ตอนที่ 10 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (10)
“ฮึ่ม!” ชาร์ลแสดงท่าทีเย่อหยิ่งแล้วเดินจากไป
โอคาซียกยิ้ม “เขาเป็นคนขี้อายน่ะ อันที่จริงเขารู้สึกขอบคุณท่านมาก”สักพักพลเอกหนุ่มจึงพูดขึ้นต่อ “ท่านก็รู้ว่ามันเทศเหล่านี้มีปริมาณน้ำตาลสูง ตั้งแต่เด็ก…ชาร์ลยังไม่เคยได้กินอะไรที่มีรสหวาน เขาเลยรู้สึกหงุดหงิดน่ะ”
“บ้าจริง! ท่านพลเอกพูดว่าอะไรนะ? หมายความว่ายังไงที่ว่าในมันเทศมีน้ำตาลสูง?!”
เมื่อคนดูได้ยินว่ามีปริมาณน้ำตาลสูง ทุกคนจ้องไปที่มันเทศทันที
“หากท่านปลูกมันเทศสำเร็จแล้ว ฉันจะเป็นคนรับซื้อมันเอง! พวกที่ดูหมิ่นอาหารต่างดาวว่ามีพิษก็อย่ามาแตะต้องก็แล้วกัน!”
“ให้ตายเถอะ! ตอนนี้ผู้คนสามารถยอมตายเพื่ออาหารได้ ฉะนั้นถ้ามีใครมาแย่งมันของฉันล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไร้ความปรานีก็แล้วกัน!”
“ท่านกักตุนมันเทศไว้มากแค่ไหนเหรอครับ?” โอคาซีเอ่ยถาม
“ใกล้จะหมดแล้ว!” สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้โกหกเขา เพราะนอกจากส่วนที่นำไปอบตอนนั้นก็เอาไปปลูกหมดแล้ว
“ตอนนี้ของกินใกล้จะหมดแล้ว บางทีอาจจะถึงเวลาที่ต้องออกไปหามาเพิ่มแล้วไหมครับ?” โอคาซีมองสวี่หลิงอวิ๋น
“จริงด้วย! ท่านสามารถออกไปได้ทุกเมื่อ” สวี่หลิงอวิ๋นนั่งบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน เธอแหงนหน้ามองดูแสงสีบนท้องฟ้า “ช่างเป็นดาวเคราะห์ที่มหัศจรรย์ ท้องฟ้าสวยขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?”
“ผมคิดว่าท่านน่าจะมีประสบการณ์ด้านนี้มากกว่าผมนะครับ ไม่ทราบว่าผมจะสามารถเชิญให้องค์หญิงสามมากับพวกเราด้วยได้หรือไม่? ไม่ต้องกังวล…ผมจะอยู่ข้างกายท่านตลอดเวลาเพื่อให้ท่านปลอดภัยครับ”
โอคาซีมองหญิงสาวตรงหน้า เขาคิดว่าเธอเปลี่ยนไปมาก
จู่ ๆ พลเอกหนุ่มก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่องค์หญิงสามคนเดิม แต่อาจเป็นคนอื่นปลอมตัวมา
แต่เรื่องปลอมตัวก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะคงไม่มีใครกล้าแอบมาทำอะไรใต้จมูกเขาได้หรอก และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้นด้วย
สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้สังเกตเห็นความสงสัยของโอคาซีเลย เธอยืดตัวขึ้นก่อนจะมองคนตรงหน้าแล้วยกยิ้ม
“ท่านอยากให้ฉันไปด้วยงั้นหรือ? ก็ได้! หากพบสิ่งที่ปลูกไม่ได้ท่านก็เอาไปเลยหนึ่งในสาม ส่วนฉันต้องการหนึ่งในสามของผลผลิตที่ได้จากการเพาะปลูก ไม่นับส่วนที่นำมากินดื่มด้วยกัน”
“ตกลง!” โอคาซีไม่มีปัญหาในข้อเสนอนี้
คำขอของเธอสมเหตุสมผล…
“หากพวกเราค้นพบแล้ว ผมจะเก็บไว้หนึ่งในสามครับ” เขาไม่ควรเอาเปรียบผู้หญิงใช่ไหมนะ?
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้าตกลง
คนดูได้เห็นการตกลงกันของทั้งสอง ทุกคนต่างรอคอยการมาถึงของวันถัดไปอย่างใจจดใจจ่อ แต่ก่อนจะถึงวันพรุ่งนี้ พวกเขาก็ได้รับบทเรียนเกี่ยวกับอาหารผ่านการถ่ายทอดสดขององค์หญิงสามตัวร้าย
เพราะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว…
สวี่หลิงอวิ๋นเห็นว่าคนดูในห้องถ่ายทอดสดยังไม่ออกไปไหนก็คิดในใจว่า…หนุ่ม ๆ รอเดี๋ยวก่อนสิ! กล้าดียังไงมาดูถูกองค์หญิงคนนี้เนี่ย! ฮึ่ม!
เธอจงใจสวมบทบาทเชฟ
เอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์ปรากฏตัวต่อหน้าคนดู
“สิ่งสำคัญที่สุดในการจัดการกับปลาหมึกก็คือการทำความสะอาด ซึ่งจะทำให้คุณสามารถลิ้มรสมันได้อย่างสบายใจ” สวี่หลิงอวิ๋นไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง เพราะเครื่องจักรกลเริ่มล้างปลาหมึกให้จนสะอาดเรียบร้อย
กลุ่มทหารยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกล่องข้าวในมือ พวกเขามายืนเฝ้าองค์หญิงสามทำอาหาร
พวกเขาทุกคนได้ยินมาว่าอาหารฝีมือองค์เจ้าหญิงสามนั้นอร่อยมาก!
เหล่าคนดูพากันเย้ยหยัน ฮึ่ม! ถ้าไม่ใช่เพื่อเพิ่มพละกำลัง ใครหน้าไหนจะกล้ากินปลาหมึกยักษ์กัน?!
แต่เมื่อกล้องถ่ายทอดสดบินวนรอบทหาร คนดูกลับเห็นว่าใบหน้าของทหารทุกคนเปี่ยมไปด้วยความหวัง???
“นี่ไม่ใช่การแสดงสดที่เตี๊ยมกันมาอย่างดีใช่ไหมเนี่ย?”
ทำไมคนเหล่านั้นตั้งหน้าตารอสิ่งที่น่าขยะแขยงแบบนี้? พวกเขาหิวจนขาดสติหรือเปล่านะ?!
“เพราะเรามีเครื่องปรุงรสจำกัด ดังนั้นเราจะทำแบบง่าย ๆ ด้วยการปรุงรสโดยใช้แค่เครื่องปรุงที่มีอยู่ก็แล้วกัน”
สวี่หลิงอวิ๋นนำปลาหมึกที่ล้างสะอาดแล้วไปลวกในน้ำเดือด เป็นฉากที่ยอดเยี่ยม!
คนดูเห็นว่าสวี่หลิงอวิ๋นยืนอยู่บนแท่น โดยใต้แท่นนั้นเป็นหม้อลึกยี่สิบเมตร ปลาหมึกยักษ์ถูกหั่นเป็นชิ้นด้วยเครื่องตัดที่สูงสิบเมตรก่อนจะใส่ลงในน้ำเพื่อลวกประมาณห้านาที…
จากนั้นทุกคนก็ได้เห็นหนวดปลาหมึกเริ่มม้วนงอ เมื่อสวี่หลิงอวิ๋นโบกมือ เครื่องจักรกลก็ยกเนื้อปลาหมึกขึ้นมา
“ต่อไปก็เป็นการผัด!”
เมื่อเธอพูดจบแล้วก็คิดว่าจักรวรรดินี้ช่างน่าสมเพชเสียจริง ที่นี่ไม่มีแม้แต่น้ำมัน! ช่างน่าสงสารอะไรอย่างนี้!
โชคดีที่ยังพอมีไขมันสดเก็บไว้อยู่ หลังจากที่เธอสกัดน้ำมันออกมาจากไขมันสดแล้ว เธอก็ให้เครื่องจักรกลตักเศษไขมันเจียวออกไปก่อนจะใส่ชิ้นปลาหมึก
หัวหอม ต้นหอม และกระเทียมล้วนเป็นวัตถุดิบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สุดในจักรวาล สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้ตั้งใจที่จะยักยอกเก็บเอาไว้คนเดียว แต่เธอยังต้องการหารายได้จากสิ่งเหล่านี้อยู่!
ฉ่า…!
ทันทีที่ใส่เนื้อปลาหมึกลงไปก็มีกลิ่นหอมฟุ้งโชยไปทั่วบริเวณ ทำให้เหล่าทหารแทบจะน้ำลายไหล!
สวี่หลิงอวิ๋นกดปุ่มแชร์กลิ่นด้วยความสะใจ ในบรรดาคนดูที่อยู่ในห้องถ่ายทอดสดตอนนี้จะมีใครเคยได้กลิ่นอันหอมกรุ่นเช่นนี้บ้าง?!
“รสชาติจะเป็นยังไงนะ?” คนดูที่ได้กลิ่นก็เริ่มน้ำลายสอ
“ให้ตายเถอะ! ฉันยินดีจ่ายเป็นพันล้านเพื่อซื้อผัดปลาหมึกยักษ์นั่น!” นี่คือคำพูดจากใจของเศรษฐีคนหนึ่ง ตอนแรกเขาคิดว่าตนมาถึงจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว เมื่อได้กลิ่นอาหารจานนี้ ตัวเองก็เริ่มตระหนักได้ว่าตนได้กลายเป็นคนอดอยากที่สุดไปเสียแล้ว
ที่จริงไม่เคยมีคนกินเอเลี่ยนมาก่อน นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนของจักรวรรดิชิงเหย้าสามารถทำได้!
“บ้าไปแล้ว! ฮึ่ม! คุณต้องการซื้ออาหารที่องค์หญิงสามเป็นคนทำในราคาถึงหนึ่งพันล้านอย่างนั้นหรือ? ผมฝันไปหรือเปล่าเนี่ย!” หนุ่มขี้โมโหคนหนึ่งไม่พอใจ
อาหารจานนี้ดูน่าอร่อยจนทำให้ทุกคนรู้สึกหิวขึ้นมา!
คนดูหลายคนถึงกับลุกไปหาอาหารในบ้านของตัวเองมากินเพื่อบังคับให้ตัวเองอิ่มท้อง แต่ยิ่งกินก็ยิ่งรู้สึกว่ารสชาติไม่ถูกปาก…ไม่เป็นไร กินเข้าไปเถอะ!
คงจะดีหากองค์หญิงสามยอมกดปุ่มแชร์รสชาติบ้าง
ทุกคนจะได้ลองลิ้มรสอาหารจานนี้ด้วย…
เมื่อผัดจนเกือบได้ที่แล้วก็ใส่เกลือ สุกแล้วก็ปิดไฟได้!
สวี่หลิงอวิ๋นชิมคำแรก “อื้อหือ…อร่อยขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย! รสเผ็ดจัดจ้านอร่อยมาก!”
เธอหันหน้ามองกล้อง “เสียดายจริง ๆ ที่ทุกคนกินด้วยไม่ได้ แน่นอนว่าพวกคุณอาจจะไม่กล้ากินมันด้วยซ้ำ…ใครจะไปกล้ากินอาหารฝีมือองค์หญิงที่ไร้ความสามารถคนนี้ล่ะ! อ๊ะ! เนื้อปลาหมึกสดนี่รสชาติหวานกลมกล่อมเสียจริง กินแล้วรู้สึกสดชื่นชะมัด!”
“เอ๊ะ! ฉันลืมโรยผงพริกลงไปนี่นา” สวี่หลิงอวิ๋นโรยผงพริกลงไปเพิ่มอีกเล็กน้อย “โอ้…นี่แหละคำตอบของชีวิต!”
การแสดงออกของเธอช่างน่าหมั่นไส้นัก!
เมื่อสวี่หลิงอวิ๋นโบกมือให้สัญญาณ เครื่องจักรกลก็ตักผัดปลาหมึกทั้งหมดออกจากหม้อใส่จานขนาดใหญ่
เวลาที่พวกทหารรอคอยมาถึงแล้ว!
เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก…
คนดูรู้สึกว่ามีเหตุชุลมุนเกิดขึ้นแล้ว ผัดเอเลี่ยนปลาหมึกที่อยู่ในจานก็หายไปจนหมด
เมื่อกล้องถ่ายหน้าทหารอีกครั้ง
โอ้โห! คนดูทุกคนต่างอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าผัดปลาหมึกลงไปอยู่ในกล่องข้าวของทหารหมดแล้ว บางคนถึงกับตักใส่หม้อที่เตรียมมาด้วยเลยทีเดียว