ตอนที่ 2 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (2)
หากจับพวกมันมากินได้คงง่ายกว่านี้ แต่ทว่าพวกมันกลับทรงพลังยิ่งนัก เฉกเช่นเดียวกับเอเลี่ยนแปดกรงเล็บที่กดทับเธออยู่ในตอนนี้ มันเป็นเอเลี่ยนที่มีพลัง 6 ดาว พละกำลังของมันมีมหาศาล ซึ่งสามารถโจมตีผู้คนได้โดยปล่อยคลื่นเสียงทำลายระบบประสาทของมนุษย์และปล่อยแสงที่ให้คนหมดสติ สาหัส และเสียชีวิตได้ในทันที
เดิมทีองค์หญิงสามผู้สูงศักดิ์ไม่ควรมาเหยียบย่ำอยู่ในพื้นที่อันตรายเช่นนี้เลย แต่อย่างไรก็ตาม…องค์หญิงสามไม่ใช่คนสงบเสงี่ยมมาตั้งแต่เด็ก เพราะเธอตกหลุมรักโอคาซี พลเอกรูปงามที่สุดในจักรวรรดิ และถ้าหากเขามาตามหาเธอ ก็จะคิดว่าเธอเป็นคนที่ไม่รู้จักประพฤติตนให้อยู่ในกฎระเบียบ
ทั้งไม่ชอบทานอาหารที่ไร้รสชาติ รังเกียจความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก หลังจากนี้ภายในไม่กี่วันพวกทหารทั้งกองทัพคงจะเอือมระอากับองค์หญิงสามผู้แสนบอบบางและดื้อรั้นคนนี้ จากนั้นพวกเขาก็จะไม่อยากติดต่อกับองค์หญิงอีก
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมองค์หญิงสามถึงได้หนีออกมาก่อนที่ข่าวจะไปถึงหูท่านพลเอกรูปงามคนนี้
สวี่หลิงอวิ๋นยังคงจ้องมองปลาหมึกยักษ์ที่พยายามบดขยี้เธอ ก่อนจะหัวเราะชอบใจอย่างมีความสุข!
“เด็กดี! มาให้พี่สาวล้างทำความสะอาดและใส่ลงไปในหม้อต้มอาหารเถอะนะ ตกลงไหม?” เดิมทีดวงตาของสวี่หลิงอวิ๋นมีสีดำราวกับหมึก แต่บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม!
เธอได้รับความทรงจำขององค์หญิงสาม และแน่นอนความสามารถของเธอก็เช่นกัน!
ทันทีที่พลังจิตของเธอเชื่อมต่อกับเครื่องจักรกลอีกครั้ง เครื่องจักรกลก็ส่งเสียง ‘หึ่ง’ ออกมา
“สวัสดี คุณต้องการเปิดโหมดต่อสู้หรือไม่?”
“อันตราย! อันตราย! เครื่องยนต์กำลังเปิดโหมดโจมตีขั้นรุนแรง! เครื่องยนต์กำลังเปิดโหมดโจมตีขั้นรุนแรง!”
“เริ่มโหมดต่อสู้!” สวี่หลิงอวิ๋นกำหมัดและเริ่มส่งเสียง ‘บาบา’!
“ถอยไปซะ!” สวี่หลิงอวิ๋นเริ่มใช้พละกำลัง จากนั้นปลาหมึกยักษ์ที่ทับร่างของเธออยู่ก็กระเด็นออกไปไกล!
ปลาหมึกยักษ์อ้าปากกว้างและปล่อยพลังคลื่นเสียงที่รุนแรง ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นใช้พลังแห่งดวงดาวปกป้องใบหูของเธอได้ทันเวลา เรียกได้ว่าตอนนี้สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้ยินอะไรเลย และมันก็ไม่สามารถโจมตีระบบประสาทของเธอได้!
“เด็กดี! อย่าดื้อนักสิ! กินกำปั้นของพี่สาวไปแล้วก็ช่วยลงไปในหม้อซะดี ๆ จงสนุกสนานกับชีวิตที่เหลืออยู่ในนั้นซะ!” สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองร่างแข็งแกร่งของปลาหมึกยักษ์ เพียงแค่นี้ก็พอสำหรับมื้ออาหารสำหรับสองสามวันนี้แล้ว!
แต่เดิมการกระโดดเพียงหนึ่งครั้งของสวี่หลิงอวิ๋นนั้นสูงถึงสามเมตร แต่ตอนนี้เธอมีพลังแห่งดวงดาวที่คอยปกป้องเธออยู่และยังสวมใส่เครื่องยนต์บนร่างกายอีกด้วย เธอกระโดดขึ้นสูงสามสิบเมตรก่อนจะปล่อยหมัดหนักไปที่กลางใบหน้าของปลาหมึกยักษ์
เจ้าปลาหมึกยักษ์มึนงงหลังจากโดนหมัดหนักของเธอ ทว่ามันกลับไม่ล้มลง!
หญิงสาวจึงจะปล่อยให้ความเจ็บปวดเล่นงานตัวมันเอง!
สวี่หลิงอวิ๋นยกยิ้มก่อนจะกำหมัดชกไปที่ปลาหมึกยักษ์อย่างแรงอีกรอบ! คราวนี้เธอชกปลาหมึกยักษ์จนมันล้มลงไปกองกับพื้น และไม่มีท่าทีว่ามันจะลุกขึ้นมาต่อสู้อีก
ทันทีที่หมัดสุดท้ายของเธอสอยปลาหมึกยักษ์จนร่วงไปกองกับพื้น เครื่องยนต์ก็สแกนผลลัพธ์จากการต่อสู้ ปรากฏว่าเจ้าปลาหมึกผู้น่าสงสารตัวนี้ได้เสียชีวิตลงอย่างสมเกียรติ…
“ทำไมถึงได้น่าสงสารขนาดนี้นะ!” สวี่หลิงอวิ๋นปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก เธอไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อยที่เหล่าทหารผู้กล้าไม่สามารถเอาชนะเจ้าปลาหมึกยักษ์ตัวนี้ได้ เพราะมันช่างทนทานต่อการทุบตีเหลือเกิน
จะมีสักกี่คนที่สามารถอดทนต่อคลื่นเสียงเช่นนี้ได้?
เธอกระโดดออกจากเครื่องยนต์และยกยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เปิดการใช้งานโหมดการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนเป็นหม้อเดี๋ยวนี้”
โดยปกติเครื่องยนต์สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้ แต่อะไรนะ? เปลี่ยนเป็นหม้อเหรอ?
เครื่องยนต์ผู้น่าสงสารไม่สามารถขัดคำสั่งของผู้เป็นนายได้ ทำได้เพียงเก็บความเศร้าใจไว้ข้างใน และกลายร่างตนเองเป็นหม้อขนาดใหญ่ ด้านล่างมีโหมดสวิตช์ที่สามารถควบคุมความร้อนของหม้อได้
สวี่หลิงอวิ๋นเดินเข้าไปหาเจ้าปลาหมึกยักษ์ผู้น่าสงสาร มันมีขนาดสูงถึงสิบเมตร และเธอต้องการน้ำเพื่อต้มมัน!
ทว่านี่เป็นเพียงอุปสรรคเล็กน้อยเท่านั้น!
สวี่หลิงอวิ๋นหยิบอุปกรณ์อวกาศของเธอขึ้นมา นั่นคือจี้หยกมิติที่มีน้ำสะอาดอยู่ข้างใน…
จี้หยกมิติชิ้นนี้เป็นของสวี่หลิงอวิ๋น ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้เลยว่าเธอมายังแสงขอบฟ้าดวงดาวนี้ และรวมร่างกับองค์หญิงสามได้อย่างไร
หลังจากนั้นไม่นานน้ำในหม้อก็เดือด สวี่หลิงอวิ๋นล้างทำความสะอาดปลาหมึกยักษ์ก่อนจะนำเอาดาบดวงดาวที่ใช้พลังแสงดวงดาวออกมา หั่นปลาหมึกยักษ์เป็นชิ้น ๆ ก่อนจะโยนมันลงไปในหม้อร้อน
เธอใส่เกลือลงไปเล็กน้อย โยนขิงที่ปลูกเองกับมือลงไป กดสวิตช์เปิดไฟ และรอเนื้อสุก!
อีกด้านหนึ่ง พลเอกโอคาซีได้เกณฑ์กำลังทหารไปตามเส้นทางต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือองค์หญิงสาม ทันใดนั้น พลทหารต่างก็ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
“แปลกจัง! ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้ยินเสียงคลื่นจากเครื่องจักรกลขององค์หญิงสามเมื่อสักครู่นี้ล่ะ?”
“สัญญาณมาจากทิศทางไหน?” โอคาซีถาม
“ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ห่างจากที่นี่ไม่เกิน 20 กิโลเมตรครับ” พลทหารตอบ
“เดินหน้าเต็มกำลัง!”
“ครับ!”
หากเจอองค์หญิงสามช้าไปเพียงไม่กี่วินาที พวกเขาเองก็ไม่อาจรู้เลยว่า ตัวเองจะสามารถช่วยชีวิตองค์หญิงไว้ได้หรือไม่
ทว่าขณะที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เพียง 10 กิโลเมตร พวกเขากลับได้กลิ่นหอมหวานชวนน้ำลายสอ จนต่างคนต่างระลึกขึ้นได้ว่าตนกำลังหิวโซ!
ทหารทั้งหลายไม่สามารถอดกลั้นน้ำลายของพวกเขาได้อีกต่อไป
“ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังทำอาหารอยู่หรือเปล่านะ?” ความคิดไร้สาระผุดขึ้นมาในใจของทุกคน ทว่าพวกเขากลับถอนหายใจและคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงเท่านั้น จะมีคนมาปรุงอาหารที่นี่ได้อย่างไร?
ที่นี่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่สักหน่อย จะมีมนุษย์ที่ไหนมาทำอาหารได้? มันเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น!
แต่ยิ่งพวกเขาเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ กลิ่นอาหารกลับยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น จนทำให้พวกเขารู้สึกสับสน
“ทุกคน…ดูนั่น!”
ทหารคนแรกที่เดินนำมองเห็นถึงความผิดปกติ!
หม้อต้มน้ำขนาดสิบเมตรกำลังร้อนระอุ ขณะที่ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนหันหลังให้พวกเขา เธอมีผมสีบลอนด์เป็นพร่างพรายพลิ้วไสวตามสายลม
เธอถกกระโปรงยาวขึ้น ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่ไม่เหมาะสมนักพร้อมกับไหล่ที่ยกขึ้นสูง ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่
“นั่นคือองค์หญิงสามไม่ใช่เหรอ?”
พลทหารรับรู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงที่ยืนหันหลังให้พวกเขาคือผู้หญิงที่พวกเขารู้สึกรังเกียจมาโดยตลอด นั่นคือองค์หญิงสามแห่งจักรวรรดิ…
สวี่หลิงอวิ๋นหันหน้ากลับมามองกลุ่มเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ที่สูงสิบเมตรหลังจากได้ยินเสียงพวกเขา…
พันธมิตร!
จากนั้นสวี่หลิงอวิ๋นก็หันไปแทะปลาหมึกในมือต่อ โดยไม่ลืมโบกมือให้กลุ่มเครื่องจักรกลที่นิ่งเงียบและไม่ยอมขยับไปไหน “เฮ้ พวกนายอยากกินด้วยกันไหม? ฉันทำอาหารหม้อใหญ่เลยนะ!”
“ฉันมองไม่ผิดใช่ไหม?” พลทหารรู้สึกราวกับเห็นผี ขณะจ้องมองการกินอาหารขององค์หญิงสาม “ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า? ทำไมองค์หญิงสามถึงกินเอเลี่ยนล่ะ?”
“มันไม่มีพิษหรอกเหรอ?”
องค์หญิงสามนั้นโง่หรือเปล่า? ทำไมเธอถึงเอาแต่ใจตนเองและกินเอเลี่ยนแบบนั้น?
“มันไม่มีพิษ” ทหารอีกคนตอบ “ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเอเลี่ยนเคยกล่าวไว้นานแล้วว่าพวกมันไม่มีพิษ”
“แต่ก็ไม่มีใครอยากกินมัน”
ใครกันจะกล้ากินเจ้าตัวอัปลักษณ์พรรค์นั้น? เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อหรือไง!
แต่ทำไมองค์หญิงสามถึงกล้ากินมัน? เพราะเธอหิวมากไปหรือเปล่า?
พลเอกโอคาซีเงียบขณะที่สายตาอันคมกริบของเขาจับจ้องไปที่หม้อร้อนเป็นเวลานาน และเป็นคนแรกที่ลงจากเครื่องจักรกล
หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปหาองค์หญิงสาม แล้วพูดว่า “ขอผมสักชิ้นได้ไหมครับ? ขอบคุณครับ”