ตอนที่ 11 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (11)
“พระเจ้า! นี่คือทักษะการกินที่รวดเร็วของเหล่ากองทัพใช่ไหม?” ผู้ชมต่างตกตะลึงเมื่อพวกเขาเห็นภาพตรงหน้า
เหล่าทหารเคี้ยวและกลืนอาหารลงท้อง ราวกับว่าพวกเขากำลังเสพสุขอยู่ในสวรรค์บนดิน
ทันใดนั้นสวี่หลิงอวิ๋นก็เปิดระบบรสชาติ
เธอหยิบกล่องอาหารกลางวันที่มีปลาหมึกเอเลี่ยนอยู่ด้านในออกมาแล้วส่งให้กับพลเอกโอคาซี เนื่องจากเหล่าพลทหารกินอาหารกันจนอิ่มไปก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาจึงต้องทำหน้าที่เป็นฝ่ายทักทายผู้ชมแทน
แม้ว่าก่อนหน้านี้ผู้ชมจะรู้สึกไม่พอใจองค์หญิงสามมากนัก แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับรสชาติอาหารของเธอ อาหารขององค์หญิงสามนั้นอร่อยจริงหรือไม่?!
อื้อฮือ! กลิ่นอาหารช่างเย้ายวนยิ่งนัก!
ทันทีที่ระบบรสชาติถูกเปิด ผู้ชมก็สามารถรับรู้ได้ถึงรสชาติอาหารในปากของพวกเขา
สัมผัสนี้…รสชาตินี้! โอ้! พวกเขารู้สึกได้ถึงรสชาติอาหารที่ล่องลอยออกมา!
“ฉันเพิ่งรับรู้ว่าแต่ก่อนฉันได้กินแต่อาหารรสชาติห่วย ๆ!” ผู้ชมถึงกับน้ำตาเอ่อล้น
“เหมือนกัน!”
“เหมือนกัน!”
……..
ผู้ชมที่กำลังรำลึกถึงรสชาติอาหารห่วย ๆ มองดูพุงป่อง ๆ ของเหล่าทหารด้วยน้ำตาไหลริน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาคิดว่าการถูกส่งไปสนามรบอาจจะเป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุด
สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกอิ่มจากการใช้เวลาทั้งวันไปกับการกิน กิน และกินเท่านั้น มันไม่ง่ายเลยที่ท้องของเธอจะทำงานหนักจนไม่อนุญาตให้เธอกินอาหารเพิ่มอีก
ทว่าอาหารยังเหลืออยู่…
“องค์หญิงสาม ผมยินดีจะจ่ายหนึ่งพันล้านเหรียญเพื่อซื้อปลาหมึกในมือของท่าน ท่านขายมันให้ผมได้ไหมครับ?”
“เหลวไหล! องค์หญิงสาม ผมยินดีจะจ่ายหมื่นล้านเหรียญ!”
“เจ้าพวกโง่! องค์หญิงสามเป็นธิดาองค์โปรดของพระราชา พวกนายคิดว่าท่านจะต้องการเงินหรือไง? สิ่งที่ท่านต้องการคือ ชายรูปหล่ออย่างผมคนนี้! ผมเต็มใจจะเป็นผู้พิทักษ์ขององค์หญิงสามและดูแลเธอไม่ให้ได้รับภัยอันตราย เพียงแค่ท่านทำอาหารแบบนี้ให้ทุกเดือนก็พอ!”
……
ทันใดนั้นช่องแสดงความคิดเห็นก็เปลี่ยนสมรภูมิรบ ผู้คนต่างชิงดีชิงเด่นและแข่งกันเสนอข้อตกลงให้แก่เธอ
พลเอกโอคาซีมองดูสงครามขนาดย่อมในช่องแสดงความคิดเห็นขณะรับประทานอาหาร ชายหนุ่มขมวดคิ้วและเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อเห็นข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นมาว่าชายผู้นั้นต้องการเป็นผู้พิทักษ์ขององค์หญิงสาม เป็นคนที่คอยปลอบประโลมในวันแย่ ๆ และเป็นคนที่เดินเคียงข้างเธอ…
“ไปตามสืบว่าคนคนนี้คือใคร กล้าดียังไงถึงมาพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้?”
ชาร์ลมองดูข้อความดังกล่าว ทว่ากลับไม่ได้สนใจข้อความนั้นมากนัก เพราะเขารู้ดีว่าวัยรุ่นในยุคปัจจุบันมีหัวคิดสมัยใหม่และเปิดรับคำพูดที่กว้างขวาง สมัยนี้มีใครบ้างที่ไม่พูดตลกเชิงสองแง่สองง่าม? แต่ในเมื่อท่านพลเอกสั่งเขาให้ไปตรวจสอบข้อมูลของชายคนดังกล่าว ก็จำเป็นต้องทำตามหน้าที่
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูช่องแสดงความคิดเห็น ก่อนจะยักไหล่แล้วกล่าวว่า “ฉันก็อยากขายให้พวกคุณอยู่หรอกนะ แต่พวกเราต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน!”
“อ๊ะ!” ผู้ชมทั้งหมดเกือบลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้ ท่านพลเอกกับองค์หญิงสามกำลังติดอยู่บนดาวเคราะห์รกร้าง ทั้งทางจักรวรรดิแจ้งมาว่าพวกเขากำลังซ่อมแซมทางเชื่อมมิติอยู่ แต่ยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอนว่าจะถูกซ่อมเสร็จในวันไหน
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราทำได้แค่มองดูองค์หญิงสามบนดาวรกร้าง แล้วต้องทำอาหารอร่อย ๆ กินเองน่ะเหรอ??”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากยอมรับความจริง แต่นี่คือปัญหาที่พวกเขาต้องเผชิญหน้า
“องค์หญิงสาม ถ้าท่านกินมันไม่หมด ผมขอได้ไหมครับ?”
พลทหารผู้น้อยวิ่งเข้ามาหาองค์หญิงสามขณะมองดูจำนวนปลาหมึกที่เหลืออยู่ในจานของเธอ ก่อนจะถามอย่างตะกละตะกลาม
“ได้สิ ถ้านายไม่ถือเรื่องกินต่อคนอื่น”
เอาละ ไม่มีใครแย่งชิง และไม่มีใครคว้ามันไปได้
ทหารผู้น้อยรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำตอบขององค์หญิงสาม พวกเขารีบคว้าจานและวิ่งหนีไป พลทหารคนอื่นที่ยืนลุ้นกับเหตุการณ์อยู่ตรงหน้าต่างพากันตกตะลึง และไม่คาดคิดว่าองค์หญิงสามจะเต็มใจยกอาหารให้แก่ทหารคนนั้น
“น่าเสียดายเป็นบ้า ฉันคงเข้าไปขอเธอก่อนหน้านี้ ถ้าฉันรู้ว่าเธอจะยกมันให้ง่าย ๆ”
ทุกคนมองดูทหารผู้น้อยกินอาหารด้วยความเศร้าใจ ขณะสัมผัสท้องและรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพละกำลังอย่างช้า ๆ
ทว่าสายเกินกว่าจะพูดอะไรแล้ว!
เมื่อหลายวันก่อนทุกคนเอาแต่มองโลกในแง่ร้าย เพียงเพราะพวกเขาต้องติดอยู่ในดาวเคราะห์รกร้างแห่งนี้ แต่ในวันนี้ทุกคนเริ่มมีความหวัง พูดคุย และหัวเราะกันมากขึ้น ราวกับว่าไม่ได้มาสู้รบกับเหล่าเอเลี่ยน แต่กลับมาพักผ่อนในวันหยุดยาว
พระราชาและพระราชินีมองดูลูกสาวของพวกเขาในวิดีโอถ่ายทอดสดแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก “ลูกสาวของเราโตขึ้นแล้วจริง ๆ!”
“ผิดแล้ว ท่านควรจะพูดว่าจิตวิญญาณลูกสาวของท่านสมบูรณ์แบบแล้วต่างหาก!”
ผู้พยากรณ์ผู้ทำนายดวงชะตาเคยกล่าวไว้ว่าลูกสาวของพวกเขาคือกุญแจหลักในการกอบกู้จักรวรรดิจากการปิดล้อมของเหล่าเอเลี่ยน ทว่าลูกสาวของพวกเขาถือกำเนิดในช่วงเวลาที่จิตวิญญาณยังไม่สมบูรณ์แบบมากนัก จึงทำให้เธอเป็นอารมณ์ร้ายและเอาแต่ใจตนเอง
ผู้พยากรณ์ยกยิ้ม ขณะจ้องมองทั้งคู่ร้องไห้ด้วยความปีติยินดี
“ท่านผู้พยากรณ์ พวกเราควรทำยังไงต่อไปดี?”
“อย่าปิดกั้นในสิ่งที่องค์หญิงสามต้องการ คอยช่วยเหลืออย่างเงียบ ๆ เท่าที่จะทำได้ แค่อย่าขัดขวางเธอ” ผู้พยากรณ์เตือนพวกเขา “อย่าเข้าไปยุ่งกับการตัดสินใจขององค์หญิง เพียงแต่ปล่อยให้เธอทำในสิ่งที่เธอต้องการ”
พระราชาและราชินีพยักหน้า
แม้ว่าการถ่ายทอดสดจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ผู้ชมกลับยังไม่เต็มใจจะจากไปนัก ทุกคนกำลังเอาแต่นึกถึงอาหารอันโอชะขององค์หญิงสาม
“โอ้ ฉันไม่คิดเลยว่าปลาหมึกยักษ์จะมีรสชาติอร่อยขนาดนี้ ถ้าฉันรู้ตั้งแต่แรกฉันคงจะไม่เผามันทิ้งและชิมรสชาติมันสักนิด!”
ผู้ชมรู้สึกเสียใจไม่น้อย
นักธุรกิจที่เฉลียวฉลาดรีบติดต่อไปยังเหล่ากองทหารจำนวนมากที่กำลังออกไปสู้รบด้านนอกจักรวรรดิเพื่อเสนอเงินจำนวนหลายเหรียญแลกกับการฆ่าเหล่าเอเลี่ยน โดยคิดว่าเหล่าเอเลี่ยนพวกนั้นจะสามารถสร้างกำไรให้ได้!
แม้แต่เหล่าพ่อครัวเองก็ยังเริ่มศึกษาวิธีการทำอาหารจากเอเลี่ยนพวกนั้น ไม่ต้องพูดถึงภูมิปัญญาที่หลากหลายของชาวบ้าน เพียงเพราะองค์หญิงสามแสดงฝีมือ ‘การทำอาหาร’ เป็นครั้งแรก ดังนั้นผู้คนทั้งหลายจึงเริ่มเลียนแบบการปรุงอาหารจากเอเลี่ยนจานนั้น
แม้ว่าเนื้อปลาหมึกจะยังมีกลิ่นคาวอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในขั้นที่รับได้!
ที่สำคัญสุดคือมันมีราคาถูก! เนื่องจากอาหารของจักรวรรดินั้นมีไม่เพียงพอ แม้แต่เสื้อผ้ายังมีไม่พอใส่ คนยากจนจำนวนมากจึงต้องกินเอเลี่ยนประทังความหิวโหย ทว่าองค์หญิงสามกลับค้นพบวิธีการกินเนื้อเอเลี่ยนเป็นครั้งแรกและยังเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผู้คนหันมากินเนื้อเอเลี่ยนในคราวเดียวกัน
ถ้ามีคนบอกมาป่าวประกาศว่าเนื้อเอเลี่ยนกินไม่ได้ล่ะ? ฮึ! พวกเราก็จะบอกว่าคุณไม่เห็นองค์หญิงสามกับท่านพลเอกกินเนื้อเอเลี่ยนหรือไง? ทำไม? การไม่กินเนื้อเอเลี่ยนมันทำให้คุณสูงศักดิ์กว่าคนอื่นหรือ?!
หากผู้คนทั้งหมดหันมากินเนื้อเอเลี่ยน ปัญหาขาดแคลนอาหารของจักรวรรดิก็จะคลี่คลายในทันที
ทว่านี่ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง มันเป็นเพียงความแปลกใหม่ชั่วคราวเท่านั้น หลายคนยังไม่คิดจะกินเนื้อเอเลี่ยนอย่างจริงจัง และบางคนถึงกับกลืนไม่ลงเมื่อนึกถึงใบหน้าของพวกมัน
พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาขององค์หญิงสามอย่างใจจดใจจ่อ โดยคาดหวังจะซื้อสูตรการปรุงอาหารของเธอ
“ผมไม่คาดคิดเลยว่าความนิยมขององค์หญิงสามจะเพิ่มมากขึ้นขนาดนี้” ชาร์ลมองดูรายชื่อค้นหาที่มาแรงบนโปรแกรมค้นหา ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นคำว่า ‘องค์หญิงสามจะกลับมาเมื่อไหร่?’
“ทำไม? ไม่พอใจหรือไง?” โอคาซีส่ายหัว “นายห้ามมีปัญหากับองค์หญิงสามในอนาคตอีก”
“ทำไมครับ? ก็องค์หญิงสามชอบเสแสร้งแกล้งทำ แล้วผมจะทนอยู่เฉยได้ยังไง!”
“แสร้งทำ?” โอคาซีตบไหล่เขาเบา ๆ “ถ้าองค์หญิงสามเสแสร้งทำ นายคิดว่าตัวนายเองจะยังได้ยืนอยู่ตรงหน้าฉันอย่างนี้ไหม?”
“หมายความว่ายังไงครับ?” ชาร์ลพูดขึ้นหลังจากได้ยินคำพูดของท่านพลเอก
อันที่จริงเขาทำให้องค์หญิงขุ่นเคืองมาหลายวันแล้ว แม้ว่าตัวเขาจะคอยหาเรื่ององค์หญิงสามก่อนทุกครั้ง ทว่าองค์หญิงกลับไม่มีท่าทีว่าจะแสดงตัวตนของเธอออกมา