ตอนที่ 5 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (5)
เมื่อเธอมองออกไปนอกประตูแล้วเห็นนักรบเงินชาลีอีไลยืนทำความเคารพอยู่ จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า “องค์หญิง ท่านพลเอกสั่งให้ผมมาเชิญท่านไปรับประทานอาหารครับ”
“ทานอาหาร? อาหารอะไร?” สวี่หลิงอวิ๋นถามอย่างระมัดระวัง “พวกเขายินดีที่จะเชิญฉันไปกินข้าวด้วยเหรอ?”
เธอรู้ดีว่าก่อนหน้านี้เหล่าพลทหารแสดงสีหน้าเย็นชาใส่เธอ พวกเขาแสร้งทำราวกับเธอไม่มีตัวตน แต่ทำไมตอนนี้พวกเขาถึงมาเชิญเธอไปรับประทานอาหารด้วยกัน?
“ไม่ทราบครับ ท่านพลเอกสั่งผมมาแบบนี้” ไม่ต้องพูดถึงสวี่หลิงอวิ๋น เพราะแม้แต่ชาลีอีไลเองก็ไม่รู้เช่นกัน
สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นว่า “นายรู้ไหมว่าอาหารคืออะไร?”
“ดูเหมือนจะเป็นปลาหมึกยักษ์ใช่ไหมนะ?” ชาลีอีไลตอบออกมาอย่างไม่มั่นใจ “แต่มันกินได้หรือเปล่า?”
“ปลาหมึกยักษ์?” สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เธอรีบพุ่งตัวออกมาจากห้องทันทีที่จับใจความได้ “นายรออะไรอยู่ ทำไมไม่รีบไปล่ะ?”
“เดี๋ยว รอด้วยครับ! องค์หญิงสาม!” ทันใดนั้นชาลีอีไลก็ได้กลิ่นบางอย่าง “เอ๊ะ อะไรน่ะ ทำไมกลิ่นหอมหวานจัง? เหมือนกับลูกอม!”
ดูเหมือนว่ากลิ่นหอมนี้จะออกมาจากห้องขององค์หญิงสามใช่หรือไม่?
ชาลีอีไลมองดูประตูที่ปิดอยู่อย่างคับข้องใจ เขาคงจะประสาทหลอนไปแล้วแน่ ๆ เพราะน้ำตาลมีราคาแพงมากบนโลกอันไกลโพ้นของพวกเขา จะมีของแบบนั้นอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
สวี่หลิงอวิ๋นเดินทะลุผ่านช่องทางเดินสีเงิน แล้วเดินลงบันไดที่เป็นทางเชื่อมไปยังห้องโถงกว้างขนาดใหญ่
ปลาหมึกยักษ์สูงยี่สิบเมตรกำลังตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสายตาของเหล่าทหาร
พลทหารทั้งหลายกระซิบกระซาบขณะยืนมองดูพ่อครัวใช้มีดตัดหนวดปลาหมึกยักษ์
“เจ้านี้กินได้จริง ๆ เหรอ? มันดูน่าขยะแขยงจัง!” นี่คือคำถามจากพลทหารที่อยู่เฝ้าค่ายและไม่ได้ออกไปด้านนอก
“มันกินได้แน่นอน แถมอร่อยด้วย!” นี่คือคำตอบจากพลทหารที่ติดตามโอคาซีไปด้วยร่วมรบ เขาแทบหลั่งน้ำตาเมื่อนึกถึงความอร่อยของสิ่งนี้
“ฉันไม่เชื่อ!”
“ไม่เชื่อเหรอ?” ทหารที่กินปลาหมึกเข้าไปก่อนหน้านี้รู้สึกประหม่าเล็กน้อย “ถ้าฉันบอกว่าแม้แต่องค์หญิงสามที่เอาแต่ใจตัวเองก็กินมัน นายจะเชื่อไหม?”
“องค์หญิงสามกินมันเหรอ? นายพูดบ้าอะไรเนี่ย!” เขาไม่เชื่อคำพูดของพลทหารคนนั้นอีกต่อไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาองค์หญิงสามคนนี้จะเลือกกินแต่อาหารที่มีรสชาติล้ำเลิศเท่านั้น แล้วเธอจะมากินอาหารที่น่าขยะแขยงเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาต้องล้อเล่นแน่ ๆ!
“เฮ้ อย่าเพิ่งเชื่อ! ฉันจะบอกนายให้นะว่าปลาหมึกยักษ์พวกนี้ไม่เพียงแต่จะกินได้เท่านั้น แต่พวกมันยังช่วยเพิ่มพละกำลังของพวกเราอีกด้วย! ถ้านายไม่เชื่อ…ก็ลองดูระดับดาวของฉันสิ!” เมื่อพูดจบ ทหารคนนี้ก็แสดงระดับของเขาให้เพื่อนทหารดู
“ว้าว! ก่อนหน้านี้นายอยู่ระดับสามไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้เลื่อนไประดับสี่แล้ว?” ทหารที่ไม่เชื่อถามทหารที่กินปลาหมึกเข้าไป
“ฉันบอกแล้วว่าเจ้านี้จะช่วยเพิ่มพละกำลังของเรา!” ทหารร่วมรบกล่าวออกไปอย่างอิ่มอกอิ่มใจ “นายอาจจะไม่เชื่อ! แต่ตอนที่เราออกไปช่วยชีวิตองค์หญิงสาม องค์หญิงสามกำลังกินมันอยู่ ท่านพลเอกเลยขอเธอกินบ้าง จากนั้นเธอก็ให้พวกเรากินมันด้วย”
“ก็อย่างที่นายเห็น เพราะแบบนี้ระดับดาวของพวกเราถึงเพิ่มขึ้นยังไงล่ะ!”
เหล่าทหารที่เหลือผงกหัวตามคำพูดดังกล่าวอย่างเงียบ ๆ นั่นหมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าเขาไม่ได้พูดโกหก!
นอกจากปลาหมึกยักษ์พวกนี้จะกินได้แล้วมันยังเพิ่มระดับดวงดาวของพวกเขาอีกด้วย นี่เป็นเหมือนลาภก้อนโตชัด ๆ!
หากผู้คนในจักรวรรดิรู้เรื่องนี้ คาดว่าปลาหมึกยักษ์คงยากที่จะหลบหนีการโดนล่าได้…เพราะพวกเขาจะจับมันอย่างบ้าคลั่ง!
ไม่มีอะไรที่น่าพอใจมากไปกว่าความแข็งแกร่งที่ยาวนาน!
โอคาซีที่ยืนอยู่ในห้องบัญชาการ เฝ้ามองดูเหตุการณ์ในห้องโถงอย่างเงียบ ๆ
พลทหารชาร์ลพูดออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านพลเอก ตอนนี้ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารกลับมาแล้ว แถมพวกเขายังมีความปรารถนาที่จะออกไปต่อสู้กับเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์!”
โอคาซีไม่พูดอะไร เพียงเหลือบมองเข้าไปในห้องโถง ทันใดนั้นเอง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เพราะดูเหมือนว่าตัวเองจะพบเข้ากับเป้าหมายเสียแล้ว
ในห้องโถง สวี่หลิงอวิ๋นเดินเข้าไปหยิบหนวดปลาหมึกสองสามเส้นออกมาอย่างรวดเร็วจากถังที่พ่อครัวตัดใส่ไว้ เธอเอามาใส่ในส่วนของตนเอง แต่ก่อนที่ทุกคนจะสังเกตเห็น เธอกลับเดินออกไปเสียก่อน
ชาร์ลเดินเข้าไปหานายพลและสังเกตเห็นองค์หญิงสาม แค่คราวนี้เขาไม่ได้พูดติเตียนเกี่ยวกับองค์หญิงสาม แต่กลับพูดถึงความมีน้ำใจขององค์หญิงสามแทน “คราวนี้เราคงสูญเสียองค์หญิงสามผู้เอาแต่ใจไปแล้วจริง ๆ และถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เราคงไม่รู้ว่าปลาหมึกยักษ์ที่น่าขยะแขยงจะมีพลังแบบนี้”
โอคาซียังคงไม่พูดอะไร
เขาเพียงนึกถึงตอนที่โหรหลวงจับมือเขาและกล่าวออกมาอย่างมีความหมายว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จงปกป้ององค์หญิงสาม ดาวศุกร์กำลังโคจรมา”
ผู้พยากรณ์ผู้เผยแพร่คำทำนายนี้หมายความว่าอย่างไร? ดาวศุกร์? หมายถึงองค์หญิงสามหรือเปล่า?
ดาวศุกร์หมายถึงจุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่ง องค์หญิงสามคู่ควรกับตำแหน่งดังกล่าวหรือไม่?
แต่เมื่อมองดูองค์หญิงสามในตอนนี้ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้
สวี่หลิงอวิ๋นกลับไปที่ห้องของเธอและยิ้มอย่างชอบใจ เธอหยิบปลาหมึกที่แอบขโมยขึ้นมาใส่มันลงไปในหม้อหลังจากล้างมันจนสะอาด จากนั้นจึงหยิบพริกขึ้นมา เช่นเดียวกับขิงที่เธอปลูกมันไว้ ใส่เป็นเครื่องปรุงรสไปในหม้อ
เธอกำลังจะย่างหนวดปลาหมึกเสียบไม้ด้วยตัวเธอเอง
เธอไม่ได้กินมันมานานแล้ว…และกำลังคิดถึงมันเป็นอย่างมาก!
ถูปลาหมึกด้วยเกลือ หมักด้วยหัวหอมหรืออะไรสักอย่าง ใส่ผงยี่หร่าและโรยด้วยพริกป่น จากนั้นจึงเอาไปอบในเตาอบ
เมื่อเตาอบระบุว่าการอบเสร็จสิ้นแล้ว สวี่หลิงอวิ๋นจึงดึงหนวดของเอเลี่ยนปลาหมึกแปดกรงเล็บออกมา “กลิ่นหอมมาก! และดูเหมือนว่าจะเผ็ดมากด้วย!”
กัดไปหนึ่งคำ…เชี่ย! อร่อยมาก!
แต่เผ็ดไปหน่อย!
ไม่ไหว! กินต่อไม่ไหวแล้ว!
ริมฝีปากของสวี่หลิงอวิ๋นร้อนราวกับไฟไหม้ เธอกินต่อไม่ไหว! เธอจิบน้ำแต่ก็ยังไม่ได้ผล จึงหยิบมันเทศออกมากัด ในที่สุดความเผ็ดก็บรรเทาลง
“โธ่…ก็อร่อยดี! แต่เผ็ดไปหน่อย! คราวหน้าต้องละลายพริกให้เจือจางกว่านี้!”
เอ๊ะ?
ดูเหมือนว่าพริกจะให้ผลลัพธ์ที่ดีบางอย่าง?
เธอรู้สึกราวกับว่ากระแสความร้อนไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเธอ และทำให้ระดับดาวของเธอเพิ่มขึ้น!
“พระเจ้า! พริกมีผลมากขนาดนี้เลยเหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นประหลาดใจ เจ้าของร่างเดิมมีพลังเพียงสี่ดาวเท่านั้น แต่เมื่อตอนเธอมาถึง เธอได้เพิ่มระดับดาวเป็นห้าดวง และตอนนี้ระดับดาวของเธอเพิ่มไปถึง 6 ดวงแล้ว!
“แม่เจ้า! ฉันโชคดีมาก!” สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองผลพริกในมือของเธอ สิ่งนี้ไม่เพียงกินได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้คนหลบหนีจากการรุกรานของเหล่าเอเลี่ยนได้เช่นกัน ไม่ว่าผู้คนจะคิดอย่างไรกับสิ่งนี้ แต่สิ่งนี้ล้วนเป็นทรัพยากรอันล้ำค่าของแสงขอบฟ้าดวงดาวในอนาคต!
ถ้าหากเปิดร้านพริกบนเถาเป่าแสงขอบฟ้าดวงดาว เธอจะสามารถทำกำไรจำนวนมหาศาลได้หรือไม่?
ในขณะเดียวกัน พ่อครัวที่ปรุงอาหารให้เหล่าทหารกำลังเหงื่อไหล
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมรสชาติผิดเพี้ยนไป?” ปลาหมึกยักษ์ตัวนี้ยังมีกลิ่นคาว รสชาติแตกต่างจากที่องค์หญิงสามทำใช่ไหม? และทำไมระดับดาวของพวกเขาถึงไม่เพิ่มขึ้นหลังจากกินมันเข้าไปแล้ว?