ตอนที่ 9 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (9)
“มีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่พวกคุณจะช่วยท่านพลเอกชำระหนี้ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว นั่นคือพวกคุณต้องช่วยกันซื้อ ซื้อ และซื้อเท่านั้น!” สวี่หลิงอวิ๋นใช้โอกาสนี้ในการโฆษณา
“อีกอย่าง พวกคุณไม่อยากชิมธัญพืชที่ท่านพลเอกปลูกเองกับมือเหรอ?”
“หนอยแน่! ฉันปฏิเสธข้อเสนอนี้ไม่ได้! รอก่อนเถอะองค์หญิงสาม! พวกเราจะช่วยท่านพลเอกชำระหนี้อย่างแน่นอน!”
“ธัญพืชที่ท่านพลเอกปลูกกับมือเหรอ? ฮึ ได้เลย!”
…..
โอคาซีมองดูสวี่หลิงอวิ๋นพูดจายั่วยุผู้ชมอยู่หน้ากล้อง จากนั้นเขาจึงเปิดปากพูดกับกล้องอย่างไม่เต็มใจมากนัก “อย่าเข้าใจองค์หญิงสามผิดกันเลยครับทุกคน ถ้าครั้งนี้องค์หญิงสามไม่ได้ออกไปหาอาหารด้วยตัวเธอเอง พวกเราทุกคนคงจะอดตายอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ”
ผู้ชมทั้งหมดต่างพากันประหลาดใจ
“องค์หญิงสามช่วยชีวิตท่านพลเอกของเราไว้จริง ๆ เหรอ?”
“ไอ้หยา! พวกเราเข้าใจองค์หญิงสามผิดไป! ขอบคุณที่ช่วยชีวิตท่านพลเอกของพวกเรา! ฉันจะส่งเครื่องบินให้ท่าน!”
เครื่องบินลำเล็กบินผ่านหน้าจอถ่ายทอดสด มันคือรางวัลหมื่นดาว! จำนวนมหาศาล!
ดวงตาของสวี่หลิงอวิ๋นเป็นประกาย!
ทันใดนั้นการแข่งขันก็เกิดขึ้นอย่างชุลมุนบนหน้าจอถ่ายทอดสด
“ฮึ่ม! แค่เครื่องบินเองเหรอ? เอาเครื่องบินของเธอออกไปดีกว่าไหม? ดูระเบิดของฉันซะก่อน!”
“ระเบิดอะไร? เอาเครื่องบินขนส่งของฉันไป!”
“ฉันจะไปท่องอวกาศ!”
“ฉันจะไปดาวเคราะห์!”
………
เงินรางวัลเพิ่มขึ้นจากหนึ่งล้านเป็นสิบล้านภายในเวลาเพียงไม่ถึงสิบนาที ดวงตาของสวี่หลิงอวิ๋นเบิกกว้างขณะจ้องมองโอคาซี “ฉันไม่คิดว่าแฟนคลับของท่านจะร่ำรวยขนาดนี้! ฉันคิดว่าฉันเปลี่ยนใจแล้ว!”
โอคาซีหันกลับมามองเธอ “เปลี่ยนใจอะไรเหรอครับ?”
“ให้ท่านเป็นสามีของฉัน” สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองไปที่เขาด้วยรอยยิ้ม “ฉันคิดว่าเราน่าจะเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ถ้าเราร่วมมือกัน…”
“ปล่อยท่านพลเอกของเรา! และท่านห้ามทำให้ท่านโอคาซีของเราหม่นหมอง!”
“ทันทีที่พวกเราให้ของขวัญแก่ท่าน ธาตุแท้ของท่านก็ถูกเปิดเผยเลยหรือไง? พวกเราจะประท้วง!”
“พวกเราจะก่อม็อบ! และประท้วง!”
……..
“ห้ามประท้วง!” สวี่หลิงอวิ๋นกลอกตาและยืนกอดอก “อย่ากังวลไป ฉันไม่อยากเป็นศัตรูกับประชาชน พวกคุณไม่ต้องกังวล!”
เมื่อพูดแล้วก็หิว เธอหยิบโต๊ะและเก้าอี้สองตัวออกมาวางบนพื้นแล้วนั่งลงอย่างมั่นคง จากนั้นจึงหยิบหนวดปลาหมึกยักษ์ออกมา โรยผงพริกบาง ๆ และกัดกิน!
ดีจัง! เหนียวหนึบ รสชาติมันช่าง ว้าว…อร่อย!
เหงื่อเริ่มไหลออกมาท่วมหัวเธอหลังจากกัดไปสองสามคำ แม้แต่ริมฝีปากของหญิงสาวก็แดงก่ำ
“อ๊ะ ฉันไม่ได้กินอาหารรสจัดมานาน ฉันกินต่อไม่ไหวแล้ว!” สวี่หลิงอวิ๋นหยิบมันเทศออกมากัดก่อนจะพูดต่อว่า “ถ้ามีเบียร์สักขวด มันคงจะดีกว่านี้!”
“เชี่ย องค์หญิงสามกำลังกินอะไรอยู่? ทำไมดูเหมือนพวกปลาหมึกเอเลี่ยน? พระเจ้า! น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว! ฉันอยากจะอ้วก!”
“นั่นเอเลี่ยนหนิ! พวกเธอดูนั่นสิ! ฮะ! ทำไมองค์หญิงสามถึงกินเอเลี่ยนล่ะ?!”
“อย่าบอกนะว่าอาหารที่พวกท่านค้นพบบนดวงดาวรกร้างแห่งนั้นคือพวกเอเลี่ยน! พระเจ้า! ท่านพลเอกของพวกเราคงไม่ได้กินสิ่งนี้เพื่อประทังความหิวหรอกใช่ไหม?!”
………
ผู้ชมต่างแสดงความลำบากใจ และพวกเขาต่างเริ่มแสดงความไม่พอใจต่อองค์หญิงสามที่กินเอเลี่ยนเข้าไป
โอคาซีนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับเอื้อมมือทื่ถือส้อมไปจิ้มปลาหมึก ก่อนจะกินมัน
แม้ผู้คนจะไม่รู้ถึงบุคลิกขององค์หญิงสามมากนัก แต่ต้องบอกว่าทักษะการทำอาหารของหญิงสาวช่างเยี่ยมยอดจริง ๆ
เธอปรุงหนวดปลาหมึกยักษ์ได้โดยไม่เหลือกลิ่นคาวแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งยังได้รสหวานหอมของอาหารทะเลที่ถูกปรุงร่วมกันกับผงพริก เป็นรสชาติที่เกินจะบรรยาย!
ผู้ชมต่างเริ่มต้องการหม้อทอด!
“โธ่…ท่านพลเอก น่าสงสารจัง!”
โอคาซีเสพติดการกินเป็นอย่างมาก เขากินมันอย่างต่อเนื่องจนเหงื่อไหลออกมา เพียงแค่ได้เห็นเหงื่อของพลเอกรูปงามที่ไหลออกมา ก็ทำให้ผู้ชมต่างพึงพอใจ!
“โอ้ รู้สึกดีจังที่ได้เห็นท่านพลเอกตอนกิน ถ้ามองข้ามเอเลี่ยนนั่นไปได้น่ะนะ”
โอคาซีหัวเราะเมื่อเห็นความคิดเห็นดังกล่าว
“พวกคุณรู้ไหมว่าพวกเราได้ประโยชน์อะไรมากที่สุดบนดาวเคราะห์ใบนี้?” โอคาซีถือปลาหมึกยักษ์ไว้ในมือ “นั่นคือปลาหมึกยักษ์และเครื่องปรุงรสที่แสนวิเศษ ถ้าปรุงรสปลาหมึกออกมาอย่างพิถีพิถัน เราจะได้รสชาติปลาหมึกที่แสนอร่อยและมีประโยชน์อีกด้วย!”
“มีประโยชน์ยังไง?” ผู้ชมแทบจะทนรอไม่ไหวว่าท่านพลเอกจะพูดอะไรต่อ
คำพูดของโอคาซีเปรียบเสมือนกับลูกระเบิดขนาดใหญ่และคลื่นทะเลขนาดยักษ์ที่พัดถาโถมเข้าหาผู้ฟังจนมึนงง!
นี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่? ท่านพลเอกถึงกลับปรากฏตัวและพูดมันด้วยตัวเอง นั่นแปลว่ามันต้องเป็นเรื่องจริง!
คุณคิดว่าใครดูน่าเชื่อถือที่สุดในจักรวรรดิชิงเหย้า? หนึ่งคือคนที่ใช้พละกำลังกับอีกหนึ่งคือคนที่ใช้ความคิด
ดูเหมือนว่าจักรวรรดิชิงเหย้ากำลังจะได้รับการช่วยเหลือ ก่อนหน้านี้เหล่าเอเลี่ยนได้สร้างความเสียหายไว้มากมายจนพืชพันธุ์ล้มตายกันหมด แม้แต่การเลี้ยงสัตว์ยังเป็นเรื่องยาก กลับกันการควบคุมปริมาณอาหารของผู้คนกลับทำได้ง่ายมากกว่า รายได้จากสิ่งบันเทิงก็มีเพียงไม่กี่อย่าง พวกเขาต้องดิ้นรนต่อสู้กับพวกเอเลี่ยนมาโดยตลอด แม้แต่เด็กเล็กก็ยังถูกสอนให้เติบโตมาต่อสู้กับเหล่าเอเลี่ยน
เมื่อโอคาซีกล่าวถึงข่าวที่น่าตกใจเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ประชาชนตาดำ ๆ ที่ประหลาดใจเท่านั้น แต่พระราชาก็รู้สึกตกใจเช่นกัน!
พวกเขารีบติดต่อหาพลทหารชาร์ลทันทีที่ได้ยินข่าวดังกล่าว และชาร์ลได้บอกพวกเขาว่านี่คือเรื่องจริง
“พระเจ้าประทานพรให้เราแล้ว!” หลังจากที่พระราชาทราบข่าวว่าองค์หญิงสามเป็นผู้ค้นพบเรื่องนี้ เขาก็นั่งตัวตรงและเหลือบมองคณะเสนาบดี ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความภาคภูมิใจว่า “พวกเจ้าคิดว่าใครเป็นค้นพบสิ่งนี้?”
“องค์หญิงสามครับ!” เหล่าเสนาบดีต่างรู้ดีว่าพระราชาต้องการคลายความโศกเศร้าในช่วงเวลาเช่นนี้ แม้ว่าพระราชาจะถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ว่ารักองค์หญิงสามมากเกินควรก็ตาม กลับกลายเป็นว่าสถานการณ์กลับพลิกผัน พระราชากลับดูมีความสุขมากกว่าเคย
“เราบอกแล้วไงว่าก่อนหน้านั้นเธอยังเด็กอยู่ ยังไม่รู้ประสีประสา ตอนนี้พวกเจ้าไม่เห็นเหรอว่าเธอรู้เหตุรู้ผล! ฮึ!”
พระราชาเดินออกจากห้องประชุมพร้อมกับเอามือไขว้หลังอย่างมีชัย เขารีบกลับมาที่ห้องเพื่อแจ้งข่าวให้พระราชินีทราบ
ผู้พยากรณ์ประจำจักรวรรดิมองดูดวงดาวบนท้องฟ้าก่อนจะยิ้มออกมา
“ในที่สุดดาวศุกร์ก็มาถึง!”
จักรวรรดิชิงเหย้าปลอดภัยแล้ว!
การถ่ายทอดสดยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่ชาร์ลเข้ามารายงานสถานการณ์ให้แก่โอคาซี ในที่สุดเขาก็ได้รับมันเทศชิ้นเล็กมา ก่อนจะนำมันเข้าไปในปาก มันอร่อยเสียจนน้ำตาแทบไหล!
เขาเป็นเพียงผู้ช่วยตัวน้อยเท่านั้น แม้แต่องค์หญิงสามก็ยังกินอาหารที่เธอโปรดปรานไม่ได้ แล้วคนเฉกเช่นเขาจะได้กินอะไร?
ใบหน้าของเขาแสดงออกว่ากำลังมีความสุขอย่างมากเมื่อได้กินมันเทศรสหวานเข้าไป สิ่งนี้ทำให้ผู้ชมต่างรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เหตุใดผู้ช่วยชาร์ลที่แสนเย่อหยิ่งและจริงจังไปทุกเรื่องถึงได้แสดงใบหน้าที่มีความสุขขนาดนี้ มันเทศหวานใส่อะไรลงไปหรือเปล่า?
พวกเขาบอกว่าผู้คนไม่สามารถกินของจากบนดาวเคราะห์ได้ตามอำเภอใจไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมดูเหมือนชาร์ลจะไม่เป็นอย่างนั้น?!
“มันอร่อยมาก! ฮือ ๆ!” ชาร์ลปาดน้ำตาและมองโอคาซี “ขอบคุณครับ ท่านพลเอก!”
“นี่ พ่อหนุ่ม มันเทศนี้เป็นของฉัน นายไม่ขอบคุณฉัน แต่ไปขอบคุณท่านพลเอกได้ยังไง?” สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกไม่พอใจ