ตอนที่ 716 ตู้เจวียนขวางรถ
หลินม่ายคิดว่าถ้าเธอปฏิเสธไป๋ลู่ แม่ไป๋จะยอมแพ้และจะไม่รบกวนเธออีก
ไม่คาดคิดว่าหลังวันปีใหม่ แม่ไป๋จะมาหาเธอในตอนเที่ยงของวันแรกที่เธอไปมหาวิทยาลัย
เธอยังอยู่ในโรงอาหารภายใต้การจ้องมองของสายตาหลายคู่
หลินม่ายไม่ได้เชิญแม่ไป๋ไปรับประทานอาหารเย็นด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการพูดคุยกับหล่อนในที่สาธารณะ
เธอเอาอาหารที่เธอเพิ่งทำไปให้เพื่อนร่วมห้องและขอให้พวกหล่อนกินและช่วยล้างภาชนะให้ ก่อนจะพาแม่ไป๋ออกไปหาที่เงียบ ๆ เพื่อพูดคุย
แต่แม่ไป๋ไม่ยอมจากไป
หล่อนจงใจเลือกที่จะมาที่โรงอาหารในตอนเที่ยงเพื่อตามหาหลินม่าย และคิดจะใช้การอยู่ต่อหน้าที่สาธารณะบีบบังคับให้หลินม่ายยอมรับคำขอ
แม่ไป๋ยิ้มพลางกล่าว “เราคุยกันที่นี่ไม่ได้เหรอ? ทำไมต้องเปลี่ยนที่คุย?”
ทันทีที่หลินม่ายได้ยินสิ่งนี้ เธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
เธอมองตรงไปยังแม่ไป๋ด้วยท่าทางทะเล้น “คุณแน่ใจหรือว่าต้องการคุยที่นี่? แน่ใจใช่ไหมคะว่าจะไม่อับอาย?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของแม่ไป๋พลันหายไปในทันที
หลินม่ายโหดเหี้ยมเพียงใด หล่อนเคยประสบมาแล้วหลายครั้ง
หากหลินม่ายหักหน้าหล่อนท่ามกลางสาธารณะชน หล่อนจะไม่อับอายขายหน้าเหรอ?
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้น “งั้น… ออกไปคุยกันเถอะ”
ในโรงอาหารค่อนข้างอบอุ่น แต่อากาศพลันหนาวเย็นและมีลมแรงเมื่อเดินออกจากโรงอาหาร
หลินม่ายเลือกร้านอาหารอย่างไม่สบอารมณ์และพูดกับแม่ของเธออย่างเย็นชา “คุณหลัวมาหาฉันเพื่ออะไรคะ? ฉันบอกพี่ลู่ให้ไปบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอคะ? เป็นเพราะพี่สาวรองยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับคุณหรือเป็นเพราะคุณไม่ยอมแพ้เอง? ฉันขอพูดให้ชัดอีกครั้งนะคะ ฉันไม่มีทางกลับไปเป็นแม่ลูกที่ดีกับคุณได้หรอก!”
แม่ไป๋เผยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย “แม่ไม่ได้มาหาลูกเพราะเรื่องนี้”
หลินม่ายค่อนข้างประหลาดใจ “แล้วคุณมาหาฉันทำไม”
แม่ไป๋พูดตะกุกตะกัก “แม่อยากกลับไปอยู่กับพ่อของลูก ลูกขอร้องพ่อให้แม่ได้ไหม?”
หลินม่ายโกรธจนเลือดขึ้นหน้า
ต่อให้แม่ไป๋อยากคืนดีกับพ่อไป๋ แต่ก็ไม่ควรใช้ความปรารถนาของตัวเองมารบกวนชีวิตประจำวันของเธอแบบนี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลินม่ายก็เอาแต่หัวเราะเยาะแม่ไป๋
แม่ไป๋มาที่นี่เพื่ออ้อนวอนเธอ
เป็นเพราะแม่ไป๋ไร้ศักดิ์ศรีหรือเสียสติกันแน่?
หลินม่ายเยาะเย้ย “คุณมั่นใจได้ยังไงคะว่าฉันจะช่วยคุณ?”
แม่ไป๋กล่าว “แม่ไม่ได้คาดหวังให้ลูกช่วย แต่แม่อยากให้ลูกนึกถึงชีวิตพ่อที่ไม่มีแม่ พ่อของลูกกับแม่แต่งงานและใช้ชีวิตด้วยกันมานาน และเรารักกันมาก ตอนนี้เราหย่าร้างกัน พ่อของลูกต้องเจ็บปวดมากแน่ เพียงแต่เขาไม่พูดออกมาและไม่อยากยอมรับมัน ช่วยทำให้แม่ได้คืนดีกับพ่อสักครั้งเถอะนะ เพื่อที่ทั้งพ่อของลูกและแม่จะไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป ทำคุณกับใครก็ไม่ดีเท่าทำคุณต่อพ่อแม่ของตนนะลูก”
หลินม่ายเยาะเย้ย “คำพูดที่ดูสูงส่งแบบนั้นหลอกลวงฉันไม่ได้หรอกค่ะ คุณบอกว่าพ่อคงเจ็บปวดมากที่ต้องหย่ากับคุณ แต่ทำไมฉันไม่คิดอย่างนั้น? เขาดูมีความสุขมากขึ้นและดูเยาว์วัยขึ้นในทุกวัน”
แม่ไป๋กล่าว “สิ่งที่ลูกเห็นเป็นเพียงผิวเผิน พ่อของลูกต้องเจ็บปวดมาก เพราะแม่อยู่กินกับเขามาหลายสิบปี”
หลินม่ายประชดประชัน “คุณก็รู้นี่คะว่าคุณและพ่ออยู่กินด้วยกันมาหลายสิบปี ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมามาก แล้วทำไมยังคิดทำร้ายเขาอีก? ไม่ว่าความสัมพันธ์จะลึกซึ้งแค่ไหน หัวใจที่แหลกสลายแล้วก็ไม่มีวันกลับมาประสานกันได้เหมือนเดิมหรอกค่ะ”
เธอไม่ต้องการพูดคุยกับแม่ไป๋อีกต่อไป จึงโบกมือพลางกล่าว “ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้ดูดีหรอกค่ะ เพียงแค่มองฉันก็รู้ว่าตอนนี้พ่อกำลังเจ็บปวดหรือมีความสุข ดังนั้นอย่าคาดหวังว่าฉันจะช่วยเหลือคุณเลยค่ะ ฉันไม่มีเวลามาทำเรื่องไร้สาระอะไรแบบนั้น”
เธอเดินจากไปทันทีที่กล่าวจบ
แม่ไป๋มองดูเธอเดินจากไปด้วยความผิดหวัง และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปอย่างขุ่นเคือง
เพียงพริบตาเดียวเวลาก็มาถึงวันศุกร์สุดสัปดาห์ หลินม่ายรู้สึกมีความสุขทันทีเมื่อรู้ว่าถึงวันที่เธอจะต้องเดินทางกลับบ้านไปพบฟางจั๋วหรานแล้ว
สำหรับเธอแล้ว การไม่ได้พบกันเพียงหนึ่งวัน ราวกับแยกจากกันนานไปหนึ่งปี
ช่างหอมหวานเสียนี่กะไร
เธอหยิบกล่องอาหารกลางวันและเดินไปยังโรงอาหารด้วยความอารมณ์ดี ก่อนจะเห็นรถจี๊ปที่คล้ายกับรถจี๊ปของฟางจั๋วหรานกำลังขับเข้ามาหาเธอ
หลินม่ายมองป้ายทะเบียนด้วยความสงสัย หือ? นั่นป้ายทะเบียนรถของฟางจั๋วหรานไม่ใช่เหรอ?
ขณะกำลังรู้สึกประหลาดใจ รถจี๊ปได้ขับผ่านหน้าเธอไปแล้วและหยุดลง
ฟางจั๋วหรานโผล่หัวออกมาจากกระจกรถและพูดกับหลินม่าย “ขึ้นรถ” เขากล่าวพลางเปิดประตูที่นั่งผู้โดยสาร
หลินม่ายเดินเข้ามาด้วยความประหลาดใจ “พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ฉันกำลังจะกลับบ้านอยู่แล้ว ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้?”
ฟางจั๋วหรานมีงานมากมายที่ต้องสะสาง และเขาก็มักจะยุ่งอยู่เสมอ
หลินม่ายไม่ต้องการให้เขาเสียเวลาเพื่อมาพบเธอ
แต่เมื่อแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้ว การเพิกเฉยต่ออีกฝ่ายก็คงไม่ใช่เรื่งดีนัก
ฟางจั๋วหรานติดเครื่องยนต์และขับออกไปอย่างเชื่องช้า “เมื่อเช้านี้เฉินเฟิงโทรหาผม เขาบอกว่าหุ้นที่คุณซื้อในฮ่องกงนั้นราคาพุ่งสูงมาก จึงอยากถามว่าคุณต้องการขายหรือไม่?”
หลินม่ายตกตะลึง
เธอจำได้เพียงว่าในเดือนมกราคม 1984 ตลาดหุ้นฮ่องกงเข้าสู่ตลาดกระทิง(1) และไม่ว่าหุ้นตัวไหนในตลาดก็พุ่งขึ้น
แต่เธอไม่คาดคิดว่ามันจะสูงขึ้นทันทีที่เข้าสู่วันปีใหม่ นับเป็นการเริ่มต้นที่ดี
ในช่วงตลาดกระทิงนี้ หลินม่ายไม่รู้ว่าวันไหนจะถึงจุดสูงสุด
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ขณะที่กำลังจะพูด เธอเห็นคนคนหนึ่งพุ่งออกมาขวางรถพลางกางแขนออก
โชคดีที่ฟางจั๋วหรานขับรถช้ามากเพราะเป็นเขตมหาวิทยาลัย แต่ถึงอย่างนั้น การเบรคอย่างกระทันหันก็ยังทำให้ศีรษะของหลินม่ายชนกับกระจกหน้ารถ
แม้จะไม่ร้ายแรง แต่ฟางจั๋วหรานก็โกรธมาก
เขาจะรู้สึกเป็นทุกข์หากหลินม่ายได้รับบาดเจ็บ
เขาลงจากรถด้วยใบหน้าเฉยเมยและพูดอย่างเย็นชา “ถ้าอยากตายก็ดื่มยาพิษหรือไม่ก็แขวนคอตัวเองซะ อย่ามาขวางรถผม!”
หลินม่ายก็ลงจากรถเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าคนที่ขวางรถคือตู้เจวียน เธอพลันขมวดคิ้วถามทันที “คุณต้องการอะไร?”
“ฉันไม่ต้องการอะไรเลย” ตู้เจวียนลดแขนลง ไร้ซึ่งอารมณ์โกรธบนใบหน้า
หล่อนไม่ได้มาที่นี่เพื่อจับผิด แต่มาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือ
เธอมองไปยังหลินม่ายและฟางจั๋วหรานแล้วจึงกล่าว “ฉันอยากจะขอให้พวกคุณช่วยฉันหน่อย”
หลินม่ายเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา “เกิดอะไรขึ้น?”
ตู้เจวียนพูดอย่างเศร้าใจ “ฉันเลิกกับแฟนฉันแล้ว…”
หลินม่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งและคาดเดา “คุณต้องการให้เราเกลี้ยกล่อมแฟนของคุณให้คืนดีกับคุณใช่ไหม?”
จากนั้นเธอก็ปฏิเสธเสียงราบเรียบ “เราช่วยคุณในเรื่องนี้ไม่ได้หรอก”
ตู้เจวียนส่ายศีรษะพลางกล่าว “ฉันไม่เคยคิดที่จะขอให้เธอเกลี้ยกล่อมแฟนของฉันให้คืนดีกับฉัน”
หล่อนมองไปยังหลินม่าย “แฟนฉันเลิกกับฉันเพราะเขาชอบเธอ ฉันหวังว่าเธอกับสามีจะช่วยบอกให้แฟนฉันเข้าใจได้ว่า เธอไม่มีวันรักเขา หากเขากล้าฝันถึงเธออีกครั้ง สามีของเธอจะสอนบทเรียนให้เขา บางทีเขาอาจจะเลิกสนใจเธอและกลับมาคบกับฉัน
ทั้งหลินม่ายและฟางจั๋วหรานตกตะลึง
พวกเขาไม่เคยคิดว่าตู้เจวียนจะร้องขอสิ่งไร้เหตุผลเช่นนี้
หลินม่ายตอบ “ฉันเคยบอกแฟนคุณแล้วว่าสามีของฉันขี้หึง ดังนั้นเขาควรอยู่ห่างจากฉันไว้ ฉันปล่อยให้สามีเป็นฝ่ายรับผิดเพราะไม่ต้องการมีปัญหากับคุณเรื่องเขาอีก”
ตู้เจวียนถาม “ทำไมล่ะ?”
“เราสองคนไม่ได้มีมิตรภาพอะไรต่อกัน ฉันไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือคุณ”
ตู้เจวียนตกตะลึง เธอมองดูฟางจั๋วหรานและหลินม่ายเข้าไปในรถและขับออกไป
ทั้งสองขับรถไปจอดใกล้โรงอาหาร และเดินเข้าไปสั่งอาหารเพื่อรับประทานและพูดคุยถึงเรื่องที่คุยกันค้างไว้ก่อนหน้านี้
หลินม่ายต้องการรอดูอีกสองสามวัน หรือรออย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะขายหุ้นทั้งหมด
เธอจำได้ว่าเศษสวะแซ่อู๋พูดในชีวิตที่แล้วของเธอว่า ตลาดกระทิงนี้กินเวลามาจนถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่หุ้นจะพุ่งสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็วเช่นนี้ หากจะขายในตอนนี้ก็คงไม่คุ้มนัก
หากตัดสินใจขายก่อนที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้นถึงจุดสูงสุด นั่นถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุด
ตอนนี้ตลาดหุ้นอยู่ในตลาดกระทิง แม้จะพลาดกำไรจากการที่หุ้นพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด แต่ก็ได้รับกำไรได้อย่างมั่นคง เมื่อได้รู้เช่นนี้แล้วเหตุใดจึงไม่ลองเสี่ยงดู?
ร่องรอยของความสับสนปรากฏขึ้นในดวงตาของฟางจั๋วหราน
หากหลินม่ายเกิดใหม่ ทำไมเธอยังไม่รู้เวลาชัดเจนว่าตลาดหุ้นฮ่องกงจะขึ้นสูงสุดวันไหน
หาหเธอไม่ได้เกิดใหม่ เธอรู้ได้อย่างไรว่าหุ้นฮ่องกงจะเข้าสู่ตลาดกระทิง?
………………………………………………………………………………………………………………………….
(1)ตลาดกระทิง (Bull Market) คือ ภาวะที่ราคาหุ้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีปริมาณการซื้อขายที่มาก มีความคึกคักเสมือนอาการเคลื่อนไหวของวัวกระทิง (อ้างอิงจาก https://www.set.or.th/th)
สารจากผู้แปล
แม่ไป๋นี่เอาอีกแล้วนะ คราวตามหาม่ายจื่อก็ทำตัวจู้จี้จุกจิกจนทั้งบ้านฟางวุ่นวายไปหมด มาคราวนี้มาขอให้ม่ายจื่อช่วยตัวเองคืนดีกับสามีเก่า ใครทำคนนั้นแก้เองดิ
ยัยตู้เจวียนมารบกวนอะไรม่ายจื่อเนี่ย ถ้าแฟนจะขอเลิกก็เป็นเพราะนิสัยของหล่อนเองนั่นแหละที่ทำให้เขาเอือมระอา
ไหหม่า(海馬)