ตอนที่ 72 การต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งหัวหน้า 5
คณบดีแกลลาเกอร์และคณบดีเบลกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หากพวกเขาใช้ห้องโดยสารสำหรับเครื่องจักรกลเสมือนจริงล่ะ? จะก่อเรื่องอะไรหรือไม่?!
ล้อกันเล่นหรือไง!
ไม่น่าแปลกใจที่องค์หญิงผู้สูงส่งผู้นี้จะตัดสินใจเข้าร่วมการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งหัวหน้า ถึงแม้ว่าองค์หญิงสามจะเก่งกาจ แต่กลุ่มคนขี้แพ้พวกนี้จะพัฒนาขึ้นได้อย่างไร? ลืมมันไปเสียเถอะ! ถือว่าให้ความหวังเล็กน้อยแก่พวกเขาแล้วกัน แม้ว่าในตอนท้ายที่สุดพวกเขาจะไม่ชนะ แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้พวกเขาขุ่นเคืองสำหรับการผูกขาดทรัพยากร และยังเป็นการแสดงน้ำใจ
ดังนั้นทั้งสองจึงพยักหน้า
สวี่หลิงอวิ๋นยิ้ม
ทว่าเพื่อนร่วมชั้นกลับคิดไม่ตก!
เหตุใดอาหารอันแสนเอร็ดอร่อยนี้จึงถูกใช้แลกเปลี่ยนกับสิทธิ์การใช้ห้องโดยสารเครื่องจักรกลเสมือนจริง? พวกเขาจะไม่ทำให้ทรัพยากรเสียเปล่าเหรอ?
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองไปที่เพื่อนร่วมชั้นทั้งหลายที่ยังคงมองดูปลาหมึก และกล่าวขึ้นอย่างโกรธเกี้ยว “ฉันอยู่ตรงหน้าพวกเธอแล้ว ยังกลัวว่าไม่มีจะกินอีกหรือไง? ไร้ประโยชน์จริง ๆ เลย!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นออกมา นักเรียนทั้งหลายต่างรู้สึกปีติยินดี! ใช่แล้ว…มีองค์หญิงสามอยู่เคียงข้าง จะไม่มีจะกินได้อย่างไร?!
คณบดีแกลลาเกอร์กับคณบดีเบลก รวมถึงอาจารย์ทั้งหลายกลับรู้สึกโศกเศร้า!
ในตอนแรกพวกเขามีความสุขที่ได้ลิ้มรสอาหารอันแสนอร่อย ทว่าตอนนี้…อนิจจัง พวกเขากลับต้องมารู้สึกอิจฉาริษยานักเรียนพวกนี้! โดยเฉพาะอย่างยิ่งราลีย์! ผู้ซึ่งเป็นคณบดีขององค์หญิงสาม เขาจะไม่มีจะกินได้อย่างไร?
คณบดีคิดแบบนั้นเช่นกัน ขณะมองดูเหล่าอาจารย์จากแผนกอื่นอย่างเย่อหยิ่ง ก่อนจะตะโกนออกมาเสียงก้องว่า “อุ๊บ กินเยอะ ๆ กินเยอะ ๆ ล่ะ ยังไงพวกเราก็กินไม่หมดอยู่แล้ว อย่าทิ้งเสียของนะ! ถึงอาหารจะเหลือน้อย แต่มันก็ค่อนข้างสดใช่ไหม?!”
พูดแบบนี้ หรือจะเอา!
อาจารย์ทั้งหลายโกรธจัดจนใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่เมื่ออาหารเข้าไปอยู่ในปาก คำพูดของราลีย์ก็เป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านไปเท่านั้น นายพูดว่าอะไรนะ? ไม่เห็นจะเข้าใจ!
อร่อยมาก!
พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นหมูและเริ่มกินเข้าไปจนเต็มปาก โดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนเองอีกต่อไป
ชาวเน็ตทั้งหลายยังคงโศกเศร้า
คณบดีแกลลาเกอร์ที่กำลังก้มหน้าก้มตากิน จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงพลังดวงดาวของตัวเองที่กำลังสั่นไหว เขารู้สึกราวกับว่าพลังดวงดาวของเขากำลังอัปเกรด!
ปลื้มปริ่มเสียจริง!
เขาติดอยู่ในระดับ 6 ดาวมาหลายปี ถึงแม้ว่านักเรียนของตัวเองจะอยู่ในระดับ 7 หรือ 8 ดาว ทว่าตัวอาจารย์อย่างเขากลับมีพลังดวงดาวแค่ 6 ดาวเท่านั้น นั่นทำให้แกลลาเกอร์อับอายเป็นอย่างมาก
ในที่สุดก็มีการเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างไม่คาดคิดในวันนี้!
เขาเริ่มกินมากขึ้น!
ทว่าคณบดีเบลกกลับไม่ให้โอกาสเขา! ก่อนจะเรียกหาเหล่าอาจารย์ให้มาแบกคณบดีแกลลาเกอร์ออกไป เหวี่ยงเขาออกไปไกล จากนั้นจึงกลับมานั่งกินอาหารต่อ
คณบดีแกลลาเกอร์รู้สึกเศร้าใจ ขณะพยายามอย่างหนักเพื่อให้พลังดวงดาวของเขาสงบลง และทำให้การเลื่อนขั้นของพลังดวงดาวมั่นคงมากขึ้น เพียงแต่จิตใจของตัวเองก็ยังคงวิตกกังวลอยู่ จึงได้แต่สงสัยว่าเจ้าคนสารเลวพวกนั้นกินปลาหมึกไปหมดแล้วหรือยัง?!
หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป คณบดีแกลลาเกอร์ก็ได้เลื่อนขั้นพลังดวงดาวของตัวเองสำเร็จ เขาไม่ได้แสดงท่าทีมีความสุขหรือแบ่งปันความสุขนี้ให้แก่ครอบครัว ทว่ากลับวิ่งกลับไปที่หม้อเพื่อดูมีอะไรเหลืออยู่บ้างหรือไม่…
ไม่มี! ไม่เหลืออะไรเลย!
ไม่มีแม้แต่น้ำซุปหนึ่งหยดเหลือให้เขา!
คณบดีเบลกและเหล่าอาจารย์ทั้งหลายกลับไปนานแล้ว
สวี่หลิงอวิ๋นกระแอมเบา ๆ “เอ่อ คณบดีเบลก ถ้าท่านไม่ถือสาอะไร ฉันเอาเครื่องจักรกลของฉันไปจอดได้ไหมคะ?!”
“ไม่มีแล้ว! หายไปหมดเลย!” คณบดีเบลกพึมพำกับตนเองอย่างสิ้นหวัง ดวงตาของเขาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ราวกับประสบโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดในโลก และเขาไม่สามารถทำใจยอมรับมันได้
ภาพลักษณ์ตรงหน้าทำให้ผู้คนที่ได้ยินรู้สึกเศร้า ทำให้ผู้ได้พบเห็นเสียน้ำตา
ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าสมเพชเช่นนี้ ทำให้คณบดีราลีย์ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน เขาก็ยื่นมือออกไปหาคณบดีแกลลาเกอร์ พร้อมกับชิ้นปลาหมึกที่เก็บมันไว้ในชามของตนเอง และป้อนมันเข้าไปในปากของคนตรงหน้า “โอ้ ฉันมีเหลือไม่มากแล้ว นั่นมัน…เอิ๊ก! หนึ่งชิ้น!”
คณบดีแกลลาเกอร์มองดูราลีย์ด้วยทั้งน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา ในขณะนี้เขารู้สึกได้ว่าคณบดีราลีย์ใจดีมากและน่ารักอย่างเหลือล้น น่ารักกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับคณบดีเบลกจอมเจ้าเล่ห์!
“ฮือ ๆๆ! นายเป็นคนดีมาก! งั่ม ๆ อร่อยมาก! จากนี้ไปนายจะเป็นลูกพี่ของฉัน พูดอะไรหน่อยสิ!”
คณบดีราลีย์ตบไหล่เขา “กินซะกิน! เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”
ชาวเน็ตทั้งหลายเคยเห็นคณบดีแกลลาเกอร์ผู้ชั่วร้ายมีด้านแบบนี้เสียที่ไหน? ความน่ารักของเขาถูกดึงออกมาเพราะอาหารที่แสนอร่อยเหรอ? ถึงขนาดถือเป็นพี่เป็นน้องกับคณบดีค่ายกักกันขยะเชียวหรือไง?!
คณบดีแกลลาเกอร์กินอาหารที่อยู่ในปากจนหมดเกลี้ยง ทว่ากลับยังไม่ค่อยอิ่ม เขาจึงหันไปมององค์หญิงสาม โดยอยากจะถามว่าเธอสามารถแบ่งอาหารให้เขาได้ไหมถ้าเธอทำมันอีกครั้งในภายหลัง ทว่ากลับรู้สึกเกรงใจ!
สวี่หลิงอวิ๋ยยกยิ้มมุมปาก “คณบดีแกลลาเกอร์ ปลาหมึกอร่อยไหมคะ?”
“อร่อย! อร่อย!” คณบดีแกลลาเกอร์พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ผมไม่เคยกินของที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลยครับ!”
“แล้วท่านจะยังอยากกินมันในอนาคตอีกไหมคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับปีศาจร้ายกำลังล่อลวงยูดาสด้วยการบรรยายฉากที่งดงามราวกับสรวงสวรรค์
คณบดีแกลลาเกอร์ นักชิมคนนี้จะต้านทานสิ่งล่อตาล่อใจเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาพยักหน้าราวกับไก่กำลังจิกข้าว “คิดมาเลยครับ องค์หญิงสาม ท่านบอกมาเลยว่าต้องการให้ผมทำอะไร?”
คณบดีแกลลาเกอร์ดีใจเรื่องอาหารจนเสียสติ และรู้ว่าสวี่หลิงอวิ๋นเต็มใจจะมอบอาหารให้แก่เขา
ว่าแต่มีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า? ไม่ต้องกลัว! เขาเองก็เป็นตาเฒ่าผู้ชั่วร้ายที่มีจุดประสงค์ต่อคนอื่นไม่ใช่เหรอ? ถ้ามีจุดประสงค์อื่นจะดีมาก! เพราะอย่างน้อยเขาก็ได้ลิ้มรสอาหารที่แสนอร่อย!
เมื่อเวลานั้นมาถึงคณบดีเบลกสารเลวนั่นจะต้องหิวโหยจนตาย!
“ใช่แล้วค่ะ ฉันต้องการให้ท่านสอนวิธีการขับขี่เครื่องจักรกลให้แก่นักเรียนแผนกเกษตรกรรมของเรา ท่านก็รู้ว่าพวกเขาอยู่ในระดับเริ่มต้น ดังนั้นพวกเขาต้องการผู้เชี่ยวชาญแบบท่านในการฝึกสอนทักษะต่าง ๆ”
“ได้ครับ!” ปรากฏว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น! แน่นอน! คณบดีแกลลาเกอร์จึงตอบตกลงด้วยความเต็มใจ “แจ้งให้ผมทราบทันทีที่ท่านพานักเรียนเหล่านี้ไปที่ห้องโดยสารเครื่องจักรกลเสมือนจริง แล้วผมจะไปสอนให้ครับ”
“อ๊ะ เยี่ยมไปเลย! ตกลงตามนี้แล้วกัน!” สวี่หลิงอวิ๋นปรบมือ “แล้วก็ ฉันยังมีมันเทศหวานย่างเหลืออยู่ ท่านลองเอากลับไปชิมสิคะ!”
“ได้ครับ! โอ้ ผมอยากจะบอกว่าองค์หญิงสามเป็นเด็กดีมากเลยครับ เธอเคารพให้เกียรติครูบาอาจารย์ เป็นเด็กดีจริง ๆ! รู้จักการมอบขนมให้อาจารย์ด้วย!”
คณบดีแกลลาเกอร์รับมันเทศหวานมาอย่างมีความสุข ลิ้มลองรสชาติของมัน พระเจ้า! รสชาติของมันหวานมาก! แถมยังอร่อยอีกด้วย!
ของหวานเป็นรสชาติแห่งความสุขที่ผู้คนในจักรวรรดิชิงเหย้าไม่อาจต้านทานได้ ความรู้สึกนี้ทำให้จิตวิญญาณของเขาสูงขึ้น! มันจึงทำให้เขาได้รับรู้ว่าความสุขและความอร่อยคืออะไร!
เพื่อนร่วมชั้นทั้งหลายต่างรู้สึกเสียใจเล็กน้อยว่า ทำไมพวกเขาถึงกินจนอิ่มขนาดนี้ ขณะลูบท้องไปมา พวกเขาไม่สามารถกินได้อีกต่อไปแล้ว! อนิจจัง แต่ทำไมยังต้องการมันเทศหวานอยู่อีกล่ะ ควรจะทำอย่างไรดี?!
สวี่หลิงอวิ๋นยื่นมันเทศหวานออกไป “อยากกินไหม?”
“อยากกิน!” เพื่อนร่วมชั้นต่างมองไปที่มันอย่างกระตือรือร้นและพยักหน้า
“ถ้าพวกเธออยากกินมัน ง่ายแค่นิดเดียว ใครก็ตามที่มีพลังดวงดาวถึง 3 ดาวแล้ว จะได้มันเทศหวานเป็นรางวัลในวันนี้ แต่ใครที่ยังไม่ถึงสามดาว ให้ไปที่ห้องแรงโน้มถ่วงและจัดเรียงพลังดาวของพวกเธอซะ”