ตอนที่ 25 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (25)
ลูตี้เป็นหญิงสาวหน้าตาดี แถมยังมีทักษะการแสดงที่ดี หลังจากเธอแสดงละครทางประวัติศาสตร์ที่ชื่อว่า ‘เสื้อสีแดงของทาเนียร์’ เธอก็ดังเป็นพลุแตก
ทาเนียร์ในบทละครนั้นกล้าหาญและเข้มแข็ง เธอเป็นภรรยาของทหารที่ต้องคอยสู้รบอยู่แนวหน้า แต่ขณะที่สามีของเธอออกไปสู้รบ เธอกลับกำลังตั้งครรภ์ เพื่อไม่ให้สามีต้องคอยเป็นกังวล เธอจึงไม่บอกเรื่องนี้แก่สามีของเธอและปล่อยให้สามีต่อสู้กับเหล่าเอเลี่ยนอย่างสบายใจ
เธอสวมใส่เสื้อสีแดงตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับสามีว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเดินทางกลับมาถึงบ้าน เธอจะมอบเสื้อสีแดงตัวนี้ให้แก่เขา
ทว่าสามีของเธอกลับไม่เคยกลับมาบ้านอีกเลย มีเพียงขี้เถ้าจากเหล่าสหายของเขาเท่านั้น ทาเนียร์จึงสวมใส่เสื้อสีแดงทุกวัน ราวกับว่าเธอยังรอคอยให้สามีกลับมาบ้านทุกเมื่อ
ลูตี้ที่รับบทเป็นทาเนียร์ทั้งสวยและเซ็กซี่ รวมทั้งยังไม่ละทิ้งความแข็งแกร่งบึกบึน ซึ่งทำให้ผู้ชมเห็นความเป็นทาเนียร์ในตัวตนของเธอเป็นอย่างมาก แม้แต่ความรู้สึกประทับใจของพวกเขาที่มีต่อลูตี้นั้นก็ล้นหลามเช่นกัน ประกอบกับประวัติชีวิตความเป็นมาของเธอ ที่หญิงสาวมาตามหาพ่อนายกเทศมนตรีจนเจอ นั่นจึงทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าชีวิตของเธอนั้นเป็นดั่งกับละคร
นอกจากนี้ เธอยังจัดการกับภาพลักษณ์ของเธอได้ดีมาก ทำให้ตัวดาราสาวคนนี้มีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อย ๆ
และแล้ววันหนึ่งลูตี้ก็โพสต์ข้อความสาธารณะลงบนโลกอินเทอร์เน็ต ข้อความดังกล่าวปลิวว่อนไปทั่วสารทิศ และมีใจความว่าพลเอกโอคาซีเพิ่งชนะการต่อสู้ในครั้งนั้น
เพียงโพสต์เดียวก็สามารถสร้างความตื่นเต้นไปทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต!
ชาวเน็ตต่างรู้สึกมีความสุขเมื่อพูดถึงคู่กิ่งทองใบหยก แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะมีแอนตี้แฟน แต่ลูตี้กลับค่อย ๆ ใช้เวลาสารภาพรัก บางครั้งเธอก็เขียนบทกลอน บางครั้งเธอก็ร้องเพลง โอ้ จนในที่สุดชาวเน็ตทั้งหลายก็เริ่มเปิดใจยอมรับเธอ!
แน่นอนว่าชาวเน็ตทั้งหลายต่างพูดถึงเรื่องนี้ เขาพูดถึงความหลงใหลของลูตี้ที่มีต่อพลเอก และพวกเขาก็ลงความคิดเห็นกันว่าเธอเป็นเพียงคนเดียวที่เหมาะสมกับโอคาซี
เปลี่ยนจากลูตี้ มาพูดถึงสวี่หลิงอวิ๋นกันดีกว่า
ทั้งสองนั่งอยู่ในเครื่องจักรกลที่กำลังมุ่งหน้าไปยังขั้วโลกเหนือ ระหว่างทางพวกเขาก็ไม่ลืมที่จะจัดการกับปลาหมึกยักษ์สองสามตัวที่เข้ามาใกล้บริเวณค่ายของพวกเขา และภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็เดินทางมาถึงบริเวณขอบของขั้วโลกเหนือ
“ว้าว…มีปลาอยู่ในน้ำทะเลด้วย!” ดูอวบอ้วนและน่าอร่อย!
“ใช่! ที่นี่หนาวมาก และแม้แต่ปลาหมึกยักษ์ยังไม่มาที่นี่ มันยากเกินกว่าจะอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตดั้งเดิมไว้” โอคาซีกล่าว “แต่อาจจะมีสิ่งมีชีวิตเหลือรอดอยู่บ้าง”
ขณะที่เขาพูดอยู่ ทันใดนั้นก็มีนกขนาดใหญ่บินโฉบลงมาจากฟากฟ้า มันรีบคาบปลาจากในน้ำทะเลและบินจากไป!
“ว้าว! ปลาตัวใหญ่มาก!” สวี่หลิงอวิ๋นมองดูปลาในน้ำและยกมือสัมผัสคางตนเอง “ถ้านกกินปลาได้ นั่นแปลว่าปลาพวกนี้ไม่มีพิษอะไร อยากลองจับสักตัวไหม?”
ลงมือกันเลย!
สวี่หลิงอวิ๋นที่อยู่ในเครื่องจักรกลกระโดดลงไปในทะเล!
หน้าจอที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าผู้ชมทั้งหลายเปลี่ยนเป็นความมืดมิดในทันที โชคดีที่วิดีโอถ่ายทอดสดมีโหมดกลางคืน ทำให้ผู้ชมยังคงสามารถรับชมรายการได้อยู่
“ว้าว! ที่นี่สวยมาก! ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะเป็นแค่ดาวเคราะห์รกร้าง!”
ภายใต้ท้องทะเลซึ่งเต็มไปด้วยฝูงปลาหลากสีกำลังแหวกว่ายไปมา สีสันของปลาเหล่านี้คล้ายคลึงกับแสงออโรราบนท้องฟ้า พวกมันจะปล่อยแสงออกมา ซึ่งบางตัวปล่อยแสงสีฟ้า บางตัวก็ปล่อยแสงสีเขียว และบางตัวปล่อยแสงสีแดง สีชมพู และสีอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งแต่ละตัวล้วนมีเอกลักษณ์และสะดุดตา
“พระเจ้า! ที่นี่คือสวรรค์เหรอ?” ผู้ชมไม่สามารถละสายตาจากสถานที่แห่งนี้ได้ พวกเขาไม่เคยเห็นทัศนียภาพที่งดงามเช่นนี้มาก่อนในชีวิต!
พวกเขาถูกเหล่าเอเลี่ยนโจมตีมาเป็นระยะเวลานานหลายปีแล้ว และไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตอื่นที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมากนัก เพราะสัตว์ที่เหลืออยู่เป็นเพียงสัตว์จากกรมปศุสัตว์ พืชผักที่ปลูกเอง และอื่น ๆ เท่านั้น
แน่นอนว่าบนดาวของพวกเขาไม่มีทัศนียภาพที่งดงามเช่นนี้! พื้นที่ทั้งหมดล้วนถูกเหล่าเอเลี่ยนทำลายจนสิ้นซาก แม้ว่าเอเลี่ยนจะถูกกำจัดไปบ้าง แต่ชีวมณฑลของพวกเขากลับถูกทำลายย่อยยับจนยากจะแต่งเติมอะไรได้อีก
ความงามแห่งท้องทะเลนั้นดูแตกต่างจากโลกอย่างสิ้นเชิง มันงดงามราวกับฉากทัศนียภาพในโลกนิยาย
โอคาซีติดตามเธอมายังใต้ท้องทะเล เครื่องจักรกลสีน้ำเงินและสีชมพูกำลังเดินเคียงข้างกันอย่างเชื่องช้าภายใต้น้ำทะเล บางครั้งปลาที่ขี้สงสัยบางตัวก็ว่ายเข้ามาหาพวกเขา พวกมันสงสัยว่าทั้งสองคือสิ่งมีชีวิตประเภทไหนกัน?
นอกจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่แล้ว ผู้ชมยังเห็นปลาขนาดยักษ์แหวกว่ายห่างออกไปจากพวกเขาประมาณร้อยเมตร เมื่อเปรียบเทียบปลาขนาดใหญ่กับเครื่องจักรกลขนาดสิบเมตรของโอคาซีกับสวี่หลิงอวิ๋น พวกเขามีขนาดเล็กเท่าของเล่นเท่านั้น
“นั่นคือธรรมชาติใช่ไหม? ฉันคิดว่าดาวรกร้างดวงนี้จะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของฉันในอนาคต” ชาวเน็ตพิมพ์ความคิดเห็นดังกล่าวลงบนหน้าจออย่างตื่นเต้น
“ใช่เลย! มันสวยมาก! ที่นี่สมควรได้รับว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งใต้ท้องทะเล!”
“ฉันอยากได้ปลาตัวใหญ่มาเป็นยานพาหนะของฉัน และสนุกไปกับการขี่มัน!”
“ความคิดเห็นข้างบนเป็นบ้าเหรอ? เธอทำอย่างกับพวกเขาเป็นม้า ให้พวกเขาทำกับเธอเหมือนกับอาหารบ้างเอาไหม!”
“ฮ่า ๆๆ! ทะเลนี้ควรมีชื่อนะ! ฉันจะตั้งชื่อมันว่าอู่ต้าหลาง!”
“ไปให้พ้น! เธอนั่นแหละ!”
……..
สวี่หลิงอวิ๋นยืนอยู่ใต้ก้นบึ้งของห้วงทะเลลึก ยิ่งเธอดำดิ่งลงไปลึกมากเท่าไหร่ ภายใต้ท้องทะเลก็ยิ่งมืดมิดมากเท่านั้น เมื่อเธอเปิดไฟด้านหน้า เธอจึงพบเข้ากับฝูงปลาจำนวนมากและไม่สามารถขยับไปไหนได้
หากปลาเหล่านี้สามารถพูดได้ พวกมันคงพูดว่า ‘ไอ้คนสารเลว แกกำลังทำให้พวกเราตาบอด!’
แม้ว่าสวี่หลิงอวิ๋นจะไม่สามารถเข้าใจภาษาของพวกมันได้ ทว่าเธอกลับเข้าใจความคิดของพวกมัน เธอสวมใส่ชุดดำน้ำก่อนจะออกไปจากเครื่องจักรกล ก่อนจะดำดิ่งไปใต้ก้นทะเลลึก
แสงสว่างและกล้องถ่ายทอดสดตามติดเธอไป แม้แต่โอคาซีที่อยู่ชุดดำน้ำก็ตามเธอไปเช่นกัน
ผู้ชมต่างกรีดร้องเมื่อมองดูโอคาซีที่อยู่ในชุดดำน้ำรัดรูป ชุดว่ายน้ำของเขารัดแน่นมาก ซึ่งมันช่วยเน้นสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบให้น่ามองมากยิ่งขึ้น ผู้หญิงทั้งหลายจะอดทนต่อสิ่งนี้ได้อย่างไร?
แม้แต่ผู้ชายที่มีความชื่นชอบพิเศษเฉพาะตัวก็ยังทนดูภาพตรงหน้าต่อไปไม่ได้ พวกเขายกมือปิดจมูกของตนเองและรู้สึกเสียดายหากไม่ดูภาพตรงหน้า ก่อนจะเริ่มจ้องมองไปที่คนในจออีกครั้ง
“ท่านกำลังมองหาอะไรครับ?” โอคาซีเอ่ยถามสวี่หลิงอวิ๋น
“ฉันกำลังมองหาของกินในทะเลอยู่” สวี่หลิงอวิ๋นหยิบเครื่องตรวจจับออกมาแล้วเพิ่มแสงสว่างให้แก่เขา
“เจออะไรไหม?” โอคาซีถามเธอ
“ยังไม่เจออะไรที่กินได้ แต่ฉันเจอนี่!” ทันทีที่เธอแบมือออกมา หินสีดำก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของโอคาซี
“วะฮ่าฮ่า! องค์หญิงสามตลกเป็นบ้า! เธอเจอหินสีดำใต้ท้องทะเลลึกและเอามันให้พลเอกโอคาซี เธอคิดว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าเหรอ?”
“มันก็แค่ก้อนหิน! เร็วเข้ารีบแพนกล้องไปที่พลเอกโอคาซีสักที! พวกเราอยากเห็นสุดหล่อแล้ว!”
“สิ่งที่มีความสุขที่สุดในตอนนี้น่าจะเป็นก้อนหิน โธ่เอ๊ย! ฉันอยากเป็นก้อนหินก้อนนั้นแล้วสัมผัสความรู้สึกบนฝ่ามือของสุดหล่อบ้างจัง!”
“องค์หญิงสามตั้งใจเริ่มบทสนทนาโดยเจตนาหรือเปล่า? ถอยไปนะ! พลเอกโอคาซีเป็นของพวกเรา!”
…….
“คืออะไรกันแน่?” เธอตรวจสอบหินด้วยเครื่องตรวจจับ แต่กลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง!
“ดูสิดู มันไม่ตอบสนองใช่ไหม? แต่ท่านกลับเอามันให้พลเอกน่ะเหรอ?!” ผู้ชมพากันหัวเราะเยาะองค์หญิงสาม