ตอนที่ 64 ศึกใหญ่ขององค์หญิงสามในแผนกเกษตรกรรม 9
หลังจากกำหนดหัวหน้าของแต่ละชั้นแล้ว จะมีการแข่งขันระดับหัวหน้าของทั้งสถาบัน
จากนั้นจึงจะเป็นการต่อสู้กับจักรวรรดิทั้งหมด หัวหน้าสถาบันจะต้องทำการต่อสู้กันระหว่างจักรวรรดิ
หัวหน้าที่เป็นอันดับหนึ่งจะกลายเป็นผู้นำในอนาคต
มีคำกล่าวไว้ว่า…ครูบาอาจารย์เปรียบดั่งสายน้ำไหลฉันใด หัวหน้าก็เปรียบเหมือนเหล็กกล้าฉันนั้น
คำว่าหัวหน้าจะติดตัวไปตลอดชีพ หลังจากจบการศึกษาแล้ว เหล่านักเรียนทั้งหลายจะปฏิบัติตามหัวหน้าของตนเอง และเมื่อครั้งพวกเขาพบปะกันในอนาคต เหล่านักเรียนธรรมดานี้จะต้องให้ความเคารพแก่ผู้เป็นหัวหน้า
ตั้งแต่การเริ่มต้นในชั้นปีแรก สงครามการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าจะเริ่มต้นขึ้น ‘หัวหน้า’ คำนี้เป็นคำที่กำหนดความสำเร็จในอนาคตของพวกเขาโดยตรง! จะไม่มีใครยอมใคร!
ลุค จาเรด จากกองบัญชาการก็เตรียมพร้อมสำหรับการประลองในครั้งนี้เช่นกัน เขาจัดเป็นผู้ชายที่มีดัชนีการสู้รบสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในกองบัญชาการ และมีสิทธิ์สูงที่จะได้เป็นหัวหน้า
“ลุค นายเอาชนะได้แน่นอน!” ผู้ติดตามของลุคมองดูเขานั่งนิ่งเงียบขณะปรับพลังดวงดาวของเขาเอง ด้านข้างของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยปลาหมึกกระป๋องจำนวนมาก สิ่งนี้คือของที่ผู้ติดตามและครอบครัวของเขาซื้อมาให้ โดยหวังว่าเขาจะคว้าตำแหน่งหัวหน้าอันดับสูงสุดมาให้ได้ และได้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าจริง ๆ
ตอนนี้เขาจะอยู่ในระดับ 6 ดาวแล้ว และก็มีผู้คนเพียงไม่กี่คนในระดับชั้นเดียวกันกับเขาที่เลื่อนขั้นมาถึงระดับ 6 ดาว เว้นแต่ว่าจะถูกจับคู่ให้แข่งกับองค์หญิงสาม เขามั่นใจว่าเธอจะหาที่เปรียบไม่ได้
“เยี่ยมเลย! ฉันได้ยินข่าวมาว่าองค์หญิงสามจะไม่เข้ากองบัญชาการและกองบัญชาการรบของเรา นั่นหมายความว่าองค์หญิงสามจะไม่เข้าร่วมกันแข่งกันประลองชิงตำแหน่งหัวหน้า!”
ถึงแม้ว่าผู้ติดตามทั้งหลายจะมั่นใจว่าลุคจะกลายเป็นผู้สมัครคนสำคัญที่สมบูรณ์แบบ ทว่าพวกเขาก็ยังคงให้ความสำคัญกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ดี หากองค์หญิงสามเข้าร่วม ทิศทางกระแสในกองบัญชาการจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยผู้คนจำนวนมากก็เลือกที่จะภักดีต่อองค์หญิงสาม
ผู้ติดตามทั้งหลายต่างถอนหายใจ
ไม่เพียงแต่กองบัญชาการ แต่กองบัญชาการรบ วิทยาลัยเทคนิค แผนกซ่อมบำรุงเครื่องจักรกล แผนกสนับสนุนการขนส่ง…และอื่น ๆ ทุกคนในแผนกเหล่านี้ต่างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
หากปราศจากจอมยุทธ์ในการท้าประลองคงจะเสียเรื่องน่าดู การช่วงชิงตำแหน่งหัวหน้าก็คงวนเวียนอยู่ในกองบัญชาการกับกองบัญชาการรบ
ลุค จาเรดบีบอัดดาบเลเซอร์ในมือของตัวเองและถือมันไว้ในฝ่ามือ “แล้วถ้าองค์หญิงสามเข้าร่วมล่ะ? จะต้องไต่เต้าไปถึงจุดสูงสุด! และฉัน ลุคคนนี้จะแพ้ไม่ได้!”
“ใช่ครับ! ท่านลุคจะแพ้ไม่ได้ นอกจากนี้ มีคำพูดว่าองค์หญิงสามแข็งแกร่งในการต่อสู้ก็จริง ทว่าความสามารถในการขับเคลื่อนเครื่องจักรกลของเธอจะเทียบกันกับท่านลุคของเราได้ยังไง? เธอจะนำพาแผนกเกษตรกรรมคว้าชัยชนะจากกองบัญชาการของเราได้เหรอ? ล้อกันเล่นกันหรือเปล่า!”
ถูกต้อง…นอกจากนี้การแข่งขันของผู้ประลองที่แย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าในแผนกต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับความสามารถที่ครอบคลุมของแต่ละบุคคล สำหรับการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าในทุกช่วงชั้น และทั้งสถาบันนั้นจะต้องนำผู้ติดตามทั้งหลายไปทำการท้าประลองกับอีกฝ่าย และผู้ชนะจะกลายเป็นหัวหน้าในทันที
นี่คือสาเหตุว่าทำไมหัวหน้าส่วนใหญ่ล้วนมาจากกองบัญชาการและกองบัญชาการรบ
ในด้านของพละกำลังการต่อสู้ที่เหนือกว่า แผนกทั้งสองแผนกนี้มีความสามารถโดยรวมที่แข็งแกร่งที่สุด หัวหน้าจะมาจากไหน หากไม่ใช่จากสองแผนกนี้?!
หากสวี่หลิงอวิ๋นอยู่ในสองแผนกนี้ เธอจะกลายเป็นหัวหน้าอย่างแน่นอน แต่เธอกลับเข้าร่วมแผนกเกษตรกรรม…
โธ่…แม้แต่บุคคลที่อัจฉริยะที่สุด ก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าเธอจะนำพากลุ่มคนขี้แพ้พวกนั้นต่อสู้ไปยันวินาทีสุดท้ายและคว้าตำแหน่งหัวหน้าได้อย่างไร?
มันคือการปลูกดอกไม้และเก็บหญ้าหรือเปล่า?
ทุกคนต่างหัวเราะเยาะเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
องค์หญิงสามเป็นอย่างที่ข่าวลือว่าไว้ ไม่เอาถ่าน ทำแต่เรื่องไร้สาระ
บรรดานักเรียนในแผนกเกษตรกรรมทั้งหลายต่างขมวดคิ้ว ถูกต้อง หากไม่มีพวกเขา องค์หญิงสามคงจะกลายเป็นหัวหน้าผู้สูงศักดิ์ แต่ว่าตอนนี้?
“รู้สึกผิดกับองค์หญิงสามจัง!” หญิงสาวที่แต่งหน้าจัดส่งเสียง ‘โธ่เอ๊ย’ ออกมาอย่างแผ่วเบา
“องค์หญิงสามน่าจะคิดเรื่องนี้มานานแล้ว เธอคงจะชื่นชอบการทำสวนเป็นชีวิตจิตใจ ใช่ไหม? แล้วทำไมเธอถึงโทษตัวเองล่ะ?
“แต่ว่าในกรณีนี้ องค์หญิงสามคือองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ เรายังต้องคำนับก้มหัวให้กับองค์หญิง และบุคลิกที่แสนเย่อหยิ่งปานนั้นขององค์หญิง พวกเธอคิดว่ามันจะเป็นไปได้ไหมล่ะ?”
นี่…คงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม? อย่างไรเสียเธอก็สามารถเอาชนะหัวหน้าได้
นักเรียนทั้งหลายในแผนกเกษตรกรรมเริ่มรำพึงถึงองค์หญิงสาม และเริ่มจินตนาการเรื่องราวหลังจากองค์หญิงสามเอาชนะหัวหน้าจนโดนอาจารย์และนักเรียนทั้งสถาบันทำโทษ จากนั้นเธอก็จะถูกไล่ออกจากสถาบันและกลับไปถ่ายทอดสดขายอาหารกระป๋องอีกครั้ง?
นี่คือภาพที่เกิดขึ้นราวกับพายุหมุนในหัวของเหล่านักเรียน และคำชื่นชมยินดีได้ปลิวว่อนหายออกไปหมด!
ในไม่ช้า การประลองแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าแห่งสถาบันการศึกษาทางทหารของจักรวรรดิได้กลายเป็นจุดสนใจของประชาชน
ศึกชิงตำแหน่งหัวหน้าในครั้งนี้คือศึกไอดอล!
ทุกคนต่างทำการประชาสัมพันธ์ผู้เข้าแข่งขันที่ตนเองชื่นชอบอย่างบ้าคลั่ง แม้กระทั่งลงขันบริจาคสิ่งของ ไปจนถึงการเรี่ยไรเงินเพื่อให้ไอดอลของพวกเขาไปซื้อเครื่องจักรกลรุ่นใหม่ล่าสุด โฟรตอนคอมพิวเตอร์ อาวุธและอีกมากมาย!
“ฮ่า ๆๆ! จู่ ๆ ฉันก็คิดได้ว่าการที่องค์หญิงสามไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้นั้นเป็นเพราะศักดิ์ศรีของเธอ เลยจึงรู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ที่ออกมาอย่างรวดเร็ว!”
“ความคิดเห็นข้างบนโง่หรือเปล่า? ใครกันบอกว่าองค์หญิงไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าได้? เธอแค่ไม่สามารถเอาชนะได้ต่างหาก!”
“ฮิฮิ องค์หญิงสามจะต้องคำนับตอนที่เจอหัวหน้า ภาพนั้นคงจะสวยน่าดู ถ้าฉันไม่ได้เห็น ฉันคงจะเสียใจไปตลอด!”
“ฮ่า ๆๆๆ! ใช่เลย! นี่คือเป็นครั้งแรกที่ราชวงศ์ไม่ได้เป็นหัวหน้า? อ๊ะ นี่ฉันไม่รู้เลยว่าองค์หญิงสามจะยอมรับโชคชะตาหรือตัดสินใจที่จะต่อสู้?”
“ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของฉันถึงเต้นรัวขนาดนี้ ไม่มั่นคงเอาซะเลย รับรู้ได้ถึงความเลิศขององค์หญิงสาม ถ้าเกิดว่าเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง แล้วจะเรียกเธอว่าองค์หญิงสามได้ยังไง?!”
“รู้สึกเหมือนกัน!”
“ความคิดเห็นบนคิดเยอะเกินไปแล้ว!”
“รอองค์หญิงสามมาตบหน้าแกก่อนเถอะ!”
………
โพสต์บนอินเทอร์เน็ตมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ การสนับสนุนของประชากรที่มีต่อเหล่าไอดอลที่เข้าร่วมศึกชิงชัยตำแหน่งหัวหน้าในปีนี้นั้นค่อนข้างมีจำนวนน้อยลง เนื่องจากความสนใจส่วนใหญ่ตกไปอยู่ที่องค์หญิงสาม!
คุณถามองค์หญิงสามก่อนว่าเธอเต็มใจหรือไม่?
แต่ก่อนที่องค์หญิงสามจะพูดอะไรออกไป เหล่านักเรียนทั้งหลายจากแผนกเกษตรกรรมของสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิกลับรู้สึกไร้ความเชื่อมั่น! พวกเขาจึงซื้อป้ายประกาศขนาดใหญ่ และจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อติดป้ายประกาศนี้ไว้บริเวณทางเข้าของสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิ
องค์หญิงสามจากแผนกเกษตรกรรมต้องชนะ! หัวหน้าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าหญิงทั้งสาม!
ชาวเน็ตทั้งหลายมองดูแล้วหัวเราะเยาะ!
“นี่คือเสียงร้องคำรามที่ไม่สมัครใจจากพวกขี้แพ้หรือเปล่า?”
“ขำจะตายแล้ว! พวกขี้แพ้กลุ่มหนึ่งกำลังฝากความหวังไว้กับคนที่ไม่เคยชนะอะนะ? ไม่ตลกไปหน่อยหรือไง?”
“ต้องบอกว่าองค์หญิงสามยอดเยี่ยมมาก แต่การเป็นหัวหน้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับความดีเลิศส่วนตัวเท่านั้น มันยังขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้ติดตามด้วย”
“ใช่ องค์หญิงสามน่าสงสารจัง!”
……….
คำพูดเยาะเย้ยของชาวเน็ตทั้งหลายเปรียบเสมือนมีดแหลมคมที่แทงเข้ากลางอกนักเรียนแผนกเกษตรกรรม และเอาเกลือทาบนแผลซ้ำ!
แม้แต่พวกเขายังคิดทบทวนว่าพวกเขาไร้ประโยชน์หรืออย่างไร? ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา องค์หญิงสามอาจจะไปได้ไกลกว่านี้หรือเปล่า?!