคน ผู้วิเศษจักรพรรดินีมีสถานะเป็นอันดับหนึ่ง ผู้วิเศษนักมายากลเป็นอันดับสอง

ผู้วิเศษคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ถูกพวกเขามองเป็นตำนาน

แต่ตอนนี้ผู้วิเศษคู่รักท้าทายผู้วิเศษจักรพรรดินีอย่างเปิดเผย!

“ทำไมฉันถึงไม่กลับสำนักผู้วิเศษก่อนน่ะเหรอ” หลิงเหมียนซีหุบยิ้ม พูดเสียงเย็นชา “ทำไม จะรอให้ขยะอย่างเธอมาฆ่าฉันเหรอ”

ซาโรห์ดวงตาเบิกโพลง ตวาดเสียง “บังอาจ!”

กล้าพูดแบบนี้กับเธอต่อหน้าชาวเมืองทั้งหมด!

“หึ” หลิงเหมียนซีไม่แยแสซาโรห์ นั่งลงข้างฉินหลิงอวี๋ “ขยะ”

อย่าว่าแต่ชาวเมืองจะเงียบกันหมด แม้แต่จะเงยหน้ายังไม่กล้า

มีเหรอที่พวกเขาจะกล้ายุ่งเรื่องระหว่างผู้วิเศษกันเอง

ทางด้านนักบวชหญิงพอมาถึงก็เห็นสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้

เธออึ้งเล็กน้อย และตกใจอยู่บ้าง

“นักบวชหญิงมาแล้วเหรอ” ซาโรห์พยายามบังคับน้ำเสียงให้โอนอ่อนลง “กำลังลงคะแนนโหวตในตอนสุดท้ายกัน ถึงตาเธอแล้ว”

ก่อนมาที่นี่นักบวชหญิงรู้เพียงว่าต้องลงคะแนนโหวต แต่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีผู้วิเศษมากันมากขนาดนี้

เธอมองทางนอร์ตันแล้วมองทางซาโรห์

ลังเลอยู่สักพักนักบวชหญิงถึงถอนหายใจ “ขอโทษที ฉันไม่โหวตแล้ว ขอสละสิทธิ์”

สายตาของซาโรห์เปลี่ยนไปเล็กน้อย “นักบวชหญิง?”

นักบวชหญิงไม่เปลี่ยนความคิดตัวเอง ยังคงส่ายหน้า “ขอโทษด้วย”

คะแนนยังคงเป็นห้าต่อสี่

รอยยิ้มของไชโลห์ไม่มีหลงเหลือแล้ว

คะแนนเท่านี้หมายความว่าเธอพ่ายแพ้ให้อิ๋งจื่อจินอย่างสิ้นเชิง

“แบบนี้เรียกคนหนุนหลังเหรอ” ไชโลห์กัดฟันพูด “เธอมันก็แค่โชคดี!”

เหตุผลของผู้วิเศษแต่ละคนที่โหวตให้อิ๋งจื่อจินแปลกประหลาดทั้งนั้น

โดยเฉพาะผู้วิเศษคู่รัก

ความสัมพันธ์ระหว่างอิ๋งจื่อจินกับผู้วิเศษจะแน่นแฟ้นเท่าเธอกับจักรพรรดินีเหรอ

อิ๋งจื่อจินเหมือนเพิ่งตื่น เธอขยี้หู ลืมตาขึ้น ถามอย่างสุภาพ “พูดกับฉันอยู่เหรอ”

ไชโลห์รู้สึกเหมือนหวดหมัดใส่อากาศ โมโหมาก “เธอ…”

“ประกาศผลได้แล้วหรือเปล่า” ฉินหลิงอวี๋เลิกคิ้ว “ซาโรห์ อย่าให้ทุกคนต้องมาเสียเวลากับเธอที่นี่สิ”

เธอยังรอไปเล่นไพ่นกกระจอกกับพ่อบ้านอยู่นะ

“ไม่รีบ” ซาโรห์แสยะยิ้ม “พระจันทร์ น้องสาวของเธอยังมาไม่ถึงเลยนะ ยังสรุปผลไม่ได้”

บรรยากาศในสนามแข่งเงียบมาก

ต่อให้ชาวเมืองโง่ขนาดไหนก็มองออกแล้ว

วันนี้ไม่ใช่แค่การคัดเลือกหัวหน้าตระกูลเรนเกล ยังมีความขัดแย้งระหว่างผู้วิเศษกันเองด้วย

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้สำนักผู้วิเศษแบ่งออกเป็นสองฝ่าย

การแข่งคัดเลือกในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะเข้าไปยุ่งได้แล้ว

ฉินหลิงอวี๋สีหน้าเปลี่ยน “อัลไคด์…”

อวี้เสวี่ยเซิงจับมือเธอ “เสี่ยวอวี๋”

ฉินหลิงอวี๋ส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”

ทางด้านอัลไคด์ได้รับแจ้งข่าวจากหอคอย

เธออ่านจบก็ทำเสียงจึ๊ หันไปพูด “โจ้วเหยียน ไปไหม”

ชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น เขาแค่กะพริบตาเพื่อเป็นการปฏิเสธ

“ได้ งั้นฉันจะไปดูหน่อย” อัลไคด์กระโดดลงจากโต๊ะ “ยังไงซะใครเป็นหัวหน้าตระกูลก็ไม่มีผลต่อแผนของพวกเรา”

นี่มันเวลาไหนแล้วยังจะวุ่นวายกับแค่เรื่องหัวหน้าตระกูลเล็กๆ

อัลไคด์เดินไปได้ไม่กี่ก้าวทันใดนั้นก็หยุดลง “จริงสิ นายจำยาพิษเอสยี่สิบสามได้หรือเปล่า”

โจ้วเหยียนพยักหน้าช้าๆ ตอบแบบไม่ใส่ใจ “จำได้ คนที่ทดลองยาครั้งแรกเป็นคนจีน”

“ใช่ ก็คือพ่อของฟู่หลิวอิ๋ง” อัลไคด์พูด “เอสยี่สิบสามมีแค่ในมือพวกเรา แต่ก็ถูกโละทิ้งไปหลายปีแล้ว แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนยาพิษชนิดนี้ปรากฏในเมืองแห่งโลกอีกครั้ง”

เธอเล่าเรื่องของคุณนายผู้เฒ่าอวี้ให้ฟังอย่างคร่าวๆ

โจ้วเหยียนตะลึง “ฝีมือใคร”

“ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำยาพิษ แต่คนที่วางยาจะต้องเป็นลูกชายของฟู่หลิวอิ๋งแน่ อีกทั้งเขาต้องเป็นจอมยุทธ์แน่นอน” อัลไคด์หรี่ตาลงเล็กน้อย “ฉันยังฟันธงได้อีกว่า เขาคือหนึ่งในคนที่ตอนนั้นสู้กับหอคอยที่นอกเมือง”

“ฉันลองสืบดูแล้ว เขากับคุณหนูใหญ่ตระกูลเรนเกลใกล้ชิดกันมาก ถ้าอย่างนั้นพวกเขาคงเป็นจอมยุทธ์ทั้งคู่ แถมวรยุทธ์ยังสูงด้วย น่าจะราวๆ สามร้อยปี”

อัลไคด์ก็ไม่ว่างสืบให้ละเอียดว่าทำไมฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจินที่อายุน้อยขนาดนี้ถึงมีวรยุทธ์สูงได้ขนาดนี้

ในเมื่อเธอวิเคราะห์ออกมาได้แล้วงั้นก็คือความจริง เรื่องอื่นไม่สำคัญ

ตอนนั้นพวกเขาไปตามฆ่าฟู่หลิวอิ๋ง เพราะกังวลว่าฟู่หลิวอิ๋งจะเป็นผู้วิเศษ

พวกเขาติดตามเรื่องของเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรมาตลอด ย่อมรู้หลังจากผู้เฒ่าฟู่ตายว่าฟู่อวิ๋นเซินเป็นลูกชายของฟู่หลิวอิ๋ง

ที่ไม่แตะต้องมาตลอดเป็นเพราะไม่เป็นภัยคุกคาม

พอได้ยินแบบนี้ในที่สุดโจ้วเหยียนก็เริ่มขยับ เขาพูดด้วยเสียงเย็นชา “แน่ใจเหรอ”

“แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์” อัลไคด์ยิ้ม “ใกล้ถึงพิธีฉลองขึ้นปีใหม่แล้ว กำจัดสองคนนี้ก่อน จากนั้นค่อยกำจัดผู้วิเศษคนอื่น”

เธอหยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษประเภทต่อสู้ รบกวนนายพอถึงตอนนั้นช่วยออกโรงพร้อมหอคอย ครั้งนี้ไม่ต้องเก็บซ่อนความสามารถ และก็ห้ามประเมินความสามารถของพวกเขาผิดไป”

โจ้วเหยียนพยักหน้าเบาๆ เพื่อบอกว่าเข้าใจแล้ว

ทางด้านสนามแข่งขันคัดเลือก

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ บรรยากาศกำลังคุกรุ่นได้ที่

“รอฉันอยู่เหรอ” ไม่กี่นาทีต่อมาอัลไคด์ก็กระโดดลงจากหลังคาของอาคารที่อยู่ด้านข้าง “เอาล่ะ ฉันมาแล้ว”

ผู้วิเศษดวงดาว!

อัลไคด์สาวเท้าเดินเข้ามา นั่งลงข้างหอคอย ไม่แม้แต่จะชายตามองฉินหลิงอวี๋

ผู้วิเศษสิบคนแล้ว!

เจียงหรานหยุดหายใจอย่างอดไม่ได้ “พี่ชาย ช่วยหยิกหน่อยสิ นี่ผมฝันไปหรือเปล่า”

ก่อนมาเมืองแห่งโลกไหนว่าผู้วิเศษก็คือเทพ ไม่มีทางเจอได้ง่ายๆ

ทำไมตอนนี้ง่ายเหมือนซื้อผักกาดขาวล่ะ

“อย่ามาเรียกฉันพี่ชาย” ซีซาร์ยิ้ม “ฉันติดตามบอสมาหลายร้อยปีแล้ว อายุของฉันก็เกือบสามร้อยปีแล้ว ใครเป็นพี่กับเด็กน้อยอย่างนายกัน”

“ก็บอกแล้วว่าให้ตั้งใจเรียนประวัติศาสตร์ ฉันก็เคยอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ของประเทศจีน ตอนเรียนยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาไม่เคยได้ยินชื่อฉันบ้างเหรอ”

เจียงหราน “…”

ทัศนคติของเขาแหลกสลายจนต่อไม่ติดแล้ว

รอบตัวเขามีแต่คนแบบไหนกันเนี่ย!

“โหวตใช่ไหม” อัลไคด์เล่นผมพลางพูด “งั้นโหวตให้เธอแล้วกัน”

คนที่เธอชี้ก็คือไชโลห์

ไชโลห์ดีใจมาก “ขอบคุณท่านดวงดาวค่ะ ขอบคุณท่านดวงดาวที่สนับสนุนค่ะ!”

ห้าต่อห้า

เสมอกันอีกครั้ง

นี่ไม่เพียงแต่จะเหนือความคาดหมายของไชโลห์ ยังเหนือความคาดหมายของซาโรห์ด้วยเช่นกัน

ซาโรห์ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม

นักบวชหญิงใจอ่อน ไม่อยากยุ่งเรื่องแย่งชิงอำนาจแบบนี้

เปลี่ยนกติกาตอนนี้ก็ไม่ได้แล้วด้วย

พูดออกไปแล้วมาเปลี่ยนตอนหลังจะทำให้ชาวเมืองหมดความเชื่อถือ

ซาโรห์นวดขมับ ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ “ยังมีใครอยู่เมืองแห่งโลกอีก”

หลุยส์ครุ่นคิด “โจ้วเหยียนน่าจะอยู่ แต่เขาไม่มีทางมายุ่งเรื่องแบบนี้”

ผู้วิเศษลำดับที่สิบสามจากยี่สิบสองคน ผู้วิเศษคนห้อยหัว โจ้วเหยียน

พอได้ยินชื่อนี้อัลไคด์ก็เงยหน้า แสยะยิ้มเบาๆ

แค่เธอยอมมาก็ดีมากแล้ว ยังจะคาดหวังให้โจ้วเหยียนมาอีกเหรอ

เพ้อเจ้อจริงๆ

“งั้นก็ยืดการคัดเลือกครั้งนี้ไปก่อน” ในที่สุดซาโรห์ก็พูดขึ้น เสียงดังกว่าเดิม “ทุกท่าน ทางสำนักผู้วิเศษจะหารือเป็นการภายใน จากนั้น…”

เธอยังไม่ทันพูดจบก็ถูกเสียง “ตึง” ขัดจังหวะ

ฉินหลิงอวี๋ถีบโต๊ะกระเด็น

ฉินหลิงเยี่ยนเอามือปิดหน้า

น้องสาวของเขาเป็นคนหัวร้อนจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าน้องเขยทนได้ยังไง

ซาโรห์หน้าบึ้ง “พระจันทร์ เธอทำอะไร”

“ซาโรห์” สายตาของฉินหลิงอวี๋เย็นชา “คนที่บอกให้เลือกคือเธอ บอกให้หยุดก็คือเธอ คำพูดของผู้วิเศษจักรพรรดินีมันเชื่อไม่ได้ขนาดนี้เลยเหรอ”

“เสมอกันแล้วจะเลือกยังไง” ซาโรห์มองกลับด้วยสายตาแข็งกร้าว “หรือตอนนี้เธอจะไปหาใครมาโหวตอีกคนได้ไหมล่ะ นอกจากยืดออกไปยังจะมีวิธีที่ดีกว่านี้อีกไหม”

“ไม่ต้องยืดออกไป”

มีเสียงทุ้มต่ำพูดขึ้น เจือไปด้วยความเหนื่อยล้าและแหบแห้งแบบคนป่วย

“ทำตามกฎ อดีตหัวหน้าตระกูลก็มีสิทธิ์โหวตด้วย”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท