ตอนที่ 35 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (35)
ผู้ชมต่างจับตามองอย่างไม่เชื่อสายตาตนเองว่าการวิ่งมาราธอนของดวงดาวจะถูกจัดขึ้นบนดาวเคราะห์รกร้างแห่งนี้!
ไม่หลงเหลือปลาหมึกยักษ์แม้แต่ตัวเดียว! ตัวไหนก็ตามที่ยังหลงเหลือรั้งท้ายจะถูกสวี่หลิงอวิ๋นกำจัดไปในทันที!
เหล่าทหารที่บินตามหลังองค์หญิงสามตกตะลึง “เอ๋? ฝ่าบาท! ขับช้า ๆ หน่อยครับ!”
สวี่หลิงอวิ๋นตอบกลับ “กลับไปปกป้องค่าย!”
เหล่าทหารต้องบินกลับไปอีกครั้ง
“นี่มันไม่ปกติแล้ว!” การควบคุมพลังแข็งแกร่งเกินไป!
“พละกำลังขององค์หญิงสามอยู่ในระดับ 7 ดาวจริงหรือเปล่า? ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกแบบนั้นเลย? ขนาดระดับ 8 ดวง ก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่านี้ใช่ไหม? แต่เธอกลับบีบคั้นพละกำลังออกมาอย่างบ้าคลั่ง เดี๋ยวก็ระเบิด!”
“ใครจะไปรู้ล่ะ! องค์หญิงสามนั้นเสียสติไปแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ลึก ๆ!”
“ฉันตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว! แม้ว่านิสัยของเธอจะเลวร้าย แต่ฉันก็ยังอยากเป็นทหารของเธอ!”
“ความคิดเห็นบนเป็นบ้าหรือไง? คุณอยากเป็นทหารของเธอเหรอ? คุณไม่กลัวว่า วันหนึ่งเธอจะบ้าคลั่งและโกรธจนทำร้ายคุณหรือไง?”
“กลัวอะไร? ใครบ้างที่ไม่อยากเจอผู้บัญชาการที่น่าเคารพในสนามรบแบบนี้? ถึงแม้ว่าเธอจะอารมณ์ร้อน แต่ตราบใดที่เธอสั่งการได้ดี นอกจากเธอจะฆ่าปลาหมึกเอเลี่ยนได้ เธอยังกอบกู้กองทัพทหารได้ด้วย แล้วใครล่ะจะไม่ชอบบ้าง?!”
……….
จำนวนปลาหมึกยักษ์น้อยลงเรื่อย ๆ ทว่าพวกมันยังคงไล่ตามเธออย่างดุเดือด ทันใดนั้นสวี่หลิงอวิ๋นก็หยุดการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน!
“เอาล่ะ เด็กดีทั้งหลาย! พวกเรามาดวลกันอย่างยุติธรรมเถอะ!” สวี่หลิงอวิ๋นเปลี่ยนคันธนูให้กลายเป็นดาบ และแล้วรอยยิ้มก็ปรากฏบนมุมปากของเธอ
มีเพียงการต่อสู้อย่างนองเลือดเท่านั้นที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เธอรักในการต่อสู้ได้!
ปลาหมึกยักษ์ถูกโจมตีอย่างดุเดือด โดยสวี่หลิงอวิ๋นใช้ดาบฟันมันทีละตัว! เธอเคลื่อนไหวอย่างอิสระ เรียบง่าย ไม่เทอะทะ และว่องไว ไม่ว่าเธอจะเคลื่อนตัวไปทางไหนก็มีแต่ซากศพ
“เท่มาก!” ชาวเน็ตทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
การต่อสู้ที่ราบรื่นและจังหวะที่ว่องไว ชาวเน็ตต่างรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูเทพลงมาเล่นเกมอยู่ด้วยเลือดในกายที่พลุ่งพล่าน!
เธอโรยผงพริกป่นบ้างเป็นครั้งคราว และยังมีพริกไทยอีก…หึหึ ทำร้ายแม้แต่คนไม่มีทางสู้!
การต่อสู้ของสวี่หลิงอวิ๋นจบลงในไม่ช้า!
หลังจากจัดการปลาหมึกยักษ์หลายพันตัวจนเสร็จสิ้น ตอนนี้สวี่หลิงอวิ๋นเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า แม้ว่าหญิงสาวจะเก่งกล้าสามารถก็ตาม
ดาบเลเซอร์ในมือยังคงสั่นไหว และในที่สุดมันก็เสียความแวววาวไป
ชาวเน็ตต่างจ้องจับผิดอีกครั้ง ทว่าคราวนี้กลับไม่มีใครพูดอะไรออกไป
องค์หญิงกำลังเดินกลับไปอย่างเชื่องช้า เธอเห็นปลาหมึกยักษ์มากมายกองอยู่บนพื้น พวกมันเหล่านั้นถูกเธอใช้ลูกธนูเลเซอร์ยิงใส่
ทว่าแสงสว่างของลูกธนูนั้นริบหรี่ลงเรื่อย ๆ และในตอนสุดท้ายมันจะไม่สามารถฆ่าปลาหมึกยักษ์เหล่านี้ได้
“บัดซบ! รีบกลับไป! ถ้าท่านยังเชื่องช้าอยู่แบบนี้ เดี๋ยวก็ได้ตายกันพอดี!” ผู้ชมรู้สึกวิตกกังวล
หลังจากคำนวณระยะทางแล้ว หากสวี่หลิงอวิ๋นรีบเคลื่อนตัวเร็วกว่านี้หน่อยคงจะดีไม่น้อย เพราะระยะทางจากที่นี่ถึงค่ายน้อยกว่าสิบกิโลเมตรเท่านั้น!
ผู้ชมต่างรู้สึกร้อนรน ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นกลับไม่เร่งรีบเท่าที่ควร
เธอเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าและสบายใจเฉิบ
ชาวเน็ตต่างนึกถึงการใช้พละกำลังจากพลังดวงดาวเท่านั้น พวกเขาลืมไปว่าเครื่องจักรกลเองก็มีโหมดต่อสู้เช่นกัน
เมื่อเธอพบเข้ากับปลาหมึกยักษ์อีกครั้ง สวี่หลิงอวิ๋นก็ใช้พลังจิตของเธอมุ่งเป้าไปยังปลาหมึกยักษ์
“บางทีพวกคุณอาจจะไม่รู้ว่าฉันมีพลังเหนือธรรมชาติแบบนี้แม้กระทั่งในวันสิ้นโลก พลังนั้นเรียกว่าพลังที่ไร้ขีดจำกัด!” สวี่หลิงอวิ๋นยกยิ้ม ขณะจ้องมองปลาหมึกยักษ์เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้
ปลาหมึกยักษ์มาแล้ว!
ผู้ชมครุ่นคิดในใจอย่างเงียบ ๆ
สวี่หลิงอวิ๋นยังคงยืนหยัดและเปิดใช้โหมดการต่อสู้
ปลาหมึกยักษ์กำลังใช้หนวดของมันปาดเข้ามาที่เธอ ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นกลับคว้าหนวดของมันเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว จากนั้น…
ก็ดึงมันอย่างแรงและโยนมันขึ้นไปบนฟ้า!
บนฟ้า!
ฟ้า!
ชาวเน็ตทั้งหลายกำลังตกตะลึง!
เธอคือใคร! ทั้งขับเคลื่อนเครื่องจักรกลและโยนปลาหมึกยักษ์ขึ้นไปได้! และไม่ได้ใช้พลังดวงดาวมาช่วยด้วยซ้ำ!
เธอทำทั้งหมดนี้ด้วยพละกำลังของเธอเอง!
ความแข็งแกร่งของเครื่องจักรกลขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้ขับเคลื่อน โดยทั่วไปแล้ว การขับเคลื่อนแบบนี้ต้องใช้พละกำลังกว่า 50 เท่าจากปกติ และนี่อธิบายได้ว่าอย่างไร?!
นั่นหมายความว่าสวี่หลิงอวิ๋นมีพละกำลังที่แข็งแกร่งมาก!
“นี่คือการต่อสู้แบบประชิดตัว!” ปลาหมึกยักษ์ที่ตกลงมาจากฟากฟ้ายังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง และยังโดนสวี่หลิงอวิ๋นเตะสวนกลับไปลงหลุม!
ชาวเน็ตทั้งหลายยังคงมึนงง
ทุกคนยกมือปิดปากพร้อมกัน ขณะจ้องมองการเคลื่อนไหวของสวี่หลิงอวิ๋น
“เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้ว่ากบในกะลามันเป็นยังไง!” ชาวเน็ตโพล่งขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะหันมองพ่อของเขาที่อยู่ข้าง ๆ “ในโรงเรียนของท่านมีคนแบบเธออีกไหม?”
“แน่นอนว่าไม่! ไม่อย่างนั้นพ่อจะมองเห็นด้านดีขององค์หญิงสามได้เหรอ?” แกลลาเกอร์ เบลซ คณบดีสถาบันการทหารของจักรวรรดิ และเป็นหัวหน้าหน่วยรบพิเศษรู้สึกพึงพอใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า
แม้แต่คณบดีกองบัญชาการยังต้องการตัวเธอเหรอ? ฮึ่ม! อย่าดูแค่ความสามารถของเธอเลย!
“พ่อครับ ท่านเป็นคนเก่งกาจ! แต่ดูเหมือนว่านิสัยขององค์หญิงสามจะไม่ดีนักนะครับ ถ้าท่านยอมรับเธอ ไม่กลัวว่าจะถูกพาดพิงเหรอครับ?”
“โอ้! อย่าบอกใครนะว่าแกเป็นลูกของพ่อตอนออกไปข้างนอกล่ะ!” แกลลาเกอร์ตบไหล่ลูกชายเบา ๆ หลอมเหล็กให้มันเป็นเหล็กกล้า “มีแค่คนชั่วร้ายเท่านั้นที่บอกว่าตัวเองเป็นคนดี องค์หญิงสามคนนี้เป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุดในราชวงศ์แล้ว ไม่อย่างนั้นข่าวจะปลิวว่อนขนาดนี้ได้ยังไง?”
“ว่ากันว่าพระราชาโปรดปรานองค์หญิงสามมากที่สุด แล้วข่าวแบบนั้นจะแพร่กระจายออกมาได้ยังไงครับ?” เบลซน้อยถามด้วยความสงสัย
“เอาล่ะ เพื่อเป็นการปกป้ององค์หญิงสาม!” คณบดีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตอนที่องค์หญิงสามถือกำเนิด ผู้พยากรณ์ได้ทำนายไว้ว่าเธอจะเป็นคนมากอบกู้จักรวรรดิ และในเวลานั้นผู้คนทั้งหลายก็เริ่มคาดหวังในตัวเธอ”
“แต่เมื่อองค์ชายหนึ่งและองค์ชายสองโตขึ้น พวกเขากลับฝักใฝ่ในการแย่งชิงอำนาจ หากชื่อเสียงขององค์หญิงสามยังดีงามอยู่แบบนี้ ลูกคิดว่าองค์ชายทั้งสองจะรับมือไหวไหมล่ะ?”
เบลซน้อยยังคงนั่งเงียบ ขณะมองดูผู้หญิงในวิดีโอ ก่อนจะถอนหายใจ “เป็นอย่างนั้นเอง แต่ยังไงผมก็คิดว่าองค์หญิงสามเป็นคนไม่ดี!”
“ลูกยังเด็ก ยังมองคนและสิ่งของแค่ภายนอกอยู่ พ่อจะบอกลูกให้ ลูกจะได้คอยระมัดระวังตัวเองในอนาคต” แกลลาเกอร์โยกศีรษะเขาไปมาและพูดเตือนเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อืม!”
สวี่หลิงอวิ๋นเคลื่อนตัวไปตามเส้นทาง หญิงสาวต่อสู้ตลอดทางและเคลื่อนตัวไปจนสุดทาง ระหว่างทาง เธอจัดการพวกมันไปอีกสามสิบหรือห้าสิบตัวโดยประมาณ และเก็บเศษซากของพวกมันไว้ในปุ่มมิติกักเก็บ เพราะเธอสัญญาว่าจะทำบาร์บีคิวให้ต้าไป๋ในคืนนี้ ทว่ายังไม่ได้นัดหมายกับมัน
เวลานี้ต้าไป๋กำลังกินอาหารและพักผ่อนหย่อนใจอยู่ในค่าย!
ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีเสียจริง อยากกินเท่าไหร่ก็ได้ อยากกินอะไรก็ได้กิน และทันทีที่มันรู้สึกอิ่ม มันก็ทำเพียงถ่ายของเสียออกมา กองอึนี้ออกมาอย่างง่ายดายและอยู่ห่างจากค่ายทหารเพียงสองร้อยเมตรเท่านั้น แม้ว่าอากาศโดยรอบค่ายทหารจะมีกลิ่นเหม็นอยู่บ้าง แต่มันก็ช่วยทำให้เหล่าปลาหมึกยักษ์ลังเลที่จะเข้ามาใกล้ และทำได้เพียงมองดูพวกเขาจากระยะไกล
“หืม…นี่มันอะไรกัน?” สวี่หลิงอวิ๋นมองดูของเหลวสีดำที่ไหลออกมาจากรอยแตกบนพื้นอย่างกะทันหัน
“โอ้! ท่านนั่นเอง! เป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ!”
หลังจากสวี่หลิงอวิ๋นเติมของใส่ถังขนาดใหญ่จนเต็ม จากนั้นจึงจากไปอย่างน่าเสียดาย
เหล่าทหารถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้ว่าทหารบางคนจะออกไปสู้รบกับปลาหมึกยักษ์ แต่ทหารที่มีพลังระดับ 6 ดาวกำลังต่อสู้อยู่บริเวณกองอึเหล่านั้น นี่คือพลังดวงดาวที่ใช้ต่อสู้ได้จริง!